หานชินทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวใช้ลิ้นตวัดวนรอบท่อนเอ็นที่อยู่ในปากด้วยความอยากรู้ ยิ่งเสียงคำรามประหนึ่งสัตว์บาดเจ็บของสามีดังเข้าหูเป็นระยะ ความฉ่ำเยิ้มของนางเองก็เกิดขึ้นมิแพ้สิ่งที่นางกำลังดูดกลืนอยู่ในปากตอนนี้เช่นเดียวกัน
หญิงสาวเลื่อนปากขึ้นมาจนสุดปลายท่อน ก่อนจะดูดเน้น ๆ ในส่วนปลายหนัก ๆ แล้วใช้ปลายลิ้นลากยาวลงไปจนถึงพวงสวรรค์ของชายหนุ่ม หญิงสาวตวัดเลียจนเปียกชื้นสลับขบกัดเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะลากลิ้นเลียตั้งแต่โคนจนถึงปลายท่อนอีกครั้ง
แม้จะยังคงไม่ชำนาญมากนัก แต่การกระทำของนางกลับทำให้แม่ทัพหนุ่ม คำรามก้องจนพูดแทบมิได้สรรพเลยก็ว่าได้ มือหนากดศีรษะภรรยาให้แนบกับแก่นกาย ในตอนที่นางครอบครองมันอีกครั้ง
เสียงดูดหนัก ๆ ของภรรยาผสมผสานกับความเปียกชื้นจากน้ำลายของนาง ทำให้อารมณ์ดิบของแม่ทัพหนุ่มพลุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดออกมาแล้วในตอนนี้
เอวสอบเด้งสวนรับกับการขยับปากของภรรยา มือหนาที่รวบจับศีรษะของนาง ยังคงควบคุมการเลื่อนเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จากช้า ๆ กลายเป็นกระชั้นถี่ขึ้น
แม่ทัพหนุ่มไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว ชายหนุ่มขยับถอดท่อนมังกรออกจากปากอุ่นร้อนของภรรยา ก่อนจะจับให้นางนอนราบ สองมือหยาบกร้านจับต้นขางามให้แยกออกว้าง
ชายหนุ่มขยับแทรกระหว่างกลาง ก่อนจะใช้มือหยาบลูบสัมผัสกับความฉ่ำเยิ้มของนางอีกครั้ง นิ้วแกร่งคลี่เปิดกลีบบางเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีหวาน ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วบดขยี้ยังเม็ดเล็กนั้นเบา ๆ
“ได้เวลาลงโทษเด็กซนแล้ว”
ชายหนุ่มขยับเข้าชิดเนินสวาทของภรรยา ก่อนจะจับท่อนมังกรที่กำลังเจ็บร้าวถูไปมาตามกลีบร่องอย่างช้า ๆ หญิงสาวครางกระเส่าด้วยความกระสันเสียว เมื่อปลายท่อนที่ขยายใหญ่กว่าครั้งที่อยู่ในปากของนาง กำลังจ่อยังรูเล็กแคบ ที่มิเคยมีสิ่งใดล่วงล้ำมาก่อนของนาง
หวังลู่ฉงถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อท่อนมังกรของเขามิอาจผ่านตามเส้นทางฉ่ำเยิ้มได้อย่างสะดวก ชายหนุ่มมองใบหน้างามที่มีแววตื่นกลัวด้วยความสงสัย ปนไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ หญิงถามพยายามกระถดถอยห่างจากเขาในตอนนี้
เป็นการยืนยันได้ดีว่านางมิเคยผ่านมือบุรุษใดมาก่อน ชายหนุ่มไม่สนใจที่จะถามอะไรในตอนนี้ เขาโน้มกายลงแนบกับหญิงสาว ก่อนจะกดจูบเบา ๆ แล้วเริ่มเร้าร้อนขึ้นตามลำดับ
ในตอนที่หญิงสาวกำลังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบ ชายหนุ่มได้ขยับดันท่อนมังกรในคราเดียวจนสุดทาง เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดถูกกลืนกินด้วยจูบสัมผัสของชายหนุ่ม
เขาค่อย ๆ ขยับดันสะโพกช้า ๆ เพื่อให้ความเจ็บปวดของหญิงสาวลดน้อยลงเสียก่อน จึงค่อย ๆ เพิ่มจังหวะให้กระชั้นถี่ขึ้น ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นนั่ง โดยมีขาสองข้างของหญิงสาวพาดอยู่บนต้นขาแกร่ง
เอวสอบขยับดันท่อนมังกรเข้าออกหนัก ๆ ลมหายใจหอบแรงดังขึ้นสลับเสียงคราง เมื่อเส้นทางเล็กแคบบีบรัดแน่นจนแก่นกายของเขา แทบจะไม่สามารถขยับเข้าออกได้โดยง่าย
“โอ้วว...อ๊า...ไยมันรู้สึกดีเช่นนี้เจ้าคะ อ๊า...ข้าเสียวเหลือเกิน อ๊า..”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ ทว่าเอวสอบกลับขยับกระแทกกระทันหนักขึ้น เสียงเนื้อกระทบกันดังปนเสียงครวญครางของหญิงสาว มือบางกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เพื่อระบายความซาบซ่านที่จู่โจมมิหยุดหย่อน ชายหนุ่มขยับเปลี่ยนท่าการรุกล้ำให้ถนัดขึ้น พร้อมกับเพิ่มแรงกระแทกแรง ๆ ตามคำเรียกร้องของภรรยา
ก่อนที่มือหยาบจะจับพลิกร่างงามให้คว่ำหน้า ชายหนุ่มรวบจับเอวคอดเพื่อยกสะโพกผายให้รับแรงกระแทกของเขาได้อย่างถนัดถนี่ ใบหน้างามที่ทาบอยู่บนที่นอนหนานุ่มบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่านไปทั้งร่าง ชายหนุ่มเร่งจังหวะขับเคลื่อนให้ถี่ขึ้น
ก่อนจะได้ยินเสียเร่งเร้าจากภรรยา ก่อนที่ร่างงามจะกระตุกเกร็งถี่ ๆ พร้อมกับการตอดรัดของเส้นทางสวาท ที่กำลังทำให้เขาจำต้องเพิ่มแรงกระแทกขึ้นอีกนับเท่าตัว
“อ๊า...”
ชายหนุ่มคำรามก้องเมื่อตัวเขาเอง ไม่อาจที่จะข่มกลั่นการปลดปล่อยเอาไว้ได้แล้วเช่นกัน ชายหนุ่มดันท่อนมังกรจนสุดเส้นทางสวาท ก่อนจะกดนิ่งค้างเอาไว้ พร้อมกับปล่อยสายธารอุ่นร้อนเข้าไปในกายของหญิงสาว
หวังลู่ฉงค่อย ๆ โน้มกายลงทาบทับร่างงามช้า ๆ โดยที่ยังมิได้ถอดถอนแก่นกายออกจากช่องทางสวาทของภรรยา ชายหนุ่มรวบกอดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ให้ขยับแนบชิดกับแผงอกแกร่งของตนเอง สองร่างที่เนื้อตัวชื้นเหงื่อ ต่างหอบหายใจแรง ๆ ด้วยความสุขสมและเหนื่อยล้าจากสงครามสามีภรรยา
“ไยพี่มิเคยรู้มาก่อน ว่าเจ้ามิเคย”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามข้างหูภรรยา ที่นอนหอบหายใจถี่ ๆ อยู่ในอ้อมกอด ยิ่งเมื่อนึกถึงการได้เป็นคนแรกของนาง ความหวงแหนพลันเกิดขึ้นมาในทันที ท่อนแขนแกร่งโอบกระชับหญิงสาวแน่นขึ้น ก่อนจะจูบซับหลังใบหูของนางหนัก ๆ ของภรรยา
หวังลู่ฉงหัวเราะในลำคอ เมื่อไม่มีคำตอบจากคนในอ้อมแขน ทว่ามีเพียงเสียงหายใจสม่ำเสมอมาแทนที่ บอกได้ว่าคนที่แนบกายเขาอยู่ในตอนนี้กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา
ชายหนุ่มค่อย ๆ ถอดถอนท่อนมังกร ที่ดูเหมือนมันจะตื่นอีกครั้งแล้วในตอนนี้ออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะลุกไปนำอ่างล้างหน้าพร้อมผ้ามาซุบน้ำเช็ดทำความสะอาดให้กับภรรยา
“เจ้าคือของขวัญล้ำค่าที่ฝ่าบาททรงตั้งใจมอบแก่ข้าสินะ”
ชายหนุ่มจูบแก้มภรรยาหนัก ๆ ครั้งหนึ่ง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกายนางอย่างเบามือ ก่อนที่เขาจะหายไปยังหลังฉากอาบน้ำเพื่อชำระร่างกาย และสงบสติอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง และจึงกลับมานอนโอบกอดภรรยาอีกครั้ง
ยามสายวันถัดมาร่างสูงได้ก้าวออกจากห้องพัก ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มยังคงเรียบเฉย จะมีเพียงสายตาที่มองไปยังบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น ที่ดูจะฉายชัดถึงความไม่ชอบใจนัก“ท่านแม่ทัพ”เป็นแม่นมชุ่ยอิงที่ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะมองเลยไปยังประตูห้องพักของผู้เป็นนาย“อย่าเพิ่งกวนนาง ปล่อยให้ตื่นเองมิต้องไปปลุก หากไม่มีคำสั่งของข้าผู้ใดก็ห้ามเข้าไปข้างในเด็ดขาด”แม่ทัพหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน โดยที่สายตานั้นยังจับจ้องอยู่กับคนที่เขาไม่อยากให้เฉียดใกล้ภรรยา“เจ้าค่ะ”ชุ่ยอิงรับคำก่อนจะขยับหลีกทางให้แก่ท่านแม่ทัพ ไม่มีคำถามหรือความสงสัยอื่นใดออกจากปากของแม่นมสูงวัยอีก นางมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น หากสิ่งนั้นมิได้ทำร้ายองค์หญิงของนางทุกคำสั่งของท่านแม่ทัพนางมิคิดโต้แย้งใด ๆ ทั้งนั้น เรื่องของสามีภรรยาอย่างไรเสียนาและเหล่าผู้ติดตามก็คือคนนอก มิควรสอดรู้หรือก้าวก่าย เมื่อลับร่างของแม่ทัพหนุ่มไปแล้ว ชุ่ยอิงจึงหันไปยังคนที่ยังยืนมองหน้าประตูห้องของผู้เป็นนายมิยอมจาก“ท่านป้า ไยฮูหยินยังไม่ออกมาอีกเล่าขอรับ”บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ปร
ร่างสูงก้าวตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้ยังใต้ต้นท้อ สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกแปลกใจอีกครั้ง องค์หญิงหานชินที่ผู้คนกล่าวขานว่าเหย่อหยิ่ง ไยที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้มันมิเป็นเช่นนั้นนางดูเป็นกันเองกับทุกคน ไม่ถือยศศักดิ์กับชาวบ้าน นางกลับสำราญใจในการกินอาหารตรงหน้า ที่มิได้เลิศรสเท่าใดนัก เสียงหัวเราะที่ไร้จริต ทำให้เขาไม่รู้จะเอ่ยคำว่าแปลกใจอีกสักกี่หนดี“ท่านแม่ทัพมาแล้วหรือ มาเร็วกินข้าวกัน”หานชินกวักมือเรียกสามี โดยมืออีกข้างยังคงถือไก่เอาไว้ชิ้นโต แววตาสดใสของนาง ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย เพราะเมื่อคืนเขาและนางเพิ่งร่วมเตียงกันมาแท้ ๆ‘มิรู้จักเขินอายข้างบ้างเลยรึอย่างไรกัน’ชายหนุ่มเดินหน้าตึงไปนั่งลงข้างภรรยา ก่อนจะมองดูถ้วยข้าวของตนเอง ที่นางเพิ่งคีบไก่มาวางให้เมื่อครู่ แม่ทัพหนุ่มชำเลืองมองภรรยา ที่เอาแต่คุยจ้อกับชาวบ้านอะ...แฮ่ม! แม่ทัพหนุ่มกระแอมเสียงค่อนข้างดัง เพื่อดึงความสนใจของภรรยา“ข้าวติดคอหรือ อ่ะนี่น้ำ”หานชินยื่นถ้วยชาให้แก่สามี ดวงตากลมโตที่มองมาทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว ผิดกับวงหน้างามที่ประดับด้วยร้อยยิ้มกว้าง“น้องหญิง เจ้าควรเรียก
“มั่นใจเหลือเกินนะ”หานชินบีบท่อนแขนสามีเป็นจังหวะ เพื่อให้เขาผ่อนคลายความตึงเครียดในตอนนี้ สองสามีภรรยากำลังประเมินคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่า ในขณะที่หญิงสาวกำลังต่อคำเพื่อถ่วงเวลาของอีกฝ่าย“อย่าเสียเวลามายอกย้อนอยู่อีกเลย มอบลมหายใจของพวกท่านแก่พวกข้าจะดีกว่า”เอ่ยจบชายสวมชุดดำ ได้พุ่งเข้าหาทั้งคู่ในทันที แม่ทัพหนุ่มผลักร่างภรรยาให้พ้นจากคมอาวุธ ก่อนที่เขาชักกระบี่ออกจากฝักเข้ารับมือคู่ต่อสู้ หนึ่งในคนร้ายพุ่งเป้าไปที่องค์หญิงหานชินหญิงสาวขยับถอยหลังเล็กน้อย พร้อมเบี่ยงตัวหลลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ชายชุดดำพุ่งตามไปมิห่างเช่นกัน หานชินมองไปยังสามีที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูนางอยากที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาเหลือเกิน แต่หากทำเช่นนั้นทุกอย่างจะต้องพังลงก่อนถึงที่หมายอย่างแน่นอน หญิงสาวล้วงเอาปี่ในอกเสื้อออกมาเป่า พร้อมขยับหลบหลีการโจมตีไปด้วยเคร้ง! ก่อนที่ดาบใหญ่จะถึงตัวของหานชิน ได้ถูกขัดขวางเอาไว้ได้ทัน ซึ่งเป็นหนึ่งในบุรุษรูปงาม ผู้ติดตามของหญิงสาวนั่นเอง ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของคนร้ายใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้ม ดวงตาที่จ้องมองไปยังคนที่หมายชีวิตของผู้เป็นนายนั้น
“นางคิดว่าข้าพูดเกินจริงไป เช่นนั้นเจ้าออกมายืนยันช่วยข้าอีกแรงจะเป็นไรไหม”ปัง! พูดจบฝ่ามือบางกระแทกไปยังพนังห้องอีกด้าน ด้วยกำลังภายในขั้นสูง ทำให้กำแพงที่คิดว่าหนาแตกออกเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ยังไม่ทันที่คน ซึ่งหลบซ่อนอยู่จะจากไป มือบางได้พุ่งเข้ากระชากลำคอของคนด้านในเอาไว้ได้อย่างแม่นยำหัวหน้าหมู่บ้านถึงกับดวงตาเหลือกลาน เพราะเขาไม่คิดมาก่อนว่าองค์หญิงหานชินจะมากด้วยฝีมือขนาดนี้ ปึก! ร่างของหัวหน้าหมู่บ้านถูกดึงกระทบกับกำแพงบางส่วนที่ยังไม่หลุดออกก่อนจะถูกลากให้ออกมาเผชิญหน้ากับเจ้าของห้อง ผู้เป็นแขกสูงศักดิ์ของหมู่บ้าน ด้วยสภาพที่น่าอดสูยิ่งนัก ใบหน้าที่เคยแฝงด้วยจริตของสตรี ที่เขาเห็นในคราแรกขององค์หญิงหานชิน บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไปเสมือนคนละคนเลยก็ว่าได้“เจ้ามันนังปีศาจ”“ก่อนจะกล่าวหาข้า เจ้ารู้จักข้าดีพอแล้วเช่นนั้นรึ”น้ำเสียงเย็นเยียบของหญิงสาว แทบจะทำให้เลือดในกายของผู้นำหมู่ไร้การสูบซีดเลยก็ว่าได้ ดวงตาที่เคยมีแววจริตจกร้าน ยามนี้มีเพียงความว่างเปล่า ไอสังหารเริ่มกดดันเขาจนเริ่มหายใจติดขัดเขาไม่เคยพบเจอสตรีเช่นนี้มาก่อนเลย และไม่คิดว่าองค์หญิงสูงศักดิ์เช่นนางจะมีไอสังหาร
รุ่งสางของวันใหม่ ขบวนทัพได้เคลื่อนตัวออกจากพื้นที่หมู่บ้านสุ่ยหลาน โดยคนในหมู่บ้านยังคงใช้ชีวิตเป็นปกติ จะมีเพียงครอบครัวของผู้นำหมู่บ้าน และชายหนุ่มหลายคนที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยส่วนคนที่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นได้ออกเดินทางต่อ โดยไม่คิดที่จะให้ความกระจ่างแก่ชาวบ้าน เพราะแท้จริงคนในหมู่บ้านสุ่ยหลานต่างเป็นคนของกลุ่มกบฏ เพียงแค่สองสามีภรรยาแสร้งทำเป็นไม่รู้ เพื่อให้อีกฝ่ายตายใจมากกว่าที่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นการเดินทางดูจะช้าลงกว่าในช่วงแรกที่ออกจากเมืองหลวง เพราะท่านแม่ทัพดูจะเป็นกังวลจนเก็บอาการไม่อยู่ แม่ทัพหนุ่มเกรงภรรยาจะล้มป่วยเพราะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงเทียวขึ้นไปบนรถม้าปลอบโยนภรรยา จนทำให้ทุกคนในขบวนรู้สึกขัดเขินแทนหวังฮูหยินเลยทีเดียว“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หากเหน็ดเหนื่อยให้รีบบอกรู้หรือไม่ อย่าได้ฝืนเป็นอันขาด เส้นทางต่อจากนี้จะลำบากกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะจะมีแต่ภูเขาและหิมะ”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยกับภรรยาน้ำเสียงอ่อนโยน หานชินแทบไม่อยากจะเชื่อหูตนเองว่าจากสามีที่จงชังนางเหลือเกิน เหตุใดตอนนี้ทุกคำพูดเสมือนเคลือบด้วยน้ำผึ้งก็มิปาน“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”ถึงกระนั้นแม่ทัพหนุ่มยังค
ต้วนถงก้าวเข้าประคองหลิวอี้ชิวให้ลุกขึ้น ก่อนจะพาหญิงสาวเดินไปหาแม่ทัพหนุ่มกับภรรยา“ข้าน้อยต้วนถง คารวะท่านแม่ทัพหวัง หวังฮูหยินขอรับ”“อี้ชิวคารวะท่านพี่ลู่ฉง องค์หญิง”หวังลู่ฉงสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์กรุ่นโกรธให้สงบลง ก่อนจะหันไปยังแขกที่ไม่รู้เหตุผลของการมาด้วยใบหน้าเรียบตึง“คุณชายต้วน คุณหนูหลิว เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”แม้จะรู้ความจริงดีอยู่แล้ว แต่หวังลู่ฉงก็ยังคงแสร้งมิรู้ความเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน สองหนุ่มสาวตรงหน้ายังอ่อนต่อโลกนัก แผนการเด็กเล่นเช่นนี้ใช้กับเขาไม่ได้แต่ก่อนที่จะทันได้ตอบ ไดมีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งห้อม้ามาอย่างรวดเร็ว เป้าหมายคือคนที่ยืนอยู่ทั้งหมด แต่ทว่า....“ท่านทั้งสอง กำลังหนีคนพวกนี้มาสินะ”“เจ้าค่ะ/ขอรับ”ต้วนถงหันมองหน้าหลิวอี้ชิวทันที เมื่อเห็นหนึ่งในบุรุษรูปงามขององค์หญิงหานชิน ลงมือต่อชายชุดดำทั้งหมด เพียงพริบตาทุกอย่างจบลง โดยที่ชายหนุ่มผู้นั้นไร้แม้แต่ร่องรอยขีดข่วน“เอ่อ...เขาคือ...”“ฮั่วอัน เป็นคนของฮูหยินข้าเอง ตอนนี้พวกท่านคงเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว ยังไงก็พักกับพวกข้าก่อน เรื่องของพวกท่านหากอยากที่จะบอกเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที ท่านป
ภายในกระโจม “ท่านพี่ ไยมิถนอมนางสักหน่อยเล่าเจ้าคะ”หานชินช่วยสามีผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนแสร้งพูดถึงสตรีอีกนางด้วยน้ำเสียงสั่นน้อย ๆ หวังลู่ฉงเชยคางเล็กให้เงยขึ้นสบตา ใบหน้างามงอง้ำเล็กน้อย ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอปากของสตรีนั้นมิเคยตรงกับใจเลยสักนิด ต่อให้ยังไม่เอ่ยปากว่ารักต่อกันแม้เพียงครึ่งคำ แต่เมื่อมีสตรีอื่นมาทอดสะพานให้แก่เขา ภรรยาตัวดีที่เคยร้ายกาจ กลับกลายเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่นิดหน่อยก็หน้างอ ประชดประชันไปเสียอย่างนั้น“อยากให้พี่ถนอมนางเช่นนั้นรึ”ชายหนุ่มแสร้งใช้น้ำเสียงไม่อ่อนโยนสักเท่าใดกับภรรยา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม“ก็นางเป็น...เอ่อ เคยเป็นคนรักเก่าของท่านพี่นี่เจ้าค่ะ”“มันก็อาจจะใช่อย่างที่เจ้าพูด เช่นนั้นคุณชายต้วนกับเจ้าก็คงเป็นอย่างที่นางพูดสินะ ใช่สิข้าก็เป็นเพียงสามีที่เจ้าต้องจำใจแต่งด้วย มีหรือจะสู้คุณชายสูงศักดิ์ที่รู้ใจเจ้าไปเสียทุกเรื่อง”หานชินได้แต่อ้าปากค้าง เมื่ออยู่ ๆ จากที่นางเป็นฝ่ายแง่งอน ไยตอนนี้กลับเป็นนางที่ถูกสามีขุ่นเคือง ทั้งยังเข้าใจผิดไปเสียยกใหญ่ด้วยเล่า“ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อยนะเจ้าคะ”“คงอยากให้เป
หญิงสาวย่อกายลงคลานสี่ขา ค่อย ๆ แทรกตัวอยู่ระหว่างสองขาแกร่งของสามี ก่อนจะคว้าจับท่อนมังกรอีกครั้ง พร้อมกับขยับรูดลงจนถึงโคน แล้วตามด้วยโพรงปากอุ่นร้อน ที่ครอบครองทั้งท่อนจะสุดเช่นเดียวกันชายหนุ่มยกก้นเด้งสวนรับการดูดกลืนของภรรยา มือหยาบกดศีรษะของนางเอาไว้แน่น พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อข่มกลั่นการปลดปล่อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้ปากร้ายกาจของภรรยาได้ทำหน้าที่ต่อ ชายหนุ่มหายใจหอบถี่ด้วยความกระสันเขาอยากที่จะพลิกร่างบางนั้นให้อยู่เบื้องล่างยิ่งนัก แต่ดูเหมือนศึกนี้นางจะไม่ยินยอมให้เขาได้ลงมือ ท่อนมังกรเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายอุ่น ๆ เสียงดูดดึงของนางทำให้สติของชายหนุ่มแทบไม่หลงเหลือหานชินช้อนตามองสามีเล็กน้อย ก่อนที่นางจะหยุดการใช้ปากครอบครองแก่นกายของสามี หญิงสาวทำให้ชายหนุ่มร่ำร้องขอความเห็นใจผ่านทางสายตาอีกครั้ง มือบางเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกาย เผยให้เห็นความงามของสองเต้าเต่งตึงยอดประทุมกำลังแข็งชูชัน เชิญชวนให้ลิ้มลอง มือบางเลื่อนขึ้นกอบกุมสองเต้าตนเอง ก่อนจะออกแรงบีบคลึงเบา ๆ เป็นการยั่วเย้าสามี ที่นอนส่งสายตาเร้าร้อนมาให้ลิ้นสีหวานค่อย ๆ ตวัดเลียริมฝีปากอวบอิ่มของนาง
“ทำไม! ท่านคิดจะร้องขอชีวิตจากข้าเช่นนั้นรึ”แววตาไหวระริกด้วยความตื่นเต้นพลันฉายชัดให้เห็น เรียวปากบางคลี่ยิ้มกว้าง“ไม่จำเป็น เพราะข้ารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”แม่ทัพหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังตกเป็นรองของเขา มิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย“ยโสยิ่งนัก ไป๋เจี้ยนถง ข้าเองก็อยากรู้นัก ว่าท่านจะผยองเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน”เมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างไรเยื่อใย ความขุ่นเคืองพลันบังเกิดขึ้นมาภายในใจของหญิงสาว ประหนึ่งภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุก็มิปาน“สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นที่ข้ามองอยู่เสมอ เจ้าอยากทำร้ายข้านั้นมิใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่การที่เจ้าขายแผ่นดินบ้านเกิด นี่ต่างหากที่ทำให้ข้าไม่อาจลดตัวร้องขอสิ่งใดจากคนเช่นเจ้า”“เก็บคำพูดอันสวยงามของท่านแม่ทัพ ไปรอตอบคำถามของฝ่าบาทในยมโลกจะดีกว่านะ เพราะข้าสนแค่คนที่ข้ารักเท่านั้น ผู้อื่นหาได้อยู่ในสายตาข้าไม่”แม้คำพูดจะยังถากถางชายหนุ่ม ทว่าความรู้สึกบางอย่างเตือนให้นางระวังตัวจากบุรุษผู้นี้ คนเช่นไป๋เจี้ยนถงเช่นนั้นรึจะพลาดพลั้งได้โดยง่าย เขากรำศึกมาตั้งแต่อายุสิบห้าย่อมยากที่จะถูกลวงได้โดยง่าย‘หรือว่า....’ “ขนาดนี
สามเดือนต่อมา “ท่านลุง เหตุใดท่านพี่ยังมิกลับมาอีกเล่า” เพ่ยเพ่ยเอ่ยถามพ่อบ้าน “เรียนฮูหยิน ข้าน้อยได้ส่งคนไปดูที่ค่ายทหารแล้วขอรับ” “ท่านลุงมีสิ่งใดที่ยังมิได้บอกข้าอยู่หรือไม่” เพ่ยเพ่ยจ้องพ่อบ้านด้วยสายตาคาดคั้น นางอาจเป็นเพียงท่านหญิงผู้บอบบางในสาตาผู้อื่น แต่นั่นมันชูเพ่ยเพ่ยที่ตายไปแล้ว มิใช่นางคนปัจจุบัน “ข้าน้อยคิดว่าฮูหยิน เอ่อ...กลับไปพักสักหน่อยเถอะนะขอรับ นี่ก็ดึกมากแล้ว” “จะให้ข้าหาคำตอบเอง หรือจะบอกข้ามา” ชายชราได้แต่อ้ำอึ้ง เมื่อถูกนายหญิงบีบคั้นทั้งคำพูดและสายตา เวลานี้ท่านหญิงชูดูจะมิใช่สตรีอ่อนหวานไร้เดียงสาเช่นทุกวัน แต่เป็นอีกคนที่เขาเองเหมือนจะมิรู้จักเลยก็ว่าได้ “เอ่อ...” “สามีข้าหายไปสองวัน คิดว่าจะปิดข้าอีกนานแค่ไหนกัน” “เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนขอรับ....” ในที่สุดพ่อบ้านชราก็ไม่อาจที่จะปิดบัง ความจริงกับผู้เป็นนายหญิงได้อีก การหายตัวไปของท่านแม่ทัพ นับเป็นความสั่นคลอนภายในกองทัพ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป “ท่านล
ชายหนุ่มพยายามข่มความต้องการเอาไว้ หากทำเช่นใจต้องการในตอนนี้ อาจเป็นครั้งแรกที่มิน่าประทับใจเท่าใดนัก ชายหนุ่มพรมจูบไปตามผิวเนียนละเอียดอย่างเชื่องช้ามือหนาลูบไล้ขึ้นลงตามท่อนขาเรียวงาม ก่อนจะมาหยุดยังเนินเนื้อที่ปกคลุมไปด้วยปุยขนบาง ๆ ทำให้ความต้องการแล่นพล่านไปทั่วกายอีกครั้ง ท่อนเอ็นเจ็บร้าวเรียกร้องการปลดปล่อยนิ้วแกร่งค่อย ๆ กรีดลงตามร่องภายใต้ปุยขนสีดำ เพียงปลายนิ้วสัมผัสกับติ่งเล็กด้านใน ร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวซ่าน มือบางที่สอดอยู่ภายใต้กลุ่มผมหนาของสามี เผลอขยุ้มอย่างแรง“พี่จะทำให้ครั้งแรกของเราเป็นที่จดจำ และจะเป็นเช่นนี้จนชั่วชีวิตสามีภรรยาของเรา”ชายหนุ่มเอ่ยเบา ๆ โดยที่เขาทำเพียงช้อนสายตาขึ้นมองภรรยา ก่อนจะพรมจูบสลับตวัดปลายลิ้นเลียไปทั่วหน้าท้องแบนราบ“อ่า ท่านพี่ข้าเสียวยิ่ง...อ่า”เพ่ยเพ่ยครางออกมาเมื่อนิ้วของสามีขยับเคลื่อนไหวมิหยุด หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงขาดห่วง เมื่อความเสียวกระสันกำลังครอบครองกายนางแม่ทัพหนุ่มเลื่อนใบหน้าลงต่ำ ก่อนจะใช้มือแยกขาเรียวออกกว้าง ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องสวาทอย่างเชื่องช้า ยิ่งเวลานี้กลีบบางแยกออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดง ควา
“เจี้ยนถง” “ที่เจ้าแสดงอาการหึงหวงข้า เพียงเพราะอยากชนะเพ่ยเพ่ยก็เท่านั้น หาได้คิดอย่างที่เจ้าเพียรบอกตนเองเลยแม้แต่น้อย” “ฮ่า ๆ ใช่แล้วจะทำไม นางมารน้อยนั่น ร้ายกาจกว่าที่ท่านรู้เสียอีกเจี้ยนถง” “ข้าเหมือนลาโง่เช่นนั้นรึ ข้าแค่พอใจในนางมารน้อยของข้าที่นางเป็นเช่นนั้น และเจ้าล้ำเส้นแตะต้องนาง” อี้ชิวถึงกับใบหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินความจริงจากปากของชายหนุ่ม เช่นนั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่นางอยู่กับชูเพ่ยเพ่ย ชายหนุ่มเห็นมันอยู่โดยตลอด และนางมารน้อยนั่นก็ต้องรู้อยู่แล้วเช่นกัน “ช่างสมกันยิ่งนัก” “นี่คงเป็นความจริงใจเดียว ที่เจ้ากล่าวออกมาสินะ ข้าขอบคุณก็แล้วกันที่เจ้ามองเห็นมันแล้ว” “ท่านมันไร้หัวใจ เจี้ยนถง” “หึ ๆ หากข้าเป็นเช่นเจ้าว่ามาจริง เจ้าไม่คงอยู่ที่นี่กระมังแม่นางอี้ชิว แต่เพราะข้ามีหัวใจ เจ้าจึงมิสมควรได้รับการอภัย ที่แตะต้องหัวใจของข้า” “ฮ่า ๆ มีตรงไหนที่ข้าพ่ายแก่นางมารน้อยจอมเจ้าเล่ห์กัน” อี้ชิวอยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงเหลือเกิน ทว่านางกลับทำได้เพียงหัวเร
เพี๊ยะ ๆ เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้างามดังให้ได้ยินชัดเจน อี้ชิวรู้ตัวอีกทีใบหน้าของนางได้สะบัดไปมาหลายรอบ เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปาก หญิงสาวกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้น นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์มีหรือจะไม่รู้ว่าแรงของฝ่ามือที่กระทบใบหน้าของตนเองนั้น แฝงไปด้วยพลังยุทธ์ “เจ้าท้าทายข้า เช่นนั้นวันนี้เป็นข้าที่จะลงมือสั่งสอนเจ้าสักหน่อย” เอ่ยจบร่างงามได้พุ่งเข้าหาคนที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้า ปึก! เพียงฝ่ามือเดียวเพ่ยเพ่ยเซถอยไปไกล พรึ่บ! ก่อนที่ร่างของหญิงสาวจะล้มลงถึงพื้นดิน กลับมีท่อนแขนแกร่งเข้ามารับเอาไว้ทันเสียก่อน “ท่านพี่ อึก!” เพ่ยเพ่ยกระอึกเลือดสีแดงออกมาคำใหญ่ ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกลับร้อนใจ เมื่อเห็นอาการของภรรยา ชายหนุ่มช้อนอุ้มร่างหญิงสาวขึ้นสู่อ้อมแขน ก่อนจะหันไปมองคนที่ลงมือต่อภรรยาของเขา “หากนางเป็นอันใดไป ชีวิตเจ้าจะไม่เหลือแม้แต่ชื่อให้ผู้คนได้กล่าวถึง” “แต่นางลงมือต่อข้าก่อนนะเจ้าคะท่านแม่ทัพ” “เพ่ยเพ่ย ไร้วรยุทธ์ไหนเลยจะลงมือต่อเจ้าได้รุนแรง เพียงฝ่ามือบาง ๆ ของนาง รึจะเจ็บปวดถึงชีวิตเช่นที่เจ้าทำต่อน
เส้นทางสู่วัดชิงอัน ฮี่ ๆ ม้าที่กำลังวิ่งมาเต็มกำลังจำต้องหยุดลง อาการแตกตื่นของม้ามิได้ทำให้ทุกคนตกใจ เท่ากับที่มีร่างของใครอีกคนนอนนิ่งอยู่กลางถนนขวางทางอยู่ แท่ทัพหนุ่มโน้มกายปลอบใจอาชาคู่ใจ เมื่อม้าทุกตัวสงบลง ทหารคนสนิทได้วิ่งลงไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะวิ่งกลับมาหาผู้เป็นนาย “เรียนท่านแท่ทัพ นางยังมีลมหายใจอยู่ขอรับ” “พาไปยังอารมด้วยเลยก็แล้วกัน ที่นั่นมีไต้ซือถงอยู่คงพอจะรักษานางได้” “ขอรับท่านแม่ทัพ” ชายหนุ่มเร่งกลับไปยังร่างที่แน่นิ่งอยู่ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางขึ้นสู่อ้อมแขน ในขณะที่ม้าของแม่ทัพหนุ่มก้าวผ่าน ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้างามนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะกระตุ้นม้าให้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะสนใจหญิงสาวในอ้อมแขนของคนสนิท ‘มองเมินข้าเกินไปแล้วนะ เจี้ยนถง’ หญิงสาวขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ภายในใจ นางไม่คิดเลยว่าการกลับมาครั้งนี้ จะไม่อยู่ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มเลย ‘เจ้านำพาหัวใจข้าไปเมื่อครั้งในอดีต เมื่อมันตายไปแล้วก็นับว่าผ่านพ้น เวลานี้ใจของข้าได้กำเนิดใหม่
“สมควรที่จะเป็นเช่นนี้ เจ้าเล่นเดินไปทั่วเมือง” ชายหนุ่มประคองภรรยาไปนั่ง ทุกการกระทำของสองสามีภรรยา ทำให้ร่างระหงที่เพิ่งก้าวพ้นประตูเข้ามาหยุดชะงักไปชั่วขณะ ต่างจากเพ่ยเพ่ยที่กำลังยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ ‘ชั้นเชิงของเจ้าที่ใช้นับว่าชาญฉลาด แต่ยังอ่อนหัดหากเทียบกับโลกที่ข้าจากมาอี้ชิว’ เพ่ยเพ่ยยังคงแสร้งออเซาะสามี ด้วยนิสัยของความเป็นเด็กที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มยากที่จะปฏิเสธได้ ชายหนุ่มย่อกายลงตรงหน้าของภรรยา ก่อนจะนวดที่น่องเรียวงาม เพ่ยเพ่ยยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ พร้อมชำเลืองมองไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ นางไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากสามีเลยนับตั้งแต่แต่งงาน ทว่านางจงใจทำให้ทุกช่วงเวลาอันเอื่อยเฉื่อยระหว่างนางกับเขา ให้ทุกครรลองสายตาของเขามีเพียงนาง โดยที่เขาไม่รู้ตัว แล้วเช่นนี้จะมีสตรีใดเล่าจะมาช่วงชิงสายตาของเขาไปจากนางได้ ‘ชีวิตอีกโลกข้ามัวแต่เก็บงำความรู้สึก มาชีวิตนี้ข้าจะไม่ยินยอมเสียโอกาสอีกเป็นอันขาด’ “คราวหลังห้ามทำเช่นนี้อีกรู้หรือไม่” “เจ้าค่ะ ข้าจะมิดื้อรั้นกับท่านพี่” เพ่ยเพ่ยตอบรับคำของสาม
“วันนี้เจ้าสมควรถูกลงโทษ” “ข้ายินดีรับ” เอ่ยจบชายหนุ่มได้ประทับจูบอีกครั้ง มือหนาเคล้นคลึงก้นงอนงาม โดยที่ท่อนเอ็นของเขาในเวลานี้อยู่ในกำมือบอบบาง ที่ล้วงเข้าไปในกางเกงของเขา “อ่า อื้อ อี้ชิว อ่า” ชายหนุ่มถึงกับขาสั่นเทา เมื่อมือนุ่มขยับเคลื่อนรูดไปตามท่อนเอ็นที่กำลังแข็งชูชันด้วยความเสียวซ่านจากการถูกปลุกเร้า หลังจากถอนริมฝีปากออกได้เพียงครู่เดียว กางเกงของเขาได้หลุดร่วงลงไปกองอยู่แทบเท้า โดยที่ร่างระหงนั่งลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ปลายลิ้นเล็กตวัดผ่านปลายท่อนเอ็น ที่กำลังบานออกจนเผยให้เห็นรูเล็ก ๆ ที่มีน้ำใส ๆ ไหลเยิ้มออกมา หญิงสาวระรัวปลายลิ้นยังรู สลับดูดส่วนปลายแรง ๆ เพียงครู่เดียวท่อนเอ็นกว่าครึ่งลำ ได้อยู่ในปากอุ่นร้อนของหญิงสาว มือบางรูดขึ้นลงพร้อมกับห่อปากดูดรั้งท่อนเอ็นเอาไว้แน่นชายหนุ่มใช้สองมือจับศีรษะงามเอาไว้แน่น พร้อมทั้งขยับสะโพกเด้งสวนรับแรงดูดกลืนนั้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงลมหายใจเสมือนม้าศึกของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเพิ่มแรงดูดดึงท่อนเอ็นให้มากขึ้นชายหนุ่มไม่อาจทานทนต่อแรงกระตุ้นได้อีกต่อไป ชายหนุ่มถ
ทุกคนค้อมศีรษะให้แก่หญิงสาว ที่เวลานี้ยืนขึ้นค้อมหัวให้แก่ทุกคนอย่างนอบน้อม เพ่ยเพ่ยยังใจเย็นรั้งรอสามีอยู่เช่นเดิม ร่างสูงก้าวออกมายังหน้ากระโจมเป็นคนสุดท้าย คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ซึ่งน้อยคนนักจะได้เห็นการแสดงสีหน้าเช่นนี้ของแม่ทัพหนุ่ม “ท่านพี่ เพ่ยเพ่ยขออภัยเจ้าค่ะ ที่ดื้อรั้นรั้งรอท่านพี่อยู่ตรงนี้” น้ำเสียงดูเหมือนกำลังสำนึกผิด ทว่ารอยยิ้มและแววตานั้นหาได้เป็นเช่นคำพูดไม่ “เจ้ามีสิ่งใดเร่งด่วนเช่นนั้นรึ จึงได้มาหาข้าถึงที่นี่” แม่ทัพหนุ่มแสร้งไม่เห็นแววตาไหวระริกของภรรยา ทว่าเขากลับเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามของสามี ทำเพียงมองไปยังตะกร้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มละมุนให้แก่สามี แววตาที่เคยสดใส เวลานี้สลดลงเล็กน้อย ด้วยความกริ่งเกรงในสายตาของผู้เป็นสามี “เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเช่นนี้เลย ไปเถอะที่นี่คงมิเหมาะให้กินอาหารสักเท่าใดนัก”ชายหนุ่มก้าวเข้ามาคว้าตะกร้าอาหาร ก่อนจะเดินนำไปยังทิศทางด้านหลังค่ายทหาร ร่างบางก้มหน้าน้อย ๆ เดินตามสามีไปเงียบ ๆ เพ่ยเพ่ยเบิกตากว้างเมื่อเห็นทิวท