จากนั้นเป็นต้นมา เจนสันหนุ่มน้อยก็ตั้งเป้าหมายสู่ชัยชนะไม่กี่วันต่อมา เชอร์ลีย์ก็หายจากอาการป่วยและเตรียมพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาลแองเจลีนรู้สึกตื่นเต้นจนคืนก่อนหน้านั้นเธอนอนไม่หลับ เธออ้อนวอนขอร้องเจย์ “พรุ่งนี้คุณจะให้ฉันไปรับพี่เชอร์ลีย์ไหมคะ? ได้ไหมคะ?”เจย์ดึงแองเจลีนเข้ามาให้อ้อมแขน “ถ้าคืนนี้เธอเข้านอนตรงเวลา ฉันจะพิจารณายอมให้เธอไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้”แองเจลีนรีบหลับตาและหยุดพูดคุยทันทีแต่เธอก็ตื่นเต้นเสียจนแม้ว่าเธอจะแสร้งทำเป็นเข้านอน ขนตาของเธอยังคงกะพริบสั่นไหวไปมาเหมือนกระต่ายน้อยเจย์เอื้อมมือมาลูบแพขนตาหนาของเธอราวกับว่ากำลังลูบพู่กันอยู่ เขาปัดลูบขนตาไปมาก่อนที่จะขยับมาลูบคิ้ว ดวงตา สันจมูก และสุดท้ายก็ริมฝีปากของเธอ…การกระทำของเขาทำให้แองเจลีนจั๊กจี้จนเธออดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะคิกคักจู่ ๆ เธอก็อ้าปากขึ้นงับนิ้วมือของเขาเบา ๆ“แองเจลีนอย่ายั่วฉันนะ” เจย์พูดเสียงแหบพร่าคงมีแค่พระเจ้าที่รู้ว่าเขาต้องอดทนอดกลั้นมากแค่ไหนแองเจลีนเสียดสีร่างกายเข้ากับตัวเขาขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอด และมือไม้เธอทั้งสองข้างก็เริ่มอยู่ไม่สุข“แองเจลีน…” น้ำเสียงเจย์เริ่มเข้ม “นี่
เจย์ยิ้มกริ่มเมื่อเขาเห็นใบหูแดงก่ำของเธอ“เธอเก่งกล้ามากไม่ใช่เหรอ ตอนที่ยั่วยวนฉันเมื่อคืนน่ะ ฉันไม่เห็นเธอจะอายเลย ฉันแค่แหย่เรื่องเธอกับเซย์นนิดหน่อยเท่านี้ก็อายแล้วเหรอ?”แองเจลีนบอก “ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณเหมือนเซย์นนี่ คุณเป็นคู่ชีวิตฉันส่วนเขาเป็นพี่ชาย คุณควรต้องเป็นคนเดียวที่ได้ยินคำรักที่ฉันบอก”เจย์ดูเหมือนว่าเขาได้เรียนรู้เรื่องใหม่ “ก็มีเหตุผล”แองเจลีนถอนใจอย่างโล่งอกบางทีกิจกรรมเมื่อคืนอาจจะเหนื่อยเกินไปสำหรับเธอ แองเจลีนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงกว่าเมื่อก่อน เธอเอื้อมแขนออกมาแล้วทำท่าออดอ้อน “ขอกอดหน่อยค่ะ”เจย์ยิ้มและอุ้มเธอขึ้น เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ล้างหน้าล้างตาและแปรงฟันให้เมื่อเขาพาแองเจลีนลงมาด้านล่าง เธอก็กลับเป็นตัวเองที่ดูงดงามอีกครั้งโจเซฟินและเซย์นต่างก็มองคู่สามีภรรยานี้อย่างหมดคำพูด “เรารอพวกเธอมาตั้งชั่วโมง”เจย์ตอบเธออย่างเจ็บแสบ “ตระกูลอาเรสก็สายกันเป็นปกติ”โจเซฟินได้ยินคำตอบของเขาก็โมโหมากเจย์และแองเจลีนกินอาหารเช้าเสร็จก็เป็นเวลา 11 โมงแล้ว พอตกบ่ายพวกเขาจึงเริ่งรีบไปโรงพยาบาลโรงพยาบาลเตรียมขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลของเชอร์ลีย์เร
จากนั้นเซร่าก็ได้ยินเสียงหงุดหงิดใจดังขึ้น “แล้วเธอล่ะเป็นใครกันเซร่า? เธอคิดว่าจะมารังแกคุณหนูใหญ่ของตระกูลเซเวียร์ได้เหรอ?”เชอร์ลีย์ลืมตาขึ้นมีน้ำตาเอ่อปริ่มกลายเป็นว่าคนที่มาขวางตบนั้นไว้ให้เธอก็คือเซย์นคนที่ด่าเซร่าให้เธอก็คือ แองเจลีนน้อย“ฉันขอโทษที่มาสายนะคะพี่ วันนี้ฉันตื่นสายไปหน่อยทำให้พี่ต้องเสียใจแล้ว” แองเจลีนอธิบายอย่างละอายเจย์นั่งย่อตัวลงตรงหน้าแองเจลีนและเห็นว่าเธอโมโหแค่ไหน ซึ่งยิ่งทำให้เขาเสียใจและกระวนกระวาย“แองเจลีนอย่าโมโหเลย มันจะกระทบร่างกายของเธอแล้วฉันก็จะเสียใจมาก”แองเจลีนมองเจย์ซึ่งกำลังมองเธออย่างสงสารด้วยดวงตางดงาม ดูเหมือนลูกหมาตัวน้อยแองเจลีนยิ้มขึ้นมาทันทีและลูบหัวเขาเบา ๆ “เอาล่ะ ฉันไม่โมโหแล้ว”เจย์จับมือที่สั่นเทาของเธอแล้วกุมไว้แน่นในอุ้งมือโจเซฟินเดินเข้าไปหาคุณนายอาเรสทันใดแล้วยื่นมือออกมา ดวงตาของเธอแดงก่ำ “คือบัตรมาให้ฉัน”หล่อนจะยินยอมคืนบัตรให้โจเซฟินได้อย่างไรกัน? บัตรนี่ไม่ใช่แค่ให้หล่อนไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารอีกต่อไป แต่ที่สำคัญทั้งหล่อนและเซร่าต่างก็อยู่ดีมีสุขได้ภายใต้ชื่อของโจเซฟีนคุณนายอาเรสอ้อนวอน “แม่เป็นแ
แองเจลีนพูดกับเจย์ “ฉันอยากคุยกับเธอลำพังค่ะ เจย์บี้” แม้เจย์ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังกับผู้หญิงชั่วร้ายอย่างเซร่า แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายใหญ่โตรบกวนเธอ ดังนั้นเขาจึงเชื่อฟังเธอและจากไปแต่ก่อนที่จะออกไปเขาส่งสายตาสื่อความหมายให้กับเจนสันเมื่อเห็นแบบนั้นคนอื่น ๆ ก็เริ่มที่จะเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วยทีละคนเจนสันยืนอยู่ที่มุมหนึ่งเงียบ ๆ เขาจะต้องอยู่ที่นี่คอยปกป้องแม่เมื่อแองเจลีนได้ยินเสียงประตูของห้องพักผู้ป่วยปิดลง เธอก็พูดอย่างจริงจัง “ธรรมชาติของมนุษย์เรานั้นเกิดมาเป็นคนดี ฉันรู้ว่าความรักและความลุ่มหลงที่เธอมีต่อเจย์เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอกลายเป็นอย่างทุกวันนี้”แองเจลีนเลือกที่จะตัดสัมพันธ์กับเซร่าในฐานะน้องสาวอย่างราบรื่น ไหน ๆ พวกเธอก็เคยเป็นพี่น้องกันมา“แต่เธอต้องเข้าใจเรื่องหนึ่งว่า เจย์บี้และฉันเป็นคนประเภทที่ว่า เมื่อเราตัดสินใจว่าจะอยู่ด้วยกันแล้ว เราก็จะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนตาย เราไม่มีทางตัดใจจากกันเพราะว่าเราเจออุปสรรคหรอก และเราก็ไม่มีทางดูถูกกันหากว่าอีกฝ่ายกำลังรุ่งโรจน์ด้วย ไม่มีใคร ฉันหมายถึงว่าไม่มีใครจะมาแทรกกลางระหว่างเราได้”“เลิกเสี
เมื่อเซย์นขับเข้ามาถึงซีคามอร์ แอนเน็กซ์ บรรดาฝูงชนก็ส่งเสียงเชียร์พร้อมจุดพลุกระดาษต้อนรับ เสียงโห่ร้องของเด็ก ๆ และเสียงหัวเราะเต็มไปทั่วสนาม“ขอต้อนรับกลับบ้าน คุณหนูเซเวียร์”เชอร์ลีย์เดินพรมแดงโดยมีโจเซฟินจับจูงเธอ คุณท่านเซเวียร์ก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมา เสียงทุ้มก้องของเขาดังชัดเจน“เพื่อน ๆ ญาติพี่น้องและนักข่าวทุกท่านจากหลายสำนัก ขอบคุณที่มาเยือนบ้านเล็ก ๆ ของเรา วันนี้ตระกูลเซเวียร์มีสองเรื่องอยากประกาศให้ทราบ เรื่องแรกเราอยากบอกข่าวดีว่า เซย์นและเชอร์ลีย์ได้หย่าร้างกันแล้ว…”บรรดาแขกพากันเงียบกริบทุกคนต่างก็คิดว่า ‘นี่มันข่าวดีตรงไหนกัน? คุณท่านเซเวียร์สมองเลอะเลือนไปแล้วเหรอไง?’คุณท่านเซเวียร์ยิ้มกว้าง “ให้ผมพูดจบก่อน แม้ว่าเชอร์ลีย์จะไม่ใช่ลูกสะใภ้ตระกูลเซเวียร์แล้ว แต่เธอจะมาเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเซเวียร์แทน จากนี้ไปจะไม่มีเชอร์ลีย์ โทมัสที่โดดเดี่ยวน่าสงสารอีกแล้ว ตอนนี้มีแต่เชอร์ลีย์ เซเวียร์ผู้ไม่เพียงแต่มีพ่อแม่สุขภาพแข็งแรงสองคน แต่ยังมีน้องชายและน้องสาวด้วย”คุณท่านเซเวียร์ยังเล่าถึงการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของเชอร์ลีย์ด้วย ทำให้แขกทุกคนต่างก็พากันปรบมือเชอร์ลีย์
เมื่อเซย์นเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นน้ำตาของโจเซฟินเซย์นรู้สึกเหมือนในหัวใจมีเสียงระเบิดดังตู้มทันใดนั้นเขาก็จัดเต็มและตะโกนสุดปอดว่า “โจเซฟีน อาเรส ตราบใดที่เธอยอมแต่งงานกับฉัน เซย์น เซเวียร์ ฉันสัญญาว่าเธอจะมีชีวิตสุขสบาย จากนี้ไปเธอจะเป็นราชินีของฉันและฉันจะทำทุกอย่างที่เธอบอก แต่งงานกับฉันให้ฉันดูแลเธอและปกป้องเธอไปทั้งชีวิตได้ไหม?”โจเซฟีนยิ้มงดงามออกมา “ตกลง”เซย์นลุกขึ้นและกระชิบบอกโจเซฟีน “หลานตัวดีของเธอเล่นงานฉันแล้ว”กระแสความอบอุ่นไหลท่วมท้นหัวใจของโจเซฟีน เจนส์มักจะทำตัวไร้อารมณ์และห่างเหินแต่เธอต้องแปลกใจที่รู้ว่าที่จริงเขาห่วงใยเธอ… โดยเฉพาะในเวลาที่สำคัญแบบนี้แน่นอนว่าความพยายามทั้งหมดของเธอนั้นคุ้มค่าเซย์นรู้สึกทดท้อใจขึ้นมา “ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกำลังเข้าถ้ำเสือเลยล่ะเนี่ย?”บรรดาแขกเหรื่อต่างอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้เห็นคนรุ่นเยาว์ปั่นหัวกันแม้ว่าพวกเขาจะรักกันมาก เจย์ก็ไม่ชอบที่มีเสียงดังอึกทึกมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงอุ้มแองเจลีนขึ้นมาและเดินตรงขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบนทันทีเขาอุ้มแองเจลีนไว้ในอ้อมแขนอย่างเชี่ยวชาญขณะที่แองเจลีนก็โอบแขนรอบคอเขา ทั้งคู่ดูเหมาะสมก
เมื่อถึงตาของโจเซฟิน เธอให้พวกเขาเดากันแทน“ฉันจะเอาให้หลังเซย์น ฉันอยากจะเห็นว่าเขาเตรียมของขวัญอะไรให้พี่เชอร์ลีย์”เซย์นยืนพิงกรอบประตูและยื่นหน้าเข้าไปด้านในเขาถือแฟ้มไว้ในมือ เขาเกาหัวเล็กน้อยอย่างกระดากก่อนหัวเราะแห้ง“ของขวัญฉันต้องเป็นชิ้นโปรดของพี่เชอร์ลีย์แน่”เขาพูดอย่างมั่นใจมากจนทำให้คนอื่นพากันอยากรู้โจเซฟีนคว้าแฟ้มมาเปิดดู ที่หน้าปกเขียนไว้สองคำ “ข้อตกลงการหย่า”ทุกคนต่างก็อึ้งโจเซฟินคำรามอย่างมีโทสะ “เซย์น เซเวียร์ เนี่ยน่ะเหรอของขวัญที่นายบอกว่าพี่เชอร์ลีย์จะชอบ?”เซย์นพยักหน้าอย่างภูมิใจ “อ่าฮะ”เมื่อเขาเห็นทุกคนต่างก็จ้องมองเขา เซย์นก็รู้สึกผิดปกติ “ทำไมทุกคนต้องจ้องฉันแบบนี้ด้วย? พี่เชอร์ลีย์เป็นคนเสนอเรื่องหย่าเองและบังคับให้ฉันร่างข้อตกลงการหย่าขึ้นมา เพราะว่าพี่เชอร์ลีย์อยากหย่ากับฉันมาก ฉันเลยแน่ใจว่าของขวัญชิ้นนี้ต้องถูกใจพี้เชอร์ลีย์มากแน่นอน”เชอร์ลีย์หัวเราะ “อย่าว่าเซย์นเลยทุกคน ฉันบังคับเขาให้ร่างสัญญาการหย่าขึ้นมาเอง เพราะต้องหย่ากันแล้วฉันถึงรู้สึกโล่งใจ ฉันจะได้มีคำอธิบายให้เซย์นกับโจเซฟีนสักที”โจเซฟีนด่าเขา “ของขวัญห่วยมาก ดูของฉันนี่”
ในใจของเซย์นโจเซฟินนั้นเป็นสาวน้อยร่ำรวยที่แสนเย่อหยิ่งทะนงตน รวมกับที่พี่ชายของเธอนั้นเป็นนายท่านหนุ่มที่ร่ำรวย เธอจึงเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักความเศร้าเสียใจหรือทุกข์ระทมแม้ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็ตามเขาไม่รู้เลยว่าจะมีวันที่เธอดูถูกตัวเองแบบนี้หัวใจเซย์นเจ็บปวดจนแทบบรรยายไม่ได้กลายเป็นว่าที่จริงแล้วเธอนั้นเปราะบางมาก เธอคงเจ็บปวดแสนสาหัสจากสิ่งที่เขาทำกับเธอสมัยก่อนเขากอดโจเซฟินแน่นและพูดพึมพำอย่างรักใคร่ “เราไม่ใช่เด็กกันแล้วนะโจเซฟิน อย่าทรมานตัวเองอีกเลย เราแต่งงานกันเถอะ”โจเซฟินเงยดวงตาหงส์แวววาวฉ่ำน้ำตาของเธอขึ้นมาทันใดนั้นเธอก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อ…เซย์นอึ้งไปเลย“เธอจะทำอะไรน่ะโจเซฟิน? เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ”“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก!”เพื่อที่จะเข้าหาเซย์นโจเซฟินฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามมามากมาย ฝ่าทะเลทรายแห้งแล้ง บาดเจ็บ และเสียน้ำตา พิธีการต่าง ๆ นั้นไม่มีความหมายอะไร สิ่งที่สำคัญก็คือ พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว“แต่ฉันยังไม่ได้ขอแต่งงานอย่างเป็นทางการเลยนะ…” เซย์นอดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะ“นั่นก็ไม่จำเป็น”เซย์นอึ้งพูดไม่ออก “นี่เธอหื่นข