ตำหนักนอกวัง ณ เรือนหานชิน
“ฮ่า ๆ ข้าอยากเห็นหน้าของหวังลู่ฉงยิ่งนัก ฮึ! แม่ทัพไร้พ่าย ไยมาตกม้าตายตอนถูกจับแต่งงานกับข้าเล่า นี่ถึงขนาดหนีไปซบอกยอดคณิกาเลยรึ จะให้ข้าทำเยี่ยงไรบุกไปแหกอกเขา หรือไปหัวเราะกับความคิดเสมือนดีเล่า”
หานชินหัวเราะร่า นางไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจหรือยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้ เหตุผลทางการเมืองล้วน ๆ ที่ทำให้นางต้องออกเรือนกับหวังลู่ฉงผู้หยิ่งผยอง
“องค์หญิงมิสำรวมเลยนะเพคะ”
พระนมข้างกายเอ่ยตักเตือนองค์หญิงของตน นางเองเพียรพยายามให้องค์หญิงทรงเป็นกุลสตรีทุกระเบียดนิ้ว แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้ามเสมอ
“อย่าได้กลัวว่าข้าจะทำเสื่อมเกียรติยามอยู่ต่อหน้าผู้คนเลยแม่นม สำหรับองค์หญิงกำพร้าเช่นข้า ไม่มีผู้ใดสนใจเท่าเรื่องราวเสื่อมเสียที่กล่าวหาข้าหรอกนะ อย่าได้เหนื่อยกับคำผู้อื่น จงเหนื่อยกับภารหน้าที่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ท่านดูแลข้ามาเป็นอย่างดีข้าย่อมมองเห็น”
หญิงสาวยกจอกสุราขึ้นดื่ม ในสายตาผู้คนนั้นนางคือหญิงมากตัณหา ที่มักสะสมบุรุษเอาไว้ข้างกายมากมาย ส่วนเรื่องจริงนั้นไม่จำเป็นที่นางต้องบอกกล่าวให้ผู้อื่นรับรู้ เพราะมิว่าพูดอย่างไรมันก็คือคำแก้ตัวอยู่ดีในความคิดของผู้คน
“เตรียมทุกอย่างให้พร้อม มิใช่สำหรับงานแต่ง แต่เป็นการเดินทางติดตามสามีข้าสู่ชายแดน”
หานชินออกคำสั่งที่ดูเรียบง่าย แต่ย่อมมีความนัยแอบแฝงที่รู้กันแค่เพียงคนสนิทเท่านั้น
“เพคะ องค์หญิงโปรดวางพระทัย ทุกอย่างจะมิขาดตกบกพร่อง แล้วเรื่องชุดแต่งงานเล่าเพคะ”
“จะทำแบบไหนก็ตามใจ ข้ายังไงก็ได้”
หญิงสาวส่งสัญญาณมือเล็กน้อย เป็นการบอกว่านางไม่อยากรับรู้เรื่องการแต่งงานอีก แม่นมชุ่ยอิงจำต้องปล่อยให้ผู้เป็นนายดื่มสุราเงียบ ๆ โดยมีขันทีคนสนิทคอยดื่มเป็นเพื่อน
ในตำหนักนอกวังแห่งนี้ ทั้งสุราและดนตรีต้องเป็นเลิศ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ผู้ติดตามต้องดื่มเก่งมิให้แพ้ผู้เป็นนาย การที่แม่นมเช่นนางไม่คิดห้ามปราม เพราะรู้ดีถึงเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ ยามทำหน้าที่องค์หญิงของนางหาได้ยิ่งหย่อนกว่าผู้ใด และสิ่งที่ทรงแบกรับไว้หนักเกินกว่าสตรีทั่วไป จะสามารถแบกรับเพียงลำพังเช่นองค์หญิงของนางได้
จวนเสนาบดีหลิวจง
“กรี๊ด!!!”
เสียงกรีดร้องของคุณหนูรองสกุลหลิว ดังก้องทั่วเรือนหลังงาม ข่าวเรื่องการแต่งงานของชายที่หมายปอง กับองค์หญิงมีราคีผู้นั้น มันไม่ควรเกิดขึ้น นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกับเรื่องนี้
ทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดบ้างไม่รู้ ว่านางนั้นคือคนที่ถูกวางให้เป็นภรรยาเอกจวนแม่ทัพหวังลู่ฉง แม้ฝ่ายชายจะยังไม่เอ่ยปากทาบทามสู่ขอ แต่การที่เขามิได้ปฏิเสธถึงการไปมาหาสู่ นั่นย่อมเป็นการบอกได้ว่านางคือสตรีอันดับหนึ่งที่เขาจะเลือกอย่างแน่นอน
“หยุดบ้าได้แล้ว อี้ชิว”
เสียงดุดันที่ปนไปด้วยโทสะของเสนาบดีหลิว ทำให้ใบหน้างามจำต้องเม้มปากแน่น โผเข้ากอดมารดา ที่ก้าวติดตามผู้เป็นบิดาเข้ามาในเรือน
“แต่ลูกรักท่านแม่ทัพนี่เจ้าค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยเถียงบิดาด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น หญิงสาวกระตุกเสื้อมารดาเบา ๆ เพื่อให้ผู้เป็นแม่ช่วย
“รักอย่างนั้นรึ ฮึ! หากมิใช่เพราะข้าต้องการใช้งานเขา คนเยี่ยงหลิวลู่ฉงย่อมไม่มีวันได้ยลโฉมเจ้าแน่อี้ชิว”
เสนาบดีหลิวพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ อยู่ ๆความตั้งใจของเขาก็พังลงอย่าไม่เป็นท่า มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าหวังลู่ฉง มิได้รักใคร่อันใดบุตรสาวของเขาเลย
แต่ที่แม่ทัพหนุ่มไม่แก้ข่าวลือ นั่นเพราะชายหนุ่มคงวางบุตรสาวของเขาเอาไว้เป็นตัวเลือกแรก เพื่อที่จะแต่งเข้าจวนเมื่อถึงวัยออกเรือน แต่ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้ จะช่วงชิงตำแหน่งเมียเอกให้กับองค์หญิงหานชินไปเสียก่อน
“ท่านพ่อ ไยกล่าวเช่นนั้นเจ้าคะ”
หลิวอี้ชิวรู้ดีแก่ใจ ว่าครั้งแรกที่นางพยายามโดดเด่นในสายตาแม่ทัพหนุ่ม ก็เพื่อเหตุผลทางการเมืองของผู้เป็นบิดา หากถามใจของนางว่ารักเขาไหม นางตอบได้ไม่เต็มปากนัก แต่นางมิอยากเสียหน้าต่อคุณหนูบ้านอื่น ซึ่งทุกคนรู้ดีว่านางกับแม่ทัพหนุ่มคือคนที่เหมาะสมกัน
“ฝ่าบาททรงตั้งใจที่จะตัดเส้นทางของข้า จึงได้ให้องค์หญิงหานชินแต่งกับหวังลู่ฉง พี่สาวเจ้าที่อยู่ในวังตอนนี้ก็มิได้รับความโปรดปราณเช่นเดิม เห็นทีข้าต้องลงมือทำบางอย่างเสียแล้ว”
หลิวอี้ชิวได้แต่นิ่งเงียบ นางเคยวาดหวังที่จะเข้าวัง แต่ผู้เป็นพ่อกลับให้นางพยายามมัดใจหวังลู่ฉง และเมื่อเขาไม่ได้ปฏิเสธนางเช่นครั้งแรกที่รู้จัก อีกทั้งยังเริ่มให้ความสนใจนางบ้างแล้ว ทว่าวันนี้เจ้าสาวของเขากลับมิใช่นาง มันช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก
“คนเช่นข้ามิชื่นชอบความพ่ายแพ้ เป็นเมียเอกไม่ได้ข้าก็จะเป็นเมียรองที่มัดใจเขาไว้แต่ผู้เดียวให้ได้”
“อี้ชิว!!!!”
เสนาบดีหลิวกับภรรยาถึงกับดวงตาเบิกกว้าง ด้วยไม่คิดว่าบุตรสาวคนรองจะกล้าเอ่ยออกมาเช่นนั้น เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการลดลดศักดิ์ศรีของตนเอง เพียงเพื่อร้องขอตำแหน่งภรรยาจากหวังลู่ฉง ย่อมต้องเป็นที่ขบขันของผู้คนทั่วแผ่นดินอย่างแน่นอน
ใบหน้างามเชิดขึ้นสูง ความหมาดมั่นในสายตาของหลิวอี้ชิว บอกได้เป็นอย่างดีว่านางจะทำเรื่องนี้จริง ๆ ต่อให้ผู้คนจะหัวเราะเยาะนางก็มิคิดใส่ใจ เพราะมันจะเป็นตำแหน่งเมียรอง เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อใดที่สิ้นองค์หญิงหานชิน ตำแหน่งฮูหยินเอกก็มิพ้นมือนาง
“ไม่เห็นแก่หน้าข้า เจ้าก็ควรเห็นแก่พี่สาวของเจ้าบ้าง”
“แล้วมีผู้ใดเห็นแก่ข้าบ้าง การเป็นเมียรองของราชบุตรเขย มันสูงส่งกว่าเป็นเมียเอกของบางสกุลอีกนะเจ้าคะ และมันไม่หรือเจ้าคะที่เราจะยังมีเขาเอาไว้ใช้งาน”
เสนาบดีหลิวนิ่งคิดตามคำพูดของบุตรสาว ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ แล้วก้าวออกจากห้องไป โดยที่ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก หากคิดถึงเรื่องหน้าตาทางสังคม อาจมีบ้างที่ถูกเย้ยหยัน แต่หากคิดในแง่ของการเป็นพ่อตาร่วมกับฮ่องเต้ มันก็มิใช่เรื่องน่าอับอาบอันใด
สิบวันต่อมา ณ จวนสกุลหวัง งานแต่งระหว่างแม่ทัพหวังลู่ฉงกับองค์หญิงหานชิน ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของทั้งคู่ ซึ่งทุกอย่างดูจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ทว่ายังไม่ทันรุ่งสาง ประตูเมืองจำต้องถูกเปิดออก เพื่อให้ขบวนทัพของแม่ทัพหนุ่มเดินทางออกสู่สายแดนทิศเหนือ ตามที่ชายหนุ่มได้ทูลขออนุญาตจากองค์ฮ่องเต้หลังพิธีสมรส ภายในรถม้าคันใหญ่ องค์หญิงหานซินยังคงหลับใหลอยู่บนผ้าปูขนสัตว์หนานุ่ม โดยมีแม่นมชุ่ยอิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มและทหารทุกคนรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก นั่นคือเหล่าบุรุษรูปงามขององค์หญิงหานชิน ที่ติดตามไปชายแดนในครั้งนี้ด้วย หวังลู่ฉงมองบุรุษทุกคนในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีดำแดง ตัดเย็บอย่างประณีต ทุกคนล้วนแต่งกายเหมือนกัน บนศีรษะมีหมวกปีกกว้างสวมปิดบังใบหน้า ไร้รอยยิ้มหรือเสียงพูดคุย ทุกคนนั่งนิ่งเสมือนรูปปั้นอยู่บนหลังอาชาสีดำตัวใหญ่ ดูองอาจมิต่างจากทหารกล้าในกองทัพ หากไม่รู้ว่านี้คือเหล่าบุรุษจากตำหนักหานชิน คงคิดว่าเป็นทหารองครักษ์จากวังหลวงเสียมากกว่า ขบวนทัพเคลื่อนตัวออกพ้นประตูเมืองมาได้เล็กน้อย ก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้น
หนึ่งเดือนต่อมา“เราใกล้จะถึงสุ่ยหลานรึยังต้านหลี่”เสียงหวานเอ่ยถามคนสนิท ที่กำลังตั้งใจย่างปลาตัวใหญ่ให้แก่นาง ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมันเกินหนึ่งเดือนมาแล้วนั่นเอง หากไม่เพราะสามีต้องการกลั่นแกล้งนางระหว่างทาง ป่านนี้คงถึงที่หมายไปนานแล้ว“ไม่น่าจะเกินบ่ายพรุ่งนี้ขอรับ ตามจริงท่านแม่ทัพมิใช่เพียงกลั่นแกล้งนายหญิง แต่ข้าน้อยคิดว่าหมู่บ้านรายทางที่ท่านแม่ทัพแวะเวียน ต่างมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ขอรับ”“ข้ารู้ แต่ทำงานเช่นเขามันโจ่งแจ้งจนเกินไป”“เรื่องงานลับ ๆ มันหน้าที่นายหญิงมิใช่หรือขอรับ”ต้านหลี่เย้าผู้เป็นนาย เขารู้ดีถึงเป้าหมายที่นายหญิงของเขาต้องการที่จะพบ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาจำต้องติดตามท่านแม่ทัพหวัง จะทำงานอย่างรวดเร็วเช่นที่ผ่านมาย่อมไม่อาจทำได้“ช่างเถอะ! เป็นข้าที่ผิดเอง ดันมิน่าถนอมดั่งหยกงามทั่ว ๆ ไป”หานชินแกล้งประชดชายหนุ่ม ทว่าดวงตาคู่งามกลับมองไปอีกด้าน ที่มีร่างสูงของใครอีกคนมองมาที่นางอยู่แล้วเช่นกันบ่ายวันถัดมาขบวนทัพได้หยุดพักใกล้กับหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างหมู่บ้านสุ่ยหลาน หัวหน้าหมู่บ้านได้ออกมาเชิญแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินของเขา เข้าไปพักในหมู่บ้านในยามค่ำคืนจ
“เล่นที่อื่น มิใช่...อื้อ...ตะ...ตรงนี้”“ท่านชอบให้เล่นตรงนี้หรอ...”หญิงสาวเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงอ้อแอ มิเพียงคำพูดดวงตาฉ่ำเยิ้มจากฤทธิ์สุรา ยังช้อนขึ้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มซุกซน แม่ทัพหนุ่มถึงกับขนลุกชันไปทั้งร่าง เมื่อมือบางเริ่มคลำขึ้นลงช้า ๆ เสมือนแก่นกายของเขาเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนางแม่ทัพหนุ่มคำรามในลำคอ เมื่อความอดกลั้นของเขาเริ่มจะขาดลง หมับ! มือหนารีบกุมข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนที่นางจะขยับมือซุกซนมากไปกว่านี้“หยุดได้แล้ว”แม้ปากจะห้าม ทว่าชายหนุ่มกลับมิได้ผลักไสคนที่ยังวนเวียนจะจับส่วนล่างของเขา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสียงอ้อแอที่ดังอยู่กับอกนั้น บอกได้เป้นอย่างดีว่านางกำลังเมา มิใช่การเสแสร้ง สุราป่าเช่นนี้หากคนมิคุ้นเคย มักที่จะเมามายจนแทบสิ้นสติได้เลยทีเดียว แม้แต่ตัวเขาเองที่ดื่มมานับครั้งไม่ถ้วนยังรู้สึกมึนเมามิน้อย“ยืนนิ่ง ๆ ข้าจะเปลี่ยนชุดให้ เจ้าจะได้พักผ่อน”หานชินพยายามที่จะลืมตามองคนพูดให้ชัด ๆ แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างที่คิด ร่างบางโอนเอนเซจะล้มอยู่หลายหน จนในที่สุดแผ่นอกที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นสุราคือที่พักของนาง“ทำไมหน้าอกของท่านมีขนเช่นนี้เล่า ข้ามิเคยรู้มาก่อนว่าหน
“อ๊า...ทะ...ท่านพี่ อ๊า...”หานชินครางเรียกสามี เมื่อนางเหมือนกำลังโดนกลั่นแกล้ง มือบางขยุ้มผมดกดำแรงขึ้น เมื่อนิ้วของสามีเริ่มขยับขึ้นลงอีกครั้ง โดยที่ปากของเขายังครอบครองดูดดึงยอดถันของนางอย่างหิวกระหาย“พี่จะสอนให้เจ้าอย่าได้ซุกซนอีก”ชายหนุ่มยังคงเอ่ยเย้า ด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากับอกเต่งตึงของภรรยา ก่อนจะขยับเลื่อนใบหน้าลงมายังหน้าท้องแบนราบ แม่ทัพหนุ่มใช้ปลายลิ้นเลียวนรอบ ๆ สะดือเล็ก ก่อนจะระรัวปลายลิ้นหยอกเอินเบา ๆ โดยที่นิ้วเรียวยังขยับอยู่ยังร่องสวาทที่ฉ่ำไปด้วยน้ำเหนียวเยิ้มหานชินแอ่นกายขึ้นรับปลายลิ้นของสามี โดยที่มือบางเปลี่ยนจากขยุ้มผมชายหนุ่ม เป็นกำผ้าปูที่นอนแน่น หญิงครางไม่เป็นสรรพเมื่อปลายลิ้นร้ายได้ลากต่ำลงไปยังเนินสวาทของนาง“อ๊ะ...โอ๊ว...อ๊า...”หวังลู่ฉงใช้สองมือจับต้นขางามขยับแยกออกกว้างกว่าเดิม ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องกลีบบางยาว ๆ ก้นงอนงามยกรับการจู่โจมจากปากของเขาอย่างเป็นธรรมชาติชายหนุ่มใช้นิ้วค่อย ๆ เปิดกลีบบางออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดงสด เขามิรอช้าก้มลงดูดชิมเม็ดสวาทฉ่ำเยิ้มนั้นแรง ๆ สลับใช้ปลายลิ้นระรัวถี่ ๆ ชายหนุ่มลากลิ้นลงตามร่องกลีบอีกครั้งจนถึงรู
หานชินทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวใช้ลิ้นตวัดวนรอบท่อนเอ็นที่อยู่ในปากด้วยความอยากรู้ ยิ่งเสียงคำรามประหนึ่งสัตว์บาดเจ็บของสามีดังเข้าหูเป็นระยะ ความฉ่ำเยิ้มของนางเองก็เกิดขึ้นมิแพ้สิ่งที่นางกำลังดูดกลืนอยู่ในปากตอนนี้เช่นเดียวกัน หญิงสาวเลื่อนปากขึ้นมาจนสุดปลายท่อน ก่อนจะดูดเน้น ๆ ในส่วนปลายหนัก ๆ แล้วใช้ปลายลิ้นลากยาวลงไปจนถึงพวงสวรรค์ของชายหนุ่ม หญิงสาวตวัดเลียจนเปียกชื้นสลับขบกัดเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะลากลิ้นเลียตั้งแต่โคนจนถึงปลายท่อนอีกครั้ง แม้จะยังคงไม่ชำนาญมากนัก แต่การกระทำของนางกลับทำให้แม่ทัพหนุ่ม คำรามก้องจนพูดแทบมิได้สรรพเลยก็ว่าได้ มือหนากดศีรษะภรรยาให้แนบกับแก่นกาย ในตอนที่นางครอบครองมันอีกครั้ง เสียงดูดหนัก ๆ ของภรรยาผสมผสานกับความเปียกชื้นจากน้ำลายของนาง ทำให้อารมณ์ดิบของแม่ทัพหนุ่มพลุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดออกมาแล้วในตอนนี้ เอวสอบเด้งสวนรับกับการขยับปากของภรรยา มือหนาที่รวบจับศีรษะของนาง ยังคงควบคุมการเลื่อนเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จากช้า ๆ กลายเป็นกระชั้นถี่ขึ้น แม่ทัพหนุ่มไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว ชายหนุ่มขยับถอดท่อนมั
ยามสายวันถัดมาร่างสูงได้ก้าวออกจากห้องพัก ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มยังคงเรียบเฉย จะมีเพียงสายตาที่มองไปยังบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น ที่ดูจะฉายชัดถึงความไม่ชอบใจนัก“ท่านแม่ทัพ”เป็นแม่นมชุ่ยอิงที่ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะมองเลยไปยังประตูห้องพักของผู้เป็นนาย“อย่าเพิ่งกวนนาง ปล่อยให้ตื่นเองมิต้องไปปลุก หากไม่มีคำสั่งของข้าผู้ใดก็ห้ามเข้าไปข้างในเด็ดขาด”แม่ทัพหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน โดยที่สายตานั้นยังจับจ้องอยู่กับคนที่เขาไม่อยากให้เฉียดใกล้ภรรยา“เจ้าค่ะ”ชุ่ยอิงรับคำก่อนจะขยับหลีกทางให้แก่ท่านแม่ทัพ ไม่มีคำถามหรือความสงสัยอื่นใดออกจากปากของแม่นมสูงวัยอีก นางมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น หากสิ่งนั้นมิได้ทำร้ายองค์หญิงของนางทุกคำสั่งของท่านแม่ทัพนางมิคิดโต้แย้งใด ๆ ทั้งนั้น เรื่องของสามีภรรยาอย่างไรเสียนาและเหล่าผู้ติดตามก็คือคนนอก มิควรสอดรู้หรือก้าวก่าย เมื่อลับร่างของแม่ทัพหนุ่มไปแล้ว ชุ่ยอิงจึงหันไปยังคนที่ยังยืนมองหน้าประตูห้องของผู้เป็นนายมิยอมจาก“ท่านป้า ไยฮูหยินยังไม่ออกมาอีกเล่าขอรับ”บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ปร
ร่างสูงก้าวตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้ยังใต้ต้นท้อ สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกแปลกใจอีกครั้ง องค์หญิงหานชินที่ผู้คนกล่าวขานว่าเหย่อหยิ่ง ไยที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้มันมิเป็นเช่นนั้นนางดูเป็นกันเองกับทุกคน ไม่ถือยศศักดิ์กับชาวบ้าน นางกลับสำราญใจในการกินอาหารตรงหน้า ที่มิได้เลิศรสเท่าใดนัก เสียงหัวเราะที่ไร้จริต ทำให้เขาไม่รู้จะเอ่ยคำว่าแปลกใจอีกสักกี่หนดี“ท่านแม่ทัพมาแล้วหรือ มาเร็วกินข้าวกัน”หานชินกวักมือเรียกสามี โดยมืออีกข้างยังคงถือไก่เอาไว้ชิ้นโต แววตาสดใสของนาง ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย เพราะเมื่อคืนเขาและนางเพิ่งร่วมเตียงกันมาแท้ ๆ‘มิรู้จักเขินอายข้างบ้างเลยรึอย่างไรกัน’ชายหนุ่มเดินหน้าตึงไปนั่งลงข้างภรรยา ก่อนจะมองดูถ้วยข้าวของตนเอง ที่นางเพิ่งคีบไก่มาวางให้เมื่อครู่ แม่ทัพหนุ่มชำเลืองมองภรรยา ที่เอาแต่คุยจ้อกับชาวบ้านอะ...แฮ่ม! แม่ทัพหนุ่มกระแอมเสียงค่อนข้างดัง เพื่อดึงความสนใจของภรรยา“ข้าวติดคอหรือ อ่ะนี่น้ำ”หานชินยื่นถ้วยชาให้แก่สามี ดวงตากลมโตที่มองมาทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว ผิดกับวงหน้างามที่ประดับด้วยร้อยยิ้มกว้าง“น้องหญิง เจ้าควรเรียก
“มั่นใจเหลือเกินนะ”หานชินบีบท่อนแขนสามีเป็นจังหวะ เพื่อให้เขาผ่อนคลายความตึงเครียดในตอนนี้ สองสามีภรรยากำลังประเมินคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่า ในขณะที่หญิงสาวกำลังต่อคำเพื่อถ่วงเวลาของอีกฝ่าย“อย่าเสียเวลามายอกย้อนอยู่อีกเลย มอบลมหายใจของพวกท่านแก่พวกข้าจะดีกว่า”เอ่ยจบชายสวมชุดดำ ได้พุ่งเข้าหาทั้งคู่ในทันที แม่ทัพหนุ่มผลักร่างภรรยาให้พ้นจากคมอาวุธ ก่อนที่เขาชักกระบี่ออกจากฝักเข้ารับมือคู่ต่อสู้ หนึ่งในคนร้ายพุ่งเป้าไปที่องค์หญิงหานชินหญิงสาวขยับถอยหลังเล็กน้อย พร้อมเบี่ยงตัวหลลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ชายชุดดำพุ่งตามไปมิห่างเช่นกัน หานชินมองไปยังสามีที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูนางอยากที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาเหลือเกิน แต่หากทำเช่นนั้นทุกอย่างจะต้องพังลงก่อนถึงที่หมายอย่างแน่นอน หญิงสาวล้วงเอาปี่ในอกเสื้อออกมาเป่า พร้อมขยับหลบหลีการโจมตีไปด้วยเคร้ง! ก่อนที่ดาบใหญ่จะถึงตัวของหานชิน ได้ถูกขัดขวางเอาไว้ได้ทัน ซึ่งเป็นหนึ่งในบุรุษรูปงาม ผู้ติดตามของหญิงสาวนั่นเอง ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของคนร้ายใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้ม ดวงตาที่จ้องมองไปยังคนที่หมายชีวิตของผู้เป็นนายนั้น
“ทำไม! ท่านคิดจะร้องขอชีวิตจากข้าเช่นนั้นรึ”แววตาไหวระริกด้วยความตื่นเต้นพลันฉายชัดให้เห็น เรียวปากบางคลี่ยิ้มกว้าง“ไม่จำเป็น เพราะข้ารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”แม่ทัพหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังตกเป็นรองของเขา มิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย“ยโสยิ่งนัก ไป๋เจี้ยนถง ข้าเองก็อยากรู้นัก ว่าท่านจะผยองเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน”เมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย ความขุ่นเคืองพลันบังเกิดขึ้นมาภายในใจของหญิงสาว ประหนึ่งภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุก็มิปาน“สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นที่ข้ามองอยู่เสมอ เจ้าอยากทำร้ายข้านั้นมิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่การที่เจ้าขายแผ่นดินบ้านเกิด นี่ต่างหากที่ทำให้ข้าไม่อาจลดตัวร้องขอสิ่งใดจากคนเช่นเจ้า”“เก็บคำพูดอันสวยงามของท่านแม่ทัพ ไปรอตอบคำถามของฝ่าบาทในยมโลกจะดีกว่านะ เพราะข้าสนแค่คนที่ข้ารักเท่านั้น ผู้อื่นหาได้อยู่ในสายตาข้าไม่”แม้คำพูดจะยังถากถางชายหนุ่ม ทว่าความรู้สึกบางอย่างเตือนให้นางระวังตัวจากบุรุษผู้นี้ คนเช่นไป๋เจี้ยนถงเช่นนั้นรึจะพลาดพลั้งได้โดยง่าย เขากรำศึกมาตั้งแต่อายุสิบห้าย่อมยากที่จะถูกลวงได้โดยง่าย‘หรือว่า....’ “ขนาดนี
สามเดือนต่อมา “ท่านลุง เหตุใดท่านพี่ยังมิกลับมาอีกเล่า” เพ่ยเพ่ยเอ่ยถามพ่อบ้าน “เรียนฮูหยิน ข้าน้อยได้ส่งคนไปดูที่ค่ายทหารแล้วขอรับ” “ท่านลุงมีสิ่งใดที่ยังมิได้บอกข้าอยู่หรือไม่” เพ่ยเพ่ยจ้องพ่อบ้านด้วยสายตาคาดคั้น นางอาจเป็นเพียงท่านหญิงผู้บอบบางในสาตาผู้อื่น แต่นั่นมันชูเพ่ยเพ่ยที่ตายไปแล้ว มิใช่นางคนปัจจุบัน “ข้าน้อยคิดว่าฮูหยิน เอ่อ...กลับไปพักสักหน่อยเถอะนะขอรับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” “จะให้ข้าหาคำตอบเอง หรือจะบอกข้ามา” ชายชราได้แต่อ้ำอึ้ง เมื่อถูกนายหญิงบีบคั้นทั้งคำพูดและสายตา เวลานี้ท่านหญิงชูดูจะมิใช่สตรีอ่อนหวานไร้เดียงสาเช่นทุกวัน แต่เป็นอีกคนที่เขาเองเหมือนจะมิรู้จักเลยก็ว่าได้ “เอ่อ...” “สามีข้าหายไปสองวัน คิดว่าจะปิดข้าอีกนานแค่ไหนกัน” “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนขอรับ....” ในที่สุดพ่อบ้านชราก็ไม่อาจที่จะปิดบัง ความจริงกับผู้เป็นนายหญิงได้อีก การหายตัวไปของท่านแม่ทัพ นับเป็นความสั่นคลอนภายในกองทัพ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป “ท่านล
ชายหนุ่มพยายามข่มความต้องการเอาไว้ หากทำเช่นใจต้องการในตอนนี้ อาจเป็นครั้งแรกที่มิน่าประทับใจเท่าใดนัก ชายหนุ่มพรมจูบไปตามผิวเนียนละเอียดอย่างเชื่องช้ามือหนาลูบไล้ขึ้นลงตามท่อนขาเรียวงาม ก่อนจะมาหยุดยังเนินเนื้อที่ปกคลุมไปด้วยปุยขนบาง ๆ ทำให้ความต้องการแล่นพล่านไปทั่วกายอีกครั้ง ท่อนเอ็นเจ็บร้าวเรียกร้องการปลดปล่อยนิ้วแกร่งค่อย ๆ กรีดลงตามร่องภายใต้ปุยขนสีดำ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับติ่งเล็กด้านใน ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวซ่าน มือบางที่สอดอยู่ภายใต้กลุ่มผมหนาของสามี เผลอขยุ้มอย่างแรง“พี่จะทำให้ครั้งแรกของเราเป็นที่จดจำ และจะเป็นเช่นนี้จนชั่วชีวิตสามีภรรยาของเรา”ชายหนุ่มเอ่ยเบา ๆ โดยที่เขาทำเพียงช้อนสายตาขึ้นมองภรรยา ก่อนจะพรมจูบสลับตวัดปลายลิ้นเลียไปทั่วหน้าท้องแบนราบ“อ่า ท่านพี่ข้าเสียวยิ่ง...อ่า”เพ่ยเพ่ยครางออกมาเมื่อนิ้วของสามีขยับเคลื่อนไหวมิหยุด หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงขาดห่วง เมื่อความเสียวกระสันกำลังครอบครองกายนางแม่ทัพหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงต่ำ ก่อนจะใช้มือแยกขาเรียวออกกว้าง ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องสวาทอย่างเชื่องช้า ยิ่งเวลานี้กลีบบางแยกออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดง ควา
“เจี้ยนถง” “ที่เจ้าแสดงอาการหึงหวงข้า เพียงเพราะอยากชนะเพ่ยเพ่ยก็เท่านั้น หาได้คิดอย่างที่เจ้าเพียรบอกตนเองเลยแม้แต่น้อย” “ฮ่า ๆ ใช่แล้วจะทำไม นางมารน้อยนั่น ร้ายกาจกว่าที่ท่านรู้เสียอีกเจี้ยนถง” “ข้าเหมือนลาโง่เช่นนั้นรึ ข้าแค่พอใจในนางมารน้อยของข้าที่นางเป็นเช่นนั้น และเจ้าล้ำเส้นแตะต้องนาง” อี้ชิวถึงกับใบหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินความจริงจากปากของชายหนุ่ม เช่นนั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่นางอยู่กับชูเพ่ยเพ่ย ชายหนุ่มเห็นมันอยู่โดยตลอด และนางมารน้อยนั่นก็ต้องรู้อยู่แล้วเช่นกัน “ช่างสมกันยิ่งนัก” “นี่คงเป็นความจริงใจเดียว ที่เจ้ากล่าวออกมาสินะ ข้าขอบคุณก็แล้วกันที่เจ้ามองเห็นมันแล้ว” “ท่านมันไร้หัวใจ เจี้ยนถง” “หึ ๆ หากข้าเป็นเช่นเจ้าว่ามาจริง เจ้าไม่คงอยู่ที่นี่กระมังแม่นางอี้ชิว แต่เพราะข้ามีหัวใจ เจ้าจึงมิสมควรได้รับการอภัย ที่แตะต้องหัวใจของข้า” “ฮ่า ๆ มีตรงไหนที่ข้าพ่ายแก่นางมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์กัน” อี้ชิวอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงเหลือเกิน ทว่านางกลับทำได้เพียงหัวเร
เพี๊ยะ ๆ เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้างามดังให้ได้ยินชัดเจน อี้ชิวรู้ตัวอีกทีใบหน้าของนางได้สะบัดไปมาหลายรอบ เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปาก หญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์มีหรือจะไม่รู้ว่าแรงของฝ่ามือที่กระทบใบหน้าของตนเองนั้น แฝงไปด้วยพลังยุทธ์ “เจ้าท้าทายข้า เช่นนั้นวันนี้เป็นข้าที่จะลงมือสั่งสอนเจ้าสักหน่อย” เอ่ยจบร่างงามได้พุ่งเข้าหาคนที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ปึก! เพียงฝ่ามือเดียวเพ่ยเพ่ยเซถอยไปไกล พรึ่บ! ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะล้มลงถึงพื้นดิน กลับมีท่อนแขนแกร่งเข้ามารับเอาไว้ทันเสียก่อน “ท่านพี่ อึก!” เพ่ยเพ่ยกระอึกเลือดสีแดงออกมาคำใหญ่ ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกลับร้อนใจ เมื่อเห็นอาการของภรรยา ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นสู่อ้อมแขน ก่อนจะหันไปมองคนที่ลงมือต่อภรรยาของเขา “หากนางเป็นอันใดไป ชีวิตเจ้าจะไม่เหลือแม้แต่ชื่อให้ผู้คนได้กล่าวถึง” “แต่นางลงมือต่อข้าก่อนนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ” “เพ่ยเพ่ย ไร้วรยุทธ์ไหนเลยจะลงมือต่อเจ้าได้รุนแรง เพียงฝ่ามือบาง ๆ ของนาง รึจะเจ็บปวดถึงชีวิตเช่นที่เจ้าทำต่อน
เส้นทางสู่วัดชิงอัน ฮี่ ๆ ม้าที่กำลังวิ่งมาเต็มกำลังจำต้องหยุดลง อาการแตกตื่นของม้ามิได้ทำให้ทุกคนตกใจ เท่ากับที่มีร่างของใครอีกคนนอนนิ่งอยู่กลางถนนขวางทางอยู่ แท่ทัพหนุ่มโน้มกายปลอบใจอาชาคู่ใจ เมื่อม้าทุกตัวสงบลง ทหารคนสนิทได้วิ่งลงไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนาย “เรียนท่านแท่ทัพ นางยังมีลมหายใจอยู่ขอรับ” “พาไปยังอารมด้วยเลยก็แล้วกัน ที่นั่นมีไต้ซือถงอยู่คงพอจะรักษานางได้” “ขอรับท่านแม่ทัพ” ชายหนุ่มเร่งกลับไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขน ในขณะที่ม้าของแม่ทัพหนุ่มก้าวผ่าน ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้างามนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะกระตุ้นม้าให้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะสนใจหญิงสาวในอ้อมแขนของคนสนิท ‘มองเมินข้าเกินไปแล้วนะ เจี้ยนถง’ หญิงสาวขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ภายในใจ นางไม่คิดเลยว่าการกลับมาครั้งนี้ จะไม่อยู่ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มเลย ‘เจ้านำพาหัวใจข้าไปเมื่อครั้งในอดีต เมื่อมันตายไปแล้วก็นับว่าผ่านพ้น เวลานี้ใจของข้าได้กำเนิดใหม่
“สมควรที่จะเป็นเช่นนี้ เจ้าเล่นเดินไปทั่วเมือง” ชายหนุ่มประคองภรรยาไปนั่ง ทุกการกระทำของสองสามีภรรยา ทำให้ร่างระหงที่เพิ่งก้าวพ้นประตูเข้ามาหยุดชะงักไปชั่วขณะ ต่างจากเพ่ยเพ่ยที่กำลังยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ‘ชั้นเชิงของเจ้าที่ใช้นับว่าชาญฉลาด แต่ยังอ่อนหัดหากเทียบกับโลกที่ข้าจากมาอี้ชิว’ เพ่ยเพ่ยยังคงแสร้งออเซาะสามี ด้วยนิสัยของความเป็นเด็กที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มยากที่จะปฏิเสธได้ ชายหนุ่มย่อกายลงตรงหน้าของภรรยา ก่อนจะนวดที่น่องเรียวงาม เพ่ยเพ่ยยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ พร้อมชำเลืองมองไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ นางไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากสามีเลยนับตั้งแต่แต่งงาน ทว่านางจงใจทำให้ทุกช่วงเวลาอันเอื่อยเฉื่อยระหว่างนางกับเขา ให้ทุกครรลองสายตาของเขามีเพียงนาง โดยที่เขาไม่รู้ตัว แล้วเช่นนี้จะมีสตรีใดเล่าจะมาช่วงชิงสายตาของเขาไปจากนางได้ ‘ชีวิตอีกโลกข้ามัวแต่เก็บงำความรู้สึก มาชีวิตนี้ข้าจะไม่ยินยอมเสียโอกาสอีกเป็นอันขาด’ “คราวหลังห้ามทำเช่นนี้อีกรู้หรือไม่” “เจ้าค่ะ ข้าจะมิดื้อรั้นกับท่านพี่” เพ่ยเพ่ยตอบรับคำของสาม
“วันนี้เจ้าสมควรถูกลงโทษ” “ข้ายินดีรับ” เอ่ยจบชายหนุ่มได้ประทับจูบอีกครั้ง มือหนาเคล้นคลึงก้นงอนงาม โดยที่ท่อนเอ็นของเขาในเวลานี้อยู่ในกำมือบอบบาง ที่ล้วงเข้าไปในกางเกงของเขา “อ่า อื้อ อี้ชิว อ่า” ชายหนุ่มถึงกับขาสั่นเทา เมื่อมือนุ่มขยับเคลื่อนรูดไปตามท่อนเอ็นที่กำลังแข็งชูชันด้วยความเสียวซ่านจากการถูกปลุกเร้า หลังจากถอนริมฝีปากออกได้เพียงครู่เดียว กางเกงของเขาได้หลุดร่วงลงไปกองอยู่แทบเท้า โดยที่ร่างระหงนั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ปลายลิ้นเล็กตวัดผ่านปลายท่อนเอ็น ที่กำลังบานออกจนเผยให้เห็นรูเล็ก ๆ ที่มีน้ำใส ๆ ไหลเยิ้มออกมา หญิงสาวระรัวปลายลิ้นยังรู สลับดูดส่วนปลายแรง ๆ เพียงครู่เดียวท่อนเอ็นกว่าครึ่งลำ ได้อยู่ในปากอุ่นร้อนของหญิงสาว มือบางรูดขึ้นลงพร้อมกับห่อปากดูดรั้งท่อนเอ็นเอาไว้แน่นชายหนุ่มใช้สองมือจับศีรษะงามเอาไว้แน่น พร้อมทั้งขยับสะโพกเด้งสวนรับแรงดูดกลืนนั้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงลมหายใจเสมือนม้าศึกของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเพิ่มแรงดูดดึงท่อนเอ็นให้มากขึ้นชายหนุ่มไม่อาจทานทนต่อแรงกระตุ้นได้อีกต่อไป ชายหนุ่มถ
ทุกคนค้อมศีรษะให้แก่หญิงสาว ที่เวลานี้ยืนขึ้นค้อมหัวให้แก่ทุกคนอย่างนอบน้อม เพ่ยเพ่ยยังใจเย็นรั้งรอสามีอยู่เช่นเดิม ร่างสูงก้าวออกมายังหน้ากระโจมเป็นคนสุดท้าย คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ซึ่งน้อยคนนักจะได้เห็นการแสดงสีหน้าเช่นนี้ของแม่ทัพหนุ่ม “ท่านพี่ เพ่ยเพ่ยขออภัยเจ้าค่ะ ที่ดื้อรั้นรั้งรอท่านพี่อยู่ตรงนี้” น้ำเสียงดูเหมือนกำลังสำนึกผิด ทว่ารอยยิ้มและแววตานั้นหาได้เป็นเช่นคำพูดไม่ “เจ้ามีสิ่งใดเร่งด่วนเช่นนั้นรึ จึงได้มาหาข้าถึงที่นี่” แม่ทัพหนุ่มแสร้งไม่เห็นแววตาไหวระริกของภรรยา ทว่าเขากลับเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของสามี ทำเพียงมองไปยังตะกร้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มละมุนให้แก่สามี แววตาที่เคยสดใส เวลานี้สลดลงเล็กน้อย ด้วยความกริ่งเกรงในสายตาของผู้เป็นสามี “เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเช่นนี้เลย ไปเถอะที่นี่คงมิเหมาะให้กินอาหารสักเท่าใดนัก”ชายหนุ่มก้าวเข้ามาคว้าตะกร้าอาหาร ก่อนจะเดินนำไปยังทิศทางด้านหลังค่ายทหาร ร่างบางก้มหน้าน้อย ๆ เดินตามสามีไปเงียบ ๆ เพ่ยเพ่ยเบิกตากว้างเมื่อเห็นทิวท