เซย์นอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “เธอรู้ได้ยังไง?”“เพราะว่าผมเป็นแฮกเกอร์ไง” เจนสันตอบเซย์นรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ “นี่เธอต้องล่วงละเมิดระบบทางกฎหมายหลายส่วนเลยที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลตัวตนของพวกเขาได้เนี่ย เจนสัน เรื่องที่เธอทำอยู่มันละเมิด…”เจนสันมองเขาอย่างแข็งกร้าว “ลุงมีหลักฐานไหมครับ?”เมื่อเห็นท่าทางเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเจนสัน เซย์นก็รู้สึกผ่อนคลายลงได้เยอะ“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร” เซย์นพยักหน้าเจย์ขมวดคิ้วไตร่ตรอง เขานั้นเห็นแก่ตัวอย่างมากเรื่องการปกป้องข้อบกพร่องและก็ลังเลที่จะให้ลูกกับภรรยาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขาก็มีความคิดร้ายกาจบางอย่างผุดขึ้นมา“เอาข้อมูลของทั้งหกคนนี้ให้หน่วยข่าวกรอง เราจะช่วยพวกเขาทำงานแล้วพวกเขาจะช่วยเราหาตัวคนพวกนี้ นี่น่าจะเป็นการดีกับทั้งสองฝ่าย”เจนสันยิ้มและบอกว่า “ความคิดดีมากครับ”เซย์นยืนอยู่ด้านข้างฟังการสนทนาของพ่อลูกแสนเจ้าเล่ห์ เขาก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาเขายอมไปล่วงเกินเทพแห่งความตายเสียยังดีกว่ามามีเรื่องกับปีศาจในร่างมนุษย์พวกนี้ในส่วนทีมภูตผีนั้น พวกเขากลับมาตอนเย็นพวกเขากลับมาพร้อมกับชายสกปรก เสื้อผ้ารุงรังท่าทางไม่ต่างจากค
แองเจลีนผู้ที่ในที่สุดได้หลุดพ้นจากการคุมอาหารเข้มงวดของเจย์ เธออ้อนวอนขอให้ป้าแม่ครัวทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เธอ แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะโดนเจย์ถามเร็วขนาดนี้โชคดีที่แองเจลีนหัวไว เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงปกติว่า “บะหมี่ไก่แล้วก็ใส่เห็ดนิดหน่อยค่ะ”เพราะเธอกลัวว่าเจย์จะสงสัย เธอเลยพูดต่อว่า “มันมีไก่สับ เห็ด แล้วก็ผักอื่น ๆ ด้วย อร่อยมากเลยค่ะ แล้วฉันก็ทานหมดชามเร็วมาก”เจย์พยักหน้า “ดีแล้วที่ได้ยินแบบนั้น”เจย์ถามแองเจลีนเรื่องเสื้อผ้า อาหาร และตารางเวลาการนอนอย่างละเอียด แองเจลีนก็ตอบทุกข้อได้อย่างไม่ติดขัด จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดจาหวานแหววออดอ้อนกัน“เธอคิดถึงฉันหรือยัง?” จู่ ๆ เจย์ก็โพล่งถามขึ้นมาโจเซฟินที่ยืนฟังอยู่ด้านข้าง รู้สึกหนาวเยือกไปทั้งหลังเมื่อเธอได้ยินคำพวกนั้น “พี่ใหญ่ พี่เพิ่งไปได้วันเดียวเอง แค่วันเดียวเองนะ”แองเจลีนพยักหน้าพร้อมน้ำตา “คิดถึงสิคะ ฉันคิดถึงคุณมากเลย” มันดูเหมือนว่าเธอคิดถึงเขาจากก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆโจเซฟินหมดคำจะพูดแและเธอหยิบหมอนขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้เจย์ตอบ “อืม ฉันจะกลับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”“ได้ค่ะ”โจเซฟินประท้วงอย่างกระฟัดกระเฟีย
โจเซฟินชำเลืองไปที่ห้องนั่งรอและเห็นว่าคนในห้องวีไอพีนั้นน้อยลงแล้ว บรรดาสมาชิกครอบครัวต่างก็เข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยในห้องพักผู้ป่วยกันหมดแล้วโจเซฟินเองก็ไม่อยากให้แองเจลีนรู้สึกไม่ดี ดังนั้นเธอจึงรับคำ “พี่แองเจลีน งั้นเดี๋ยวฉันกลับมานะ พี่ต้องรอฉันอยู่ตรงนี้แหละ”“ไปเถอะ”โจเซฟินรีบพุ่งตัวไปด้วยความเร็วแสง แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาแองเจลีนก็รู้สึกว่ามีมือคู่หนึ่งมาจับที่ด้านหลังของเก้าอี้รถเข็นของเธอ“นั่นใครน่ะ?” แองเจลีนถามอย่างระแวดระวัง“พี่สาว” เสียงพูดเบา ๆ แต่แฝงน้ำเสียงมุ่งร้ายดังขึ้นมา“เซร่าเหรอ?”เสียงของเซร่าลอยเข้าหูแองเจลีนดุจดั่งเสียงวิญญาณล่องลอย “บังเอิญจังเลยนะพี่สาว เรามาเจอกันอีกแล้ว”“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”“ต้องขอบคุณยัยโง่โจเซฟีนที่ให้บัตรวีไอพีกับแม่ฉัน ฉันเลยเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียได้อย่างไม่มีปัญหา”แองเจลีนจึงได้รู้ว่าเซร่าเข้ามารักษาในโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียภายใต้ชื่อของโจเซฟีน“ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ? เธออัมพาตกินตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยไม่ใช่เหรอ? จุ๊ จุ๊ ฉันล่ะสงสารเธอจริง ๆ แค่จะดูแลตัวเองเธอยังทำไม่ได้ แล้วใครที่มันจะโชคร้ายต้อง
ที่สวนไร้กังวลตอนเวลาห้าทุ่มแม่บ้านกลับไปแล้วและในวิลล่าที่กว้างใหญ่ก็มีเพียงโจเซฟีนและแองเจลีนอยู่ พวกเธอทั้งคู่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาแองเจลีนขดตัวอยู่ที่มุมโซฟา สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ราวกับว่าเธอกำลังเข้าห้วงสมาธิอยู่โจเซฟีนก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอและร้องไห้อย่างเงียบ ๆเมื่อประตูวิลล่าถูกผลักเปิดออก สายลมเย็นเยือกก็พัดเข้ามาในห้องนั่งเล่นเจย์ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าโจเซฟีนโดยไม่มีการบอกกล่าว เมื่อเธอเห็นเขา ความรู้สึกโทษตัวเองก็ที่แสดงออกทางสีหน้าเธอก็ยิ่งย่ำแย่ “ฉันขอโทษ”เมื่อเจย์เห็นว่าดวงตาของโจซี่แดงก่ำขนาดไหน เขาก็ลังเลที่จะต่อว่าเธอสายตาคมกล้าของเขาเลื่อนไปมองบนร่างของแองเจลีน และเขาก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันใด กระเป๋าเดินทางในมือเขาร่วงลงกองกับพื้นเขาเดินลากเท้าหนักอึ้งค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแองเจลีนแองเจลีนคิดว่าโจเซฟีนนั้นพูดขอโทษเธอ และเธอก็รู้สึกว่าโจซี่คงต้องรู้สึกหวาดกลัวเพราะเธออยู่แน่ ดังนั้นเธอจึงถอนใจและพูดอย่างโศกเศร้าว่า “โจซี่ อย่าโทษตัวเองเลย มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก”เจย์มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เขาฟังประโยคต่อไปของแองเจลีนเงียบ ๆแองเจลีนพูดต่ออย่างขมขื่น “วัน
โจเซฟีนรู้สึกเห็นด้วยอย่างมากและเริ่มที่จะพยักหน้าไม่หยุดเหมือนตุ๊กตาหัวสั่นหน้ารถเจย์จ้องโจเซฟีนอย่างเย็นชาจนเธอรีบก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็วเจย์พึมพำ “งั้น เธอต้องการยังไงล่ะ?”“ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” แองเจลีนบอก “จากนี้ไปคุณต้องทำเหมือนฉันเป็นคนปกติ”เจย์ “...”โจเซฟีน “...”“อาการทางประสาทก็ถือว่าเป็นอาการป่วยนะ” เจย์พูดเบา ๆ“มันก็แค่ภาวะโซมาติก ฉันรับมือได้ค่ะ” แองเจลีนพูดอย่างมุ่งมั่นเจย์รู้ดีเรื่องสภาวะอารมณ์ของแองเจลีน เมื่อเธอเริ่มรู้สึกโมโหก็เป็นการดีที่สุดที่จะยอมโอนอ่อนให้เธอ “โอเค ฉันรับปากเธอ แต่ตอนนี้ก็ดึกแล้วเธอน่าจะไปนอนไม่ใช่เหรอ?”แองเจลีนพยักหน้าแองเจลีนพูดกับโจเซฟีนว่า “โจซี่ คืนนี้นอนที่นี่นะ”โจเซฟีนหยิบกุญแจรถของตัวเองขึ้นมาแล้วเตรียมจะแอบหลบไปอย่างเร็ว “ฉันไม่อยากเป็นก้างของคู่แต่งงานใหม่หรอกค่ะ ฉันไม่กวนพวกพี่สองคนแล้ว บาย”จากนั้นเธอก็เหลือบมองเจย์อย่างขลาด ๆ ก่อนรีบเผ่นหนีไปแองเจลีนบอก “ดูสิว่าคุณทำโจซี่กลัวแค่ไหน”เจย์รู้สึกว่าโดนกล่าวหา “แหม ฉันก็ไม่ได้ดุอะไรเธอสักหน่อย”แองเจลีนรู้จักเขาดีเกินไป ดวงตาคมกล้าของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าคำดุด่าเสียอีก
หลังจากที่ล้มตรงขั้นบันไดเป็นครั้งที่เก้า แองเจลีนก็เหนื่อยมากจนหอบหายใจแรงเจย์เดินเข้ามาหาและกอดเธอไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรสักคำแองเจลีนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเจย์สั่นเทา เธอลูบผมสีดำหนาของเขาอย่างอ่อนโยน แองเจลีนยิ้มและปลอบเขาว่า “ไม่ต้องสงสารฉันหรอกนะเจย์บี้ ทุกอย่างตอนแรกก็ยากทั้งนั้นแหละ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวฉัน ตกลงไหม?”เจย์พยักหน้าแต่ก็เอ่ยอะไรออกมาไม่ได้ เขาเสียใจมากจนไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้สักคำแองเจลีนตกใจเล็กน้อย เธอถอนใจออกมาเบา ๆ “คุณอุ้มฉันไปที่โซฟาดีกว่าค่ะเจย์บี้”เจย์อุ้มเธอขึ้นและค่อย ๆ วางเธอลงบนโซฟา เขากลั้นสะอื้นเมื่อถามเธอว่า “เธอเหนื่อยไหมแองเจลีน?”แองเจลีนยิ้มและตอบ “ไม่เลยค่ะ”เจย์วางคางเขาไว้บนศีรษะของเธอ มือใหญ่ของเขาลูบหลังเธออย่างนุ่มนวล ลมหายใจของเธอไม่สม่ำเสมอเหมือนกับว่าเธอรู้สึกหายใจลำบาก เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน“ที่จริงฉันคิดว่าฉันโชคดีนะเจย์บี้ ลองคิดดูสิ โรคของฉันไม่ใช่อาการป่วยอะไรแล้วความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดที่มีก็แค่เกิดขึ้นในหัวฉัน”“มันจะอยู่แค่ในหัวเธอได้ยังไง? อาการเจ็บปวดทางกายที่เกิดจากระบบประสาทผิดปกติก็มีอยู่จริง เธอไม่ได้แค่มี
ตอนนี้เหลือความหวังเลือนลางแค่อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือความหวังที่ว่าพวกแก๊งในท้องถิ่นจะสามารถหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาให้ได้สามวันต่อมา ลูกสาวของหัวหน้าแก๊งในท้องถิ่นคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเจนสันในโรงแรมอย่างดุดันพร้อมทั้งกลุ่มของบอดี้การ์ด“ใครกันที่อยากเจอพ่อฉัน?” เด็กสาวคนนี้ดูอายุยังน้อยแต่เธอสวมแว่นกันแดดและริมฝีปากสีแดงสดก็คาบบุหรี่เอาไว้ แม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะดูสวยแต่มีท่าทางที่ดูนักเลงไม่เบามีกลุ่มบอดี้การ์ดเดินตามเธอมาด้านหลังเจนสันนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญนิ่ง ๆเซย์นนั้นปฏิบัติกับทุกคนที่มาเป็นแขก ดังนั้นเขาจึงถามอย่างกระตือรือร้น “ไม่ทราบว่าพ่อของคุณคือใครครับ?”“รอย คอมเรด”ตอนนั้นสตอร์มก็กระซิบกับเจนสัน “นายน้อย รอย คอมเรดคือหัวหน้าแก๊งในท้องถิ่นของประเทศเอส เขาเข้าไปอยู่ในกระทรวงพาณิชย์แต่จริง ๆ เขาแอบทำธุรกิจกับพวกนักเลงและพวกค้าของเถื่อน”สตอร์มอาศัยในประเทศเอสมาสามปี และเพื่อที่จะหาตัวร็อบบี้น้อยเขาก็ปลอมแปลงเป็นหลากหลายตัวตนรวมถึงการติดต่อกับพวกใหญ่ ๆ ในประเทศนี้มากมาย เขาจึงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของผู้มีอิทธิพลที่นี่เป็นอย่างดี
ร่างหล่อเหลาของเจนสันแข็งแกร่งขึ้นมาทันใดชื่อของปีศาจนั้นเป็นที่รู้จักกันดีครูคอร์นีเลียสจากสถาบันเยาวชนแห่งตำนานเคยบอกเขาก่อนหน้านี้ว่ามีเพียงสองคนที่มีความสามารถสูงส่งเอาชนะเขาได้ในประวัติศาสตร์ของสถาบัน… ซึ่งก็คือตัวเขาเองและปีศาจแต่ว่าปีศาจนั้นจบการศึกษาไปหลายปีก่อนหน้าตั้งแต่ตอนที่เจนสันยังเป็นแค่เด็กน้อย ระดับของปีศาจเองก็อาจจะสูงส่งกว่าเขามากสิ่งที่ยิ่งทำให้เจนสันไม่สบายใจน่าจะเป็นก่อนที่เขาจะจากมา ผู้อำนวยการมีความปรารถนาเดียวมอบให้เขา นั้นก็คือขออย่าให้เขาต้องพบเจอกับปีศาจดูเหมือนว่าเส้นทางของปีศาจต้องมาปะทะกับเจนสันอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นเลยเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้อำนวยการถึงพูดออกมาแบบนั้นเจนสันเปิดคอมพิวเตอร์โดยไม่รอช้าและพยายามแฮ็กเข้าระบบของสถาบันเยาวชนแห่งตำนานสถาบันนั้นมีเอกสารที่มีข้อมูลลับสุดยอดของนักเรียนที่จบไปแล้วทุกคนเจนสันคิดที่จะดึงข้อมูลของปีศาจออกมา แต่เขาไม่คาดคิดว่าเมื่อเขาคลิกที่ชื่อของปีศาจข้อมูลทั้งหมดก็ถูกทำลายไปทุกอย่างหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอยเจนสันอึ้งจนพูดไม่ออก แม้ว่าทักษะในการแฮ็กข้อมูลของเขาจะเหนือชั้น แต่ทักษะการป้องกันที่สูงล้ำของ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ