ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม
"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม"
"อะไรรึ"
"คนรับใช้คนเก่า เขา..."
ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน
"คือเขาเป็นอะไรตาย"
ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้
" ถูกยิง "!!!!! +++
"ใครยิงครับ"
"ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"
น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป
"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ"
ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป
" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"
ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็น
อาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม
"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม"
"นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว"
"แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"
ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง
“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”
" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"
ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว
" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้
"แล้วไปไหนกันหมด"
"ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเยาว์ แล้วก็อีกสี่ห้าคนเกษียณมั่งลาออกมั้ง "
"แล้วคนสุดท้ายล่ะครับลุง"
ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยขมวดเข้าหากัน
"ถามทำไม"
เสียงเข้มขึ้นมาทันควัน
"น่านะลุงผมอยากรู้"
"ตาย"
"เป็นอะไรตาย"
ลุงบุญสมป้องปากก่อนจะกระซิบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
"รู้แล้วเหยียบไว้เลย เขาว่า แอบลอบเข้าไปในฮาเล็มขององค์สุลต่าน เลยโดนสังหาร"
"ใครฆ่า ลุงองค์สุลต่านหรือ"
มือเหี่ยวยกขึ้นปิดปากระรินทันทีก่อนจะกระซิบกระซาบ
"พูดพล่อยๆ หยุดปากมอมๆ ของแกได้แล้ว"
ระริน ปิดปากสนิทรู้แล้วว่าตัวเองล้ำเส้นเกินไป ได้แต่กล้ำกลืนเก็บความสงสัยไว้ในใจ
ค่ำนั้น
"ระวิน ฉันไว้ใจแกได้ไหม " เสียงทุ้มดังแผ่วเบาเมื่อระรินนั่งอยู่ในห้อง ข้างแท่นบรรทม
"เรื่องอะไรกระหม่อม "องค์ฟีรอสถอนหายใจยาวเหยียด
"ฉันมีเรื่องที่ต้องให้นายช่วย แต่ไม่ได้ให้ช่วยฟรีนะมีรางวัลตอบแทนอย่างงาม"
ระรินหูผึ่งทันทีกับคำว่ารางวัล^_^ เก็บเงินเรียนต่อ เก็บเงินเรียนต่อ (:
"ว่ามาเลยกระหม่อม ถ้าไม่เกินความสามารถกระหม่อมยินดีรับใช้"
จริงใจหน่อย ระรินจริงใจหน่อย
หันหน้ามาเผชิญร่างสูงก่อนจะนั่งขัดสมาธิตั้งใจฟัง
“รอให้ฉันวางแผนให้ดีกว่านี้ก่อนเดี๋ยวจะพลาดกันอีก ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
อ้าวไหงงั้น รึว่าหึหึหึ
“บอกมาเลยยยยย...กระหม่อมจะได้ทำใจ”
ระรินยังคงเซ้าซี้ตามแบบฉบับของเธอ
“ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวไก่จะตื่นหนีไปเสียก่อน ว่าแต่ว่าตั้งใจฝึกการป้องกันตัวจากฮาฟซาหรือเปล่า”
ระรินหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงองครักษ์รูปหล่อ พูดไม่ออกเขินแป้บ^o^
“ปกติฮาฟซา เป็นคนเข้มงวดมากนะ ถ้าเขาดุด่าอะไรก็อย่าถือสาเขาเลย”
จะดุอะไร ทำให้หนักใจกว่าดุอีก
“นายนี่ปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวอยู่ได้ เป็นใบ้รึอย่างไร”
นิ้วชี้จิ้มเข้าที่กลางหน้าผากก่อนจะออกแรงดัน จนระรินเกือบหงายหลัง
“ฉันนึกออกแล้วเรามาประลองกำลังกันดีกว่าเหนื่อยๆ จะได้หลับสบาย”
น้ำเสียงราบเรียบไม่มีอะไรแอบแฝง หาซวยแล้ว
“กระหม่อม ผมเอ้ย กระผม แขนเจ็บ”
ไม่ทันขาดคำ ร่างทั้งร่างถูกผลัก ให้ลงไปนอนแอ้งแม้งโดยที่มีร่างใหญ่ค่อมอยู่บนตัว
“มวยปล้ำ ไหล่ติดพื้น นับสามแพ้ อ่อนแอก็แพ้ไป555+”
ระรินจุกแอก จนปฏิเสธไม่ออก
องค์ฟีรอสจับตัวระรินก่อนจะเตรียมกดเพื่อนับสาม ตาจ้องตากลิ่นกายหอมละมุน ใบหน้าหวานซึ้ง งดงามจนไม่อาจละสายตาได้ ใบหน้าที่ต่างจากชายชาตรีทั่วไป ระรินหลับตาลงช้าๆ เพราะรู้สึกถึงแรงกดบริเวณหัวไหล่ เกิดอาการปวดนิดๆ องค์ฟีรอสจ้องใบหน้าขาวเนียน ก้มต่ำลงเรื่อยๆอย่างลืมตัว จมูกโด่งเป็นสันเกือบชิดติดจมูกงอนงามของระริน อารมณ์สับสนวุ่นวาย ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเพื่อไล่ความคิดสับสนนั้น ปล่อยร่างบางเป็นอิสระ ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
“ไปนอนได้แล้ว” ระรินลืมตามีอาการงงเล็กน้อย“พระองค์ทำไหล่กระหม่อมปวดเลย เล่นแรงนะเนี้ย” องค์ฟีรอส นอนลืมตานิ่งก่อนจะผลักร่างบางถอยห่าง“วันนี้นายไปนอนห้องนู้น ฉันอยากนอนคนเดียว”“ไม่กลัวผี แล้วหรือกระหม่อม” เสียงตวาดดังลั่นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว“บอกให้ไป ก็ไปสิ” ระรินหอบที่นอนวิ่งพรวดพราดตามแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย“แล้วอย่าออกไปยืน ที่ระเบียงอีกล่ะ” น้ำเสียงแสดงอำนาจ ระรินย่นจมูก ชิไม่ต้องมาสั่ง วันไหนกลัวก็เรียกเธอเข้ามาวันไหนเลิกกลัวก็ไล่หนี คนหนอคนเปลี่ยนใจง่ายจริงอีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลประจำปี ผู้คนขวักไขว่มากมาย ตามถนนหนทาง เพื่อจับจ่ายใช้สอย ระรินไม่ต้องทำอะไรเวลาทั้งหมดที่มีหมดไปกับการฝึกวิชา ป้องกันตัวจน ร่างกายเริ่มซูบผอม องค์ฟีรอส ก็ไม่ได้เรียกให้เข้าไปนอนในห้องบรรทม ยามค่ำคืน เธอยังคงนอนอยู่ในห้องข้างๆ“ระวิน องค์ฟีรอสทรงตรัสให้นายเข้าเฝ้า” ฮาฟซาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ระรินไม่อาจรู้ได้ ระรินหัวใจลิงโลด รีบสาวเท้าไปยังห้องบรรทมนิสัยคิดไวทำไว ทำให้ลืมเคาะประตู พรวดพราดเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว“กระหม่อมมาแล้วขอรับ” ทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าระรินตัวชา หญ
ฮาฟซารับเอาชุด จากระรินยื่นส่งให้สาวชุดชั้นในสีแดง พร้อมกับซองสีน้ำตาล ใส่เงิน แล้วโบกมือให้นางออกไปข้างนอก ระรินยืนอยู่ในห้องด้วยเครื่องหมายคำถาม สองคนนี้จะทำอะไรกับเธอหนอ ข้างนอกห้องนั้นฝั่งตรงข้าม ตำหนักหรูกล้องส่องทางไกล อัฟนันผู้อยากรู้ยังยืนอยู่หลังกล้องไม่ไปไหนกล้องถูกเบี่ยงตามร่างของสาวสวยที่เดินออกไป ก่อนจะหันกล้องไล่ตามส่องเข้าไปยังหน้าต่างกรอบสีทองที่บังเอิญ ผ้าม่านราคาเหยียบแสนเผยอ ออกเป็นช่องพอดี ช่างพอเหมาะกับร่างสวยของระรินที่ยืนอยู่ตรงช่องพอดี ดวงตาหวานนั้นเปลี่ยนเป็นแววพึงพอใจก่อนจะ สาวเท้าเดินลงบันไดไปทันทีสายตาของทั้งองค์ฟีรอสและฮาฟซาจ้องมองระรินจนเธออยากหายตัวไปในทันทีมองอะไรนัก" งานอะไรขอรับ"ฮาฟซาทำท่าทางหนักใจ เดินเข้ามาจับไหล่ของระรินเหมือนจะบอกให้ตั้งใจฟังนะ"เรามีหน้าที่ คอยทำตามคำสั่งของเจ้านาย เจ้าอย่าบอกนะว่าจะปฏิเสธ"องค์ฟีรอสขมวดคิ้วเข้าหากัน" ฉันไม่ใช้ นายฟรีๆหรอกอยากให้ลองดูก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกกัน ระหว่างนั้นฮาฟซาจะคอยปกป้อง นายตลอดเวลา"^_^"ขอรับ" ระรินรับคำอย่างเสียไม่ได้นึกเห็นเค้าลางที่น่ากลัวขึ้นมาทันที"ให้ ปลอมตัวเป็นหญิงให้เรียนวิชาป้อ
"มี ธุระอะไรหรือเปล่า" อัฟนันเดินเข้ามาในห้อง"เปล่ากระหม่อม น้องแค่ส่องกล้องมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกไปแล้ว ดันมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องท่านพี่ ""น้องพี่ก็รู้อยู่แล้วว่า พี่นิยมหญิงงามเป็นธรรมดาที่ต้องมีหญิงงามยามค่ำคืน""แล้วนางไปไหนเสียล่ะเพคะหญิงงามคนนั้น น้องอยากรู้จักนางนางต้องตาเหลือเกิน"น้ำเสียงใสซื่อและดวงตาใสนั้น เหมือนแกล้งทำ" นางออกไปแล้ว คงสวนกันกับน้องพี่ ตอนที่เดินมาจากตำหนักนู้นกระมัง""ทรงเรียกฮาฟซา มาทำไมเล่า"เปลี่ยนประเด็น"ฮาฟซามาคอยรับใช้แทนเจ้าระวิน มันลาไปหาญาติมันที่ในเมือง"หน้าหวานใสพยักหน้ารับรู้"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัว ง่วงเต็มทน "ก่อนจะปิดปากหาวให้สมจริง องค์ฟีรอสมองน้องชายต่างมารดาด้วยสายตาค้นคว้า ก่อนจะผายมือเป็นการเชื้อเชิญฮาฟซา เดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง"องค์อัฟนัน จะเป็นปัญหาของเราหรือเปล่า พระองค์"องค์ฟีรอส เหม่อมองไปไกลก่อนจะเอ่ยปาก"คงไม่เรารู้นิสัยของอัฟนันดีว่า เล่นสนุกไปตามประสาเด็กมากกว่าไม่เป็นอันตราย""แต่ถึงจะโดนจับได้ ท่านพ่อก็คงเลือกใช้...วิธีเดิมคือการสังหาร ไม่สามารถสาวมาถึงตัวเราได้เพราะกลัวคำครหา"แววตาแสดงความปวดร้าวอย่างเห็
ระรินเดินตัวลีบพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอยังอยู่รั้งท้ายขบวนเหมือนเดิม เมื่อเดินผ่านประตูห้องเข้าไป ระรินถึงกับตาค้างกับความอลังการของ ห้องรับรองสุดหรู สายปะทะเข้ากับบุรุษตัวสูงหน้าตาคมสัน ทว่าสายตาเย่อหยิ่ง นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาแบบหลุยส์ สีทองอร่ามดูมีรสนิยม ส่วนคนที่นั่งข้างเป็นหญิงสาวหุ่นนางแบบสวยเฉียบสไตล์ฮอลลี่วู๊ด ชายหนุ่มล่ำบึกอีกสองคนซ้ายขวา สรุปแล้วในห้องมีผู้ชายทั้งหมดเกือบสิบคน เท่แข่งกันใหญ่ระรินคิด แว่นกันแดด ที่ปิดบังดวงตาช่างเข้ากันได้ดีกับสูทสีดำสนิท ระรินสงสัยนัก ไอ้พวกบอดี้การ์ดทำไมต้องใส่ชุดสีดำชายหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ทางขวามือขยับตัวมาตรงหน้าก่อนจะพูดเสียงดัง“ทั้งสามคนนี้นะเหรอ เด็กรับใช้คนใหม่มิสเตอร์บุญสม"ประโยคสุดท้ายหันไปทางชายสูงอายุ ระรินปิดปากหัวเราะคิกคัก แต่งตัวก็ดีท่าทางก็ดี ชื่อบุญสม ลุงบุญสมหันมาถลึงตาใส่ระรินก่อนจะโค้งคำนับ“ครับท่าน องครักษ์ฮาฟซา”“หนุ่มทางภูมิภาคของเจ้านี่ ท่าทางอ้อนแอ้นไม่มีหนวดเคราหน้าตาจืดชืดไม่สมเป็นชายดีหน่อยตรงมีความละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์ไว้ใจได้”แหวะ ตบหัวแล้วลูบหลังระรินอยากพูดเหลือเกินภูมิภาคของพวกเจ้าก
ก่อนจะเปลี่ยนใจบ่นพึมพำ“องครักษ์ไปไหนหมด ถ้าเป็นคนร้ายเรามิตายไปแล้วหรือ”ระรินอกสั่นขวัญหายก่อนจะเดินแบบเร็วรี่ไปยังอ่างอาบน้ำ ระฆังช่วยชีวิตไว้ทันพอดี เป็ง เป็ง“พระองค์เกิดเหตุอะไรหรือ กระหม่อมได้ยินเสียงเอะอะ”ฮาฟซาองครักษ์หุ่นล่ำหล่อร้ายเข้ามาขัดจังหวะระรินมองคนนู้นทีคนนี้ที“เจ้าระวิน ลุงบุญสมตามหาเจ้าอยู่”เสียงทุ้มนุ่มหู พูดพลางพยักหน้าไล่ส่งระรินรีบเดินตัวลีบออกไปทันที นึกขอบคุณองครักษ์หนุ่มหล่อ“อย่าเพิ่งให้มันไปให้มันเตรียมน้ำให้เราก่อน”เสียงเกรี้ยวกราด“ไม่เป็นไรกระหม่อม ประเดี๋ยวกระหม่อมจะเตรียมถวายเอง มันได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาพาลจะอด”องครักษ์หนุ่มออกตัวแทน ด้วยทราบอารมณ์ของผู้เป็นนายได้ดี ระรินเดินผ่านประตูออกมาช้าๆ ด้วยกลัวว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง แต่เงียบไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดใดอ๋อหรือว่าจะเป็นคู่จิ้นกันหนอ เหมือนกับจะเกรงใจท่านองครักษ์ใหญ่ชอบกล“เกือบซวยอีกแล้วซี่เจ้าระวิน ไม่ดูตาม้าตาเรือคราวหลังถ้าจะเข้าไปต้องส่งเสียงให้องค์ฟีรอสท่านก่อนไม่ใช่แอบเข้าไปอย่างนั้นทรงกริ้วมากรู้ไหม ดีที่ท่านฮาฟซาเข้าไปพอดี”เสียงลุงบุญสมบอกเล่าเรื่องที่เธอค
แม้จะดัดเสียงให้ห้าวหาญเพียงใด ก็ไม่อาจกลบความหวานของน้ำเสียงได้ ระรินกระแอมเบาเบา“อ้าวหน้าที่ของเจ้ารึ ตามจริงต้องผลัดกันสองคนกับเจ้าประพันธ์ไม่ใช่รึ”ฮาฟซาเหมือนจะรู้รายละเอียดในงานของเด็กรับใช้เป็นอย่างดี“ประพันธ์บอกว่าลุงบุญสมให้ตกลงกันเอาเองขอรับ”แววตาอ่อนโยนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฉายออกมาเพียงแวบเดียวก็หายไป“เหนื่อยแย่”“เขารับปากว่าจะทำอย่างอื่นแทนขอรับ”ฮาฟซาเลิกคิ้วทำท่าตกใจ ทำให้ใบหน้าคมยิ่งน่ามองยามผ่อนคลาย“เจ้านี่กล้าหาญไม่น้อย ใครใครก็กลัวองค์ฟีรอสส่วนเจ้าช่างกล้า”ทำอย่างไรได้ระรินคิดตกกระไดพลอยโจนแล้วนี่“องค์ฟีรอสท่านใจดีจะตายไป คนมาใหม่ใหม่กลัวท่าน ทุกคนแต่อยู่ไปนานนานเดี๋ยวก็รัก แต่อย่าไปทำให้ท่านโกรธหรือขัดใจถ้ามีเรื่องให้ช่วย บอกเราได้ทุกเวลา ^_____^”รอยยิ้มหวานถ้าเป็นเวลาอื่นระรินอาจใจละลายไปแล้วแต่ขณะนี้ไม่มีแก่ใจจริงจริงแสงจันทร์นวลส่องจับใบหน้าสวยหวานของระรินเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ดวงหน้าที่ไม่อาจปกปิดได้ของระรินอยู่ในสายตา องครักษ์หนุ่มหัวใจไหววูบด้วยมีบางอย่างแล่นเข้ามาในความคิดคำนึง ผู้ชายทำไมถึงได้มีบางอย่างที่น่ามองและชวนหลงไหลเพียงนี้-"เจ้าอายุเท่าไห
ระรินคอยเงี่ยหูฟังเสียงเรียกตลอดเวลา ระเบียงตำหนักที่ทอดยาวหันหน้าเข้าสู่ตัวตำหนักอีกตำหนักหนึ่งซึ่ง ระรินลืมไปสนิทว่าจะเอ่ยปากถามองครักษ์ฮาฟซา ว่าเป็นตำหนักของใครด้วยความเหมือนของโครงสร้างทว่าตำหนักที่หันหน้ามาทางตำหนักนี้มีความหรูหราและสวยงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงาม ระรินไม่อยากคิดถึงมูลค่าของการตกแต่ง ตำหนักองค์ฟีรอสจึงกลายเป็นเพียงตำหนักที่สวยงามแบบเรียบๆ ถ้าเทียบกับตำหนักตรงกันข้ามแสงไฟสว่างไสวไปทั่วตำหนักระรินปล่อยใจให้ล่องลอยไปสู่ตำหนักตรงหน้า มองสำรวจจนพอใจฉับพลันนั้นเอง สายตาเจ้ากรรมดันไปประสบเข้ากับกล้องส่องทางไกล ของใครคนหนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ณ.ริมตำหนักสวยนั้น ลักษณะการแต่งกายที่ละม้ายองค์ฟีรอส หากแต่การแต่งกายไม่ได้ยึดติดเหมือนคนอาหรับทั่วไป เป็นการแต่งกายแบบตะวันตก ผสมการแต่งกายแบบอาหรับที่ลงตัว เธอยืนตะลึงอยู่กับที่จนกระทั่ง คนผู้นั้นลดกล้องลงยกมือขึ้นโบกเป็นการทักทายเธอ ระรินนิ่งงันคนผู้นั้นจ้องมองพร้อมกับยิ้มแย้ม ทั้งใบหน้าและดวงตา ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสหากแต่แววตาอ่อนโยนกว่านัก"เจ้าระวิน แกอยู่ไหน" เสียงดังออกมาจากห้องบรรทม ระ
เสียงแหบๆของลุงบุญสม“ไปทานข้าวได้แล้ววันนี้มีตามเสด็จ” ระริน ตาลีตาเหลือกสปริงตัวจากที่นอนหนานุ่มก่อนจะทำธุระส่วนตัวแล้วเดินแกมวิ่งยังห้องอาหาร“มาแล้วเหรอระวินเพื่อนรัก นี่ข้าวของนายเราตักมาเผื่อแล้ว” เสียงเหน่อๆ ของประพันธ์ดังมาแต่ไกล“กินเยอะๆ เนื้อหมูนี่ดีต่อร่างกายผอมๆของนาย เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” มาแปลกช่างเป็นห่วงเป็นใย@__@ ระรินไม่ไว้วางใจในตัวเพื่อนใหม่คนนี้“อย่า ดีกับเราเกินไปเรากลัว” ระรินพูดความจริงออกไปตรงๆ“ไม่เอาน่าเรา ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เราแค่อยากให้นายสบายที่สุดจะได้อยู่ที่นี่ไปนานๆ หลังจากที่นายต้องเจองานหนักกว่าคนอื่น” หานี่ระรินโชคดีกว่าใครใช่ไหม ที่ต้องมารับใช้เบื้องยุคลบาทขององค์ฟีรอส“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เรายินดี”ท่าทางแหยงๆ“ถ้านายอยู่นานๆ เราก็จะได้อยู่นานๆ ที่นี่งานสบายเงินดีที่สุดเราก็จะได้มีเงินไปไถ่ที่นาให้พ่อสร้างบ้านให้แม่ นะระวินนะนายต้องอยู่นานๆ อย่าเพิ่งท้อกับงานเลย” สายตาวิงวอนนั้นมองมาแบบจงใจ ระรินอดขำไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน ไหนจะเจ้านายที่น่ากลัวไหนจะความลับที่ระรินปิดบังไว้อีก เธอถอนหายใจ“เราสัญญาว่าถ้าหากเราจะจา