สิบวันต่อมา ณ จวนสกุลหวัง
งานแต่งระหว่างแม่ทัพหวังลู่ฉงกับองค์หญิงหานชิน ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของทั้งคู่ ซึ่งทุกอย่างดูจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ทว่ายังไม่ทันรุ่งสาง ประตูเมืองจำต้องถูกเปิดออก เพื่อให้ขบวนทัพของแม่ทัพหนุ่มเดินทางออกสู่สายแดนทิศเหนือ ตามที่ชายหนุ่มได้ทูลขออนุญาตจากองค์ฮ่องเต้หลังพิธีสมรส
ภายในรถม้าคันใหญ่ องค์หญิงหานซินยังคงหลับใหลอยู่บนผ้าปูขนสัตว์หนานุ่ม โดยมีแม่นมชุ่ยอิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มและทหารทุกคนรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก นั่นคือเหล่าบุรุษรูปงามขององค์หญิงหานชิน ที่ติดตามไปชายแดนในครั้งนี้ด้วย
หวังลู่ฉงมองบุรุษทุกคนในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีดำแดง ตัดเย็บอย่างประณีต ทุกคนล้วนแต่งกายเหมือนกัน บนศีรษะมีหมวกปีกกว้างสวมปิดบังใบหน้า ไร้รอยยิ้มหรือเสียงพูดคุย ทุกคนนั่งนิ่งเสมือนรูปปั้นอยู่บนหลังอาชาสีดำตัวใหญ่ ดูองอาจมิต่างจากทหารกล้าในกองทัพ
หากไม่รู้ว่านี้คือเหล่าบุรุษจากตำหนักหานชิน คงคิดว่าเป็นทหารองครักษ์จากวังหลวงเสียมากกว่า
ขบวนทัพเคลื่อนตัวออกพ้นประตูเมืองมาได้เล็กน้อย ก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ หวังลู่ฉงเองก็อยากรู้นักว่าสตรีบ้าตัณหาเช่นภรรยาหมาด ๆ ของเขาจะทำเช่นไร เมื่อต้องนอนกลางดินกินกลาง อีกทั้งไม่มีพื้นที่ให้นางเสพสมกับชายหนุ่มเหล่านี้อีกด้วย
“แม่นมว่าสามีข้าเป็นเช่นไร”
คนที่ยังหลับตาอยู่บนกองผ้านุ่ม ๆ เอ่ยถามแม่นมที่กำลังนั่งเตรียมขนมให้แก่ผู้เป็นนายอยู่อีกด้าน
“ท่านแม่ทัพหาได้ชื่นชอบองค์หญิงเพคะ”
“หึ ๆ เรื่องนั้นข้ารู้ดี แค่ข้าอยากรู้ว่าทำไมเขาจึงเป็นผู้ถูกเลือก”
“สกุลหวังเป็นตระกูลภักดีมาหลายชั่วอายุคนก็จริงเพคะ แต่ชนรุ่นหลังนั้นจะคงเดิมอยู่หรือไม่ยากที่จะคาดเดาได้ การแต่งงานครั้งนี้เพียงการตัดไฟแต่ต้นลมเท่านั้นเพคะ”
“สมแล้วที่แม่นมของข้าอยู่มานาน ฮ่า ๆ”
เพี๊ยะ! ฝ่ามืออวบอูมตีเบา ๆ ยังต้นแขนเรียวของผู้เป็นนาย ซึ่งนางรักดั่งดวงใจ นับตั้งแต่สิ้นอดีตฮองเฮาไป องค์หญิงน้อยก็ตัวติดกับนางมิเคยห่างสายตา
“มิสำรวมเอาเสียเลยนะเพคะ”
“พอ ๆ กับคำเรียกขานของคนในวัง ตอนนี้ข้าคือฮูหยินแม่ทัพ ใช้คำสามัญชนจะดีที่สุด ยิ่งออกไปไกลเมืองหลวง ตำแหน่งและชาติกำเนิดของข้าก็มิควรให้ผู้ใดรู้ มันจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้แก่ชายหนุ่มทั้งหลายของข้า โดยเฉพาะสามีหน้าตายผู้นั้น”
การสนทนาของสองนายบ่าว ไม่อาจหลุดรอดถึงหูของแม่ทัพหนุ่มหรือทหารคนใดได้ ด้วยขบวนของนางนั้นรั้งท้าย และมีเหล่าบุรุษรูปงามนับสิบคอยล้อมรอบเอาไว้อย่างแน่นหนา
เลยเที่ยงมาได้ครึ่งชั่วยาม ขบวนทัพได้หยุดพักยังลำธารไม่ห่างจากถนนหลักเท่าใดนัก แม่ทัพหนุ่มได้ให้คนมาแจ้งแก่หญิงสาวว่าจะพักค้างแรมในป่าสำหรับคืนแรกของการเดินทาง
“อืม! ข้าไม่มีปัญหา บอกเขาเอาที่เขาสะดวกก็แล้วกัน”
จ้าวหลงค้อมศีรษะรับคำฮูหยินของตน ก่อนจะรีบกลับไปแจ้งแก่ผู้เป็นนายให้ได้ทราบ
“ท่านแม่ทัพจงใจทำเช่นนี้กับนายหญิงนะขอรับ”
ชายหนุ่มรูปงามที่กำลังยื่นถ้วยชาให้แก่หญิงสาว เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มขบขัน
“ช่างเขา ว่าแต่อีกนานแค่ไหนเราจะถึงหมู่บ้านสุ่ยหลาน”
“น่าจะราว ๆ หนึ่งเดือนขอรับ หากท่านแม่ทัพเร่งการเดินทางเช่นนี้อาจเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก็เป็นได้ขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าหวังลู่ฉง จะกลั่นแกล้งข้าได้อีกสักกี่น้ำ”
แม่นมได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ องค์หญิงของนางช่างไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องสามีภรรยาเอาเสียเลย หญิงสูงวัยได้แต่กล่าวขอโทษต่ออดีตฮองเฮา ที่นางมิสามารถทำให้องค์หญิงหานชินเป็นดั่งบุพผาดอกอื่นได้อย่างที่ควรจะเป็น
“แม่นม”
“เจ้าคะ”
“ดอกไม่มิได้กลิ่นหอม หรือกลีบบางไปเสียทุกดอกหรอกนะ อย่าได้โทษตัวเองเรื่องข้า ท่านทำดีที่สุดแล้ว ข้าคือข้าอย่าได้อยากให้ข้าเหมือนผู้ใด”
หานชินมีหรือจะไม่รู้ถึงความคิดของแม่นม นางมักได้ยินการพร่ำขอโทษต่อหน้าป้ายวิญญาณอดีตฮองเฮา หรือก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดนางนั่นเอง ซึ่งแม่นมของนางมักทำอยู่เป็นประจำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าถ้อยคำเหล่านั้นนางได้ยินมันจนจำได้ขึ้นใจแล้ว
“เจ้าค่ะ”
ชุ่ยอิง ทำได้เพียงรับคำผู้เป็นนายอย่างเสียมิได้ นางอาจเคร่งครัดต่อหน้าที่มากจนเกินไปก็เป็นได้ เลยทำให้ผู้เป็นนายนั้นมองออกถึงความคิดในตอนนี้ของนาง
“เราออกมานอกกรอบของวังหลวงแล้ว จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สนุกที่สุด เพราะเราไม่รู้วันข้างหน้าต้องพบกับอะไรบ้าง ข้าอยากให้ท่านมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งอิสระนี้”
ชุ่ยอิงยิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาสดใสของผู้เป็นนาย นางอยู่ในวังมานานเสียจนลืมความสุขนอกกำแพงแห่งนั้น ตอนนี้ผู้เป็นนายหยิบยื่นมันใส่มือของนางแล้วเช่นนี้ นางก็มิควรที่จะปฏิเสธ
เมื่อเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นนายสื่อ ชุ่ยอิงจึงหัวเราะออกมาด้วยความสบายใจ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยต่างส่งเสียงหัวเราะร่า ทำให้แม่ทัพหนุ่มพร้อมเหล่าทหารติดตาม ต่างหันมองคณะขององค์หญิงหานชินด้วยแววตามมีคำถาม
“พวกนางคิดว่าการเดินทางสู่ชายแดน เป็นเพียงการเที่ยวเล่นเช่นนั้นรึ”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เขายังมีบทเรียนสอนภรรยาสูงศักดิ์อีกมากทีเดียว นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ขบวนทัพเคลื่อนตัวอีกครั้ง ทุกอย่างกลับมาเร่งรีบเช่นเดิม การเดินทางที่หยุดพักตามป่าเขา ไม่ได้ทำให้องค์หญิงหานชินรู้สึกเหนื่อยล้าอันใดเลย
แต่นางกลับเหมือนนกน้อยที่ได้บินออกจากกรงทอง เมื่อแวะพักตรงไหนที่มีลำธาร นางมักจะลงไปแหวกว่ายอย่างรื่นเริง ส่วนคนที่รู้สึกไม่พอใจ กลับเป็นคนที่เพียรพยายาม ผลักดันความลำบากให้แก่หญิงสาว
เวลาผ่านไปเกือบสิบวัน แม่ทัพหนุ่มยังคงไม่ได้เห็นความเหนื่อยล้า หรือได้ยินเสียงโอดครวญจากปากของหญิงสาวเลย แต่นางกับคนของนางดูจะสดใสร่าเริง
ทั้งยังดูสนุกสนานกับการเดินทาง จนเขายังไม่แน่ใจว่าที่เขาทำไปทุกอย่างนั้น นางได้รู้สึกถึงมันบ้างไหม
“ข้าอยากรู้นัก นางยังจะหัวเราะได้อีกสักกี่วันกัน”
แม่ทัพหนุ่มพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินฮึดฮัดกลับไปยังที่นั่งของตนเอง จ้าวหลงได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ เมื่อนึกถึงคำสั่งของหัวหน้าพ่อบ้าน ว่าให้พยายามสานสัมผัสสองสามีภรรยาให้แน่นแฟ้น แต่ที่เขาเห็นนั่นคือนับตั้งแต่ออกจากเมืองหลวงจนถึงตอนนี้ ท่านแม่ทัพกับฮูหยินยังมิเคยร่วมกินอาหารกันแม้แต่มื้อเดียว
และดูเหมือนฮูหยินเองก็มิได้เดือดเนื้อร้อนใจ กับเรื่องนี้เลยสักนิด คนที่แสดงอาการไม่พอใจ เห็นจะมีเพียงฝ่ายท่านแม่ทัพคนเดียวเท่านั้น
หนึ่งเดือนต่อมา“เราใกล้จะถึงสุ่ยหลานรึยังต้านหลี่”เสียงหวานเอ่ยถามคนสนิท ที่กำลังตั้งใจย่างปลาตัวใหญ่ให้แก่นาง ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมันเกินหนึ่งเดือนมาแล้วนั่นเอง หากไม่เพราะสามีต้องการกลั่นแกล้งนางระหว่างทาง ป่านนี้คงถึงที่หมายไปนานแล้ว“ไม่น่าจะเกินบ่ายพรุ่งนี้ขอรับ ตามจริงท่านแม่ทัพมิใช่เพียงกลั่นแกล้งนายหญิง แต่ข้าน้อยคิดว่าหมู่บ้านรายทางที่ท่านแม่ทัพแวะเวียน ต่างมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ขอรับ”“ข้ารู้ แต่ทำงานเช่นเขามันโจ่งแจ้งจนเกินไป”“เรื่องงานลับ ๆ มันหน้าที่นายหญิงมิใช่หรือขอรับ”ต้านหลี่เย้าผู้เป็นนาย เขารู้ดีถึงเป้าหมายที่นายหญิงของเขาต้องการที่จะพบ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาจำต้องติดตามท่านแม่ทัพหวัง จะทำงานอย่างรวดเร็วเช่นที่ผ่านมาย่อมไม่อาจทำได้“ช่างเถอะ! เป็นข้าที่ผิดเอง ดันมิน่าถนอมดั่งหยกงามทั่ว ๆ ไป”หานชินแกล้งประชดชายหนุ่ม ทว่าดวงตาคู่งามกลับมองไปอีกด้าน ที่มีร่างสูงของใครอีกคนมองมาที่นางอยู่แล้วเช่นกันบ่ายวันถัดมาขบวนทัพได้หยุดพักใกล้กับหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างหมู่บ้านสุ่ยหลาน หัวหน้าหมู่บ้านได้ออกมาเชิญแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินของเขา เข้าไปพักในหมู่บ้านในยามค่ำคืนจ
“เล่นที่อื่น มิใช่...อื้อ...ตะ...ตรงนี้”“ท่านชอบให้เล่นตรงนี้หรอ...”หญิงสาวเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงอ้อแอ มิเพียงคำพูดดวงตาฉ่ำเยิ้มจากฤทธิ์สุรา ยังช้อนขึ้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มซุกซน แม่ทัพหนุ่มถึงกับขนลุกชันไปทั้งร่าง เมื่อมือบางเริ่มคลำขึ้นลงช้า ๆ เสมือนแก่นกายของเขาเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนางแม่ทัพหนุ่มคำรามในลำคอ เมื่อความอดกลั้นของเขาเริ่มจะขาดลง หมับ! มือหนารีบกุมข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนที่นางจะขยับมือซุกซนมากไปกว่านี้“หยุดได้แล้ว”แม้ปากจะห้าม ทว่าชายหนุ่มกลับมิได้ผลักไสคนที่ยังวนเวียนจะจับส่วนล่างของเขา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสียงอ้อแอที่ดังอยู่กับอกนั้น บอกได้เป้นอย่างดีว่านางกำลังเมา มิใช่การเสแสร้ง สุราป่าเช่นนี้หากคนมิคุ้นเคย มักที่จะเมามายจนแทบสิ้นสติได้เลยทีเดียว แม้แต่ตัวเขาเองที่ดื่มมานับครั้งไม่ถ้วนยังรู้สึกมึนเมามิน้อย“ยืนนิ่ง ๆ ข้าจะเปลี่ยนชุดให้ เจ้าจะได้พักผ่อน”หานชินพยายามที่จะลืมตามองคนพูดให้ชัด ๆ แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างที่คิด ร่างบางโอนเอนเซจะล้มอยู่หลายหน จนในที่สุดแผ่นอกที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นสุราคือที่พักของนาง“ทำไมหน้าอกของท่านมีขนเช่นนี้เล่า ข้ามิเคยรู้มาก่อนว่าหน
“อ๊า...ทะ...ท่านพี่ อ๊า...”หานชินครางเรียกสามี เมื่อนางเหมือนกำลังโดนกลั่นแกล้ง มือบางขยุ้มผมดกดำแรงขึ้น เมื่อนิ้วของสามีเริ่มขยับขึ้นลงอีกครั้ง โดยที่ปากของเขายังครอบครองดูดดึงยอดถันของนางอย่างหิวกระหาย“พี่จะสอนให้เจ้าอย่าได้ซุกซนอีก”ชายหนุ่มยังคงเอ่ยเย้า ด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากับอกเต่งตึงของภรรยา ก่อนจะขยับเลื่อนใบหน้าลงมายังหน้าท้องแบนราบ แม่ทัพหนุ่มใช้ปลายลิ้นเลียวนรอบ ๆ สะดือเล็ก ก่อนจะระรัวปลายลิ้นหยอกเอินเบา ๆ โดยที่นิ้วเรียวยังขยับอยู่ยังร่องสวาทที่ฉ่ำไปด้วยน้ำเหนียวเยิ้มหานชินแอ่นกายขึ้นรับปลายลิ้นของสามี โดยที่มือบางเปลี่ยนจากขยุ้มผมชายหนุ่ม เป็นกำผ้าปูที่นอนแน่น หญิงครางไม่เป็นสรรพเมื่อปลายลิ้นร้ายได้ลากต่ำลงไปยังเนินสวาทของนาง“อ๊ะ...โอ๊ว...อ๊า...”หวังลู่ฉงใช้สองมือจับต้นขางามขยับแยกออกกว้างกว่าเดิม ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องกลีบบางยาว ๆ ก้นงอนงามยกรับการจู่โจมจากปากของเขาอย่างเป็นธรรมชาติชายหนุ่มใช้นิ้วค่อย ๆ เปิดกลีบบางออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดงสด เขามิรอช้าก้มลงดูดชิมเม็ดสวาทฉ่ำเยิ้มนั้นแรง ๆ สลับใช้ปลายลิ้นระรัวถี่ ๆ ชายหนุ่มลากลิ้นลงตามร่องกลีบอีกครั้งจนถึงรู
หานชินทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวใช้ลิ้นตวัดวนรอบท่อนเอ็นที่อยู่ในปากด้วยความอยากรู้ ยิ่งเสียงคำรามประหนึ่งสัตว์บาดเจ็บของสามีดังเข้าหูเป็นระยะ ความฉ่ำเยิ้มของนางเองก็เกิดขึ้นมิแพ้สิ่งที่นางกำลังดูดกลืนอยู่ในปากตอนนี้เช่นเดียวกัน หญิงสาวเลื่อนปากขึ้นมาจนสุดปลายท่อน ก่อนจะดูดเน้น ๆ ในส่วนปลายหนัก ๆ แล้วใช้ปลายลิ้นลากยาวลงไปจนถึงพวงสวรรค์ของชายหนุ่ม หญิงสาวตวัดเลียจนเปียกชื้นสลับขบกัดเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะลากลิ้นเลียตั้งแต่โคนจนถึงปลายท่อนอีกครั้ง แม้จะยังคงไม่ชำนาญมากนัก แต่การกระทำของนางกลับทำให้แม่ทัพหนุ่ม คำรามก้องจนพูดแทบมิได้สรรพเลยก็ว่าได้ มือหนากดศีรษะภรรยาให้แนบกับแก่นกาย ในตอนที่นางครอบครองมันอีกครั้ง เสียงดูดหนัก ๆ ของภรรยาผสมผสานกับความเปียกชื้นจากน้ำลายของนาง ทำให้อารมณ์ดิบของแม่ทัพหนุ่มพลุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดออกมาแล้วในตอนนี้ เอวสอบเด้งสวนรับกับการขยับปากของภรรยา มือหนาที่รวบจับศีรษะของนาง ยังคงควบคุมการเลื่อนเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จากช้า ๆ กลายเป็นกระชั้นถี่ขึ้น แม่ทัพหนุ่มไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว ชายหนุ่มขยับถอดท่อนมั
ยามสายวันถัดมาร่างสูงได้ก้าวออกจากห้องพัก ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มยังคงเรียบเฉย จะมีเพียงสายตาที่มองไปยังบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น ที่ดูจะฉายชัดถึงความไม่ชอบใจนัก“ท่านแม่ทัพ”เป็นแม่นมชุ่ยอิงที่ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะมองเลยไปยังประตูห้องพักของผู้เป็นนาย“อย่าเพิ่งกวนนาง ปล่อยให้ตื่นเองมิต้องไปปลุก หากไม่มีคำสั่งของข้าผู้ใดก็ห้ามเข้าไปข้างในเด็ดขาด”แม่ทัพหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน โดยที่สายตานั้นยังจับจ้องอยู่กับคนที่เขาไม่อยากให้เฉียดใกล้ภรรยา“เจ้าค่ะ”ชุ่ยอิงรับคำก่อนจะขยับหลีกทางให้แก่ท่านแม่ทัพ ไม่มีคำถามหรือความสงสัยอื่นใดออกจากปากของแม่นมสูงวัยอีก นางมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น หากสิ่งนั้นมิได้ทำร้ายองค์หญิงของนางทุกคำสั่งของท่านแม่ทัพนางมิคิดโต้แย้งใด ๆ ทั้งนั้น เรื่องของสามีภรรยาอย่างไรเสียนาและเหล่าผู้ติดตามก็คือคนนอก มิควรสอดรู้หรือก้าวก่าย เมื่อลับร่างของแม่ทัพหนุ่มไปแล้ว ชุ่ยอิงจึงหันไปยังคนที่ยังยืนมองหน้าประตูห้องของผู้เป็นนายมิยอมจาก“ท่านป้า ไยฮูหยินยังไม่ออกมาอีกเล่าขอรับ”บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ปร
ร่างสูงก้าวตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้ยังใต้ต้นท้อ สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขารู้สึกแปลกใจอีกครั้ง องค์หญิงหานชินที่ผู้คนกล่าวขานว่าเหย่อหยิ่ง ไยที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้มันมิเป็นเช่นนั้นนางดูเป็นกันเองกับทุกคน ไม่ถือยศศักดิ์กับชาวบ้าน นางกลับสำราญใจในการกินอาหารตรงหน้า ที่มิได้เลิศรสเท่าใดนัก เสียงหัวเราะที่ไร้จริต ทำให้เขาไม่รู้จะเอ่ยคำว่าแปลกใจอีกสักกี่หนดี“ท่านแม่ทัพมาแล้วหรือ มาเร็วกินข้าวกัน”หานชินกวักมือเรียกสามี โดยมืออีกข้างยังคงถือไก่เอาไว้ชิ้นโต แววตาสดใสของนาง ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย เพราะเมื่อคืนเขาและนางเพิ่งร่วมเตียงกันมาแท้ ๆ‘มิรู้จักเขินอายข้างบ้างเลยรึอย่างไรกัน’ชายหนุ่มเดินหน้าตึงไปนั่งลงข้างภรรยา ก่อนจะมองดูถ้วยข้าวของตนเอง ที่นางเพิ่งคีบไก่มาวางให้เมื่อครู่ แม่ทัพหนุ่มชำเลืองมองภรรยา ที่เอาแต่คุยจ้อกับชาวบ้านอะ...แฮ่ม! แม่ทัพหนุ่มกระแอมเสียงค่อนข้างดัง เพื่อดึงความสนใจของภรรยา“ข้าวติดคอหรือ อ่ะนี่น้ำ”หานชินยื่นถ้วยชาให้แก่สามี ดวงตากลมโตที่มองมาทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว ผิดกับวงหน้างามที่ประดับด้วยร้อยยิ้มกว้าง“น้องหญิง เจ้าควรเรียก
“มั่นใจเหลือเกินนะ”หานชินบีบท่อนแขนสามีเป็นจังหวะ เพื่อให้เขาผ่อนคลายความตึงเครียดในตอนนี้ สองสามีภรรยากำลังประเมินคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากกว่า ในขณะที่หญิงสาวกำลังต่อคำเพื่อถ่วงเวลาของอีกฝ่าย“อย่าเสียเวลามายอกย้อนอยู่อีกเลย มอบลมหายใจของพวกท่านแก่พวกข้าจะดีกว่า”เอ่ยจบชายสวมชุดดำ ได้พุ่งเข้าหาทั้งคู่ในทันที แม่ทัพหนุ่มผลักร่างภรรยาให้พ้นจากคมอาวุธ ก่อนที่เขาชักกระบี่ออกจากฝักเข้ารับมือคู่ต่อสู้ หนึ่งในคนร้ายพุ่งเป้าไปที่องค์หญิงหานชินหญิงสาวขยับถอยหลังเล็กน้อย พร้อมเบี่ยงตัวหลลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ชายชุดดำพุ่งตามไปมิห่างเช่นกัน หานชินมองไปยังสามีที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูนางอยากที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาเหลือเกิน แต่หากทำเช่นนั้นทุกอย่างจะต้องพังลงก่อนถึงที่หมายอย่างแน่นอน หญิงสาวล้วงเอาปี่ในอกเสื้อออกมาเป่า พร้อมขยับหลบหลีการโจมตีไปด้วยเคร้ง! ก่อนที่ดาบใหญ่จะถึงตัวของหานชิน ได้ถูกขัดขวางเอาไว้ได้ทัน ซึ่งเป็นหนึ่งในบุรุษรูปงาม ผู้ติดตามของหญิงสาวนั่นเอง ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของคนร้ายใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้ม ดวงตาที่จ้องมองไปยังคนที่หมายชีวิตของผู้เป็นนายนั้น
“นางคิดว่าข้าพูดเกินจริงไป เช่นนั้นเจ้าออกมายืนยันช่วยข้าอีกแรงจะเป็นไรไหม”ปัง! พูดจบฝ่ามือบางกระแทกไปยังพนังห้องอีกด้าน ด้วยกำลังภายในขั้นสูง ทำให้กำแพงที่คิดว่าหนาแตกออกเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ยังไม่ทันที่คน ซึ่งหลบซ่อนอยู่จะจากไป มือบางได้พุ่งเข้ากระชากลำคอของคนด้านในเอาไว้ได้อย่างแม่นยำหัวหน้าหมู่บ้านถึงกับดวงตาเหลือกลาน เพราะเขาไม่คิดมาก่อนว่าองค์หญิงหานชินจะมากด้วยฝีมือขนาดนี้ ปึก! ร่างของหัวหน้าหมู่บ้านถูกดึงกระทบกับกำแพงบางส่วนที่ยังไม่หลุดออกก่อนจะถูกลากให้ออกมาเผชิญหน้ากับเจ้าของห้อง ผู้เป็นแขกสูงศักดิ์ของหมู่บ้าน ด้วยสภาพที่น่าอดสูยิ่งนัก ใบหน้าที่เคยแฝงด้วยจริตของสตรี ที่เขาเห็นในคราแรกขององค์หญิงหานชิน บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไปเสมือนคนละคนเลยก็ว่าได้“เจ้ามันนังปีศาจ”“ก่อนจะกล่าวหาข้า เจ้ารู้จักข้าดีพอแล้วเช่นนั้นรึ”น้ำเสียงเย็นเยียบของหญิงสาว แทบจะทำให้เลือดในกายของผู้นำหมู่ไร้การสูบซีดเลยก็ว่าได้ ดวงตาที่เคยมีแววจริตจกร้าน ยามนี้มีเพียงความว่างเปล่า ไอสังหารเริ่มกดดันเขาจนเริ่มหายใจติดขัดเขาไม่เคยพบเจอสตรีเช่นนี้มาก่อนเลย และไม่คิดว่าองค์หญิงสูงศักดิ์เช่นนางจะมีไอสังหาร
สามเดือนต่อมา หลังจากการสืบสวนของศาล ผลสรุปของคดี ฉีชางพร้อมด้วยมารดาเลี้ยงของเขา ได้รับโทษประหาร ส่วนฮั่วเยว่อิงและมารดารวมถึงเฉินป๋อหยาถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ในฐานะนักโทษเป็นเวลาสิบปี ทางด้านเด็กน้อยเสี่ยวเป่า ฮั่วเสารับดูแลในฐานะลูก โดยทุกคนได้รับคำสั่งไม่ให้พูดเรื่องชาติกำเนิดแท้จริงกับเด็กน้อย เฉินห้าวหนานยืนมองเป้าหมาย ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ไม่ไกล เขาหอบลูกติดตามหญิงสาวมาจนถึงชายแดนตะวันออก ทว่าทางสำนักคุ้มภัยบอกแก่เขาว่านางอยู่ที่นี่ หลังจากทำการเจรจากับท่านตาและท่านยายของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงได้มาหานางที่นี่ ชายหนุ่มวางบุตรชายเอาไว้บนพื้นหญ้า ก่อนจะทำให้เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงร้องงอแง ฮั่วเหลียนชินหันหาที่มาของเสียงร้อง ที่นางคุ้นเคยในทันที ก่อนที่นางจะเดินตามเสียงนั้นเสมือนต้องมนต์ แม้ในใจจะคิดว่านางคงกำลงคิดถึงหลานชายจนหูแว่ว “ห้าวหยาง!” ร่างบางวิ่งเข้าอุ้มหลานชายขึ้นสู่อ้อมแขนในทันที หญิงสาวกดจมูกลงบนแก้มอวบอ้วนด้วยความคิดถึง “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาเจ้ารังแกเช่นนั้นรึ หลี
“ท่านแม่! ข้าเป็นลูกของท่านพ่อใช่หรือไม่ ข้ามิใช่ลูกเขาใช่ไหมขอรับ” เฉินป๋อหยาเอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกว่าปกติหลายเท่านัก มารดาบอกแก่เขาว่าตนเป็นลูกของนางอย่างแท้จริง แต่เฉินห้าวหนานเป็นลูกชายของน้องสาว ที่แต่งมาเป็นอนุของบิดา ทว่าตอนนี้ไยทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเขา ที่มิใช่สายเลือดสกุลเฉินไปได้ “แม่ขอโทษป๋อหยา’ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างกระจ่างชัดจนชายหนุ่มทนรับมันต่อไปไม่ได้ ร่างสูงก้าวช้า ๆ ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยง เขาไม่ใช่คนสกุลเฉิน แต่เป็นลุกพ่อบ้านจวนสกุลฮั่ว หนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของใครอีกหลายคน มารดาของเขาคือฆาตกรสังหารน้องสาวตนเอง เพื่อช่วงชิงลูกของนางมาเป็นของตนเอง ทุกอย่างมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะทนรับมันได้ ทว่าเพียงก้าวพ้นประตู เฉินป๋อหยาก็ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ เพราะมีส่วนร่วมในการลอบสังหารฮูหยินในท่านแม่ทัพเฉินห้าวหนาน เฉินป๋อหยาไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ ชายหนุ่มเหม่อลอยจนน่าตกใจ ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง มารดาถูกคุมตัวนั่งเคียงข้างบิดาที่เขาเพิ่งรู้จัก อีกข้า
“หยุดนะห้าวหนาน วันนี้เป็นวันดีของน้องชาย เจ้าจะเอาเรื่องไร้สาระเช่นนี้ มาเล่าเพื่อสิ่งใดกัน” “อย่าได้ร้อนตัวสิขอรับท่านแม่ อย่างไรก็ฟังให้จบเสียก่อนจะดีกว่า” “นั่นสิ! เฉินฮูหยินให้หลานชายข้าเล่าต่อให้จบเถิด” ท่านเจ้ากรมการคลัง ได้พูดแทรกขึ้น เพราะเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องนี้ให้จบ เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยได้ยินมานั้น มันมิใช่สิ่งที่คิดไปเอง ซึ่งแขกในงานต่างแสดงความต้องการ เช่นเดียวกันกับท่านเจ้ากรม “เช่นนั้นต่อเลยนะขอรับ ในวันที่น้องสาวของนางคลอดบุตรชาย ตัวนางเองก็คลอดบุตรชายเช่นกัน อ่อ! ในตอนนั้น นางเลือกที่จะพาน้องสาวกลับไปคลอดยังบ้านเกิดมารดา อีกทั้งสามีที่เป็นแม่ทัพก็มิอาจปลีกตัวติดตามไปได้ ข่าวดีและร้ายได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือท่านแม่ทัพได้บุตรชายสองคน ทว่าเพียงสองชั่วยามภรรยาและลูกชายอีกคนได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ” “แล้วมันยังไง ก็แค่เมียเอกกับเมียน้อยคลอดลูกพร้อมกัน ส่วนเรื่องคลอดลูกแล้วตกเลือดจนตายก็นับเป็นเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย เด็กไม่แข็งแรงจะสิ้นใจก็ไม่แปลก” “แปลกตรงที่แท้จริงเมียเอกมิได
ตลอดสามวันที่เขาปล่อยข่าวว่าออกนอกเมืองไป มันทำให้เขาได้รู้เห็นเรื่องในบ้าน จนเรียกว่าเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดเลยก็ว่าได้ “สัญญากับข้า อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเพราะโทสะของท่าน” “ข้าสัญญา เจ้าก็ต้องรับปากข้า ว่าจะไม่เอาตนเองมาเสี่ยงเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” “เราเป็นอะไรกันเช่นนั้นรึ จึงต้องทำตามคำขอของท่าน ซึ่งมันมิใช่ส่วนรวมเช่นคำขอของข้าเลยสักนิด” “เจ้ากับลูกเป็นทุกสิ่งของข้า” “อย่าได้หมิ่นเกียรติข้าเกินไปนัก รู้ตนเองบ้างว่าท่านกับข้าเป็นใคร” “เพราะรู้ข้าถึงกล้ายอมรับมัน” “…” ฮั่วเหลียนชินมิอาจเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ชายหนุ่มได้ นางทำเพียงก้าวเคียงข้าเขาไปเงียบ ๆ เพราะคร้านจะโต้แย้ง “ความรู้สึกมิใช่เงินตราก็ซื้อหาได้ ข้าคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้นมิได้โป้ปด ทุกอย่างสุดแท้แต่เจ้าจะมองเห็นเหลียนชิน” เฉินห้าวหนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกระชับร่างบางให้แนบกายมากขึ้น ด้วยเกรงว่าเขาจะมิได้ชิดใกล้นางเช่นนี้อีก หลังจากกลับมาถึงจวน เฉินฮูหยินได้รีบมาที่เรือนของลูกสะใภ้ พร
“หึ ๆ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ยลโฉมคุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว” เสียงจากด้านหลังหินก้อนใหญ่กลางสวน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งอีกฝ่ายเรียกนางได้อย่างถูกต้อง นั่นแสดงว่าจิ้งจอกพิการทั้งสอง รนรานกลับไปหานายเก่าแล้ว และหากนางเดาไม่ผิดทั้งสองคนไร้ลมหายไปแล้วเช่นกัน “รวดเร็วทันใจดีแท้ หึ ๆ” หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ กับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะมองไปยังคนที่เผยตัวออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเขายังคงปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ “ไยต้องบิดบังใบหน้าด้วยเล่า ช่างไร้มารยาทในการพบเจอยิ่งนัก” “ไม่นึกเลยว่าเด็กขี้โรคเมื่อวันวาน จะกลายเป็นหญิงงามในวันนี้” “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเหตุใดกันเจ้าจึงมารอพบข้าที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะความบังเอิญนี้มันเหมาะเจาะจนเกินไป” ฮั่วเหลียนชินกระชับอ้อมแขนรัดร่างอ้วนให้แน่นขึ้น นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อีกฝ่าย ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดดันนาง อีกอย่างคือกำลังประเมินฝีมือของนางไปในตัว “จะกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมได้ น่าเสียดา
สามวันถัดมา เฉินฮูหยินได้ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ฮั่วเหลียนชิน ว่าจะพานางกับลูกไปไหว้พระ เพื่อขอพรให้กับครอบครัว หญิงสาวได้ตอบรับคำเชิญของแม่สามี หญิงสาวยกยิ้มร้าย เมื่อกล้าท้าทายนางก็พร้อมท้าชนเช่นกัน “บาดแผลของนายหญิง ยังไม่หายดีนะเจ้าคะ” “บาดแผลหนักกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าบาดเจ็บย่อมต้องเป็นสงสัยของทุกคน แค่เขารู้คนเดียวข้าก็หนักใจอยู่ไม่น้อย” ฮั่วเหลียนชินรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถึงแม้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะวางใจเฉินห้าวหนานได้มากแค่ไหน แม้เขาจะพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา ถึงความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของนาง ‘แม้ข้ามิได้รักนาง แต่ข้าก็มิคิดที่จะให้นางกับลูกตาย ห้าวหยางคือลูกชายของข้า ไยข้าจะชิงชังเขาได้เล่า แต่ข้าไม่นึกว่าการเดินทางของนาง จะเป็นการจากไปมิหวนคืนเช่นนี้’ “จิ้งจอกถูกปล่อยแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ฉงอานกำลังจับตาดูอยู่เจ้าค่ะ” “ดี! มองอยู่เงียบ ๆ รอให้สาวถึงปลาตัวใหญ่ ค่อยลงมือในคราเดียว” “สาวใช้จากเรือนหลีหยา มาป้วนเปี้ยนบ่อยยิ่งนักเจ
ตอนสาย ณ เรือนเหลียนฮวา หลี่เยี่ยน กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับมารดาของท่านแม่ทัพ ที่อยู่ ๆ วันนี้ต้องการพบลูกสะใภ้ ทั้งที่ทุกครั้งหากต้องการพบกับฮูหยินของนาง เฉินฮูหยินจะให้สาวใช้มาเชิญนายหญิงของนางไปพบ “เหลียนฮวาไปที่ใด นี่ก็สายมากแล้ว ไยนายเจ้ายังไม่ตื่นอีกเล่า” “เอ่อ…” “ท่านแม่มีสิ่งใดหรือขอรับ วันนี้จึงได้มารบเร้าอยากเจอสะใภ้ถึงเรือนเล่าขอรับ” เฉินฮูหยินถึงกับตัวชาไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มกว้างส่งให้บุตรชาย “แม่แค่อยากชวนฮวาเอ๋อร์ออกไปดื่มชา กับบรรดาฮูหยินยังเหลาชีเหลียงเท่านั้นเอง” “เมื่อคืนนางแทบมิได้นอน ข้าเลยสั่งให้นางพักต่ออีกสักหน่อยขอรับ” “เจ้าค้างที่นี่เช่นนั้นรึ” “ข้าย้ายมาอยู่กับลูกเมียนานแล้วขอรับ เพียงแต่มิได้บอกผู้ใด เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยามิใช่หรือขอรับ ข้าไม่นึกว่าท่านแม่อยากทราบเลยมิได้บอกขอรับ” “เช่นนั้นแม่กลับก่อนดีกว่า หากแม่รู้ว่าเจ้าอยู่ด้วยจะไม่มากวนใจพวกเจ้าผัวเมียเลย แม่ยิ่งอยากได้หลานเพิ่มอีกส
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินห้าวหนานประคองร่างบางให้แนบกาย ก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนสวมหน้ากาก ที่ยืนหันหลังให้แก่เขาและคนในอ้อมแขน จะมีเพียงแค่ชายหนุ่มที่เข้าช่วยเขาและนางในคราแรก ที่ยืนมองเขามิวางตา “ไม่ว่าท่านจะรูเห็นสิ่งใดในวันนี้ จงลืมมันเสีย” หญิงสาวขยับผละออกห่างอกแกร่ง หญิงสาวเดินไปหาคนสนิท หมับ! ทว่าก่อนที่มือของฉงอานจะทันได้แตะต้องตัวผู้เป็นนาย แม่ทัพหนุ่มได้คว้าร่างบางนั้นกลับมาชิดกายอีกครั้ง ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นสู่อ้อมแขน “ข้าจะไม่ยินยอมให้บุรุษใดแตะต้องเจ้า” ร่างสูงก้าวออกจากตรอกเล็ก ตรงไปยังทิศทางออก โดยไม่สนใจว่าคนสวมหน้ากากทั้งหมดจะมองเขาเช่นไร ฮั่วเหลียนชินไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน หญิงสาวจำต้องซบใบหน้ากับอกกว้างของชายหนุ่ม ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปิดลง “ท่านแม่ทัพ! โปรดตามข้าน้อยมาทางนี้เถอะขอรับ เราจะให้ผู้ใดรู้ว่านายหญิงบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันขาด” เฉินห้าวหนานไม่เอ่ยสิ่งใด ร่างสูงก้าวตามชายผู้นั้นไปอย่างเร่งร้อน เสียงลมหายใจของคนในอ้อมแขน ดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เขากลัวเหลือเกินว่าลุกธนูนี้จะมียา
“เครื่องหอมนี้ข้ามิรู้ชื่อ แต่ข้ามีตัวอย่างนำมาให้ นายหญิงของข้าปรารถนาจะมีในครอบครอง” “วางลงตรงกล่องซ้ายมือ แล้วรอข้าสักครู่” ชายหนุ่มทำตามที่คนด้านในบอกทุกอย่าง ฮั่วเหลียนชินยังคงใจเย็นอยู่เช่นเดิม นางรู้กฎของคนค้าขายในเงามืดดี ทั้งเจ้าเล่ห์และคดโกง หมับ! ฟึ่บ! มือบางคว้าคอเสื้อของคนสนิทได้ทัน ก่อนทั้งคู่จะเบี่ยงกายหลบลูกดอก ที่พุ่งออกมาจากประตู แน่นอนว่ามันต้องอาบไปด้วยยาพิษ ฮั่วเหลียนชินไม่คิดที่จะบุ่มบ่ามเข้าไป หญิงสาวก้าวไปยังคบไฟที่ปักอยู่เสาเรือน ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคา เมื่อให้เปิดประตูดี ๆ ไม่ทำ นางก็แค่เชิญคนด้านในอย่างเป็นมิตร เพียงครู่เดียวคนสนิทของหญิงสาวได้ขึ้นมายืนเคียงข้างผู้เป็นนาย โดยในมือมีขวดน้ำเต้าที่บรรจุเหล้าป่าเอาไว้ แน่นอนว่ามันคือหนึ่งในอาวุธที่นางชื่นชอบ ชายหนุ่มเปิดกระเบื้องออกอย่างเบามือ เมื่อแน่ใจว่าด้านล่างคือห้องเครื่องหอม ที่ไวต่อไฟในมือของผู้เป็นนาย เพล้ง! ฟรึ่บ! เพียงพริบตาไฟได้ลุกขึ้นลามไปที่เครื่องหอมและตัวบ้าน สองนายบ่าวยืนมองเปลวเพลิงค่อย ๆ ลุกลามไปเรื่อย ๆ