ประพันธ์ยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้สึกว่าผิดคาดที่ระรินไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด
"ก็จะมีการพบปะกันระหว่างสาวๆหนุ่มๆ หลังจากที่ถูกกักบริเวณของใครของมันต่างคนต่างอยู่มาตั้งนานนะสิ"
"ถึงจะมาพบกันได้ก็เถอะนะ ผู้หญิงก็ต้องปิดหน้าปิดตาอยู่ดีหมดอิสระ"
ระรินพูดไปเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"ก็เขาอยากให้ผู้หญิงยังคงคุณค่าไว้สำหรับคนที่จะมาร่วมชีวิตจริงๆ ไม่เหมือนบ้านเรา ผู้หญิง มีอิสระเกินไป"
"แสดงว่านายว่าบ้านเราไม่ดีเหรอ"
"ดีสิแต่ก็นะที่นี่ก็ดี ฉันชอบการที่ต้องมาคอยลุ้นว่าคนที่เราสบตาด้วย จะมีใบหน้าสวยงามขนาดไหน"
แหวะ ทำมาพูด
"แล้วถ้าคนที่สบตาด้วยหน้าตาขี้เหร่ล่ะ นายก็จะไม่ชอบเธอใช่ไหม"
"ใครบอก นายรู้จักรักแรกพบไหมแค่สบตาก็รู้ถึงความในใจ"
จริงหรือนั่นระรินคิด ไม่เคยเจอแบบนี้สักที
"แล้วที่แน่ๆนะผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมหน้า ฉันว่าน่ามองที่สุด"
ระรินถูกเรียกตัวโดยองครักษ์ฮาฟซายังด้านล่างของตำนักใหญ่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงยิมขนาดไม่เล็ก มีทั้งสนามฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวแบบต่างๆ มีทั้งสนามแข็งขันและประลองกำลัง ที่นั่นระรินพบกับ องครักษ์หลายคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน
"ระวิน อยากลองอันไหนก่อน"
เสียงองครักษ์ฮาฟซาถามขึ้นหลังจากที่เห็นระรินจ้องมองการฝึกยิงปืนขององครักษ์หนุ่มหลายนาย
"อยากลองยิงปืนครับท่านองครักษ์"
ฮาฟซา หยิบปืนจากแท่นวางส่งสัญญาณ ก่อนจะวางท่าที่ระรินคิดไม่ออกว่าใครกันที่จะสามารถมีท่าทีที่องอาจ เท่ระเบิดไปกว่าคนหล่อตรงหน้าเธอ ฮาฟซาจ้องมองเป้าเหนี่ยวไก
"ปัง ปัง ปัง"
เสียงกำปะนาทประกายไฟแลบออกมาจากกระบอกปืน ก่อนจะเลือนเป้าเข้ามาดูรอยลูกกระสุนเจาะทะลุเป้าจนเป็นรู้เพียงรูเดียวในการยิงทั้งสามนัด *_*
เก่งอะไรเบอร์นี้ระรินคิดในใจ
"มานี่มะ"
ตวัดร่างระริน ปืนสั้นถูกยัดใส่มือ แขนแข็งแรงทั้งสองข้างโอบตัวก่อนจะไล่ไปตามแขนเรียวย่อตัวจนคางใหญ่เกยอยู่ตรงไหล่บาง ระรินใจเต้นตึกตัก แต่คนที่กอดนั้นหารู้สึกอะไรไม่
" มอง .ทำใจให้สงบ.. เล็ง ..เหนี่ยวใจ (ไรท์พิมพ์เป็นเหนี่ยวใจเฉยเลย ใจสั่น555+)เหนี่ยวไก"
ระรินไม่ได้สนใจ ปืนในมือหากแต่เหลือบตามองคนกอดตาไม่กะพริบ ใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาสายตาอ่อนโยน ยิ่งยามที่มองเธอไหนจะแขนอบอุ่นแข็งแรงอีกเล่า
"เหนี่ยวไก เหนี่ยวไก สิระวิน"
ใบหน้าคมหันมามองหน้าระรินจมูกเป็นสันเฉียดแก้มบางไปเพียงนิดเดียว
"ทำใจให้สงบ สมาธิกับใจอยู่ที่ปลายกระบอกปืน"
จะบ้าเหรอใครจะทำได้ฟะ หล่อออกขนาดนี้ ระรินส่ายหัวสลัดความคิดบ้าๆ ทิ้งไป ก่อนจะเหนี่ยวไกปืน
"ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง"
ระรินเหนี่ยวไกรัวๆ หูอื้อไปเลยทีเดียว
"ดีมาก"
มือใหญ่ขยี้ผมไปมาเลือนเป้าเข้ามาดูไม่เข้าเป้าเลย ตายแล้วระริน
"เก่งนะเนี๊ยะ แกเนี๊ยะยิงครั้งแรกก็รัวเลย"
@_@ ยังชมได้อีก
"ต่อไปต้องมาทุกวัน มาหัดไว้ไม่แน่นายต้องได้ใช้ประโยชน์จากมัน"
เสียงพูดอยู่ห่างใบหูออกไป แต่อ้อมกอดนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม ระรินเริ่มรู้สึกตัวก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกมาจากอ้อมกอดอบอุ่นนั้น
"อีกไม่กี่วันจะมีงานประจำปี ตอนนั้นแขกต่างเมืองมากมาย การอารักขาต้องใช้คนจำนวนมาก องค์ฟีรอสท่านทรงอยู่ในจำนวนผู้ที่องค์สุลต่านสั่งเข้มงวดในการอารักขาอย่างที่สุด นายต้องฝึกฝนไว้ให้มาก ถ้ามีความชำนาญฉันจะขออนุญาตให้เจ้าพกปืนได้ จะได้ช่วยกันเพื่อความปลอดภัยอย่างที่สุดของท่านฟีรอส"
"ใคร ปองร้ายท่านรึครับ" ระรินอดถามไม่ได้
"คนที่รักมีไม่น้อย คนที่หวังอำนาจก็มีมาก คนที่ขัดผลประโยชน์ก็มีเยอะ สรุปแล้วองค์ฟีรอสท่านตกอยู่ในอันตรายทุกเมื่อ เราถึงต้องมีการฝึกฝนการอารักขา อยู่เป็นประจำ" คนคนเดียวทำคนอื่นเขาลำบากไปหมด ระรินเผลอย่นจมูก ฮาฟซาอมยิ้มมองมาด้วยความเอ็นดู
"ท่านทรงเป็น มกุฎราชกุมารเชียวนะ จะให้เหมือนคนสามัญได้อย่างไร"
ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม""อะไรรึ""คนรับใช้คนเก่า เขา..."ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน"คือเขาเป็นอะไรตาย" ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้" ถูกยิง "!!!!! +++"ใครยิงครับ""ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ" ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม""นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว""แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้"แล้วไปไหนกันหมด""ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเย
“ไปนอนได้แล้ว” ระรินลืมตามีอาการงงเล็กน้อย“พระองค์ทำไหล่กระหม่อมปวดเลย เล่นแรงนะเนี้ย” องค์ฟีรอส นอนลืมตานิ่งก่อนจะผลักร่างบางถอยห่าง“วันนี้นายไปนอนห้องนู้น ฉันอยากนอนคนเดียว”“ไม่กลัวผี แล้วหรือกระหม่อม” เสียงตวาดดังลั่นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว“บอกให้ไป ก็ไปสิ” ระรินหอบที่นอนวิ่งพรวดพราดตามแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย“แล้วอย่าออกไปยืน ที่ระเบียงอีกล่ะ” น้ำเสียงแสดงอำนาจ ระรินย่นจมูก ชิไม่ต้องมาสั่ง วันไหนกลัวก็เรียกเธอเข้ามาวันไหนเลิกกลัวก็ไล่หนี คนหนอคนเปลี่ยนใจง่ายจริงอีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลประจำปี ผู้คนขวักไขว่มากมาย ตามถนนหนทาง เพื่อจับจ่ายใช้สอย ระรินไม่ต้องทำอะไรเวลาทั้งหมดที่มีหมดไปกับการฝึกวิชา ป้องกันตัวจน ร่างกายเริ่มซูบผอม องค์ฟีรอส ก็ไม่ได้เรียกให้เข้าไปนอนในห้องบรรทม ยามค่ำคืน เธอยังคงนอนอยู่ในห้องข้างๆ“ระวิน องค์ฟีรอสทรงตรัสให้นายเข้าเฝ้า” ฮาฟซาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ระรินไม่อาจรู้ได้ ระรินหัวใจลิงโลด รีบสาวเท้าไปยังห้องบรรทมนิสัยคิดไวทำไว ทำให้ลืมเคาะประตู พรวดพราดเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว“กระหม่อมมาแล้วขอรับ” ทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าระรินตัวชา หญ
ฮาฟซารับเอาชุด จากระรินยื่นส่งให้สาวชุดชั้นในสีแดง พร้อมกับซองสีน้ำตาล ใส่เงิน แล้วโบกมือให้นางออกไปข้างนอก ระรินยืนอยู่ในห้องด้วยเครื่องหมายคำถาม สองคนนี้จะทำอะไรกับเธอหนอ ข้างนอกห้องนั้นฝั่งตรงข้าม ตำหนักหรูกล้องส่องทางไกล อัฟนันผู้อยากรู้ยังยืนอยู่หลังกล้องไม่ไปไหนกล้องถูกเบี่ยงตามร่างของสาวสวยที่เดินออกไป ก่อนจะหันกล้องไล่ตามส่องเข้าไปยังหน้าต่างกรอบสีทองที่บังเอิญ ผ้าม่านราคาเหยียบแสนเผยอ ออกเป็นช่องพอดี ช่างพอเหมาะกับร่างสวยของระรินที่ยืนอยู่ตรงช่องพอดี ดวงตาหวานนั้นเปลี่ยนเป็นแววพึงพอใจก่อนจะ สาวเท้าเดินลงบันไดไปทันทีสายตาของทั้งองค์ฟีรอสและฮาฟซาจ้องมองระรินจนเธออยากหายตัวไปในทันทีมองอะไรนัก" งานอะไรขอรับ"ฮาฟซาทำท่าทางหนักใจ เดินเข้ามาจับไหล่ของระรินเหมือนจะบอกให้ตั้งใจฟังนะ"เรามีหน้าที่ คอยทำตามคำสั่งของเจ้านาย เจ้าอย่าบอกนะว่าจะปฏิเสธ"องค์ฟีรอสขมวดคิ้วเข้าหากัน" ฉันไม่ใช้ นายฟรีๆหรอกอยากให้ลองดูก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกกัน ระหว่างนั้นฮาฟซาจะคอยปกป้อง นายตลอดเวลา"^_^"ขอรับ" ระรินรับคำอย่างเสียไม่ได้นึกเห็นเค้าลางที่น่ากลัวขึ้นมาทันที"ให้ ปลอมตัวเป็นหญิงให้เรียนวิชาป้อ
"มี ธุระอะไรหรือเปล่า" อัฟนันเดินเข้ามาในห้อง"เปล่ากระหม่อม น้องแค่ส่องกล้องมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกไปแล้ว ดันมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องท่านพี่ ""น้องพี่ก็รู้อยู่แล้วว่า พี่นิยมหญิงงามเป็นธรรมดาที่ต้องมีหญิงงามยามค่ำคืน""แล้วนางไปไหนเสียล่ะเพคะหญิงงามคนนั้น น้องอยากรู้จักนางนางต้องตาเหลือเกิน"น้ำเสียงใสซื่อและดวงตาใสนั้น เหมือนแกล้งทำ" นางออกไปแล้ว คงสวนกันกับน้องพี่ ตอนที่เดินมาจากตำหนักนู้นกระมัง""ทรงเรียกฮาฟซา มาทำไมเล่า"เปลี่ยนประเด็น"ฮาฟซามาคอยรับใช้แทนเจ้าระวิน มันลาไปหาญาติมันที่ในเมือง"หน้าหวานใสพยักหน้ารับรู้"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัว ง่วงเต็มทน "ก่อนจะปิดปากหาวให้สมจริง องค์ฟีรอสมองน้องชายต่างมารดาด้วยสายตาค้นคว้า ก่อนจะผายมือเป็นการเชื้อเชิญฮาฟซา เดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง"องค์อัฟนัน จะเป็นปัญหาของเราหรือเปล่า พระองค์"องค์ฟีรอส เหม่อมองไปไกลก่อนจะเอ่ยปาก"คงไม่เรารู้นิสัยของอัฟนันดีว่า เล่นสนุกไปตามประสาเด็กมากกว่าไม่เป็นอันตราย""แต่ถึงจะโดนจับได้ ท่านพ่อก็คงเลือกใช้...วิธีเดิมคือการสังหาร ไม่สามารถสาวมาถึงตัวเราได้เพราะกลัวคำครหา"แววตาแสดงความปวดร้าวอย่างเห็
ระรินเดินตัวลีบพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอยังอยู่รั้งท้ายขบวนเหมือนเดิม เมื่อเดินผ่านประตูห้องเข้าไป ระรินถึงกับตาค้างกับความอลังการของ ห้องรับรองสุดหรู สายปะทะเข้ากับบุรุษตัวสูงหน้าตาคมสัน ทว่าสายตาเย่อหยิ่ง นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาแบบหลุยส์ สีทองอร่ามดูมีรสนิยม ส่วนคนที่นั่งข้างเป็นหญิงสาวหุ่นนางแบบสวยเฉียบสไตล์ฮอลลี่วู๊ด ชายหนุ่มล่ำบึกอีกสองคนซ้ายขวา สรุปแล้วในห้องมีผู้ชายทั้งหมดเกือบสิบคน เท่แข่งกันใหญ่ระรินคิด แว่นกันแดด ที่ปิดบังดวงตาช่างเข้ากันได้ดีกับสูทสีดำสนิท ระรินสงสัยนัก ไอ้พวกบอดี้การ์ดทำไมต้องใส่ชุดสีดำชายหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ทางขวามือขยับตัวมาตรงหน้าก่อนจะพูดเสียงดัง“ทั้งสามคนนี้นะเหรอ เด็กรับใช้คนใหม่มิสเตอร์บุญสม"ประโยคสุดท้ายหันไปทางชายสูงอายุ ระรินปิดปากหัวเราะคิกคัก แต่งตัวก็ดีท่าทางก็ดี ชื่อบุญสม ลุงบุญสมหันมาถลึงตาใส่ระรินก่อนจะโค้งคำนับ“ครับท่าน องครักษ์ฮาฟซา”“หนุ่มทางภูมิภาคของเจ้านี่ ท่าทางอ้อนแอ้นไม่มีหนวดเคราหน้าตาจืดชืดไม่สมเป็นชายดีหน่อยตรงมีความละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์ไว้ใจได้”แหวะ ตบหัวแล้วลูบหลังระรินอยากพูดเหลือเกินภูมิภาคของพวกเจ้าก
ก่อนจะเปลี่ยนใจบ่นพึมพำ“องครักษ์ไปไหนหมด ถ้าเป็นคนร้ายเรามิตายไปแล้วหรือ”ระรินอกสั่นขวัญหายก่อนจะเดินแบบเร็วรี่ไปยังอ่างอาบน้ำ ระฆังช่วยชีวิตไว้ทันพอดี เป็ง เป็ง“พระองค์เกิดเหตุอะไรหรือ กระหม่อมได้ยินเสียงเอะอะ”ฮาฟซาองครักษ์หุ่นล่ำหล่อร้ายเข้ามาขัดจังหวะระรินมองคนนู้นทีคนนี้ที“เจ้าระวิน ลุงบุญสมตามหาเจ้าอยู่”เสียงทุ้มนุ่มหู พูดพลางพยักหน้าไล่ส่งระรินรีบเดินตัวลีบออกไปทันที นึกขอบคุณองครักษ์หนุ่มหล่อ“อย่าเพิ่งให้มันไปให้มันเตรียมน้ำให้เราก่อน”เสียงเกรี้ยวกราด“ไม่เป็นไรกระหม่อม ประเดี๋ยวกระหม่อมจะเตรียมถวายเอง มันได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาพาลจะอด”องครักษ์หนุ่มออกตัวแทน ด้วยทราบอารมณ์ของผู้เป็นนายได้ดี ระรินเดินผ่านประตูออกมาช้าๆ ด้วยกลัวว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง แต่เงียบไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดใดอ๋อหรือว่าจะเป็นคู่จิ้นกันหนอ เหมือนกับจะเกรงใจท่านองครักษ์ใหญ่ชอบกล“เกือบซวยอีกแล้วซี่เจ้าระวิน ไม่ดูตาม้าตาเรือคราวหลังถ้าจะเข้าไปต้องส่งเสียงให้องค์ฟีรอสท่านก่อนไม่ใช่แอบเข้าไปอย่างนั้นทรงกริ้วมากรู้ไหม ดีที่ท่านฮาฟซาเข้าไปพอดี”เสียงลุงบุญสมบอกเล่าเรื่องที่เธอค
แม้จะดัดเสียงให้ห้าวหาญเพียงใด ก็ไม่อาจกลบความหวานของน้ำเสียงได้ ระรินกระแอมเบาเบา“อ้าวหน้าที่ของเจ้ารึ ตามจริงต้องผลัดกันสองคนกับเจ้าประพันธ์ไม่ใช่รึ”ฮาฟซาเหมือนจะรู้รายละเอียดในงานของเด็กรับใช้เป็นอย่างดี“ประพันธ์บอกว่าลุงบุญสมให้ตกลงกันเอาเองขอรับ”แววตาอ่อนโยนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฉายออกมาเพียงแวบเดียวก็หายไป“เหนื่อยแย่”“เขารับปากว่าจะทำอย่างอื่นแทนขอรับ”ฮาฟซาเลิกคิ้วทำท่าตกใจ ทำให้ใบหน้าคมยิ่งน่ามองยามผ่อนคลาย“เจ้านี่กล้าหาญไม่น้อย ใครใครก็กลัวองค์ฟีรอสส่วนเจ้าช่างกล้า”ทำอย่างไรได้ระรินคิดตกกระไดพลอยโจนแล้วนี่“องค์ฟีรอสท่านใจดีจะตายไป คนมาใหม่ใหม่กลัวท่าน ทุกคนแต่อยู่ไปนานนานเดี๋ยวก็รัก แต่อย่าไปทำให้ท่านโกรธหรือขัดใจถ้ามีเรื่องให้ช่วย บอกเราได้ทุกเวลา ^_____^”รอยยิ้มหวานถ้าเป็นเวลาอื่นระรินอาจใจละลายไปแล้วแต่ขณะนี้ไม่มีแก่ใจจริงจริงแสงจันทร์นวลส่องจับใบหน้าสวยหวานของระรินเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ดวงหน้าที่ไม่อาจปกปิดได้ของระรินอยู่ในสายตา องครักษ์หนุ่มหัวใจไหววูบด้วยมีบางอย่างแล่นเข้ามาในความคิดคำนึง ผู้ชายทำไมถึงได้มีบางอย่างที่น่ามองและชวนหลงไหลเพียงนี้-"เจ้าอายุเท่าไห
ระรินคอยเงี่ยหูฟังเสียงเรียกตลอดเวลา ระเบียงตำหนักที่ทอดยาวหันหน้าเข้าสู่ตัวตำหนักอีกตำหนักหนึ่งซึ่ง ระรินลืมไปสนิทว่าจะเอ่ยปากถามองครักษ์ฮาฟซา ว่าเป็นตำหนักของใครด้วยความเหมือนของโครงสร้างทว่าตำหนักที่หันหน้ามาทางตำหนักนี้มีความหรูหราและสวยงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงาม ระรินไม่อยากคิดถึงมูลค่าของการตกแต่ง ตำหนักองค์ฟีรอสจึงกลายเป็นเพียงตำหนักที่สวยงามแบบเรียบๆ ถ้าเทียบกับตำหนักตรงกันข้ามแสงไฟสว่างไสวไปทั่วตำหนักระรินปล่อยใจให้ล่องลอยไปสู่ตำหนักตรงหน้า มองสำรวจจนพอใจฉับพลันนั้นเอง สายตาเจ้ากรรมดันไปประสบเข้ากับกล้องส่องทางไกล ของใครคนหนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ณ.ริมตำหนักสวยนั้น ลักษณะการแต่งกายที่ละม้ายองค์ฟีรอส หากแต่การแต่งกายไม่ได้ยึดติดเหมือนคนอาหรับทั่วไป เป็นการแต่งกายแบบตะวันตก ผสมการแต่งกายแบบอาหรับที่ลงตัว เธอยืนตะลึงอยู่กับที่จนกระทั่ง คนผู้นั้นลดกล้องลงยกมือขึ้นโบกเป็นการทักทายเธอ ระรินนิ่งงันคนผู้นั้นจ้องมองพร้อมกับยิ้มแย้ม ทั้งใบหน้าและดวงตา ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสหากแต่แววตาอ่อนโยนกว่านัก"เจ้าระวิน แกอยู่ไหน" เสียงดังออกมาจากห้องบรรทม ระ