ประพันธ์ยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้สึกว่าผิดคาดที่ระรินไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด
"ก็จะมีการพบปะกันระหว่างสาวๆหนุ่มๆ หลังจากที่ถูกกักบริเวณของใครของมันต่างคนต่างอยู่มาตั้งนานนะสิ"
"ถึงจะมาพบกันได้ก็เถอะนะ ผู้หญิงก็ต้องปิดหน้าปิดตาอยู่ดีหมดอิสระ"
ระรินพูดไปเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"ก็เขาอยากให้ผู้หญิงยังคงคุณค่าไว้สำหรับคนที่จะมาร่วมชีวิตจริงๆ ไม่เหมือนบ้านเรา ผู้หญิง มีอิสระเกินไป"
"แสดงว่านายว่าบ้านเราไม่ดีเหรอ"
"ดีสิแต่ก็นะที่นี่ก็ดี ฉันชอบการที่ต้องมาคอยลุ้นว่าคนที่เราสบตาด้วย จะมีใบหน้าสวยงามขนาดไหน"
แหวะ ทำมาพูด
"แล้วถ้าคนที่สบตาด้วยหน้าตาขี้เหร่ล่ะ นายก็จะไม่ชอบเธอใช่ไหม"
"ใครบอก นายรู้จักรักแรกพบไหมแค่สบตาก็รู้ถึงความในใจ"
จริงหรือนั่นระรินคิด ไม่เคยเจอแบบนี้สักที
"แล้วที่แน่ๆนะผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมหน้า ฉันว่าน่ามองที่สุด"
ระรินถูกเรียกตัวโดยองครักษ์ฮาฟซายังด้านล่างของตำนักใหญ่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงยิมขนาดไม่เล็ก มีทั้งสนามฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวแบบต่างๆ มีทั้งสนามแข็งขันและประลองกำลัง ที่นั่นระรินพบกับ องครักษ์หลายคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน
"ระวิน อยากลองอันไหนก่อน"
เสียงองครักษ์ฮาฟซาถามขึ้นหลังจากที่เห็นระรินจ้องมองการฝึกยิงปืนขององครักษ์หนุ่มหลายนาย
"อยากลองยิงปืนครับท่านองครักษ์"
ฮาฟซา หยิบปืนจากแท่นวางส่งสัญญาณ ก่อนจะวางท่าที่ระรินคิดไม่ออกว่าใครกันที่จะสามารถมีท่าทีที่องอาจ เท่ระเบิดไปกว่าคนหล่อตรงหน้าเธอ ฮาฟซาจ้องมองเป้าเหนี่ยวไก
"ปัง ปัง ปัง"
เสียงกำปะนาทประกายไฟแลบออกมาจากกระบอกปืน ก่อนจะเลือนเป้าเข้ามาดูรอยลูกกระสุนเจาะทะลุเป้าจนเป็นรู้เพียงรูเดียวในการยิงทั้งสามนัด *_*
เก่งอะไรเบอร์นี้ระรินคิดในใจ
"มานี่มะ"
ตวัดร่างระริน ปืนสั้นถูกยัดใส่มือ แขนแข็งแรงทั้งสองข้างโอบตัวก่อนจะไล่ไปตามแขนเรียวย่อตัวจนคางใหญ่เกยอยู่ตรงไหล่บาง ระรินใจเต้นตึกตัก แต่คนที่กอดนั้นหารู้สึกอะไรไม่
" มอง .ทำใจให้สงบ.. เล็ง ..เหนี่ยวใจ (ไรท์พิมพ์เป็นเหนี่ยวใจเฉยเลย ใจสั่น555+)เหนี่ยวไก"
ระรินไม่ได้สนใจ ปืนในมือหากแต่เหลือบตามองคนกอดตาไม่กะพริบ ใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาสายตาอ่อนโยน ยิ่งยามที่มองเธอไหนจะแขนอบอุ่นแข็งแรงอีกเล่า
"เหนี่ยวไก เหนี่ยวไก สิระวิน"
ใบหน้าคมหันมามองหน้าระรินจมูกเป็นสันเฉียดแก้มบางไปเพียงนิดเดียว
"ทำใจให้สงบ สมาธิกับใจอยู่ที่ปลายกระบอกปืน"
จะบ้าเหรอใครจะทำได้ฟะ หล่อออกขนาดนี้ ระรินส่ายหัวสลัดความคิดบ้าๆ ทิ้งไป ก่อนจะเหนี่ยวไกปืน
"ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง"
ระรินเหนี่ยวไกรัวๆ หูอื้อไปเลยทีเดียว
"ดีมาก"
มือใหญ่ขยี้ผมไปมาเลือนเป้าเข้ามาดูไม่เข้าเป้าเลย ตายแล้วระริน
"เก่งนะเนี๊ยะ แกเนี๊ยะยิงครั้งแรกก็รัวเลย"
@_@ ยังชมได้อีก
"ต่อไปต้องมาทุกวัน มาหัดไว้ไม่แน่นายต้องได้ใช้ประโยชน์จากมัน"
เสียงพูดอยู่ห่างใบหูออกไป แต่อ้อมกอดนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม ระรินเริ่มรู้สึกตัวก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกมาจากอ้อมกอดอบอุ่นนั้น
"อีกไม่กี่วันจะมีงานประจำปี ตอนนั้นแขกต่างเมืองมากมาย การอารักขาต้องใช้คนจำนวนมาก องค์ฟีรอสท่านทรงอยู่ในจำนวนผู้ที่องค์สุลต่านสั่งเข้มงวดในการอารักขาอย่างที่สุด นายต้องฝึกฝนไว้ให้มาก ถ้ามีความชำนาญฉันจะขออนุญาตให้เจ้าพกปืนได้ จะได้ช่วยกันเพื่อความปลอดภัยอย่างที่สุดของท่านฟีรอส"
"ใคร ปองร้ายท่านรึครับ" ระรินอดถามไม่ได้
"คนที่รักมีไม่น้อย คนที่หวังอำนาจก็มีมาก คนที่ขัดผลประโยชน์ก็มีเยอะ สรุปแล้วองค์ฟีรอสท่านตกอยู่ในอันตรายทุกเมื่อ เราถึงต้องมีการฝึกฝนการอารักขา อยู่เป็นประจำ" คนคนเดียวทำคนอื่นเขาลำบากไปหมด ระรินเผลอย่นจมูก ฮาฟซาอมยิ้มมองมาด้วยความเอ็นดู
"ท่านทรงเป็น มกุฎราชกุมารเชียวนะ จะให้เหมือนคนสามัญได้อย่างไร"
ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม""อะไรรึ""คนรับใช้คนเก่า เขา..."ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน"คือเขาเป็นอะไรตาย" ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้" ถูกยิง "!!!!! +++"ใครยิงครับ""ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ" ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม""นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว""แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้"แล้วไปไหนกันหมด""ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเย
“ไปนอนได้แล้ว” ระรินลืมตามีอาการงงเล็กน้อย“พระองค์ทำไหล่กระหม่อมปวดเลย เล่นแรงนะเนี้ย” องค์ฟีรอส นอนลืมตานิ่งก่อนจะผลักร่างบางถอยห่าง“วันนี้นายไปนอนห้องนู้น ฉันอยากนอนคนเดียว”“ไม่กลัวผี แล้วหรือกระหม่อม” เสียงตวาดดังลั่นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว“บอกให้ไป ก็ไปสิ” ระรินหอบที่นอนวิ่งพรวดพราดตามแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย“แล้วอย่าออกไปยืน ที่ระเบียงอีกล่ะ” น้ำเสียงแสดงอำนาจ ระรินย่นจมูก ชิไม่ต้องมาสั่ง วันไหนกลัวก็เรียกเธอเข้ามาวันไหนเลิกกลัวก็ไล่หนี คนหนอคนเปลี่ยนใจง่ายจริงอีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลประจำปี ผู้คนขวักไขว่มากมาย ตามถนนหนทาง เพื่อจับจ่ายใช้สอย ระรินไม่ต้องทำอะไรเวลาทั้งหมดที่มีหมดไปกับการฝึกวิชา ป้องกันตัวจน ร่างกายเริ่มซูบผอม องค์ฟีรอส ก็ไม่ได้เรียกให้เข้าไปนอนในห้องบรรทม ยามค่ำคืน เธอยังคงนอนอยู่ในห้องข้างๆ“ระวิน องค์ฟีรอสทรงตรัสให้นายเข้าเฝ้า” ฮาฟซาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ระรินไม่อาจรู้ได้ ระรินหัวใจลิงโลด รีบสาวเท้าไปยังห้องบรรทมนิสัยคิดไวทำไว ทำให้ลืมเคาะประตู พรวดพราดเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว“กระหม่อมมาแล้วขอรับ” ทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าระรินตัวชา หญ
ฮาฟซารับเอาชุด จากระรินยื่นส่งให้สาวชุดชั้นในสีแดง พร้อมกับซองสีน้ำตาล ใส่เงิน แล้วโบกมือให้นางออกไปข้างนอก ระรินยืนอยู่ในห้องด้วยเครื่องหมายคำถาม สองคนนี้จะทำอะไรกับเธอหนอ ข้างนอกห้องนั้นฝั่งตรงข้าม ตำหนักหรูกล้องส่องทางไกล อัฟนันผู้อยากรู้ยังยืนอยู่หลังกล้องไม่ไปไหนกล้องถูกเบี่ยงตามร่างของสาวสวยที่เดินออกไป ก่อนจะหันกล้องไล่ตามส่องเข้าไปยังหน้าต่างกรอบสีทองที่บังเอิญ ผ้าม่านราคาเหยียบแสนเผยอ ออกเป็นช่องพอดี ช่างพอเหมาะกับร่างสวยของระรินที่ยืนอยู่ตรงช่องพอดี ดวงตาหวานนั้นเปลี่ยนเป็นแววพึงพอใจก่อนจะ สาวเท้าเดินลงบันไดไปทันทีสายตาของทั้งองค์ฟีรอสและฮาฟซาจ้องมองระรินจนเธออยากหายตัวไปในทันทีมองอะไรนัก" งานอะไรขอรับ"ฮาฟซาทำท่าทางหนักใจ เดินเข้ามาจับไหล่ของระรินเหมือนจะบอกให้ตั้งใจฟังนะ"เรามีหน้าที่ คอยทำตามคำสั่งของเจ้านาย เจ้าอย่าบอกนะว่าจะปฏิเสธ"องค์ฟีรอสขมวดคิ้วเข้าหากัน" ฉันไม่ใช้ นายฟรีๆหรอกอยากให้ลองดูก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกกัน ระหว่างนั้นฮาฟซาจะคอยปกป้อง นายตลอดเวลา"^_^"ขอรับ" ระรินรับคำอย่างเสียไม่ได้นึกเห็นเค้าลางที่น่ากลัวขึ้นมาทันที"ให้ ปลอมตัวเป็นหญิงให้เรียนวิชาป้อ
"มี ธุระอะไรหรือเปล่า" อัฟนันเดินเข้ามาในห้อง"เปล่ากระหม่อม น้องแค่ส่องกล้องมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกไปแล้ว ดันมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องท่านพี่ ""น้องพี่ก็รู้อยู่แล้วว่า พี่นิยมหญิงงามเป็นธรรมดาที่ต้องมีหญิงงามยามค่ำคืน""แล้วนางไปไหนเสียล่ะเพคะหญิงงามคนนั้น น้องอยากรู้จักนางนางต้องตาเหลือเกิน"น้ำเสียงใสซื่อและดวงตาใสนั้น เหมือนแกล้งทำ" นางออกไปแล้ว คงสวนกันกับน้องพี่ ตอนที่เดินมาจากตำหนักนู้นกระมัง""ทรงเรียกฮาฟซา มาทำไมเล่า"เปลี่ยนประเด็น"ฮาฟซามาคอยรับใช้แทนเจ้าระวิน มันลาไปหาญาติมันที่ในเมือง"หน้าหวานใสพยักหน้ารับรู้"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัว ง่วงเต็มทน "ก่อนจะปิดปากหาวให้สมจริง องค์ฟีรอสมองน้องชายต่างมารดาด้วยสายตาค้นคว้า ก่อนจะผายมือเป็นการเชื้อเชิญฮาฟซา เดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง"องค์อัฟนัน จะเป็นปัญหาของเราหรือเปล่า พระองค์"องค์ฟีรอส เหม่อมองไปไกลก่อนจะเอ่ยปาก"คงไม่เรารู้นิสัยของอัฟนันดีว่า เล่นสนุกไปตามประสาเด็กมากกว่าไม่เป็นอันตราย""แต่ถึงจะโดนจับได้ ท่านพ่อก็คงเลือกใช้...วิธีเดิมคือการสังหาร ไม่สามารถสาวมาถึงตัวเราได้เพราะกลัวคำครหา"แววตาแสดงความปวดร้าวอย่างเห็
"คงหาเงินไปแปลงเพศเหมือนกันสิท่า ท่านฮาฟซาใจดีสุด เงินที่ท่านให้มากมาย ไม่ต้องกลัว รับรองรวย กลับไปบ้านเราสบายเลย ไปผ่าที่เกาหลีก่อนค่อยกลับไทยนะ กลับไปสวยเวอร์ไม่มีคนจับได้"นิสัยช่างเจรจา ระริน ลอบถอนหายใจ เข้าใจผิดไปใหญ่เลย"ผมถอดเองครับ" ระรินหยิบชุดสีแดงสดก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันควัน เสียงหัวเราะไล่หลังชุดสีแดงเจิดจ้า พอดีกับทรวดทรงของระริน ขาดแต่เพียงหน้าอกเต่งตึงเท่านั้น"ยัดหน้าอกหน่อยไหมพี่ว่า"เสียงพี่สาวที่ชื่อ ก้อย ดังขึ้นหลังจากเธอออกมาจากห้องน้ำมือเรียวเล็กเหมือนผู้หญิงยื่นฟองน้ำ และเสื้อชั้นในสีเดียวกับชุดให้ระริน"เดี๋ยวผมเข้าไปใส่เองครับ" ระรินรับมาทันที"แม้ ให้พี่จัดให้ไหม จะเข้าใจทำไหม เคยใส่ไหมยกทรง"เธอหัวเราะคิกคักถลาเข้ามาทันที"หนู เอ้ย ผม จะ จะ จัดการเองครับ"ระรินละล่ำละลักออกไปก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ถอดชุดลงกองดึงผ้ารัดอกออกไปกองรวมกับเสื้อผ้าชุดอาหรับ ผู้ชายที่เธอสวมมา สวมเสื้อยกทรงอย่างคล่องแคล่ว ฟองน้ำที่ถือมาถูกห่อด้วยกางเกงอาหรับสีขาวเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งด้วยอกเต่งตึงเข้ารูปทรง มีส่วนเว้าส่วนโค้งพี่ก้อยตบมือเปราะแปะ"สวยจริง แหมนี่ถ้า
เสียงฮาฟซากำชับไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากวัง ระรินจงใจ (ทำเหมือนไม่จงใจ) ดึงผ้าที่พันรุ่มร่ามตามแบบของชุดเผยให้เห็นเอวกิ่วเนียนสวยนั้น อกตึงถูกแถบผ้าสีแดงรัดจนร่องอกสวยตระหง่าน สายตาหลายคู่จ้องมองด้วยแววตาต่างกัน สาวสวยหลายคนในงานต่างบรรจงแต่งองค์ทรงเครื่องเสียดิบดี แต่ชุดแดงสว่างสดใสที่ระรินสวมใส่อยู่นั้น สามารถสะกดทุกสายตาของชายหนุ่มในห้องบอลรูมโอ่อ่านั้นไปสู่จุดเดียวกัน รองเท้าส้นสูง6นิ้วที่สวมใส่ ยิ่งทำให้ร่างระหง สูงสง่าอย่างไม่น่าเชื่อให้ ดวงตากลมโตที่ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ถูกปกปิดบนใบหน้านั้นงามอย่างประหลาด ผมยาวดำขลับ ตัดกันกับสี ของชุดจนแทบจะตรงกันข้ามแต่กับส่งให้ชุดแดงยิ่งเจิดจ้า องค์ฟีรอสจ้องมองแววตามีความหมายหลายอย่างปะปน โดยที่ซ่อนไว้ไม่ได้ มีทั้งความพึงพอใจ ประหลาดใจ และตกตะลึงในเวลาเดียวกัน ฮาฟซาจ้องเขม็งแบบตกตะลึง ด้วยแววตาหวานซึ้งนั้น ทำเอาระรินใจไหววูบหลบตาทั้งสองคนพัลวัน“เนียนเลย ขอรับกระหม่อม” ฮาฟซากระซิบ“ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าระวินจะเปลี่ยนได้ขนาดนี้” องค์ฟีรอสออกความเห็นองค์อัฟนันจ้องมองแบบสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกันก่อนจะพาตัวเองมายืนอยู่ข้างหน้าระรินโค้งคำนั
เสียงกระซิบข้างหูแผ่วๆ ระรินตัวชา จะรอดไหมหนอคืนนี้ นึกกลัวไปหมดทุกอย่าง แทบไม่กล้ากระดิกตัว เสียงเพลงจบลงองค์สุลต่านปล่อยมือจากระรินก่อนจะหัวเราะเสียงดังตามเคย องค์อัฟนันตรงเข้ามาโค้งคำนับผู้คนเริ่มทยอยกันออกมาเต้นรำ หลังจากที่องค์สุลต่านเป็นผู้เปิดฟลอร์ เข้าห้องน้ำ ระรินต้องการเข้าห้องน้ำอย่างที่สุด“ขอตัวสักครู่เพค่ะ หม่อมฉันปวดฉี่เอ้ยไม่ใช่”ระรินส่ายหน้าก่อนจะวิ่งเร็วรี่เข้าห้องน้ำไป องค์อัฟนันมองตามตาละห้อย ระรินวิ่งผ่านผู้คนมากหน้าหลายตาก่อนจะโผเข้าหาอ่างล้างหน้ารู้สึกกระอักกระอ่วน อาจเป็นเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป เพราะระรินแทบไม่เคยลิ้มลองของพวกนี้การเป็นเด็กดีตั้งหน้าตั้งตาเรียน จนเพื่อนๆเรียกเธอว่าแม่ชี และไม่มีใครอยากเสวนาด้วยชวนไปเที่ยวไหนก็ไม่ไปแม้กระทั่งมีคนรักเขายังเป็นฝ่ายขอเลิกรา บ้วนปากจนรู้สึกดีทั้งๆที่ไม่มีสิ่งใดออกมาจากท้องแต่แค่ได้ ทำเสียงโอกอ้ากก็ทำให้ค่อยยังชั่ว กลิ่นแอลกอฮอล์ยังคงออกมาจากปากยามหายใจระรินเดินออกมาจากห้องน้ำท่าทางอิดโรย องค์ฟีรอสยืนพิงผนังมองด้วยแววตาขำๆ ดึงร่างบางให้หลบเข้าไปในซอกเล็กๆ ตรงพนังที่ลับตาคน ใช้ร่างใหญ่บังจนมิดร่าง มอ
ว่าแล้วก็ลดตัวลงไป ถอดรองเท้าส้นสูงมาถือไว้ อัฟนันยิ้มอย่างรู้ทัน"ฉันชักชอบเธอแล้วสิ สงสัยต้องลงชิงชัยด้วยแล้ว"ระรินตาโต" ถ้าฉันอยากได้อะไรต้องได้ ถึงจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม ฉันจะไม่ยอมให้เธอเข้าไปอยู่ในฮาเร็มของท่านพ่อ หรือไปเป็นสมบัติของท่านพี่ง่ายๆ แน่"คำพูดที่เหมือนเรียบๆ แต่ทว่าแฝงด้วยความมุ่งมั่นระริน ตกใจสุดขีดเพลงจบลงเธอรีบสาวเท้าออกจากฟอร์ ต้องบอกฮาฟซาเสียแล้ว มีมารผจญเดี๋ยวเสียแผน เดินเร็วรี่ไปยังร่างของฮาฟซาที่ยืนพิงพนังอยู่อ้อมแขนตวัดรัดร่างบางจนหมุนคว้างก่อนจะสอดวงแขนรับไว้ทันเวลาก่อนจะหลุดมือ องค์ฟีรอสนั่นเองเพลงยังคงเป็นจังหวะสโลว์ องค์ฟีรอสกดหัวระรินให้แนบอกแขนอีกข้างกดกลางลำตัวให้แนบสนิทกัน"หนีอะไรมา อัฟนันคุยอะไรกับแกระวิน""ทรงบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยให้พระองค์รึว่าองค์สุลต่านได้ตัวกระหม่อมไป" แววตาดุมีแววครุ่นคิด"หมูเขาจะหามเอาคานมาสอด เป็นปัญหาจนได้ ต้องเปลี่ยนแผนเสียแล้ว”"คืน นี้คงไม่เหมาะเราต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจ อัฟนันก่อนตามมา" มือใหญ่จูงมือบางให้เดินตาม ระรินเหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่าเย็นเฉียบ เผลอดึงชายสาหรี่ขึ้นมาด้วยความรุ่มร่ามจนเผยให้เห็นขาเนียนสวย อง
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย
องค์อัฟนันทำเสียงจิจ๊ะอย่างขัดใจเสียงระเบิดตูมตามดังไม่ขาดระยะ“ที่พี่ห่วงคือความปลอดภัยของน้อง อัฟนันอยู่ใกล้พี่ไว้ เสด็จแม่ทรงกำชับให้ช่วยดูแลน้องแทน พี่ไม่อาจดูแลได้ตลอดเวลาหากไม่ได้รับความร่วมมือ”ถ้าหากฮาฟซาอยู่ที่นี่คงทำให้เขาเบาใจกว่านี้ ว่าองครักษ์ข้างกายต้องคอยปกป้องตัวเขาและคนที่เขารักได้เสมอเสียงปืนกับเสียงระเบิดสลับ กันไปมาสถานการณ์ตึงเครียด องค์ฟีรอสมองหน้าน้องชายร่วมบิดามีแววตื่นตระหนกในสายตาแต่พระองค์ไม่กลับรู้สึกถึงความกล้าหาญของตัวเอง ที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากต้องตาย เขาจะตายอย่างสมเกียรติ แต่หากเขาต้องรอดคนที่ต้องรอดไปกับเขาคืออัฟนันขีปนาวุธลูกแล้วลูกเล่าโจมตีอย่างหนักหน่วงและไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้ ทหารหลายนายวิ่งวุ่นวาย ทหารยศพลเอกสองนายวิ่งมาทำความเคารพก่อนจะ ละล่ำละลัก“เราต้องถอนกำลังเพื่อรักษาชีวิต ในสถานการณ์คับขันพระองค์โปรดตามเสด็จกระหม่อมยังที่ปลอดภัยทั้งสองพระองค์ตอนนี้ไม่สามารถต้านทาน การยิงขีปนาวุธของฝ่ายตรงข้ามได้”นึกถึงสายตา อ้อนวอนก่อนจากลาเมื่อฟ้าสางของระริน เขาต้องรอดเธอ...รอเขาอยู่ รอเพื่อที่จะได้พบกัน เสียงขีปนาวุธแหวกอากาศเสียงดังแสบแก้วหูชวนให้ห
"ทำอย่างไรดีองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีหน้าจะไปพบองค์ฟีรอส""คนที่ทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่หญิงก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นใคร เป็นไปได้อย่างไรคนหายไปทั้งคนไม่มีใครรู้ คนพวกนี้ไม่เกินวันหรือสองวันต้องหายตัวไป ก่อนเสด็จพ่อจะสั่งให้สอบสวนอย่างละเอียด ระหว่างนี้หญิงจะเข้าไปในวังเพื่อกดดันเสด็จพ่อไม่ให้ละเลยเรื่องนี้โดยอ้างว่าเป็นห่วงเพื่อน ตอนนี้ขอร้องว่าอย่าได้ส่งข่าวไปยังองค์ชายให้เป็นกังวลนะท่านองครักษ์ไม่แน่อาจจะหนีกลับมาทำให้สมเด็จราชินีทรงกริ้ว ว่าไม่ทรงทำตามที่บัญชาไว้ และความสัมพันธ์ระหว่างระรินกับองค์ชายจะถูกเปิดเผยเมื่อนั้นก็ทรงเป็นท่านพ่อที่จะกริ้วหนักมาก หญิงเป็นห่วงน้อง ด้วยนิสัยใจร้อนแบบนั้นต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ เมื่อระรินหายไปแต่เรื่องการหาตัวระรินนี่สิ ไม่อาจช้าได้เธออาจตกอยู่ในอันตราย ""เราอาศัยการกดดันองค์สุลต่านให้ตามสืบ และระหว่างนี้กระหม่อมฮาฟซา จะส่งข่าวไปยังเพื่อนพ้องในทะเลทราย (ตำรวจทะเลทราย) ให้ช่วยกันค้นหาอีกทาง”"หวังว่าอัลเลาะห์คงคุ้มครองระริน ให้ปลอดภัยด้วยเถิด"ฮาฟซาถอนหายใจ ถูกขององค์หญิงถ้าองค์ฟีรอสรู้ นั่นเท่ากับเอาน้ำมันไปราดในกองเพลิง คงอยู่ไม่ติดที่ คำสั่งก
“เจ้าคิดอย่างนี้ถึงเร่งรัดงานแต่งระหว่าง เจ้าฟีรอสและอมายาหวังจะทำให้พี่ไม่กล้าจัดการมัน ....หาสนใจไม่ อมายาสามารถหาคนที่ดีพร้อมกว่าเจ้าเลือดผสมนั่นเสียอีก ครั้งนี้อัลเลาะห์ทรงเมตตาให้แผนเราง่ายขึ้นส่งมันไปไกลการอารักขาฮ่าๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมแบบสะใจเต็มทีกับโอกาสที่ได้มา“น้องขอร้อง ท่านพี่ไว้ชีวิตองค์ชายฟีรอสด้วยเถิด ซาลาม”องค์ราชินีลงทุนร้องขอชีวิตของลูกเลี้ยงแต่ไม่เป็นผล"เจ้าอย่าโง่หน่อยเลยน้องพี่ เรามีโอกาสกำจัดมันแล้วอย่าปล่อยโอกาสหลุดมือไป"นางรู้ดีว่าทำผิดมหันต์กับลูกเลี้ยง แต่ถ้าสิ่งที่เธอกำลังจะทำเพื่ออัฟนัน ก็ยิ่งทำผิดต่อองค์ฟีรอส เพราะเธอแอบเห็นสายตา เป็นห่วงเป็นใยทุกครั้งเมื่อมองมายังผู้หญิงคนนั้น ไม่อาจรู้ได้ว่ามันมีความหมายแค่ไหน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกขอบคุณที่คอยพยาบาลยามที่ถูกลอบทำร้ายแต่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา อาจจะมีใจให้กันเพราะระรินเองก็แอบมองอมายาด้วยความไม่พอใจ นึกว่าเธอไม่รู้หรืออย่างไรถึงแม้คนอื่นไม่รู้ แต่คนในตำหนักนอก คนของเธอทั้งนั้นความเคลื่อนไหวใดใดไม่อาจรอดพ้นสายตา องค์ฟีรอสฉลาดเหมือนแม่ ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนอัฟนันที่มักจะเลื