ไม่นานนักเจนสันก็กลับมาเขาถือแฟรชไดรฟ์แบบไมโคร USB อยู่ในมือและเอ่ยทักเจย์ก่อนหันไปยุ่งง่วนกับคอมพิวเตอร์เซย์นรีบเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เจนสันทันที “เจออะไรบ้างไหมเจนส์?”เจนสันไม่สนใจเขาเซย์นมองเจนสันที่เมินเขา “เจ้าหนู จะอ่อนโยนกับลุงของตัวเองหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? ฉันเห็นเวลานายอยู่กับพ่อแม่นี่ก็พูดเจื้อยแจ้วเลยนะ”เจนสันยังคงเงียบเซย์นตื้อไม่เลิกและพูดต่อ “เราเป็นญาติกันนะ อย่าทำกับฉันเหมือนเป็นคนอื่นสิ?”เจนสันตอบอย่างเย็นชา “นั่นไม่ใช่เหตุผล”เซย์นงง “งั้นเหตุผลคืออะไร?”“ไอคิวของลุง!”เซย์นรู้สึกเหมือนตัวเองโดนอัดจนเจียนตายเขาต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้ “นายหมายความว่าเวลาที่อยู่กับครอบครัวแล้วนายคุยเยอะก็เพราะว่าพวกเขาไอคิวสูง นายก็เลยไม่มีอะไรจะคุยกับฉันก็เพราะฉันไอคิวต่ำงั้นเหรอ?”เจนสันพยักหน้าเซย์นรู้สึกงง “นายไม่คิดว่าควรทำตรงข้ามกันเหรอ? คนที่มีไอคิวสูง ๆ ไม่ได้อยากให้เธอไปคุยด้วยเท่าไรหรอกใช่ไหม? มีแต่คนไอคิวต่ำที่ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน”เมื่อได้ยินเซย์นจัดตัวเองว่าเป็นพวกไอคิวต่ำ ริมฝีปากบาง ๆ ของเจย์ก็หยักโค้งเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เซย์นรู้ตัวว่าโดนห
เซย์นอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง “เธอรู้ได้ยังไง?”“เพราะว่าผมเป็นแฮกเกอร์ไง” เจนสันตอบเซย์นรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ “นี่เธอต้องล่วงละเมิดระบบทางกฎหมายหลายส่วนเลยที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลตัวตนของพวกเขาได้เนี่ย เจนสัน เรื่องที่เธอทำอยู่มันละเมิด…”เจนสันมองเขาอย่างแข็งกร้าว “ลุงมีหลักฐานไหมครับ?”เมื่อเห็นท่าทางเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเจนสัน เซย์นก็รู้สึกผ่อนคลายลงได้เยอะ“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร” เซย์นพยักหน้าเจย์ขมวดคิ้วไตร่ตรอง เขานั้นเห็นแก่ตัวอย่างมากเรื่องการปกป้องข้อบกพร่องและก็ลังเลที่จะให้ลูกกับภรรยาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขาก็มีความคิดร้ายกาจบางอย่างผุดขึ้นมา“เอาข้อมูลของทั้งหกคนนี้ให้หน่วยข่าวกรอง เราจะช่วยพวกเขาทำงานแล้วพวกเขาจะช่วยเราหาตัวคนพวกนี้ นี่น่าจะเป็นการดีกับทั้งสองฝ่าย”เจนสันยิ้มและบอกว่า “ความคิดดีมากครับ”เซย์นยืนอยู่ด้านข้างฟังการสนทนาของพ่อลูกแสนเจ้าเล่ห์ เขาก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาเขายอมไปล่วงเกินเทพแห่งความตายเสียยังดีกว่ามามีเรื่องกับปีศาจในร่างมนุษย์พวกนี้ในส่วนทีมภูตผีนั้น พวกเขากลับมาตอนเย็นพวกเขากลับมาพร้อมกับชายสกปรก เสื้อผ้ารุงรังท่าทางไม่ต่างจากค
แองเจลีนผู้ที่ในที่สุดได้หลุดพ้นจากการคุมอาหารเข้มงวดของเจย์ เธออ้อนวอนขอให้ป้าแม่ครัวทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เธอ แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะโดนเจย์ถามเร็วขนาดนี้โชคดีที่แองเจลีนหัวไว เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงปกติว่า “บะหมี่ไก่แล้วก็ใส่เห็ดนิดหน่อยค่ะ”เพราะเธอกลัวว่าเจย์จะสงสัย เธอเลยพูดต่อว่า “มันมีไก่สับ เห็ด แล้วก็ผักอื่น ๆ ด้วย อร่อยมากเลยค่ะ แล้วฉันก็ทานหมดชามเร็วมาก”เจย์พยักหน้า “ดีแล้วที่ได้ยินแบบนั้น”เจย์ถามแองเจลีนเรื่องเสื้อผ้า อาหาร และตารางเวลาการนอนอย่างละเอียด แองเจลีนก็ตอบทุกข้อได้อย่างไม่ติดขัด จากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดจาหวานแหววออดอ้อนกัน“เธอคิดถึงฉันหรือยัง?” จู่ ๆ เจย์ก็โพล่งถามขึ้นมาโจเซฟินที่ยืนฟังอยู่ด้านข้าง รู้สึกหนาวเยือกไปทั้งหลังเมื่อเธอได้ยินคำพวกนั้น “พี่ใหญ่ พี่เพิ่งไปได้วันเดียวเอง แค่วันเดียวเองนะ”แองเจลีนพยักหน้าพร้อมน้ำตา “คิดถึงสิคะ ฉันคิดถึงคุณมากเลย” มันดูเหมือนว่าเธอคิดถึงเขาจากก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆโจเซฟินหมดคำจะพูดแและเธอหยิบหมอนขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้เจย์ตอบ “อืม ฉันจะกลับไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”“ได้ค่ะ”โจเซฟินประท้วงอย่างกระฟัดกระเฟีย
โจเซฟินชำเลืองไปที่ห้องนั่งรอและเห็นว่าคนในห้องวีไอพีนั้นน้อยลงแล้ว บรรดาสมาชิกครอบครัวต่างก็เข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยในห้องพักผู้ป่วยกันหมดแล้วโจเซฟินเองก็ไม่อยากให้แองเจลีนรู้สึกไม่ดี ดังนั้นเธอจึงรับคำ “พี่แองเจลีน งั้นเดี๋ยวฉันกลับมานะ พี่ต้องรอฉันอยู่ตรงนี้แหละ”“ไปเถอะ”โจเซฟินรีบพุ่งตัวไปด้วยความเร็วแสง แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาแองเจลีนก็รู้สึกว่ามีมือคู่หนึ่งมาจับที่ด้านหลังของเก้าอี้รถเข็นของเธอ“นั่นใครน่ะ?” แองเจลีนถามอย่างระแวดระวัง“พี่สาว” เสียงพูดเบา ๆ แต่แฝงน้ำเสียงมุ่งร้ายดังขึ้นมา“เซร่าเหรอ?”เสียงของเซร่าลอยเข้าหูแองเจลีนดุจดั่งเสียงวิญญาณล่องลอย “บังเอิญจังเลยนะพี่สาว เรามาเจอกันอีกแล้ว”“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”“ต้องขอบคุณยัยโง่โจเซฟีนที่ให้บัตรวีไอพีกับแม่ฉัน ฉันเลยเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียได้อย่างไม่มีปัญหา”แองเจลีนจึงได้รู้ว่าเซร่าเข้ามารักษาในโรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียภายใต้ชื่อของโจเซฟีน“ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ? เธออัมพาตกินตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยไม่ใช่เหรอ? จุ๊ จุ๊ ฉันล่ะสงสารเธอจริง ๆ แค่จะดูแลตัวเองเธอยังทำไม่ได้ แล้วใครที่มันจะโชคร้ายต้อง
ที่สวนไร้กังวลตอนเวลาห้าทุ่มแม่บ้านกลับไปแล้วและในวิลล่าที่กว้างใหญ่ก็มีเพียงโจเซฟีนและแองเจลีนอยู่ พวกเธอทั้งคู่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาแองเจลีนขดตัวอยู่ที่มุมโซฟา สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ราวกับว่าเธอกำลังเข้าห้วงสมาธิอยู่โจเซฟีนก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอและร้องไห้อย่างเงียบ ๆเมื่อประตูวิลล่าถูกผลักเปิดออก สายลมเย็นเยือกก็พัดเข้ามาในห้องนั่งเล่นเจย์ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าโจเซฟีนโดยไม่มีการบอกกล่าว เมื่อเธอเห็นเขา ความรู้สึกโทษตัวเองก็ที่แสดงออกทางสีหน้าเธอก็ยิ่งย่ำแย่ “ฉันขอโทษ”เมื่อเจย์เห็นว่าดวงตาของโจซี่แดงก่ำขนาดไหน เขาก็ลังเลที่จะต่อว่าเธอสายตาคมกล้าของเขาเลื่อนไปมองบนร่างของแองเจลีน และเขาก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันใด กระเป๋าเดินทางในมือเขาร่วงลงกองกับพื้นเขาเดินลากเท้าหนักอึ้งค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแองเจลีนแองเจลีนคิดว่าโจเซฟีนนั้นพูดขอโทษเธอ และเธอก็รู้สึกว่าโจซี่คงต้องรู้สึกหวาดกลัวเพราะเธออยู่แน่ ดังนั้นเธอจึงถอนใจและพูดอย่างโศกเศร้าว่า “โจซี่ อย่าโทษตัวเองเลย มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก”เจย์มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เขาฟังประโยคต่อไปของแองเจลีนเงียบ ๆแองเจลีนพูดต่ออย่างขมขื่น “วัน
โจเซฟีนรู้สึกเห็นด้วยอย่างมากและเริ่มที่จะพยักหน้าไม่หยุดเหมือนตุ๊กตาหัวสั่นหน้ารถเจย์จ้องโจเซฟีนอย่างเย็นชาจนเธอรีบก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็วเจย์พึมพำ “งั้น เธอต้องการยังไงล่ะ?”“ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” แองเจลีนบอก “จากนี้ไปคุณต้องทำเหมือนฉันเป็นคนปกติ”เจย์ “...”โจเซฟีน “...”“อาการทางประสาทก็ถือว่าเป็นอาการป่วยนะ” เจย์พูดเบา ๆ“มันก็แค่ภาวะโซมาติก ฉันรับมือได้ค่ะ” แองเจลีนพูดอย่างมุ่งมั่นเจย์รู้ดีเรื่องสภาวะอารมณ์ของแองเจลีน เมื่อเธอเริ่มรู้สึกโมโหก็เป็นการดีที่สุดที่จะยอมโอนอ่อนให้เธอ “โอเค ฉันรับปากเธอ แต่ตอนนี้ก็ดึกแล้วเธอน่าจะไปนอนไม่ใช่เหรอ?”แองเจลีนพยักหน้าแองเจลีนพูดกับโจเซฟีนว่า “โจซี่ คืนนี้นอนที่นี่นะ”โจเซฟีนหยิบกุญแจรถของตัวเองขึ้นมาแล้วเตรียมจะแอบหลบไปอย่างเร็ว “ฉันไม่อยากเป็นก้างของคู่แต่งงานใหม่หรอกค่ะ ฉันไม่กวนพวกพี่สองคนแล้ว บาย”จากนั้นเธอก็เหลือบมองเจย์อย่างขลาด ๆ ก่อนรีบเผ่นหนีไปแองเจลีนบอก “ดูสิว่าคุณทำโจซี่กลัวแค่ไหน”เจย์รู้สึกว่าโดนกล่าวหา “แหม ฉันก็ไม่ได้ดุอะไรเธอสักหน่อย”แองเจลีนรู้จักเขาดีเกินไป ดวงตาคมกล้าของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าคำดุด่าเสียอีก
หลังจากที่ล้มตรงขั้นบันไดเป็นครั้งที่เก้า แองเจลีนก็เหนื่อยมากจนหอบหายใจแรงเจย์เดินเข้ามาหาและกอดเธอไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรสักคำแองเจลีนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเจย์สั่นเทา เธอลูบผมสีดำหนาของเขาอย่างอ่อนโยน แองเจลีนยิ้มและปลอบเขาว่า “ไม่ต้องสงสารฉันหรอกนะเจย์บี้ ทุกอย่างตอนแรกก็ยากทั้งนั้นแหละ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวฉัน ตกลงไหม?”เจย์พยักหน้าแต่ก็เอ่ยอะไรออกมาไม่ได้ เขาเสียใจมากจนไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้สักคำแองเจลีนตกใจเล็กน้อย เธอถอนใจออกมาเบา ๆ “คุณอุ้มฉันไปที่โซฟาดีกว่าค่ะเจย์บี้”เจย์อุ้มเธอขึ้นและค่อย ๆ วางเธอลงบนโซฟา เขากลั้นสะอื้นเมื่อถามเธอว่า “เธอเหนื่อยไหมแองเจลีน?”แองเจลีนยิ้มและตอบ “ไม่เลยค่ะ”เจย์วางคางเขาไว้บนศีรษะของเธอ มือใหญ่ของเขาลูบหลังเธออย่างนุ่มนวล ลมหายใจของเธอไม่สม่ำเสมอเหมือนกับว่าเธอรู้สึกหายใจลำบาก เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน“ที่จริงฉันคิดว่าฉันโชคดีนะเจย์บี้ ลองคิดดูสิ โรคของฉันไม่ใช่อาการป่วยอะไรแล้วความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดที่มีก็แค่เกิดขึ้นในหัวฉัน”“มันจะอยู่แค่ในหัวเธอได้ยังไง? อาการเจ็บปวดทางกายที่เกิดจากระบบประสาทผิดปกติก็มีอยู่จริง เธอไม่ได้แค่มี
ตอนนี้เหลือความหวังเลือนลางแค่อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือความหวังที่ว่าพวกแก๊งในท้องถิ่นจะสามารถหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาให้ได้สามวันต่อมา ลูกสาวของหัวหน้าแก๊งในท้องถิ่นคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเจนสันในโรงแรมอย่างดุดันพร้อมทั้งกลุ่มของบอดี้การ์ด“ใครกันที่อยากเจอพ่อฉัน?” เด็กสาวคนนี้ดูอายุยังน้อยแต่เธอสวมแว่นกันแดดและริมฝีปากสีแดงสดก็คาบบุหรี่เอาไว้ แม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะดูสวยแต่มีท่าทางที่ดูนักเลงไม่เบามีกลุ่มบอดี้การ์ดเดินตามเธอมาด้านหลังเจนสันนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เขามองแขกที่ไม่ได้รับเชิญนิ่ง ๆเซย์นนั้นปฏิบัติกับทุกคนที่มาเป็นแขก ดังนั้นเขาจึงถามอย่างกระตือรือร้น “ไม่ทราบว่าพ่อของคุณคือใครครับ?”“รอย คอมเรด”ตอนนั้นสตอร์มก็กระซิบกับเจนสัน “นายน้อย รอย คอมเรดคือหัวหน้าแก๊งในท้องถิ่นของประเทศเอส เขาเข้าไปอยู่ในกระทรวงพาณิชย์แต่จริง ๆ เขาแอบทำธุรกิจกับพวกนักเลงและพวกค้าของเถื่อน”สตอร์มอาศัยในประเทศเอสมาสามปี และเพื่อที่จะหาตัวร็อบบี้น้อยเขาก็ปลอมแปลงเป็นหลากหลายตัวตนรวมถึงการติดต่อกับพวกใหญ่ ๆ ในประเทศนี้มากมาย เขาจึงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของผู้มีอิทธิพลที่นี่เป็นอย่างดี