เสียงปืนดังขึ้นอย่างกึกก้องในตรอกแคบ เสียงที่แทรกเข้าไปในความตึงเครียดของการต่อสู้ กระแทกใจทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น เสียงปืนแต่ละนัดแผดออกมาอย่างเฉียบขาด สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
“ปัง!” เสียงปืนแรกดังขึ้น เสียงปืนที่คมชัดเหมือนฟ้าผ่าท่ามกลางความเงียบ ทุกคนหันไปมองยังจุดที่เสียงนั้นเกิดขึ้น ด้วยความหวาดกลัวและตื่นเต้น เมื่อการต่อสู้เริ่มจะเลวร้ายลง “ปัง! ปัง!” เสียงปืนอีกสองนัดตามมาทันที บรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงเหล็กกระทบกัน ทำให้เกิดความสับสนอย่างมาก สมาชิกในแก๊งต่างพยายามหาที่กำบัง ขณะเสียงปืนสะท้อนทั่วบริเวณ เสียงของกระสุนที่พุ่งเข้าชนกับผนังและพื้นถนนสร้างเสียงดังที่น่าหวาดกลัว “ระวัง!” เสียงหนึ่งตะโกน ขณะที่คนหนึ่งวิ่งหลบกระสุนที่พุ่งผ่านไปอย่างเฉียดฉิว “ปัง! ปัง!” เสียงปืนยังคงดังก้อง ทุกคนต่างพยายามหาทางหนีหรือหาที่กำบัง สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในความไม่แน่นอนของสถานการณ์ ขณะที่อาเล็กซ์และพวกพ้องของเขาเข้ามาในภาพ การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีระเบียบ ในเมืองเก่าแก่ที่ตระกูล ดิอังเจโล และ คอนติ ต่างมีรากฐานที่หยั่งลึก การต่อสู้เพื่ออำนาจและเกียรติยศได้ดำเนินมายาวนานหลายศตวรรษ ชื่อเสียงของทั้งสองตระกูลนั้นไม่ใช่เพียงแค่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่เป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งขั้วในสังคมอิตาลีที่เก่าแก่ รอยแผลในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีวันจางหาย ตระกูล ดิอังเจโล เปรียบเสมือนป้อมปราการแห่งความสง่างาม ผู้ครองอำนาจผ่านศิลปะและการเมือง ทุกท่วงท่าของพวกเขาสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และความลึกซึ้ง พวกเขาคือผู้อุปถัมภ์ศิลปินและนักปราชญ์ เป็นผู้ที่นำทางให้โลกหลงใหลในความงดงามของศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา แต่เบื้องหลังความสง่างามเหล่านั้นคือความดุร้าย ความอาฆาตที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ ความภูมิใจในตระกูลทำให้พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้กับทุกสิ่งที่คิดจะท้าทายอำนาจของพวกเขา ในทางตรงข้าม ตระกูลคอนติ เกิดขึ้นจากความแข็งแกร่งของการค้า พวกเขาสร้างอาณาจักรผ่านการค้าและการขนส่ง ใช้ความเฉียบคมในเชิงพาณิชย์แผ่ขยายอำนาจในทุกซอกมุมของอิตาลี ความมั่งคั่งของพวกเขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทะเยอทะยานและไม่มีขีดจำกัด แม้ว่าจะไม่มีสายเลือดชนชั้นสูงเหมือนตระกูลดิอังเจโล แต่พวกเขาไม่เคยหลีกหนีจากการต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของตน พวกเขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงมาจากการครอบครองอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่จากสายเลือดเก่าแก่ แม้แต่ในวันนี้ เวลาที่สมาชิกตระกูล ดิอังเจโล และ คอนติ มองสบตากัน จะเห็นได้ทันทีว่ามีบางอย่างที่ไม่สามารถประนีประนอมได้ การสนทนาแม้จะดูสุภาพ แต่ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนเร้น ราวกับสงครามเงียบที่ไม่มีวันสิ้นสุด ในหัวใจของแต่ละฝ่าย ความภักดีต่อครอบครัวและความภาคภูมิใจในมรดกของตนทำให้พวกเขาไม่สามารถปล่อยวางความอาฆาตนี้ได้ แม้ว่าเวลาและโลกจะเปลี่ยนไปเพียงใด ความขัดแย้งที่สืบทอดมานี้กลับยังคงดำเนินต่อไป ราวกับเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้ในสายเลือดของทั้งสองตระกูล ในปัจจุบัน ริค คอนติ เป็นผู้นำตระกูลคอนติ ส่วน อเล็กซ์ ดิอังเจโล ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าของตระกูลดิอังเจโล ทั้งสองคนเป็นภาพสะท้อนของความขัดแย้งที่สะสมมายาวนานระหว่างสองตระกูล ความแตกต่างในวิธีการดำเนินชีวิตและการบริหารจัดการของทั้งสองนั้นชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ความมุ่งมั่นในการรักษาเกียรติและอำนาจของตระกูล ริค คอนติ เป็นชายที่คมเข้มและเฉียบขาด เขาเติบโตมาท่ามกลางธุรกิจการค้าและการเงิน การบริหารงานของเขาเน้นที่ความเป็นจริงและผลประโยชน์ทางธุรกิจ ริคมีความทะเยอทะยานที่ไม่เคยสิ้นสุด เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อขยายอำนาจของตระกูลคอนติ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาที่ชาญฉลาด หรือการใช้วิธีที่ลึกลับและอันตราย เบื้องหลังหน้าตาอันเยือกเย็นและนิ่งสงบคือชายที่พร้อมจะทำลายทุกคนที่ขวางทางเขา อีกฝั่งหนึ่ง อเล็กซ์ ดิอังเจโล เป็นภาพลักษณ์ของความสง่างามและทรงอิทธิพลในวงการการเมืองและสังคม อเล็กซ์เป็นนักคิดที่ลุ่มลึกและมีกลยุทธ์ เขาใช้เสน่ห์และความรู้ที่กว้างขวางในการนำตระกูลไปข้างหน้า ด้วยสายเลือดเก่าแก่ที่มีมาช้านาน เขายืนหยัดที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของตระกูลดิอังเจโล ไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงตำแหน่งหรือเกียรติของพวกเขาได้ง่าย ๆ แม้ภายนอกเขาจะดูสงบและมีเสน่ห์ แต่เมื่อถึงคราวต้องสู้ อเล็กซ์ก็พร้อมจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจของเขา การปะทะระหว่าง ริค และ อเล็กซ์ ไม่ใช่เพียงแค่การแย่งชิงอำนาจ แต่เป็นสงครามทางจิตวิทยาและกลยุทธ์ที่เกิดจากความแค้นที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ในสนามรบแห่งนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับความอ่อนแอ ทั้งสองต่างรู้ดีว่าในเกมนี้ ผู้ชนะมีได้เพียงคนเดียว และความสูญเสียอาจจะไม่ใช่เพียงแค่ทรัพย์สิน แต่อาจรวมถึงชีวิตและศักดิ์ศรีของตระกูล เสียงปะทะกันรุนแรงดังระงมไปทั่วตรอก แรงกระแทกของหมัดและเสียงอาวุธที่กระทบกันสะท้อนให้เห็นถึงความดุเดือดของการต่อสู้ แต่ท่ามกลางความโกลาหลนั้น กลุ่มของอาเล็กซ์ก็ปรากฏตัวขึ้นจากมุมมืดของตรอก สายตาของเขาแน่วแน่ขณะที่มองไปที่การต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น “ไปกันเถอะ!” อาเล็กซ์ ดิอังเจโล (Alex D'Angelo) ตะโกนสั่งพวกพ้องของเขา ขณะที่พวกเขาก้าวออกมาจากเงามืด สัญญาณการเข้าร่วมการต่อสู้ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ สมาชิกในแก๊งของเขายกอาวุธขึ้นและแสดงท่าทีพร้อมสู้ การเข้ามาของอาเล็กซ์ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น พวกที่สู้กันอยู่ในขณะนี้หยุดชะงักและหันไปมองที่เขา ขณะที่เสียงการต่อสู้เริ่มกลายเป็นเสียงโวยวายของความวุ่นวาย “คุณมาที่นี่ทำไม?” หัวหน้าแก๊งฝั่งหนึ่งตะโกนไปที่อาเล็กซ์ ขณะที่เขาเตรียมที่จะรับมือกับการเข้ามาของผู้มาใหม่ “ไม่ใช่เรื่องของนาย!” อาเล็กซ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “คืนนี้ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จ!” เสียงอาวุธดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่การต่อสู้กลายเป็นความวุ่นวายรอบตัว พวกของอาเล็กซ์เริ่มบุกเข้ามาในพื้นที่ด้วยความเข้มแข็งและดุดัน ราวกับเป็นพายุที่ถูกปลดปล่อยออกมา “ให้พวกเขารู้ว่าพวกเราคือใคร!” อาเล็กซ์ตะโกนด้วยความกร้าว เขาเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลังเล ทำให้บรรยากาศร้อนระอุขึ้นไปอีกระดับ การต่อสู้ระหว่างสองแก๊งตอนนี้กลายเป็นการต่อสู้ที่มีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกคนต่างรู้ดีว่าคืนนี้จะไม่มีการให้อภัย อาเล็กซ์รู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นเมื่อเขาถูกล้อมรอบโดยสมาชิกของแก๊งคู่ต่อสู้ที่ไม่ยอมให้เขาหลุดพ้น เสียงปืนยังคงดังสะท้อนในอากาศ ขณะที่กระสุนพุ่งผ่านไปมา เขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดในชีวิต “อย่าปล่อยให้มันหลุดมือ!” เสียงที่ดังขึ้นบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของฝ่ายตรงข้าม ขณะที่พวกเขากดดันเขาให้ถอยหลังไปเรื่อย ๆ เขารู้ว่าตนเองอยู่ในหลุมพลาง ไม่สามารถหาทางออกได้ง่ายนัก “ปัง!” เสียงปืนดังขึ้นอย่างเฉียบขาด กระสุนพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว อเล็กซ์ไม่ทันได้ตั้งตัว เลือดสีแดงสดไหลออกจากแผลที่แขน เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ขณะที่เขาก้มลงมองที่แขนของตัวเอง อาเล็กซ์ตั้งสติ พยายามมองหาทางหนี ทว่าเสียงปืนดังก้องในหัว เขารู้ว่าหากไม่รีบออกไป เขาอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เสียง “ปัง!” ดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่กระสุนเฉียดไปโดนเขา ทำให้เขาต้องหมอบลงกับพื้นเพื่อลดความเสี่ยง “ไม่มีทาง!” เขากัดฟัน กล่าวเสียงต่ำ ขณะที่พยายามประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว “ไป!” อาเล็กซ์ตัดสินใจ ก้าวออกจากจุดซ่อนตัว เขาหลบหนีไปยังตรอกเล็กที่อยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นเส้นทางแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยเงามืด เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นแรงเหมือนระฆังที่เตือนถึงอันตรายที่ตามมา เสียงปืนยังคงดังก้องอยู่เบื้องหลัง ขณะที่อาเล็กซ์วิ่งหนีไป เขารู้ว่าหากเขาถูกจับได้ เขาจะต้องจ่ายด้วยราคาแสนแพง แต่ด้วยความเข้มแข็งของจิตใจ เขายังไม่ยอมแพ้ เมื่อเขาหันเข้าไปในตรอก แสงจันทร์สาดส่องผ่านช่องว่างระหว่างอาคาร เสียงของการไล่ล่ายังคงดังอยู่ใกล้ๆ เขาไม่หันกลับไปมอง รู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำตอนนี้คือการมีชีวิตอยู่ “ฉันจะไม่ให้พวกแกจับฉันได้!” เสียงของเขาดังก้องในใจ ขณะที่เขาวิ่งหนีจากหลุมพลางที่เกือบจะกลายเป็นจุดจบของเขา อาเล็กซ์รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่ท่วมท้นเมื่อเขาล้มลงบนพื้นของตรอกแคบ เสียงปืนยังคงดังอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้มันเริ่มเบาลง ราวกับว่ามันกำลังจางหายไปในความมืด ฝนเริ่มเทลงมาอย่างหนัก น้ำที่ร่วงลงมาจากฟ้าเหมือนสายน้ำตาที่ไม่มีวันหยุดหย่อน “อย่ายอมแพ้!” เสียงในหัวของเขาดังก้อง อาเล็กซ์พยายามยันตัวขึ้น แต่ขาเขาช่างหนักหน่วงเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้นดิน แต่แล้ว เขารู้สึกถึงมือที่แข็งแรงดึงเขาขึ้นจากพื้น “เร็ว!” เสียงทุ้มต่ำที่เขาไม่คุ้นเคย แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทำให้เขาไม่ลังเล อาเล็กซ์มองเห็นเงาของผู้ช่วยเหลือในความมืด ขณะที่ฝนยังคงเทลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน มือที่ดึงเขาไปอย่างรวดเร็วและมั่นคงช่วยให้เขาลุกขึ้นได้ในที่สุด ขณะที่เขาเริ่มวิ่งตามเสียงนั้น น้ำฝนกระเซ็นไปทั่วร่าง ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง ทว่าความกลัวและความตึงเครียดยังคงอยู่ “ไป! เราต้องไปจากที่นี่!” เสียงของผู้ช่วยเหลือดังก้องอยู่ข้างหู ขณะที่พวกเขาวิ่งลึกเข้าไปในตรอกฝนโปรยปราย เสียงฝนและเสียงลมหายใจที่เร่งรีบผสมกันเป็นดนตรีของการหลบหนี อาเล็กซ์รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในฝันที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่เขารู้ดีว่าตนไม่ได้อยู่คนเดียวในค่ำคืนที่โหดร้ายนี้ “ใคร?” เขาถามด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย แต่คนที่ดึงเขามาหนีไม่ได้ตอบ เขาเพียงแต่พาอาเล็กซ์ออกจากตรอกไปยังที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เสียงปืนเริ่มห่างออกไป และความหวังเริ่มกลับคืนสู่ใจ อาเล็กซ์มองไปรอบๆ พยายามเข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้คืออะไรอเล็กซ์ ดิอังเจโล(Alex D'Angelo) รูปร่างสูงใหญ่สง่างามในแบบของผู้ดีอิตาลีแท้ ๆ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาราวกับภาพวาดจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ทุกอณูของเครื่องแต่งกายถูกจัดสรรอย่างประณีต สูทสีดำที่เขาสวมใส่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีเข้ารูปพอดีตัว บ่งบอกถึงความพิถีพิถันและสถานะที่สูงส่งเขายืนอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ ภาพแสงไฟของเมืองอันสว่างไสวทอดยาวออกไปไกลสุดสายตา สายตาของเขาจ้องมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก แต่ภายในจิตใจกลับเต็มไปด้วยความคิดถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เขาไม่อาจลืมได้ วันที่ชายหนุ่มเอเชียผู้เรียบง่าย แต่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวคนนั้นก้าวเข้ามาช่วยเหลือเขาจีน ชื่อของชายหนุ่มนั้นสะท้อนก้องในหัวของอเล็กซ์ ความทรงจำของการช่วยเหลือในวันที่อันตรายโอบล้อมยังคงชัดเจนในใจ แม้ว่าจะมีเหตุผลหลายประการที่ทำให้คนอย่างเขาไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่ในวันนั้น จีนก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของเขา การพบเจอในครั้งนั้นทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในใจของอเล็กซ์ ความรู้สึกที่ยากจะนิยามได้ ระหว่างความรู้สึกขอบคุณและความชื่นชมในความกล้าหาญของชายหนุ่มผู้แสนธรรมดาแต่พิเศษเหลือเกินอเล็กซ์หลับตาลงครู่หนึ่ง ปล่อยให้ความคิดและความรู้สึกเหล
ในสำนักงานอันหรูหราของเขา ริคยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด หลอดไฟสีอบอุ่นทำให้เกิดเงาเล็กน้อยที่ใบหน้าของเขา สะท้อนถึงความเคร่งเครียดของความคิดที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความโกรธ อาการกระวนกระวายกำลังเริ่มก่อตัวเมื่อเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับจีน ชายหนุ่มจากมหาวิทยาลัยศิลปะที่มีเสน่ห์ดึงดูด“อเล็กซ์...” ริคพึมพำชื่อที่ทำให้เขารู้สึกถึงไฟแห่งความหึงหวง “ไอ้นั่นมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ”เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มือของเขาสั่นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความโกรธที่เขาไม่สามารถระงับได้ “ไปเอาตัวจีนมา” เขาสั่งเสียงเรียบ แต่ภายในกลับสั่นสะเทือน “พาเขามาที่นี่โดยเร็วที่สุด และทำให้แน่ใจว่าเขาไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”เสียงของเขาแฝงไปด้วยความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยม รู้ดีว่าคนของเขาจะทำตามคำสั่งนี้อย่างเงียบเชียบ“อย่าลืม... ต้องทำให้เขาไม่มีทางหนี” เขาพูดต่อ เสียงของเขาห้วนขึ้น แต่มีความนุ่มนวลที่แฝงอยู่ มันเหมือนกับการพยายามควบคุมอารมณ์ในใจ ริคคิดถึงสิ่งที่เขาจะทำกับจีนเมื่อได้เขามา สายลมเย็นของยามค่ำคืนพัดผ่านมาเบา ๆ ขณะที่จีนเดินออกจากบ้าน เขามองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้
จีนรู้สึกเหมือนว่าหัวของเขาหนักอึ้ง เมื่อเปลือกตาค่อยๆ เปิดออก ความสลัวจากแสงที่ส่องเข้ามาทำให้เขาต้องขยี้ตาเพื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ก่อนที่เขาจะค้นพบว่าเขาอยู่ในห้องนอนที่หรูหราเกินกว่าที่เขาจะเคยเห็น ห้องนี้มีสไตล์บาโรกที่เต็มไปด้วยความโอ่อ่าและความละเอียดอ่อน เขาหันไปมองรอบๆ สายตาของเขาสัมผัสกับผนังที่ปูด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายอันวิจิตร คานไม้บนเพดานก็ถูกตกแต่งด้วยรายละเอียดที่งดงาม การประดับด้วยโคมไฟคริสตัลทำให้ห้องนี้ดูเปล่งประกายระยิบระยับ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เตียงที่มีขนาดใหญ่ อบอุ่นและหรูหราด้วยผ้าปูที่นอนเนื้อดีที่มีสีทองสลับกับสีม่วงเข้ม“ที่นี่…ที่ไหนกัน?” เขาคิดในใจ ขณะที่ความสับสนเข้ามาแทนที่ความง่วงงุนในตัวเขา สัญชาตญาณของเขาตื่นตัวอย่างเต็มที่เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา จีนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่โอ่อ่าและหรูหราอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ห้องนี้กว้างขวาง ยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน สร้างบรรยากาศที่ทั้งงด
ก๊อกๆๆสาวใช้ก้าวเข้ามาในห้องนอนของจีนอย่างเงียบ ๆ เธอสวมชุดเครื่องแบบเรียบหรูสีดำที่ตัดเย็บอย่างปราณีต เสียงประตูที่เปิดเบา ๆ ดึงความสนใจของจีนที่นั่งอยู่ริมเตียง ใบหน้าของเขาฉายแววครุ่นคิดและเคร่งเครียด ก่อนที่สาวใช้จะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่แฝงความเคารพ"คุณริคให้มาช่วยคุณจีนอาบน้ำค่ะ" เธอกล่าวอย่างสุภาพ สายตาทอดต่ำอย่างนอบน้อมจีนเงยหน้าขึ้นมองเธอ แววตายังมีความประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ยังคงนิ่งเงียบอยู่ในความคิดของตัวเอง การมีคนเข้ามาดูแลเช่นนี้ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกเปราะบาง อาจเป็นสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่รู้ตัวสาวใช้ก้าวเข้าไปในห้องน้ำ เปิดประตูเผยให้เห็นอ่างอาบน้ำหินอ่อนขนาดใหญ่ น้ำอุ่นถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ไอน้ำลอยขึ้นบาง ๆ เติมกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์และโรสแมรี่อบอวลอยู่ทั่วห้อง อ่างน้ำประดับด้วยดอกไม้ขาวที่ลอยเบา ๆ บนผิวน้ำ"ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วค่ะ" สาวใช้เอ่ยพลางถอยออกมาเล็กน้อย ปล่อยให้จีนลุกขึ้นเพื่อไปที่ห้องน้ำภายในห้องน้ำที่หรูหรา อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง น้ำในอ่างเต็มไปด้วยฟองสบู่ที่ฟูฟ่อง ละลายตัวช้า ๆ ในอุณหภูมิอุ่นพอดี กลิ่นหอมของน้ำมั
บ้านของริค คอนติ เป็นคฤหาสน์สุดหรูที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ริมทะเลสาบสีฟ้าใส ซึ่งเป็นภาพที่งดงามสุดขีด สถานที่นี้ถูกล้อมรอบด้วยป่าสนหนาทึบและภูเขาที่ทอดตัวเป็นฉากหลัง สร้างบรรยากาศให้รู้สึกถึงการหลีกหนีจากโลกภายนอกอย่างแท้จริง ตัวบ้านออกแบบในสไตล์ยุโรปคลาสสิก โครงสร้างยิ่งใหญ่และแข็งแรง ประดับด้วยเสาและซุ้มโค้งที่ทำจากหินอ่อน ซึ่งยืนตระหง่านอย่างโอ่อ่าเมื่อมองไปที่ภายนอก บ้านหลังนี้มีหลังคาสีอิฐแดงทรงสูงที่ตัดกับผนังสีขาวสะอาดตา มีหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่เรียงรายเป็นแนว ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน ขอบหน้าต่างและประตูตกแต่งด้วยไม้สีเข้มอย่างประณีต บันไดหินอ่อนกว้างทอดลงจากประตูหน้าของบ้านไปยังสนามหญ้าสีเขียวชอุ่ม สนามหญ้ากว้างนี้รายล้อมไปด้วยพุ่มไม้ที่ตัดแต่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตและกระถางต้นไม้ทรงสูงที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีทางเดินจากสนามหญ้าลงไปถึงท่าเรือส่วนตัว ที่ทำจากไม้เนื้อดี ทอดตัวออกไปในทะเลสาบ มีเรือยอชต์สีขาวจอดอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งสะท้อนกับน้ำในทะเลสาบอย่างงดงาม ทิวทัศน์ของภูเขาและน้ำที่ล้อมรอบสร้างความรู้สึกสันโดษแต่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบธรรมชาติบรรยากาศโดยรอบถูกเติมเต็มด้วยต้
ริค คอนติ มาเฟียหนุ่มหล่อทรงอิทธิพลแห่งอิตาลี ขับรถสปอร์ตคันหรูฝ่าแสงแดดบ่ายที่สาดส่องลงมายังเมืองฟลอเรนซ์ รอยยิ้มเย็นชาแตะที่มุมปากขณะที่เขามุ่งหน้าไปทำธุรกิจที่เต็มไปด้วยความลับและอำนาจ ทุกสิ่งในชีวิตของริคถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน จนกระทั่งสายตาเฉียบคมของเขาหยุดนิ่งเมื่อเห็นร่างเล็ก ๆ ที่เดินอยู่ริมถนนเด็กหนุ่มคนนั้นทำให้หัวใจของริคสะดุด จีน หนุ่มน้อยจากประเทศไทยที่ย้ายมาเรียนต่อในอิตาลี ผิวขาวละเอียด ร่างบอบบาง และใบหน้าหวานจนเกินจะมองข้าม ท่ามกลางผู้คนมากมาย จีนกลับดูโดดเด่นราวกับแสงที่สาดส่องผ่านหมอกในยามเช้า ความงามอันบริสุทธิ์และท่าทีไร้เดียงสาเหล่านั้นทำให้ริคแทบจะลืมหายใจหัวใจของริคเต้นแรงขึ้น มือที่จับพวงมาลัยแน่นด้วยความปรารถนาที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเย็นชาที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยความกระหายที่จะครอบครอง เขาเฝ้ามองร่างเล็กที่ก้าวเดินไปอย่างไร้เดียงสา จังหวะทุกย่างก้าวของจีนราวกับจะดึงริคให้ติดตาม จีนไม่เหมือนใครในโลกนี้ ริคไม่เคยพบใครที่ทำให้เขารู้สึกถูกท้าทายและล่อลวงได้เช่นนี้“เด็กคนนี้…” ริคพึมพำในลำคอ เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความกระหาย เขารู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาต้อง
ในยามเช้าของฟลอเรนซ์ เมืองที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและความงดงาม เสียงนกร้องประสานกับลมเบาๆ ทำให้บรรยากาศสดใสยิ่งขึ้น ถนนที่ปูด้วยหินเรียบถูกตัดผ่านด้วยแสงแดดทองอร่าม อาคารสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าทั้งหลายตั้งตระหง่าน ดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านมา จีน เด็กหนุ่มที่มีหัวใจเต็มไปด้วยความรักศิลปะ เดินผ่านเส้นทางที่เคยเป็นความฝัน เขามาอยู่ที่นี่เพื่อค้นหาตัวตนใหม่ หลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุ เขาเลือกฟลอเรนซ์ เมืองที่มีแต่ศิลปะ และประวัติศาสตร์เพื่อหลบหนีจากความเจ็บปวดในอดีต ทุกก้าวของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาหยุดยืนหน้าโบสถ์ซานตามาเรียเดลฟิโอเร โดมที่งดงามและประติมากรรมที่ประณีตทำให้หัวใจเขาเต้นรัว ภาพของศิลปินอย่างเลโอนาร์โด ดา วินชี และไมเคิลแองเจโลปรากฏในจินตนาการ ราวกับว่าเขาได้ยินเสียงของพวกเขาเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์“ฟลอเรนซ์…” เขาพึมพำกับตัวเอง รู้สึกถึงพลังแห่งความฝันที่ลอยอยู่ในอากาศ “เมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ ทุกสิ่งในที่นี้มีชีวิต”กลิ่นหอมของกาแฟและขนมอบยั่วยวนใจเขา ในขณะที่เสียงหัวเราะและการพูดคุยของผู้คนรอบตัวทำให้เขารู้สึกสดชื่น และขณะนั้น