สิบวันต่อมา ณ จวนสกุลหวัง
งานแต่งระหว่างแม่ทัพหวังลู่ฉงกับองค์หญิงหานชิน ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของทั้งคู่ ซึ่งทุกอย่างดูจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ทว่ายังไม่ทันรุ่งสาง ประตูเมืองจำต้องถูกเปิดออก เพื่อให้ขบวนทัพของแม่ทัพหนุ่มเดินทางออกสู่สายแดนทิศเหนือ ตามที่ชายหนุ่มได้ทูลขออนุญาตจากองค์ฮ่องเต้หลังพิธีสมรส
ภายในรถม้าคันใหญ่ องค์หญิงหานซินยังคงหลับใหลอยู่บนผ้าปูขนสัตว์หนานุ่ม โดยมีแม่นมชุ่ยอิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มและทหารทุกคนรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก นั่นคือเหล่าบุรุษรูปงามขององค์หญิงหานชิน ที่ติดตามไปชายแดนในครั้งนี้ด้วย
หวังลู่ฉงมองบุรุษทุกคนในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีดำแดง ตัดเย็บอย่างประณีต ทุกคนล้วนแต่งกายเหมือนกัน บนศีรษะมีหมวกปีกกว้างสวมปิดบังใบหน้า ไร้รอยยิ้มหรือเสียงพูดคุย ทุกคนนั่งนิ่งเสมือนรูปปั้นอยู่บนหลังอาชาสีดำตัวใหญ่ ดูองอาจมิต่างจากทหารกล้าในกองทัพ
หากไม่รู้ว่านี้คือเหล่าบุรุษจากตำหนักหานชิน คงคิดว่าเป็นทหารองครักษ์จากวังหลวงเสียมากกว่า
ขบวนทัพเคลื่อนตัวออกพ้นประตูเมืองมาได้เล็กน้อย ก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ หวังลู่ฉงเองก็อยากรู้นักว่าสตรีบ้าตัณหาเช่นภรรยาหมาด ๆ ของเขาจะทำเช่นไร เมื่อต้องนอนกลางดินกินกลาง อีกทั้งไม่มีพื้นที่ให้นางเสพสมกับชายหนุ่มเหล่านี้อีกด้วย
“แม่นมว่าสามีข้าเป็นเช่นไร”
คนที่ยังหลับตาอยู่บนกองผ้านุ่ม ๆ เอ่ยถามแม่นมที่กำลังนั่งเตรียมขนมให้แก่ผู้เป็นนายอยู่อีกด้าน
“ท่านแม่ทัพหาได้ชื่นชอบองค์หญิงเพคะ”
“หึ ๆ เรื่องนั้นข้ารู้ดี แค่ข้าอยากรู้ว่าทำไมเขาจึงเป็นผู้ถูกเลือก”
“สกุลหวังเป็นตระกูลภักดีมาหลายชั่วอายุคนก็จริงเพคะ แต่ชนรุ่นหลังนั้นจะคงเดิมอยู่หรือไม่ยากที่จะคาดเดาได้ การแต่งงานครั้งนี้เพียงการตัดไฟแต่ต้นลมเท่านั้นเพคะ”
“สมแล้วที่แม่นมของข้าอยู่มานาน ฮ่า ๆ”
เพี๊ยะ! ฝ่ามืออวบอูมตีเบา ๆ ยังต้นแขนเรียวของผู้เป็นนาย ซึ่งนางรักดั่งดวงใจ นับตั้งแต่สิ้นอดีตฮองเฮาไป องค์หญิงน้อยก็ตัวติดกับนางมิเคยห่างสายตา
“มิสำรวมเอาเสียเลยนะเพคะ”
“พอ ๆ กับคำเรียกขานของคนในวัง ตอนนี้ข้าคือฮูหยินแม่ทัพ ใช้คำสามัญชนจะดีที่สุด ยิ่งออกไปไกลเมืองหลวง ตำแหน่งและชาติกำเนิดของข้าก็มิควรให้ผู้ใดรู้ มันจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้แก่ชายหนุ่มทั้งหลายของข้า โดยเฉพาะสามีหน้าตายผู้นั้น”
การสนทนาของสองนายบ่าว ไม่อาจหลุดรอดถึงหูของแม่ทัพหนุ่มหรือทหารคนใดได้ ด้วยขบวนของนางนั้นรั้งท้าย และมีเหล่าบุรุษรูปงามนับสิบคอยล้อมรอบเอาไว้อย่างแน่นหนา
เลยเที่ยงมาได้ครึ่งชั่วยาม ขบวนทัพได้หยุดพักยังลำธารไม่ห่างจากถนนหลักเท่าใดนัก แม่ทัพหนุ่มได้ให้คนมาแจ้งแก่หญิงสาวว่าจะพักค้างแรมในป่าสำหรับคืนแรกของการเดินทาง
“อืม! ข้าไม่มีปัญหา บอกเขาเอาที่เขาสะดวกก็แล้วกัน”
จ้าวหลงค้อมศีรษะรับคำฮูหยินของตน ก่อนจะรีบกลับไปแจ้งแก่ผู้เป็นนายให้ได้ทราบ
“ท่านแม่ทัพจงใจทำเช่นนี้กับนายหญิงนะขอรับ”
ชายหนุ่มรูปงามที่กำลังยื่นถ้วยชาให้แก่หญิงสาว เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มขบขัน
“ช่างเขา ว่าแต่อีกนานแค่ไหนเราจะถึงหมู่บ้านสุ่ยหลาน”
“น่าจะราว ๆ หนึ่งเดือนขอรับ หากท่านแม่ทัพเร่งการเดินทางเช่นนี้อาจเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก็เป็นได้ขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าหวังลู่ฉง จะกลั่นแกล้งข้าได้อีกสักกี่น้ำ”
แม่นมได้แต่ถอนหายใจหนัก ๆ องค์หญิงของนางช่างไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องสามีภรรยาเอาเสียเลย หญิงสูงวัยได้แต่กล่าวขอโทษต่ออดีตฮองเฮา ที่นางมิสามารถทำให้องค์หญิงหานชินเป็นดั่งบุพผาดอกอื่นได้อย่างที่ควรจะเป็น
“แม่นม”
“เจ้าคะ”
“ดอกไม่มิได้กลิ่นหอม หรือกลีบบางไปเสียทุกดอกหรอกนะ อย่าได้โทษตัวเองเรื่องข้า ท่านทำดีที่สุดแล้ว ข้าคือข้าอย่าได้อยากให้ข้าเหมือนผู้ใด”
หานชินมีหรือจะไม่รู้ถึงความคิดของแม่นม นางมักได้ยินการพร่ำขอโทษต่อหน้าป้ายวิญญาณอดีตฮองเฮา หรือก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดนางนั่นเอง ซึ่งแม่นมของนางมักทำอยู่เป็นประจำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าถ้อยคำเหล่านั้นนางได้ยินมันจนจำได้ขึ้นใจแล้ว
“เจ้าค่ะ”
ชุ่ยอิง ทำได้เพียงรับคำผู้เป็นนายอย่างเสียมิได้ นางอาจเคร่งครัดต่อหน้าที่มากจนเกินไปก็เป็นได้ เลยทำให้ผู้เป็นนายนั้นมองออกถึงความคิดในตอนนี้ของนาง
“เราออกมานอกกรอบของวังหลวงแล้ว จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สนุกที่สุด เพราะเราไม่รู้วันข้างหน้าต้องพบกับอะไรบ้าง ข้าอยากให้ท่านมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งอิสระนี้”
ชุ่ยอิงยิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาสดใสของผู้เป็นนาย นางอยู่ในวังมานานเสียจนลืมความสุขนอกกำแพงแห่งนั้น ตอนนี้ผู้เป็นนายหยิบยื่นมันใส่มือของนางแล้วเช่นนี้ นางก็มิควรที่จะปฏิเสธ
เมื่อเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นนายสื่อ ชุ่ยอิงจึงหัวเราะออกมาด้วยความสบายใจ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยต่างส่งเสียงหัวเราะร่า ทำให้แม่ทัพหนุ่มพร้อมเหล่าทหารติดตาม ต่างหันมองคณะขององค์หญิงหานชินด้วยแววตามมีคำถาม
“พวกนางคิดว่าการเดินทางสู่ชายแดน เป็นเพียงการเที่ยวเล่นเช่นนั้นรึ”
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เขายังมีบทเรียนสอนภรรยาสูงศักดิ์อีกมากทีเดียว นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ขบวนทัพเคลื่อนตัวอีกครั้ง ทุกอย่างกลับมาเร่งรีบเช่นเดิม การเดินทางที่หยุดพักตามป่าเขา ไม่ได้ทำให้องค์หญิงหานชินรู้สึกเหนื่อยล้าอันใดเลย
แต่นางกลับเหมือนนกน้อยที่ได้บินออกจากกรงทอง เมื่อแวะพักตรงไหนที่มีลำธาร นางมักจะลงไปแหวกว่ายอย่างรื่นเริง ส่วนคนที่รู้สึกไม่พอใจ กลับเป็นคนที่เพียรพยายาม ผลักดันความลำบากให้แก่หญิงสาว
เวลาผ่านไปเกือบสิบวัน แม่ทัพหนุ่มยังคงไม่ได้เห็นความเหนื่อยล้า หรือได้ยินเสียงโอดครวญจากปากของหญิงสาวเลย แต่นางกับคนของนางดูจะสดใสร่าเริง
ทั้งยังดูสนุกสนานกับการเดินทาง จนเขายังไม่แน่ใจว่าที่เขาทำไปทุกอย่างนั้น นางได้รู้สึกถึงมันบ้างไหม
“ข้าอยากรู้นัก นางยังจะหัวเราะได้อีกสักกี่วันกัน”
แม่ทัพหนุ่มพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินฮึดฮัดกลับไปยังที่นั่งของตนเอง จ้าวหลงได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ เมื่อนึกถึงคำสั่งของหัวหน้าพ่อบ้าน ว่าให้พยายามสานสัมผัสสองสามีภรรยาให้แน่นแฟ้น แต่ที่เขาเห็นนั่นคือนับตั้งแต่ออกจากเมืองหลวงจนถึงตอนนี้ ท่านแม่ทัพกับฮูหยินยังมิเคยร่วมกินอาหารกันแม้แต่มื้อเดียว
และดูเหมือนฮูหยินเองก็มิได้เดือดเนื้อร้อนใจ กับเรื่องนี้เลยสักนิด คนที่แสดงอาการไม่พอใจ เห็นจะมีเพียงฝ่ายท่านแม่ทัพคนเดียวเท่านั้น
หนึ่งเดือนต่อมา“เราใกล้จะถึงสุ่ยหลานรึยังต้านหลี่”เสียงหวานเอ่ยถามคนสนิท ที่กำลังตั้งใจย่างปลาตัวใหญ่ให้แก่นาง ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมันเกินหนึ่งเดือนมาแล้วนั่นเอง หากไม่เพราะสามีต้องการกลั่นแกล้งนางระหว่างทาง ป่านนี้คงถึงที่หมายไปนานแล้ว“ไม่น่าจะเกินบ่ายพรุ่งนี้ขอรับ ตามจริงท่านแม่ทัพมิใช่เพียงกลั่นแกล้งนายหญิง แต่ข้าน้อยคิดว่าหมู่บ้านรายทางที่ท่านแม่ทัพแวะเวียน ต่างมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ขอรับ”“ข้ารู้ แต่ทำงานเช่นเขามันโจ่งแจ้งจนเกินไป”“เรื่องงานลับ ๆ มันหน้าที่นายหญิงมิใช่หรือขอรับ”ต้านหลี่เย้าผู้เป็นนาย เขารู้ดีถึงเป้าหมายที่นายหญิงของเขาต้องการที่จะพบ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาจำต้องติดตามท่านแม่ทัพหวัง จะทำงานอย่างรวดเร็วเช่นที่ผ่านมาย่อมไม่อาจทำได้“ช่างเถอะ! เป็นข้าที่ผิดเอง ดันมิน่าถนอมดั่งหยกงามทั่ว ๆ ไป”หานชินแกล้งประชดชายหนุ่ม ทว่าดวงตาคู่งามกลับมองไปอีกด้าน ที่มีร่างสูงของใครอีกคนมองมาที่นางอยู่แล้วเช่นกันบ่ายวันถัดมาขบวนทัพได้หยุดพักใกล้กับหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างหมู่บ้านสุ่ยหลาน หัวหน้าหมู่บ้านได้ออกมาเชิญแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินของเขา เข้าไปพักในหมู่บ้านในยามค่ำคืนจ
“เล่นที่อื่น มิใช่...อื้อ...ตะ...ตรงนี้”“ท่านชอบให้เล่นตรงนี้หรอ...”หญิงสาวเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงอ้อแอ มิเพียงคำพูดดวงตาฉ่ำเยิ้มจากฤทธิ์สุรา ยังช้อนขึ้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มซุกซน แม่ทัพหนุ่มถึงกับขนลุกชันไปทั้งร่าง เมื่อมือบางเริ่มคลำขึ้นลงช้า ๆ เสมือนแก่นกายของเขาเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนางแม่ทัพหนุ่มคำรามในลำคอ เมื่อความอดกลั้นของเขาเริ่มจะขาดลง หมับ! มือหนารีบกุมข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนที่นางจะขยับมือซุกซนมากไปกว่านี้“หยุดได้แล้ว”แม้ปากจะห้าม ทว่าชายหนุ่มกลับมิได้ผลักไสคนที่ยังวนเวียนจะจับส่วนล่างของเขา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสียงอ้อแอที่ดังอยู่กับอกนั้น บอกได้เป้นอย่างดีว่านางกำลังเมา มิใช่การเสแสร้ง สุราป่าเช่นนี้หากคนมิคุ้นเคย มักที่จะเมามายจนแทบสิ้นสติได้เลยทีเดียว แม้แต่ตัวเขาเองที่ดื่มมานับครั้งไม่ถ้วนยังรู้สึกมึนเมามิน้อย“ยืนนิ่ง ๆ ข้าจะเปลี่ยนชุดให้ เจ้าจะได้พักผ่อน”หานชินพยายามที่จะลืมตามองคนพูดให้ชัด ๆ แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างที่คิด ร่างบางโอนเอนเซจะล้มอยู่หลายหน จนในที่สุดแผ่นอกที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นสุราคือที่พักของนาง“ทำไมหน้าอกของท่านมีขนเช่นนี้เล่า ข้ามิเคยรู้มาก่อนว่าหน
“อ๊า...ทะ...ท่านพี่ อ๊า...”หานชินครางเรียกสามี เมื่อนางเหมือนกำลังโดนกลั่นแกล้ง มือบางขยุ้มผมดกดำแรงขึ้น เมื่อนิ้วของสามีเริ่มขยับขึ้นลงอีกครั้ง โดยที่ปากของเขายังครอบครองดูดดึงยอดถันของนางอย่างหิวกระหาย“พี่จะสอนให้เจ้าอย่าได้ซุกซนอีก”ชายหนุ่มยังคงเอ่ยเย้า ด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากับอกเต่งตึงของภรรยา ก่อนจะขยับเลื่อนใบหน้าลงมายังหน้าท้องแบนราบ แม่ทัพหนุ่มใช้ปลายลิ้นเลียวนรอบ ๆ สะดือเล็ก ก่อนจะระรัวปลายลิ้นหยอกเอินเบา ๆ โดยที่นิ้วเรียวยังขยับอยู่ยังร่องสวาทที่ฉ่ำไปด้วยน้ำเหนียวเยิ้มหานชินแอ่นกายขึ้นรับปลายลิ้นของสามี โดยที่มือบางเปลี่ยนจากขยุ้มผมชายหนุ่ม เป็นกำผ้าปูที่นอนแน่น หญิงครางไม่เป็นสรรพเมื่อปลายลิ้นร้ายได้ลากต่ำลงไปยังเนินสวาทของนาง“อ๊ะ...โอ๊ว...อ๊า...”หวังลู่ฉงใช้สองมือจับต้นขางามขยับแยกออกกว้างกว่าเดิม ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องกลีบบางยาว ๆ ก้นงอนงามยกรับการจู่โจมจากปากของเขาอย่างเป็นธรรมชาติชายหนุ่มใช้นิ้วค่อย ๆ เปิดกลีบบางออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดงสด เขามิรอช้าก้มลงดูดชิมเม็ดสวาทฉ่ำเยิ้มนั้นแรง ๆ สลับใช้ปลายลิ้นระรัวถี่ ๆ ชายหนุ่มลากลิ้นลงตามร่องกลีบอีกครั้งจนถึงรู
“เร็วอีกเจ้าค่ะ อ๊า...ท่านแม่ทัพแรง ๆ เจ้าค่ะ โอ้ววว...อ๊า ได้โปรดท่านแม่ทัพ ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ อะ...อีก อ๊า...” เสียงเร่งเร้าจากร่างอวบอิ่ม ที่กำลังส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวซ่าน จากบทรักของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้ร่างสูงที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ด้านบน เร่งจังหวะตามคำขอโดยไม่รั้งรอ “อื้อ...” เสียงครางเบา ๆ ของชายหนุ่ม ดังขึ้นเมื่อสงครามบนเตียงกำลังจะสิ้นสุด ชายหนุ่มขยับเอวรุนแรงขึ้น เมื่อคนใต้ร่างกระตุกเกร็งพร้อมเส้นทางเล็กแคบตอดรัดท่อนมังกรของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระแทกท่อนมังกรเข้าจนสุดทาง พร้อมกับเร่งจังหวะขับเคลื่อนให้กระชั้นถี่ขึ้น แม่ทัพหนุ่มกดท่อนมังกรแช่แน่นิ่งเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงคำรามในลำคอดังออกมาให้ได้ยิน เมื่ออารมณ์เร้าร้อนได้รับการปลดปล่อย ชายหนุ่มขยับถอนแก่นกายออกในทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจ “ท่านแม่ทัพ” ร่างอวบอิ่มขยับลุกนั่ง มือบางลูบไล้ยังแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ขอบเตียง ใบหน้างามกำลังที่จะซบลงด้วยความหลงใหลในกายของชายหนุ่ม จำต้องนิ่งค้าง เมื่อร่างสูงลุกพรวดก้าวตรงไปยังห้องอาบน้ำเสียอย่างนั้น ใบหน้างามที่ยิ
ตำหนักนอกวัง ณ เรือนหานชิน “ฮ่า ๆ ข้าอยากเห็นหน้าของหวังลู่ฉงยิ่งนัก ฮึ! แม่ทัพไร้พ่าย ไยมาตกม้าตายตอนถูกจับแต่งงานกับข้าเล่า นี่ถึงขนาดหนีไปซบอกยอดคณิกาเลยรึ จะให้ข้าทำเยี่ยงไรบุกไปแหกอกเขา หรือไปหัวเราะกับความคิดเสมือนดีเล่า” หานชินหัวเราะร่า นางไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจหรือยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้ เหตุผลทางการเมืองล้วน ๆ ที่ทำให้นางต้องออกเรือนกับหวังลู่ฉงผู้หยิ่งผยอง “องค์หญิงมิสำรวมเลยนะเพคะ” พระนมข้างกายเอ่ยตักเตือนองค์หญิงของตน นางเองเพียรพยายามให้องค์หญิงทรงเป็นกุลสตรีทุกระเบียดนิ้ว แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้ามเสมอ “อย่าได้กลัวว่าข้าจะทำเสื่อมเกียรติยามอยู่ต่อหน้าผู้คนเลยแม่นม สำหรับองค์หญิงกำพร้าเช่นข้า ไม่มีผู้ใดสนใจเท่าเรื่องราวเสื่อมเสียที่กล่าวหาข้าหรอกนะ อย่าได้เหนื่อยกับคำผู้อื่น จงเหนื่อยกับภารหน้าที่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ท่านดูแลข้ามาเป็นอย่างดีข้าย่อมมองเห็น” หญิงสาวยกจอกสุราขึ้นดื่ม ในสายตาผู้คนนั้นนางคือหญิงมากตัณหา ที่มักสะสมบุรุษเอาไว้ข้างกายมากมาย ส่วนเรื่องจริงนั้นไม่จำเป็นที่นางต้องบอกกล่าวให้ผู้อื่น
“อ๊า...ทะ...ท่านพี่ อ๊า...”หานชินครางเรียกสามี เมื่อนางเหมือนกำลังโดนกลั่นแกล้ง มือบางขยุ้มผมดกดำแรงขึ้น เมื่อนิ้วของสามีเริ่มขยับขึ้นลงอีกครั้ง โดยที่ปากของเขายังครอบครองดูดดึงยอดถันของนางอย่างหิวกระหาย“พี่จะสอนให้เจ้าอย่าได้ซุกซนอีก”ชายหนุ่มยังคงเอ่ยเย้า ด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากับอกเต่งตึงของภรรยา ก่อนจะขยับเลื่อนใบหน้าลงมายังหน้าท้องแบนราบ แม่ทัพหนุ่มใช้ปลายลิ้นเลียวนรอบ ๆ สะดือเล็ก ก่อนจะระรัวปลายลิ้นหยอกเอินเบา ๆ โดยที่นิ้วเรียวยังขยับอยู่ยังร่องสวาทที่ฉ่ำไปด้วยน้ำเหนียวเยิ้มหานชินแอ่นกายขึ้นรับปลายลิ้นของสามี โดยที่มือบางเปลี่ยนจากขยุ้มผมชายหนุ่ม เป็นกำผ้าปูที่นอนแน่น หญิงครางไม่เป็นสรรพเมื่อปลายลิ้นร้ายได้ลากต่ำลงไปยังเนินสวาทของนาง“อ๊ะ...โอ๊ว...อ๊า...”หวังลู่ฉงใช้สองมือจับต้นขางามขยับแยกออกกว้างกว่าเดิม ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสากลากลงตามร่องกลีบบางยาว ๆ ก้นงอนงามยกรับการจู่โจมจากปากของเขาอย่างเป็นธรรมชาติชายหนุ่มใช้นิ้วค่อย ๆ เปิดกลีบบางออกเผยให้เห็นเม็ดสวาทสีแดงสด เขามิรอช้าก้มลงดูดชิมเม็ดสวาทฉ่ำเยิ้มนั้นแรง ๆ สลับใช้ปลายลิ้นระรัวถี่ ๆ ชายหนุ่มลากลิ้นลงตามร่องกลีบอีกครั้งจนถึงรู
“เล่นที่อื่น มิใช่...อื้อ...ตะ...ตรงนี้”“ท่านชอบให้เล่นตรงนี้หรอ...”หญิงสาวเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงอ้อแอ มิเพียงคำพูดดวงตาฉ่ำเยิ้มจากฤทธิ์สุรา ยังช้อนขึ้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มซุกซน แม่ทัพหนุ่มถึงกับขนลุกชันไปทั้งร่าง เมื่อมือบางเริ่มคลำขึ้นลงช้า ๆ เสมือนแก่นกายของเขาเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนางแม่ทัพหนุ่มคำรามในลำคอ เมื่อความอดกลั้นของเขาเริ่มจะขาดลง หมับ! มือหนารีบกุมข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนที่นางจะขยับมือซุกซนมากไปกว่านี้“หยุดได้แล้ว”แม้ปากจะห้าม ทว่าชายหนุ่มกลับมิได้ผลักไสคนที่ยังวนเวียนจะจับส่วนล่างของเขา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เสียงอ้อแอที่ดังอยู่กับอกนั้น บอกได้เป้นอย่างดีว่านางกำลังเมา มิใช่การเสแสร้ง สุราป่าเช่นนี้หากคนมิคุ้นเคย มักที่จะเมามายจนแทบสิ้นสติได้เลยทีเดียว แม้แต่ตัวเขาเองที่ดื่มมานับครั้งไม่ถ้วนยังรู้สึกมึนเมามิน้อย“ยืนนิ่ง ๆ ข้าจะเปลี่ยนชุดให้ เจ้าจะได้พักผ่อน”หานชินพยายามที่จะลืมตามองคนพูดให้ชัด ๆ แต่ก็ไม่อาจทำได้อย่างที่คิด ร่างบางโอนเอนเซจะล้มอยู่หลายหน จนในที่สุดแผ่นอกที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นสุราคือที่พักของนาง“ทำไมหน้าอกของท่านมีขนเช่นนี้เล่า ข้ามิเคยรู้มาก่อนว่าหน
หนึ่งเดือนต่อมา“เราใกล้จะถึงสุ่ยหลานรึยังต้านหลี่”เสียงหวานเอ่ยถามคนสนิท ที่กำลังตั้งใจย่างปลาตัวใหญ่ให้แก่นาง ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมันเกินหนึ่งเดือนมาแล้วนั่นเอง หากไม่เพราะสามีต้องการกลั่นแกล้งนางระหว่างทาง ป่านนี้คงถึงที่หมายไปนานแล้ว“ไม่น่าจะเกินบ่ายพรุ่งนี้ขอรับ ตามจริงท่านแม่ทัพมิใช่เพียงกลั่นแกล้งนายหญิง แต่ข้าน้อยคิดว่าหมู่บ้านรายทางที่ท่านแม่ทัพแวะเวียน ต่างมีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ขอรับ”“ข้ารู้ แต่ทำงานเช่นเขามันโจ่งแจ้งจนเกินไป”“เรื่องงานลับ ๆ มันหน้าที่นายหญิงมิใช่หรือขอรับ”ต้านหลี่เย้าผู้เป็นนาย เขารู้ดีถึงเป้าหมายที่นายหญิงของเขาต้องการที่จะพบ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อพวกเขาจำต้องติดตามท่านแม่ทัพหวัง จะทำงานอย่างรวดเร็วเช่นที่ผ่านมาย่อมไม่อาจทำได้“ช่างเถอะ! เป็นข้าที่ผิดเอง ดันมิน่าถนอมดั่งหยกงามทั่ว ๆ ไป”หานชินแกล้งประชดชายหนุ่ม ทว่าดวงตาคู่งามกลับมองไปอีกด้าน ที่มีร่างสูงของใครอีกคนมองมาที่นางอยู่แล้วเช่นกันบ่ายวันถัดมาขบวนทัพได้หยุดพักใกล้กับหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างหมู่บ้านสุ่ยหลาน หัวหน้าหมู่บ้านได้ออกมาเชิญแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินของเขา เข้าไปพักในหมู่บ้านในยามค่ำคืนจ
สิบวันต่อมา ณ จวนสกุลหวัง งานแต่งระหว่างแม่ทัพหวังลู่ฉงกับองค์หญิงหานชิน ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของทั้งคู่ ซึ่งทุกอย่างดูจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ทว่ายังไม่ทันรุ่งสาง ประตูเมืองจำต้องถูกเปิดออก เพื่อให้ขบวนทัพของแม่ทัพหนุ่มเดินทางออกสู่สายแดนทิศเหนือ ตามที่ชายหนุ่มได้ทูลขออนุญาตจากองค์ฮ่องเต้หลังพิธีสมรส ภายในรถม้าคันใหญ่ องค์หญิงหานซินยังคงหลับใหลอยู่บนผ้าปูขนสัตว์หนานุ่ม โดยมีแม่นมชุ่ยอิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ที่ทำให้แม่ทัพหนุ่มและทหารทุกคนรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก นั่นคือเหล่าบุรุษรูปงามขององค์หญิงหานชิน ที่ติดตามไปชายแดนในครั้งนี้ด้วย หวังลู่ฉงมองบุรุษทุกคนในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีดำแดง ตัดเย็บอย่างประณีต ทุกคนล้วนแต่งกายเหมือนกัน บนศีรษะมีหมวกปีกกว้างสวมปิดบังใบหน้า ไร้รอยยิ้มหรือเสียงพูดคุย ทุกคนนั่งนิ่งเสมือนรูปปั้นอยู่บนหลังอาชาสีดำตัวใหญ่ ดูองอาจมิต่างจากทหารกล้าในกองทัพ หากไม่รู้ว่านี้คือเหล่าบุรุษจากตำหนักหานชิน คงคิดว่าเป็นทหารองครักษ์จากวังหลวงเสียมากกว่า ขบวนทัพเคลื่อนตัวออกพ้นประตูเมืองมาได้เล็กน้อย ก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้น
ตำหนักนอกวัง ณ เรือนหานชิน “ฮ่า ๆ ข้าอยากเห็นหน้าของหวังลู่ฉงยิ่งนัก ฮึ! แม่ทัพไร้พ่าย ไยมาตกม้าตายตอนถูกจับแต่งงานกับข้าเล่า นี่ถึงขนาดหนีไปซบอกยอดคณิกาเลยรึ จะให้ข้าทำเยี่ยงไรบุกไปแหกอกเขา หรือไปหัวเราะกับความคิดเสมือนดีเล่า” หานชินหัวเราะร่า นางไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจหรือยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้ เหตุผลทางการเมืองล้วน ๆ ที่ทำให้นางต้องออกเรือนกับหวังลู่ฉงผู้หยิ่งผยอง “องค์หญิงมิสำรวมเลยนะเพคะ” พระนมข้างกายเอ่ยตักเตือนองค์หญิงของตน นางเองเพียรพยายามให้องค์หญิงทรงเป็นกุลสตรีทุกระเบียดนิ้ว แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้ามเสมอ “อย่าได้กลัวว่าข้าจะทำเสื่อมเกียรติยามอยู่ต่อหน้าผู้คนเลยแม่นม สำหรับองค์หญิงกำพร้าเช่นข้า ไม่มีผู้ใดสนใจเท่าเรื่องราวเสื่อมเสียที่กล่าวหาข้าหรอกนะ อย่าได้เหนื่อยกับคำผู้อื่น จงเหนื่อยกับภารหน้าที่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ท่านดูแลข้ามาเป็นอย่างดีข้าย่อมมองเห็น” หญิงสาวยกจอกสุราขึ้นดื่ม ในสายตาผู้คนนั้นนางคือหญิงมากตัณหา ที่มักสะสมบุรุษเอาไว้ข้างกายมากมาย ส่วนเรื่องจริงนั้นไม่จำเป็นที่นางต้องบอกกล่าวให้ผู้อื่น
“เร็วอีกเจ้าค่ะ อ๊า...ท่านแม่ทัพแรง ๆ เจ้าค่ะ โอ้ววว...อ๊า ได้โปรดท่านแม่ทัพ ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ อะ...อีก อ๊า...” เสียงเร่งเร้าจากร่างอวบอิ่ม ที่กำลังส่งเสียงครวญครางด้วยความเสียวซ่าน จากบทรักของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้ร่างสูงที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ด้านบน เร่งจังหวะตามคำขอโดยไม่รั้งรอ “อื้อ...” เสียงครางเบา ๆ ของชายหนุ่ม ดังขึ้นเมื่อสงครามบนเตียงกำลังจะสิ้นสุด ชายหนุ่มขยับเอวรุนแรงขึ้น เมื่อคนใต้ร่างกระตุกเกร็งพร้อมเส้นทางเล็กแคบตอดรัดท่อนมังกรของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระแทกท่อนมังกรเข้าจนสุดทาง พร้อมกับเร่งจังหวะขับเคลื่อนให้กระชั้นถี่ขึ้น แม่ทัพหนุ่มกดท่อนมังกรแช่แน่นิ่งเอาไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงคำรามในลำคอดังออกมาให้ได้ยิน เมื่ออารมณ์เร้าร้อนได้รับการปลดปล่อย ชายหนุ่มขยับถอนแก่นกายออกในทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจ “ท่านแม่ทัพ” ร่างอวบอิ่มขยับลุกนั่ง มือบางลูบไล้ยังแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ขอบเตียง ใบหน้างามกำลังที่จะซบลงด้วยความหลงใหลในกายของชายหนุ่ม จำต้องนิ่งค้าง เมื่อร่างสูงลุกพรวดก้าวตรงไปยังห้องอาบน้ำเสียอย่างนั้น ใบหน้างามที่ยิ