ระรินเดินตัวลีบพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอยังอยู่รั้งท้ายขบวนเหมือนเดิม เมื่อเดินผ่านประตูห้องเข้าไป ระรินถึงกับตาค้างกับความอลังการของ ห้องรับรองสุดหรู สายปะทะเข้ากับบุรุษตัวสูงหน้าตาคมสัน ทว่าสายตาเย่อหยิ่ง นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาแบบหลุยส์ สีทองอร่ามดูมีรสนิยม ส่วนคนที่นั่งข้างเป็นหญิงสาวหุ่นนางแบบสวยเฉียบสไตล์ฮอลลี่วู๊ด ชายหนุ่มล่ำบึกอีกสองคนซ้ายขวา สรุปแล้วในห้องมีผู้ชายทั้งหมดเกือบสิบคน เท่แข่งกันใหญ่ระรินคิด แว่นกันแดด ที่ปิดบังดวงตาช่างเข้ากันได้ดีกับสูทสีดำสนิท ระรินสงสัยนัก ไอ้พวกบอดี้การ์ดทำไมต้องใส่ชุดสีดำชายหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ทางขวามือขยับตัวมาตรงหน้าก่อนจะพูดเสียงดัง
“ทั้งสามคนนี้นะเหรอ เด็กรับใช้คนใหม่มิสเตอร์บุญสม"
ประโยคสุดท้ายหันไปทางชายสูงอายุ ระรินปิดปากหัวเราะคิกคัก แต่งตัวก็ดีท่าทางก็ดี ชื่อบุญสม ลุงบุญสมหันมาถลึงตาใส่ระรินก่อนจะโค้งคำนับ
“ครับท่าน องครักษ์ฮาฟซา”
“หนุ่มทางภูมิภาคของเจ้านี่ ท่าทางอ้อนแอ้นไม่มีหนวดเคราหน้าตาจืดชืดไม่สมเป็นชายดีหน่อยตรงมีความละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์ไว้ใจได้”
แหวะ ตบหัวแล้วลูบหลังระรินอยากพูดเหลือเกินภูมิภาคของพวกเจ้าก็ไว้หนวดไว้เคราเหมือนมหาโจร ผิวก็คล้ำไม่หล่อใส
“ครับ ตามที่องค์ฟีรอสเลือกไว้ทั้งสามคนครับ เชิญสัมภาษณ์ได้เลย”
ชายผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟา เหลือบตามองหลังจากที่ทำท่าไม่ยินดียินร้ายปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององครักษ์
“ไม่ต้องสัมภาษณ์แล้ว เราเลือกเจ้าสองคนนั้น” ใบหน้าคมพยักหน้ามาทาง ระรินและหนุ่มหน้าจืดอีกคน ไอ้คนข้างๆฉีกยิ้มดีใจแบบปิดไม่มิด ระรินส่ายหน้าไปมา 1-2-3
“กระผม... กระหม่อม...เฮ้ย..ผม ...ขอสละสิทธิ์ครับ”
คำพูดละล่ำละลักแบบมีพิรุธ ลุงบุญสมหันมามองหน้าขยิบหูขยิบตา ฟีรอสหันมองเต็มตาพลางลุกจากที่นั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของระริน เขาใช้มือแข็งแรงจับคางมนให้เชิดขึ้น ระรินดิ้นรนส่ายหน้าไปมาฮึดฮัด
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งเรารึ เจ้าหน้าอ่อน” ดวงตาคมจ้องมองเข้าไปในตากลมโตลุงบุญสมรีบถลาเข้ามาดึงแขน ระรินให้นั่งลงพร้อมกับกดหัวให้ก้มหน้า
“คงเมาเครื่องบินขอรับ พูดจาแปลกๆ ท่านฟีรอสโปรดอภัยด้วยซาลาม”
ลุงบุญสมเสียงสั่นระรัว ระรินลดตัวลงยอมนั่งลงแต่โดยดี ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะร้ายแรงถึงเพียงนั้น
“นำ ทั้งสองคนไปที่วังทองคำให้รับใช้อยู่ใกล้ชิดเราส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกให้ส่งไปยังบ้านของท่านพี่ซาเบีย”
คนพูดสะบัดตัว สาวสวยหุ่นนางแบบเดินตามแทบไม่ทันองครักษ์อีกสองสามคนสาวเท้าตามเร็วรี่ออกจากห้องรับรอง ลุงบุญสมบีบแขนระรินเบาเบา
“เกือบไปแล้ว แกนี่หาเรื่องใส่ตัว องค์ฟีรอสเขารู้กันทั้งประเทศว่า....ทรงไม่ชอบให้ใครขัดใจ”
ระรินน้ำตาร่วงพล่อย ซวยจริงๆล่ะที่นี้กลับก็ไม่ได้ไปต่อก็น่ากลัวเธอนั่งตัวแข็งอยู่กับที่
“ไปได้แล้ว ร้องไห้เป็นผู้หญิงไปได้ คราวหลังก็อย่าขัดใจท่านเป็นอันขาดจำไว้ เดี๋ยวจะพาไปทำความรู้จักกับวังทองคำ และเดี๋ยวลุงจะแนะนำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของแต่ละคน” ลุงบุญสมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ระรินรู้สึกว่าตอนนี้เธอมีเพียงลุงบุญสมคนเดียวที่เป็นมิตรยามยาก
แสงตะวันเคลื่อนคล้อย ระรินนั่งเหม่อมองไปทางทิศที่คิดว่าจากมา
ป่านนี้พี่ชายฝาแฝดของเธอที่บ้านคงวุ่นวายกับการหายตัวไปของเธอ แล้วสุดท้ายทุกคนก็จะรู้เองว่าระรินไปไหนพี่ชายฝาแฝดคงห่วงใยเธอน่าดู แต่แม่เลี้ยงของเธอคงดีใจจนเนื้อเต้น ส่วนพ่อก็คงไม่ยินดียินร้ายอะไรเหมือนเคย ในเมื่อแม่เลี้ยงมีความสามารถในการพูดโน้มน้าวจิตใจจนพ่อไม่สนใจไยดีเธอ เธอผสมยานอนหลับลงไปในนมสดให้พี่ชายดื่มก่อนนอน เพราะวันรุ่งขึ้นพี่ชายฝาแฝดที่เป็นที่พึ่งเดียวของเธอ กำลังจะจากไปทำงานต่างแดน ระรินหมดสิ้นหนทางแม้พี่ชายจะพูดว่าเพราะอนาคตของเธอเพื่อที่เธอจะได้เรียนมหาลัย
เธอจับผมยาวสลวยก่อนจะใช้กรรไกรคมกริบตัดฉับลงไปทันทีเพราะกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ ใช้กรรไกรตกแต่งอีกนิดเดียวใบหน้าที่ละม้ายกันอยู่แล้ว แทบแยกไม่ออกว่าเป็นคนละคนกับพี่ชาย การปลอมตัวมันง่ายนิดเดียวเธอคิด ระรินยอมเป็นผู้จากมาดีกว่าผู้รอคอยแต่บัดนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด
“ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาหน่อย”
เสียงลุงบุญสมทำเอาระรินสะดุ้ง เธอรีบก้าวเข้าไปในห้องทันที
“เอา ฉลองพระองค์ชุดใหม่เข้าไปถวายองค์ฟีรอสเพราะพระองค์กำลังจะสรงน้ำเร็วๆด้วยนะแล้วก็รีบออกมา ทานข้าว”
ลุงบุญสมออกคำสั่ง
ระรินเดินตามระเบียงสูงของตำหนักใหญ่
ความสวยสง่าเมื่อยามต้องแสงอาทิตย์อัสดง เธอหยุดอยู่หน้าห้องก่อนจะเคาะประตูห้องส่วนตัวสองสามทีไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา ระรินผลักประตูเบาๆก่อนที่จะแทรกร่างบางเข้าไปห้องโอ่อ่าสวยงามตกแต่งแบบตะวันตก
ทุกอย่างคล้ายกับถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว สวยงามหรูหราจนไม่อาจละสายตา ระรินเดินเข้าไปเรื่อยเรื่อยแต่ไม่พบใครเธอจึงถือโอกาส มองสำรวจด้วยความชื่นชมในความสวยงามลงตัว เงินนี่ทำได้ทุกอย่างจริงระรินคิดในใจเดินลูบคลำนู่นนี่เรื่อยเปื่อย จนเดินมาหยุดที่เตียงใหญ่ เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาว ร่างสองร่างกอดก่ายกันอยู่บนเตียงเสื้อผ้าฝ่ายหญิงหลุดลุ่ยระรินมองแว๊บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือองค์ฟีรอส และสาวนางแบบนางนั้นที่เธอเห็นเมื่อตอนกลางวัน ระรินตัวแข็งทื่อหันหน้าเดินหนี แต่ช้าไปเสียแล้ว
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ เจ้าเข้ามาได้อย่างไร”
เสียงเข้มดุดัน ระรินอยากจะหายตัวได้ในทันที หันหน้ามาทำเอาร่างบางชนเข้ากับอกกว้าง ฉลองพระองค์ที่ถือมาร่วงพล่อยลงไปกับพื้น อกใหญ่ที่ปราศจากอาภรณ์ กลิ่นกายของชายชาตรีระรินหน้าแดงทันที ร่างสูงตรงหน้าคว้าแขนบางกำไว้แน่น
“กระผมเอาฉลองพระองค์มาให้ขอรับ”
ระรินละล่ำละลักก้มหน้าหลบแก้มแดง
“นึกว่ามาแอบดู .....ออกไปได้แล้ว...”
ระริน รีบสาวเท้าเดินออกมาแขนแข็งแรงคว้าข้อมือบางไว้ทันที
“ไม่ใช่เจ้า ...เธอ... หมดอารมณ์แล้ว^_^”
มือชี้ไปยังร่างระหงของสาวสวยบนเตียงนุ่ม สาวเจ้าจัดแจงเสื้อผ้าชุลมุนหน้างอหงิก ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเดินเฉิดฉาย มาหยุดอยู่ตรงหน้าของ องค์ฟีรอสระรินหลบตาวุ่นวาย ก้มหน้านิ่งแขนแข็งแรงยังไม่ปล่อยเธอ
“ถ้า พระองค์ต้องการหม่อมฉันเมื่อไหร่”
สายตาหวานหยดย้อยนั้นทำเอาระริน แทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“ก็ เรียกนะเพคะ หม่อมฉันจะรอ”
มือสวยที่ทาเล็บสีแดง ลูบไล้ไปบนอกกว้างที่ปกคลุมด้วยไรขน คนโดนกระทำไม่สนใจสะบัดหน้าหนีก่อนจะ กดหัวเธอให้ก้มลงไปเก็บฉลองพระองค์
“เก็บมันขึ้นมา แล้วตามมาเตรียมน้ำในอ่างให้เราด้วย แล้วรอจนกว่าเราอาบน้ำเสร็จ”
พูดเสร็จก็จะปล่อยเธอแล้วเดินหันหลังทำท่าคล้ายจะเปลื้องผ้าของตัวเอง
ก่อนจะเปลี่ยนใจบ่นพึมพำ“องครักษ์ไปไหนหมด ถ้าเป็นคนร้ายเรามิตายไปแล้วหรือ”ระรินอกสั่นขวัญหายก่อนจะเดินแบบเร็วรี่ไปยังอ่างอาบน้ำ ระฆังช่วยชีวิตไว้ทันพอดี เป็ง เป็ง“พระองค์เกิดเหตุอะไรหรือ กระหม่อมได้ยินเสียงเอะอะ”ฮาฟซาองครักษ์หุ่นล่ำหล่อร้ายเข้ามาขัดจังหวะระรินมองคนนู้นทีคนนี้ที“เจ้าระวิน ลุงบุญสมตามหาเจ้าอยู่”เสียงทุ้มนุ่มหู พูดพลางพยักหน้าไล่ส่งระรินรีบเดินตัวลีบออกไปทันที นึกขอบคุณองครักษ์หนุ่มหล่อ“อย่าเพิ่งให้มันไปให้มันเตรียมน้ำให้เราก่อน”เสียงเกรี้ยวกราด“ไม่เป็นไรกระหม่อม ประเดี๋ยวกระหม่อมจะเตรียมถวายเอง มันได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาพาลจะอด”องครักษ์หนุ่มออกตัวแทน ด้วยทราบอารมณ์ของผู้เป็นนายได้ดี ระรินเดินผ่านประตูออกมาช้าๆ ด้วยกลัวว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง แต่เงียบไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดใดอ๋อหรือว่าจะเป็นคู่จิ้นกันหนอ เหมือนกับจะเกรงใจท่านองครักษ์ใหญ่ชอบกล“เกือบซวยอีกแล้วซี่เจ้าระวิน ไม่ดูตาม้าตาเรือคราวหลังถ้าจะเข้าไปต้องส่งเสียงให้องค์ฟีรอสท่านก่อนไม่ใช่แอบเข้าไปอย่างนั้นทรงกริ้วมากรู้ไหม ดีที่ท่านฮาฟซาเข้าไปพอดี”เสียงลุงบุญสมบอกเล่าเรื่องที่เธอค
แม้จะดัดเสียงให้ห้าวหาญเพียงใด ก็ไม่อาจกลบความหวานของน้ำเสียงได้ ระรินกระแอมเบาเบา“อ้าวหน้าที่ของเจ้ารึ ตามจริงต้องผลัดกันสองคนกับเจ้าประพันธ์ไม่ใช่รึ”ฮาฟซาเหมือนจะรู้รายละเอียดในงานของเด็กรับใช้เป็นอย่างดี“ประพันธ์บอกว่าลุงบุญสมให้ตกลงกันเอาเองขอรับ”แววตาอ่อนโยนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฉายออกมาเพียงแวบเดียวก็หายไป“เหนื่อยแย่”“เขารับปากว่าจะทำอย่างอื่นแทนขอรับ”ฮาฟซาเลิกคิ้วทำท่าตกใจ ทำให้ใบหน้าคมยิ่งน่ามองยามผ่อนคลาย“เจ้านี่กล้าหาญไม่น้อย ใครใครก็กลัวองค์ฟีรอสส่วนเจ้าช่างกล้า”ทำอย่างไรได้ระรินคิดตกกระไดพลอยโจนแล้วนี่“องค์ฟีรอสท่านใจดีจะตายไป คนมาใหม่ใหม่กลัวท่าน ทุกคนแต่อยู่ไปนานนานเดี๋ยวก็รัก แต่อย่าไปทำให้ท่านโกรธหรือขัดใจถ้ามีเรื่องให้ช่วย บอกเราได้ทุกเวลา ^_____^”รอยยิ้มหวานถ้าเป็นเวลาอื่นระรินอาจใจละลายไปแล้วแต่ขณะนี้ไม่มีแก่ใจจริงจริงแสงจันทร์นวลส่องจับใบหน้าสวยหวานของระรินเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ดวงหน้าที่ไม่อาจปกปิดได้ของระรินอยู่ในสายตา องครักษ์หนุ่มหัวใจไหววูบด้วยมีบางอย่างแล่นเข้ามาในความคิดคำนึง ผู้ชายทำไมถึงได้มีบางอย่างที่น่ามองและชวนหลงไหลเพียงนี้-"เจ้าอายุเท่าไห
ระรินคอยเงี่ยหูฟังเสียงเรียกตลอดเวลา ระเบียงตำหนักที่ทอดยาวหันหน้าเข้าสู่ตัวตำหนักอีกตำหนักหนึ่งซึ่ง ระรินลืมไปสนิทว่าจะเอ่ยปากถามองครักษ์ฮาฟซา ว่าเป็นตำหนักของใครด้วยความเหมือนของโครงสร้างทว่าตำหนักที่หันหน้ามาทางตำหนักนี้มีความหรูหราและสวยงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงาม ระรินไม่อยากคิดถึงมูลค่าของการตกแต่ง ตำหนักองค์ฟีรอสจึงกลายเป็นเพียงตำหนักที่สวยงามแบบเรียบๆ ถ้าเทียบกับตำหนักตรงกันข้ามแสงไฟสว่างไสวไปทั่วตำหนักระรินปล่อยใจให้ล่องลอยไปสู่ตำหนักตรงหน้า มองสำรวจจนพอใจฉับพลันนั้นเอง สายตาเจ้ากรรมดันไปประสบเข้ากับกล้องส่องทางไกล ของใครคนหนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ณ.ริมตำหนักสวยนั้น ลักษณะการแต่งกายที่ละม้ายองค์ฟีรอส หากแต่การแต่งกายไม่ได้ยึดติดเหมือนคนอาหรับทั่วไป เป็นการแต่งกายแบบตะวันตก ผสมการแต่งกายแบบอาหรับที่ลงตัว เธอยืนตะลึงอยู่กับที่จนกระทั่ง คนผู้นั้นลดกล้องลงยกมือขึ้นโบกเป็นการทักทายเธอ ระรินนิ่งงันคนผู้นั้นจ้องมองพร้อมกับยิ้มแย้ม ทั้งใบหน้าและดวงตา ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสหากแต่แววตาอ่อนโยนกว่านัก"เจ้าระวิน แกอยู่ไหน" เสียงดังออกมาจากห้องบรรทม ระ
เสียงแหบๆของลุงบุญสม“ไปทานข้าวได้แล้ววันนี้มีตามเสด็จ” ระริน ตาลีตาเหลือกสปริงตัวจากที่นอนหนานุ่มก่อนจะทำธุระส่วนตัวแล้วเดินแกมวิ่งยังห้องอาหาร“มาแล้วเหรอระวินเพื่อนรัก นี่ข้าวของนายเราตักมาเผื่อแล้ว” เสียงเหน่อๆ ของประพันธ์ดังมาแต่ไกล“กินเยอะๆ เนื้อหมูนี่ดีต่อร่างกายผอมๆของนาย เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” มาแปลกช่างเป็นห่วงเป็นใย@__@ ระรินไม่ไว้วางใจในตัวเพื่อนใหม่คนนี้“อย่า ดีกับเราเกินไปเรากลัว” ระรินพูดความจริงออกไปตรงๆ“ไม่เอาน่าเรา ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เราแค่อยากให้นายสบายที่สุดจะได้อยู่ที่นี่ไปนานๆ หลังจากที่นายต้องเจองานหนักกว่าคนอื่น” หานี่ระรินโชคดีกว่าใครใช่ไหม ที่ต้องมารับใช้เบื้องยุคลบาทขององค์ฟีรอส“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เรายินดี”ท่าทางแหยงๆ“ถ้านายอยู่นานๆ เราก็จะได้อยู่นานๆ ที่นี่งานสบายเงินดีที่สุดเราก็จะได้มีเงินไปไถ่ที่นาให้พ่อสร้างบ้านให้แม่ นะระวินนะนายต้องอยู่นานๆ อย่าเพิ่งท้อกับงานเลย” สายตาวิงวอนนั้นมองมาแบบจงใจ ระรินอดขำไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน ไหนจะเจ้านายที่น่ากลัวไหนจะความลับที่ระรินปิดบังไว้อีก เธอถอนหายใจ“เราสัญญาว่าถ้าหากเราจะจา
"องค์อัฟนัน เรียกเจ้านะ ระวิน "ลุงบุญสมบอกเสียงราบเรียบ ห้องรับรองแขกที่โอ่อ่านั้น มีองครักษ์น่้าตาแปลกๆ หลายคนทั้งที่คุ้นตาและไม่คุ้นตา องค์อัฟนันที่มนุษย์ป้าสองคนพูดถึง มีธุระอะไรกันหนอ ระรินคิดก้าวขาช้าๆเพื่อรอดูสถานการณ์ ร่างสูงยืนหันหลังการแต่งกายแบบวัยรุ่นทั่วไปไม่มีเค้าลางว่าจะเป็นองค์ชายอะไรนั่นเลย ระรินมองสำรวจทั่วร่าง ลุงบุญสมกระตุกแขนแรงๆ ระรินทรุดลงทำความเคารพแบบอาหรับ ก่อนจะกล่าวคำดัดเสียงให้ห้าวทุ่มแต่ไม่เป็นผล ร่างที่หันหลังอยู่หันกลับมาโดยเร็ว อ๋อคนนี้เองที่โบกไม้โบกมือให้ระรินที่ระเบียง องค์ชายเลยเหรอ ตาสบตา ผิวขาวสะอาดกว่าคนพี่ระรินคิด หากแต่ความหล่อเท่ากันเปะ คนน้องหล่อแบบหวานๆ คนพี่หล่อเข้มตามแบบอาหรับแท้ๆ สายตาหวานนั้นจ้องมองระรินแทบไม่กะพริบตา"มีคนเดียวกระหม่อม ระวินนี่แหละที่ตรงตามลักษณะที่พระองค์กล่าวมา" ลุงบุญสมรายงาน อะไรบางอย่างที่ระรินไม่เข้าใจ"ชื่อ ระวิน เรอะ" เสียงทุ้ม จากริมฝีปากบางเหมือนผู้หญิงนั้น ก้าวเดินมาจนเกือบประชิดตัวก่อนจะก้มลงมองใบหน้าสวยหวานของระริน สายตาแสดงถึงความประหลาดใจอย่างที่สุด"ผู้หญิงหรือ ผู้ชาย" จมูกโด่งส่ายไปมา เฉียดแก้มของระ
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงนั้นระรินสะดุดใจยิ่งนักรึจะรู้ว่าเราเป็นหญิงT_T"พี่ว่า แทนที่น้องชายของพี่จะเอาเวลาพักผ่อนมาสอดแนมพี่แทนท่านพ่อ เอาเวลาที่มีไปเสาะหาเด็กรับใช้ที่ถูกตาต้องใจ ให้ได้เหมือนพี่ดีกว่านะ ดีกว่ามาคอยมาแอบทำความรู้จักกับ..สมบัติ...^_^ ของพี่" พร้อมกันนั้นอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกระชับรัดร่างให้แน่นขึ้น แสดงอาการสนิทสนมระรินก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง บรรยากาศมาคุ แต่แทนที่คนหน้าหวานจะโกรธเคืองกับ ยิ้มใส"น้องรู้สึกถูกชะตากับเด็กรับใช้ของท่านพี่เป็นที่สุด ท่านพี่ทำไมต้องหวงด้วยล่ะ อย่างนี่ยิ่งน่าสนใจ สงสัยน้องต้องมาเยือนตำหนักนี้บ่อยๆ เสียแล้ว" คนหน้าเข้มก็ยิ้มเยือนเหมือนไม่มีการเคืองโกรธใดใด"ได้เสมอน้องพี่ แต่ตอนนี้พี่ต้องขอตัว ของพี่แล้วก็..สมบัติ..ของพี่เพราะดึกมากแล้ว" องค์อัฟนันไม่ทัดทานโค้งคำนับพี่ชาย ก่อนที่องค์ฟีรอสจะเปลี่ยนเป็นทั้งลากทั้งจูงระรินเข้าห้องบรรทม"พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกเจ้าระวิน ต้องไปฝึกศิลปะป้องกันตัวกับฮาฟซาที่ยิมเข้าใจไหม"ระรินพยักหน้าแทนคำตอบ"แล้วอีกอย่างตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เป็นต้นไปห้ามออกไปยืนลับๆ ล่อๆ ที่ระเบียงอีกเป็นอันขาด "O_O"ทำไมกระหม่อม"
ประพันธ์ยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้สึกว่าผิดคาดที่ระรินไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด"ก็จะมีการพบปะกันระหว่างสาวๆหนุ่มๆ หลังจากที่ถูกกักบริเวณของใครของมันต่างคนต่างอยู่มาตั้งนานนะสิ""ถึงจะมาพบกันได้ก็เถอะนะ ผู้หญิงก็ต้องปิดหน้าปิดตาอยู่ดีหมดอิสระ"ระรินพูดไปเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"ก็เขาอยากให้ผู้หญิงยังคงคุณค่าไว้สำหรับคนที่จะมาร่วมชีวิตจริงๆ ไม่เหมือนบ้านเรา ผู้หญิง มีอิสระเกินไป""แสดงว่านายว่าบ้านเราไม่ดีเหรอ""ดีสิแต่ก็นะที่นี่ก็ดี ฉันชอบการที่ต้องมาคอยลุ้นว่าคนที่เราสบตาด้วย จะมีใบหน้าสวยงามขนาดไหน"แหวะ ทำมาพูด"แล้วถ้าคนที่สบตาด้วยหน้าตาขี้เหร่ล่ะ นายก็จะไม่ชอบเธอใช่ไหม""ใครบอก นายรู้จักรักแรกพบไหมแค่สบตาก็รู้ถึงความในใจ"จริงหรือนั่นระรินคิด ไม่เคยเจอแบบนี้สักที"แล้วที่แน่ๆนะผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมหน้า ฉันว่าน่ามองที่สุด"ระรินถูกเรียกตัวโดยองครักษ์ฮาฟซายังด้านล่างของตำนักใหญ่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงยิมขนาดไม่เล็ก มีทั้งสนามฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวแบบต่างๆ มีทั้งสนามแข็งขันและประลองกำลัง ที่นั่นระรินพบกับ องครักษ์หลายคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน"ระวิน อยากลองอันไหนก่อน"เสียงองครักษ์
ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม""อะไรรึ""คนรับใช้คนเก่า เขา..."ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน"คือเขาเป็นอะไรตาย" ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้" ถูกยิง "!!!!! +++"ใครยิงครับ""ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ" ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม""นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว""แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้"แล้วไปไหนกันหมด""ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเย