แม้จะดัดเสียงให้ห้าวหาญเพียงใด ก็ไม่อาจกลบความหวานของน้ำเสียงได้ ระรินกระแอมเบาเบา
“อ้าวหน้าที่ของเจ้ารึ ตามจริงต้องผลัดกันสองคนกับเจ้าประพันธ์ไม่ใช่รึ”
ฮาฟซาเหมือนจะรู้รายละเอียดในงานของเด็กรับใช้เป็นอย่างดี
“ประพันธ์บอกว่าลุงบุญสมให้ตกลงกันเอาเองขอรับ”
แววตาอ่อนโยนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฉายออกมาเพียงแวบเดียวก็หายไป
“เหนื่อยแย่”
“เขารับปากว่าจะทำอย่างอื่นแทนขอรับ”
ฮาฟซาเลิกคิ้วทำท่าตกใจ ทำให้ใบหน้าคมยิ่งน่ามองยามผ่อนคลาย
“เจ้านี่กล้าหาญไม่น้อย ใครใครก็กลัวองค์ฟีรอสส่วนเจ้าช่างกล้า”
ทำอย่างไรได้ระรินคิดตกกระไดพลอยโจนแล้วนี่
“องค์ฟีรอสท่านใจดีจะตายไป คนมาใหม่ใหม่กลัวท่าน ทุกคนแต่อยู่ไปนานนานเดี๋ยวก็รัก แต่อย่าไปทำให้ท่านโกรธหรือขัดใจถ้ามีเรื่องให้ช่วย บอกเราได้ทุกเวลา ^_____^”
รอยยิ้มหวานถ้าเป็นเวลาอื่นระรินอาจใจละลายไปแล้วแต่ขณะนี้ไม่มีแก่ใจจริงจริง
แสงจันทร์นวลส่องจับใบหน้าสวยหวานของระรินเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ดวงหน้าที่ไม่อาจปกปิดได้ของระรินอยู่ในสายตา องครักษ์หนุ่มหัวใจไหววูบด้วยมีบางอย่างแล่นเข้ามาในความคิดคำนึง ผู้ชายทำไมถึงได้มีบางอย่างที่น่ามองและชวนหลงไหลเพียงนี้-
"เจ้าอายุเท่าไหร่"
คำถามที่จงใจถามเพื่อคำตอบ
"ยี่สิบ ครับ ผมอายุยี่สิบ"
ระรินตอบตามความจริง เธอเพิ่งเรียนจบ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาการโรงแรมมาเมื่อไม่กี่วันนี้เองก็ไม่จำเปแ้นต้องปิดบังอยุ่แล้วในเมื่อใบสมัครที่ส่งมาก็ยี่สินระวินเองก็อายุเท่ากัน
"หน้าตาเจ้า ไม่น่าถึงยี่สิบ"
อมยิ้มที่มุมปากเหมือนจะหยิกแกมหยอก ชิชะหาว่าเราอ่อนหัด ระรินคิดในใจ
"มีแฟนรึยัง"
ไม่บอก ระรินคิดต่างจากคำพูดคิดถึงเพื่อนร่วมห้องที่เคยคบหากันมาแต่สุดท้ายก็เลิกรากันไปด้วย ความห่างเหินเมื่อเขาต้องไปเรียนต่อมหาลัย
"ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาข้างในหน่อย"
น้ำเสียงค่อนข้างฉุนเฉียว ดังมาจากห้องบรรทมขององค์ฟีรอส ฮาฟซาและระรินถลาเข้าไปในห้องพร้อมกันยุติการสนทนาเพียงเท่านั้น
"ใครเป็นคนจัด แท่นบรรทมของเราวันนี้"
ฮาฟซามอง ไปที่แท่นบรรทมพร้อมกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาทันทีก้มหน้าแล้วเหลือบตามองระรินยิ้มๆ อะไรของเขายิ้มเสียหล่อเชียว
" ระวิน กระหม่อม "
อาการกลั้นหัวเราะเปลี่ยนเป็นอมยิ้มแต่อีกคนไม่ขำด้วย สายตาคมกริบ แข็งกร้าวหันมามองระรินแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ระรินเสียวสันหลังวาบ
๑_๑ อะไรอีกหนอทีนี้
"บอกมันสิฮาฟซา ว่าทำไม ว่ามันผิดอะไร"ชี้นิ้วเรียวยาวมายังระรินดวงตาดั่งเปลวเพลิงลุกโชน
สายตาตำหนิยังคงส่งมาถึงร่างบอบบางที่ทำตัวลีบ อยากจะหายตัวในบัดดล
" เจ้านี่นะระวิน เห็นไหมว่าต้องวางหมอนไว้ตรงไหน เจ้าวางผิดตำแหน่ง"
ฮาฟซาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง ซวยอีกแล้ว ทำไมไม่มองเลย คงจะคิดถึงบ้านมากไปหน่อยเหม่อไปนิดคิดไถลไปหน่อยเฮ้อ! หันไปทางผิดทางทิศต้องห้าม โธ่ถัง ระรินเอาอีกแล้ว เรียนการโรงแรมแต่เรื่องเล็กน้อยกับพลาดไม่เป็นท่า
"เดี๋ยวกระหม่อมจัดการให้ใหม่"
ฮาฟซารู้สึกสงสารระรินจับใจ ดวงตากลมโตคล้ายลูกกวางระวังภัยนั้นตื่นตกใจไม่น้อยวันแรกก้เจอแจ็คพร็อตเลยทีเดียว
"ทำให้มันดูเป็นตัวอย่างสิ คราวหลังถ้าทำผิดอีก เราจะให้มันนอนกลับหัวบนแท่นนอนนี้แทนเรา"
ระรินหน้าตาบูดบึ้งแต่ก้รีบก้มหน้า ฮาฟซาขยิบตาเป็นสัญลักษณ์
ระรินรีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉย
"ให้มันนอนอยู่ห้องเดิมของเจ้าคนเก่านะ เรามีอะไรต้องเรียกใช้มันอาจจะทั้งคืน" ฮาฟซาส่งสายตาแสดงความเห็นใจ ความสงสารแล่นเข้าสู่หัวใจของฮาฟซาอย่างไม่รู้ตัว ระรินเข่าอ่อนเวรแล้วระรินเอ่ย
ห้องนอน กว้างโอ่อ่าเครื่องปรับอากาศทำห้องเย็นเฉียบ ระรินนอนพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับจ้องมองไปยังประตูห้อง ที่เชื่อมต่อกับข้างๆห้ององค์ฟีรอส ผู้ชายหน้าตาดีแต่ค่อนข้างน่ากลัวในสายตาระริน ทำไมทั้งลุงบุญสมและองครักษ์ฮาฟซา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทรงเป็นองค์เดียวที่ใจดีที่สุดในวังทองคำแห่งนี้
ระรินนอนไม่หลับแอบย่องเงียบกริบไปยังระเบียงซึ่งหันหน้าไปทางทิศใต้ อากาศข้างนอกค่อนข้างอุ่นแต่ไม่ถึงกับร้อน เพราะเป็นเวลาดึกพอสมควร ทหารยามสองสามคน ยืนประจำจุดแข็งขันไม่มีทีท่าว่าจะง่วงนอนทั้งทั้งที่เป็นเวลาดึก เธอนึกปลงว่าอีกหน่อยเธอก็คงไม่ต่างจากพวกเขาที่ต้องตาสว่างในเวลากลางคืนแล้วไปนอนยามเช้าที่แดดส่องตา
ระรินคอยเงี่ยหูฟังเสียงเรียกตลอดเวลา ระเบียงตำหนักที่ทอดยาวหันหน้าเข้าสู่ตัวตำหนักอีกตำหนักหนึ่งซึ่ง ระรินลืมไปสนิทว่าจะเอ่ยปากถามองครักษ์ฮาฟซา ว่าเป็นตำหนักของใครด้วยความเหมือนของโครงสร้างทว่าตำหนักที่หันหน้ามาทางตำหนักนี้มีความหรูหราและสวยงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงาม ระรินไม่อยากคิดถึงมูลค่าของการตกแต่ง ตำหนักองค์ฟีรอสจึงกลายเป็นเพียงตำหนักที่สวยงามแบบเรียบๆ ถ้าเทียบกับตำหนักตรงกันข้ามแสงไฟสว่างไสวไปทั่วตำหนักระรินปล่อยใจให้ล่องลอยไปสู่ตำหนักตรงหน้า มองสำรวจจนพอใจฉับพลันนั้นเอง สายตาเจ้ากรรมดันไปประสบเข้ากับกล้องส่องทางไกล ของใครคนหนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ณ.ริมตำหนักสวยนั้น ลักษณะการแต่งกายที่ละม้ายองค์ฟีรอส หากแต่การแต่งกายไม่ได้ยึดติดเหมือนคนอาหรับทั่วไป เป็นการแต่งกายแบบตะวันตก ผสมการแต่งกายแบบอาหรับที่ลงตัว เธอยืนตะลึงอยู่กับที่จนกระทั่ง คนผู้นั้นลดกล้องลงยกมือขึ้นโบกเป็นการทักทายเธอ ระรินนิ่งงันคนผู้นั้นจ้องมองพร้อมกับยิ้มแย้ม ทั้งใบหน้าและดวงตา ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสหากแต่แววตาอ่อนโยนกว่านัก"เจ้าระวิน แกอยู่ไหน" เสียงดังออกมาจากห้องบรรทม ระ
เสียงแหบๆของลุงบุญสม“ไปทานข้าวได้แล้ววันนี้มีตามเสด็จ” ระริน ตาลีตาเหลือกสปริงตัวจากที่นอนหนานุ่มก่อนจะทำธุระส่วนตัวแล้วเดินแกมวิ่งยังห้องอาหาร“มาแล้วเหรอระวินเพื่อนรัก นี่ข้าวของนายเราตักมาเผื่อแล้ว” เสียงเหน่อๆ ของประพันธ์ดังมาแต่ไกล“กินเยอะๆ เนื้อหมูนี่ดีต่อร่างกายผอมๆของนาย เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” มาแปลกช่างเป็นห่วงเป็นใย@__@ ระรินไม่ไว้วางใจในตัวเพื่อนใหม่คนนี้“อย่า ดีกับเราเกินไปเรากลัว” ระรินพูดความจริงออกไปตรงๆ“ไม่เอาน่าเรา ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เราแค่อยากให้นายสบายที่สุดจะได้อยู่ที่นี่ไปนานๆ หลังจากที่นายต้องเจองานหนักกว่าคนอื่น” หานี่ระรินโชคดีกว่าใครใช่ไหม ที่ต้องมารับใช้เบื้องยุคลบาทขององค์ฟีรอส“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เรายินดี”ท่าทางแหยงๆ“ถ้านายอยู่นานๆ เราก็จะได้อยู่นานๆ ที่นี่งานสบายเงินดีที่สุดเราก็จะได้มีเงินไปไถ่ที่นาให้พ่อสร้างบ้านให้แม่ นะระวินนะนายต้องอยู่นานๆ อย่าเพิ่งท้อกับงานเลย” สายตาวิงวอนนั้นมองมาแบบจงใจ ระรินอดขำไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน ไหนจะเจ้านายที่น่ากลัวไหนจะความลับที่ระรินปิดบังไว้อีก เธอถอนหายใจ“เราสัญญาว่าถ้าหากเราจะจา
"องค์อัฟนัน เรียกเจ้านะ ระวิน "ลุงบุญสมบอกเสียงราบเรียบ ห้องรับรองแขกที่โอ่อ่านั้น มีองครักษ์น่้าตาแปลกๆ หลายคนทั้งที่คุ้นตาและไม่คุ้นตา องค์อัฟนันที่มนุษย์ป้าสองคนพูดถึง มีธุระอะไรกันหนอ ระรินคิดก้าวขาช้าๆเพื่อรอดูสถานการณ์ ร่างสูงยืนหันหลังการแต่งกายแบบวัยรุ่นทั่วไปไม่มีเค้าลางว่าจะเป็นองค์ชายอะไรนั่นเลย ระรินมองสำรวจทั่วร่าง ลุงบุญสมกระตุกแขนแรงๆ ระรินทรุดลงทำความเคารพแบบอาหรับ ก่อนจะกล่าวคำดัดเสียงให้ห้าวทุ่มแต่ไม่เป็นผล ร่างที่หันหลังอยู่หันกลับมาโดยเร็ว อ๋อคนนี้เองที่โบกไม้โบกมือให้ระรินที่ระเบียง องค์ชายเลยเหรอ ตาสบตา ผิวขาวสะอาดกว่าคนพี่ระรินคิด หากแต่ความหล่อเท่ากันเปะ คนน้องหล่อแบบหวานๆ คนพี่หล่อเข้มตามแบบอาหรับแท้ๆ สายตาหวานนั้นจ้องมองระรินแทบไม่กะพริบตา"มีคนเดียวกระหม่อม ระวินนี่แหละที่ตรงตามลักษณะที่พระองค์กล่าวมา" ลุงบุญสมรายงาน อะไรบางอย่างที่ระรินไม่เข้าใจ"ชื่อ ระวิน เรอะ" เสียงทุ้ม จากริมฝีปากบางเหมือนผู้หญิงนั้น ก้าวเดินมาจนเกือบประชิดตัวก่อนจะก้มลงมองใบหน้าสวยหวานของระริน สายตาแสดงถึงความประหลาดใจอย่างที่สุด"ผู้หญิงหรือ ผู้ชาย" จมูกโด่งส่ายไปมา เฉียดแก้มของระ
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงนั้นระรินสะดุดใจยิ่งนักรึจะรู้ว่าเราเป็นหญิงT_T"พี่ว่า แทนที่น้องชายของพี่จะเอาเวลาพักผ่อนมาสอดแนมพี่แทนท่านพ่อ เอาเวลาที่มีไปเสาะหาเด็กรับใช้ที่ถูกตาต้องใจ ให้ได้เหมือนพี่ดีกว่านะ ดีกว่ามาคอยมาแอบทำความรู้จักกับ..สมบัติ...^_^ ของพี่" พร้อมกันนั้นอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกระชับรัดร่างให้แน่นขึ้น แสดงอาการสนิทสนมระรินก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง บรรยากาศมาคุ แต่แทนที่คนหน้าหวานจะโกรธเคืองกับ ยิ้มใส"น้องรู้สึกถูกชะตากับเด็กรับใช้ของท่านพี่เป็นที่สุด ท่านพี่ทำไมต้องหวงด้วยล่ะ อย่างนี่ยิ่งน่าสนใจ สงสัยน้องต้องมาเยือนตำหนักนี้บ่อยๆ เสียแล้ว" คนหน้าเข้มก็ยิ้มเยือนเหมือนไม่มีการเคืองโกรธใดใด"ได้เสมอน้องพี่ แต่ตอนนี้พี่ต้องขอตัว ของพี่แล้วก็..สมบัติ..ของพี่เพราะดึกมากแล้ว" องค์อัฟนันไม่ทัดทานโค้งคำนับพี่ชาย ก่อนที่องค์ฟีรอสจะเปลี่ยนเป็นทั้งลากทั้งจูงระรินเข้าห้องบรรทม"พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกเจ้าระวิน ต้องไปฝึกศิลปะป้องกันตัวกับฮาฟซาที่ยิมเข้าใจไหม"ระรินพยักหน้าแทนคำตอบ"แล้วอีกอย่างตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เป็นต้นไปห้ามออกไปยืนลับๆ ล่อๆ ที่ระเบียงอีกเป็นอันขาด "O_O"ทำไมกระหม่อม"
ประพันธ์ยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้สึกว่าผิดคาดที่ระรินไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด"ก็จะมีการพบปะกันระหว่างสาวๆหนุ่มๆ หลังจากที่ถูกกักบริเวณของใครของมันต่างคนต่างอยู่มาตั้งนานนะสิ""ถึงจะมาพบกันได้ก็เถอะนะ ผู้หญิงก็ต้องปิดหน้าปิดตาอยู่ดีหมดอิสระ"ระรินพูดไปเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"ก็เขาอยากให้ผู้หญิงยังคงคุณค่าไว้สำหรับคนที่จะมาร่วมชีวิตจริงๆ ไม่เหมือนบ้านเรา ผู้หญิง มีอิสระเกินไป""แสดงว่านายว่าบ้านเราไม่ดีเหรอ""ดีสิแต่ก็นะที่นี่ก็ดี ฉันชอบการที่ต้องมาคอยลุ้นว่าคนที่เราสบตาด้วย จะมีใบหน้าสวยงามขนาดไหน"แหวะ ทำมาพูด"แล้วถ้าคนที่สบตาด้วยหน้าตาขี้เหร่ล่ะ นายก็จะไม่ชอบเธอใช่ไหม""ใครบอก นายรู้จักรักแรกพบไหมแค่สบตาก็รู้ถึงความในใจ"จริงหรือนั่นระรินคิด ไม่เคยเจอแบบนี้สักที"แล้วที่แน่ๆนะผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมหน้า ฉันว่าน่ามองที่สุด"ระรินถูกเรียกตัวโดยองครักษ์ฮาฟซายังด้านล่างของตำนักใหญ่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงยิมขนาดไม่เล็ก มีทั้งสนามฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวแบบต่างๆ มีทั้งสนามแข็งขันและประลองกำลัง ที่นั่นระรินพบกับ องครักษ์หลายคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน"ระวิน อยากลองอันไหนก่อน"เสียงองครักษ์
ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม""อะไรรึ""คนรับใช้คนเก่า เขา..."ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน"คือเขาเป็นอะไรตาย" ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้" ถูกยิง "!!!!! +++"ใครยิงครับ""ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ" ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม""นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว""แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้"แล้วไปไหนกันหมด""ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเย
“ไปนอนได้แล้ว” ระรินลืมตามีอาการงงเล็กน้อย“พระองค์ทำไหล่กระหม่อมปวดเลย เล่นแรงนะเนี้ย” องค์ฟีรอส นอนลืมตานิ่งก่อนจะผลักร่างบางถอยห่าง“วันนี้นายไปนอนห้องนู้น ฉันอยากนอนคนเดียว”“ไม่กลัวผี แล้วหรือกระหม่อม” เสียงตวาดดังลั่นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว“บอกให้ไป ก็ไปสิ” ระรินหอบที่นอนวิ่งพรวดพราดตามแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย“แล้วอย่าออกไปยืน ที่ระเบียงอีกล่ะ” น้ำเสียงแสดงอำนาจ ระรินย่นจมูก ชิไม่ต้องมาสั่ง วันไหนกลัวก็เรียกเธอเข้ามาวันไหนเลิกกลัวก็ไล่หนี คนหนอคนเปลี่ยนใจง่ายจริงอีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลประจำปี ผู้คนขวักไขว่มากมาย ตามถนนหนทาง เพื่อจับจ่ายใช้สอย ระรินไม่ต้องทำอะไรเวลาทั้งหมดที่มีหมดไปกับการฝึกวิชา ป้องกันตัวจน ร่างกายเริ่มซูบผอม องค์ฟีรอส ก็ไม่ได้เรียกให้เข้าไปนอนในห้องบรรทม ยามค่ำคืน เธอยังคงนอนอยู่ในห้องข้างๆ“ระวิน องค์ฟีรอสทรงตรัสให้นายเข้าเฝ้า” ฮาฟซาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ระรินไม่อาจรู้ได้ ระรินหัวใจลิงโลด รีบสาวเท้าไปยังห้องบรรทมนิสัยคิดไวทำไว ทำให้ลืมเคาะประตู พรวดพราดเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว“กระหม่อมมาแล้วขอรับ” ทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าระรินตัวชา หญ
ฮาฟซารับเอาชุด จากระรินยื่นส่งให้สาวชุดชั้นในสีแดง พร้อมกับซองสีน้ำตาล ใส่เงิน แล้วโบกมือให้นางออกไปข้างนอก ระรินยืนอยู่ในห้องด้วยเครื่องหมายคำถาม สองคนนี้จะทำอะไรกับเธอหนอ ข้างนอกห้องนั้นฝั่งตรงข้าม ตำหนักหรูกล้องส่องทางไกล อัฟนันผู้อยากรู้ยังยืนอยู่หลังกล้องไม่ไปไหนกล้องถูกเบี่ยงตามร่างของสาวสวยที่เดินออกไป ก่อนจะหันกล้องไล่ตามส่องเข้าไปยังหน้าต่างกรอบสีทองที่บังเอิญ ผ้าม่านราคาเหยียบแสนเผยอ ออกเป็นช่องพอดี ช่างพอเหมาะกับร่างสวยของระรินที่ยืนอยู่ตรงช่องพอดี ดวงตาหวานนั้นเปลี่ยนเป็นแววพึงพอใจก่อนจะ สาวเท้าเดินลงบันไดไปทันทีสายตาของทั้งองค์ฟีรอสและฮาฟซาจ้องมองระรินจนเธออยากหายตัวไปในทันทีมองอะไรนัก" งานอะไรขอรับ"ฮาฟซาทำท่าทางหนักใจ เดินเข้ามาจับไหล่ของระรินเหมือนจะบอกให้ตั้งใจฟังนะ"เรามีหน้าที่ คอยทำตามคำสั่งของเจ้านาย เจ้าอย่าบอกนะว่าจะปฏิเสธ"องค์ฟีรอสขมวดคิ้วเข้าหากัน" ฉันไม่ใช้ นายฟรีๆหรอกอยากให้ลองดูก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกกัน ระหว่างนั้นฮาฟซาจะคอยปกป้อง นายตลอดเวลา"^_^"ขอรับ" ระรินรับคำอย่างเสียไม่ได้นึกเห็นเค้าลางที่น่ากลัวขึ้นมาทันที"ให้ ปลอมตัวเป็นหญิงให้เรียนวิชาป้อ