“ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกฟีรอส หรือใครทั้งนั้นจนกว่าเธอจะสารภาพเอง แต่การสารภาพนั้นต้องแลกมาด้วยหลายสิ่งเธอรับมันได้ไหม ฟีรอส ไม่ชอบคนโกหก และการหลอกลวงเบื้องสูงก็คือการหลอกลวงเบื้องสูงมองอย่างไรก็ผิดไม่มีทางเป็นอื่น ฉันหวังว่าเธอจะโชคดี” น้ำเสียงห่วงใยจริงใจนั้นทำเอาระริน เกือบจะ โผเข้ากอดองค์หญิงด้วยความรู้สึกเหมือนได้พบแม่และพี่ชายฝาแฝดในเวลาเดียวกัน ความจริงที่น่ากลัวรอเธออยู่ตรงนั้น ตรงที่ สุดทาง ทางที่เธอเลือกเอง“หม่อมฉันอยากจะทำอะไรตอบแทนพระองค์ สำหรับสิ่งที่พระองค์ช่วยเหลือในครั้งนี้” องค์หญิงส่ายหน้าไปมา“ฉันขอแค่ความภักดี ที่เธอมีต่อฟีรอส ยอมเสียสละแทนเขาได้ในแบบที่เธอทำที่ผ่านมา ก็พอแล้ว” องค์หญิงช่างเป็นคนดีอะไรอย่างนี้ ระรินคิดในใจ น้ำตาลูกผู้หญิงกำลังจะไหลริน พลันเสียงเคาะประตูเบาๆ องค์หญิงหันหน้ากลับไปมองที่ประตูก่อนจะ เปล่งวาจาที่เต็มไปด้วยอำนาจ“ใคร” ก่อนจะดึงผ้าห่มไหมบางเบาคลุมจนเกือบจนถึงต้นคอของระรินทำสัญญาณให้ระรินหลับตาด้วยสภาพโดยรวมของระรินเอวองค์นั้นเล่าไหนจะเนินอกผุดผาดนั้น ที่โผล่มาพ้นเสื้อผู้ป่วย ระรินหลับตาโดยดี“ท่านพี่ น้องเอง” เส
ระรินกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ คนอะไรนอกจากไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังมาดุอีก“พระองค์ไม่ต้องกังวลไปหรอก กระผมไม่ตายง่ายๆ”“ก็มีคนห่วงใย ขนาดนี้คงไม่ตายง่ายๆ” สายตาเหลือบไปมองฮาฟซาที่ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก หากฉันจะโดนยิงก็ปล่อยให้มันยิงไป” ดราม่าอีกแล้วT_T“ไม่ได้ กระหม่อม ฮาฟซาสอนว่ากระหม่อมต้องดูแลปกป้องพระองค์ยิ่งชีวิต”“รู้สึกว่า ฮาฟซาพูดอะไรนายจะเชื่อไปเสียทุกอย่าง ทีฉันพูดนายไม่เคยสนใจ”อ้าวผิดได้อีก@_@“จริงขอรับ ชีวิตพระองค์สำคัญที่สุดในประเทศนี้รองจาก องค์สุลต่าน” ฮาฟซาสนับสนุนคำพูดของระรินองค์ฟีรอสหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามอง ระรินงงงันกับอาการ ฉุนเฉียวนั้น องค์ฟีรอสเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเอง ทำไมถึงรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของฮาฟซาที่มีต่อระวิน เด็กหนุ่มรับใช้หรือจะเป็นอาการหวงของเล่นเหมือนที่เขาเคยเป็นเมื่อครั้งยังเป็นองค์ชายตัวน้อยที่โมโหทุกครั้งเมื่อโดนใครแย่งของเล่นไปแม้จะเป็นของที่พระองค์ไม่แยแสแล้วก็ตามเพราะความที่ถูกตามใจโดยองค์ราชินีเมื่อครั้งทรงพระเยาว์นั่นเอง แต่ครั้งนี้เล่าอาการมันคงจะรุนแรงกว่ารู้สึกเหมือนหวงของ เสียดาย และก
อ๋องี่เง่าอย่างนี้นี่เอง เลยกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายคิดว่าพ่อไม่รักทำตัวเหมือนเด็ก..ชิ..ระรินแอบเหล่ตามอง องค์ฟีรอสไม่ทันสังเกต โน้มตัวลงระรินใจสั่นระรัว ก่อนจะ ยกมือขึ้นเกลี่ยผมที่ลงมาปิดใบหน้าของระริน“นาย เป็นเหมือนฉันไหม......หรือว่าฉันเป็นบ้าไปเองคนเดียว” เป็นอะไรหวา“ช่างเถอะ ...บอกไปก็ไม่มีใครเข้าใจไม่แน่อาจหาว่าฉัน เป็นพวก …” ระรินกลั้นหายใจก่อนจะผ่อนลมหายใจออกช้าๆ อะไรของเขานะร่างสูงเดินออกไปจากห้องช้าๆ ก่อนเสียงฝีเท้าจะลับหายไประรินทบทวน คำพูดขององค์ฟีรอส สุดท้ายเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี พยาบาลเดินเข้ามาทำความเคารพ ก่อนจะถามไถ่ว่าเธอต้องการอะไรไหมดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นอยู่บนฟ้ากว้างเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกนั่น สักพักเด็กรับใช้สองคนก็นำเตียงนอนใหญ่ เข้ามาในห้องที่เธออยู่ จัดแจงจนเข้าที่เข้าทาง“เตียงใคร” ระรินเอ่ยปากถาม แต่สองคนเหมือนคนใบ้ไม่มีใครปริปากพูดกับเธอสักคำ เตียงหรูหรากว้างใหญ่นั้นถูกจัดเรียบร้อยอยู่ข้างเตียงที่ระรินนอนอยู่นาฬิกาบอกเวลา 22.00น.เสียงเคาะประตูห้องดังรัวๆ ระรินใจจดจ่ออยู่ที่หน้าประตูร่างสูงขององค์ฟีรอส ก้าวเข้ามาพร้อมกับฮาฟซา“นายนอนห้องข้างๆ ส่วนฉันจะ
" แผลไม่ลึก เดี๋ยวคงต้อง ฉีดยากันบาดทะยัก และรอดูอาการ ตอนนี้พี่จะสั่งให้เพิ่มความเข้มงวดในเขตตำหนักนี้ พวกมันหมายชีวิตน้องพี่เสียจริง" องค์หญิงซาเบียเดินเลี่ยงออกมาจากห้อง นึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมา อีกมาก เรื่องของน้องชาย และหญิงสาวคนนี้จะลงเอยอย่างไร เธอไม่อาจคาดเดาได้ฮาฟซาเดินผ่านทำความเคารพ องค์หญิงมองฮาฟซาด้วยดวงตามีแววลึกซึ้ง แม้แต่เธอเองก็ไม่สามารถให้คำตอบต่อเรื่องของเธอเช่นกันฮาฟซาคุกเข่าลงข้างๆ ระริน เอื้อมมือกุมมือระรินไว้ เพื่อให้กำลังใจ องค์ฟีรอส มองเขม็ง"มัน ฆ่าตัวตายโดยยาพิษที่ติดตัวมาแล้วขอรับกระหม่อม ยังไม่ทันได้สอบสวนอะไร รู้สึกว่าจะมียาพิษอยู่ในปากอยู่แล้วกระหม่อม" องค์ฟีรอสถอนหายใจ"พวกมันซื่อสัตย์ต่อนายของพวกมันนัก มันนำเราอยู่หนึ่งก้าวเสมอ ปิดข่าวให้สนิทเรื่องฉันโดนลอบทำร้าย นะฮาฟซา" ฮาฟซาก้มตัวแทนคำตอบ"ว่าแต่อาการของพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง กระหม่อม""ไม่เท่าไร ไกลหัวใจ”แผลไกลหัวใจแต่เหตุไฉน ถึงเจ็บแปลบๆ ที่อกข้างซ้ายเล่าเมื่อมองดูมือของฮาฟซากุมมือระรินอยู่อย่างนั้นสิ่งที่อยากทำแต่ไม่อาจทำได้" กระหม่อมจะสั่งให้มีการอารักขาให้ดีกว่านี้" องค์ฟีรอสโบกมือ"
รู้ได้อย่างไรว่าเธออยากไปพร้อมกับเงิน ระรินตาโต มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องอีก แล้วหุหุ ทำพูดดีไปเหอะ บัดนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าถ้าหากจากไป จะเป็นไปได้ไหมที่จะลืมเลือนเรื่องทั้งหมด และฝั่งมันไว้แค่อดีต"ความหวังของเราอยู่ที่นาย องค์ชายอยากรู้จริงๆว่าเสด็จแม่ของพระองค์อยู่ที่ไหนเป็นอย่างไร"ฮาฟซาเกลี้ยกล่อมอีกคน ระรินนึกสงสารองค์ชายขึ้นมาจับใจ"ขอรับ ยอมขอรับ ยอมทุกอย่าง"ระรินเอามือปิดปากตัวเอง อ้าวพูดอะไรออกไป"งั้นก็ดีแล้ว นายทำตัวให้เป็นปกติเดี๋ยวฮาฟซา จะจัดฉากให้นายเจอกับท่านพ่ออีกครั้ง แต่กับสมเด็จราชินีนั้นอยากให้นายระวังตัวให้มาก จงอ่อนน้อมเข้าไว้พระองค์เป็นผู้หญิงที่อ่อนนอกแข็งใน ยากจะเดาพระทัยถูก"ระรินเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันทีคงประมาณแม่เลี้ยงเธอกระมั่งที่ปากหวานก้นเปรี้ยว แต่มีความสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นให้คล้อยตามได้ จะรอดไหมระริน"พา ระวินไปแต่งตัวให้สวยเหมือนครั้งก่อน แล้วก็วานนายตามท่านพี่ให้หน่อย มีเรื่องต้องขอร้องท่านพี่ เยอะเลย"ฮาฟซาถอยหลังออกไปจากห้องอย่างช้าๆ แดดยามเช้าส่องสว่างเข้ามาในห้อง ทำให้บรรยากาศแสนจะสดใส องค์ฟีรอสลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ก
“ความรัก มันเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาทุกเชื้อชาติศาสนาไม่มีเว้นไม่ว่าหญิงหรือชาย”“น้องเข้าใจท่านพี่ ท่านพี่ไม่ควรเข้าข้างน้องชายของท่านพี่ในทางที่ผิด น้องรู้มันไม่สมควร หากท่านพ่อทราบจะทรงกริ้วแค่ไหน”“แล้วถ้า......ระวินไม่ได้เป็นอย่างที่น้องพี่เห็นเล่า” ตาคมลุกวาวด้วยความตื่นเต้น“อย่างไรท่านพี่ อย่าบอกนะว่ามันไปผ่ามาแล้ว จริงสิท่านพี่มันออกจะอ้อนแอ้น” องค์หญิงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ น้องชายที่แสนจะเก่งในเรื่องจีบหญิงช้ำยังขึ้นชื่อในเรื่อง เจ้าชู้ เป็นคาสโนว่า ก็ว่าได้แต่ทำไมกลับหน้ามืดตามัวมองดอกไม้เป็นกิ่งใบได้ขนาดนั้น นี่เองที่เขาบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด ถอนหายใจยาวเหยียด“ดอกไม้ก็คือดอกไม้ น้องมองอย่างไรให้เป็น กิ่งใบ” อยากบอกจะตายแต่ห้ามใจไว้ได้ เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับระริน“ถ้าหากมันเป็นดอกไม้ปลอมเล่าท่านพี่”“เอาเถอะปล่อยให้เวลา เป็นตัวตัดสินเอง พี่ช่วยได้แค่นี้”“แล้วท่านพี่มีวิธีรักษา อาการของน้องไหม”“น้องพี่ไม่ได้ป่วยอะไร แค่....ต้องหัดมองอะไรให้มันต่างไปจากเดิมบ้างเท่านั้นเอง”“ท่านพี่หมายความว่าน้องสบายดีทั้งที่ชอบผู้ชาย ด้วยกันนะหรือท่านพี่”“น้องพูดเองพี่ยังไม่ได้ว่าอย่าง
“ท่านพ่อใกล้เสด็จแล้วท่านพี่ ทรงไปนัดแนะกับเจ้าระวินเถิดน้องเองก็จะได้เตรียมตัว” องค์หญิงซาเบีย หันหลังเดินกลับโดยไม่พูดอะไรอีก ฮาฟซาเดินตามออกมาส่ง“ท่านองครักษ์ คิดอย่างไรกับระวิน” ฮาฟซาขมวดคิ้วแสดงท่าทางประหลาดใจกับคำถามเมื่อออกมาด้านนอกเดินตาม องค์หญิงด้วยระยะห่างไม่มากนัก“ก็เฉยๆ กระหม่อม มันน่ารักดี” องค์หญิงกลืนน้ำลายลงคอ เจ็บแปลบที่หัวใจ อยากถามเหลือเกินว่าแล้วรักไหม แต่ไม่กล้า“องค์หญิงถามทำไม ขอรับกระหม่อม”“เราก็แค่ สงสัยว่าท่าน คิดแบบเดียวกันกับน้องเราหรือไม่”“องค์ชาย เออ องค์ฟีรอส คิดอย่างไรกระหม่อม” แววตาคาดคั้น สบตานิ่งนาน“หญิง เออเราไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าระวินพิเศษท่านว่าไหม” ตายห่าโกหกไม่เก่ง แววตาคมมีแววขบขัน“พิเศษตรงไหนก็แค่เด็กรับใช้ หน้าหวานคนหนึ่ง” ฮาฟซา หันหลังเดินต่อไป องค์หญิงงงกับคำพูดของฮาฟซา“องค์สุลต่านเสด็จ” เสียงตะโกนก้องขององครักษ์หน้าตำหนัก เสียงทำความเคารพพรึบพับพร้อมเพรียง ฮาฟซาหลบเข้าข้างทางเดินอยู่ในอาการสงบเตรียมทำความเคารพ องค์หญิงอยู่เกือบกลางทางเดิน ด้วยท่าทางสวยสง่าเตรียมต้อนรับขบวนเสด็จ เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในนั้นประกอบด้วยองค์สุลต
ปล่อยมือทันที วางแขนลงอย่างแผ่วเบา มองผ้าพันแผลที่มีรอยเลือดแดงเป็นวง“เจ็บมากไหม แม่ขอโทษ แม่จะสั่งทำโทษองครักษ์พวกนั้น”“ไม่เป็นไรเสด็จแม่ พวกเขาไม่ผิดลูกผิดเองที่อยู่ผิดที่ผิดเวลา” องค์ฟีรอสย้อนนึกถึงวันวานที่ไม่ว่าคราใดที่เขาทำผิด พวกคนรับใช้มักจะโดนทำโทษหรือถูกตำหนิ จากองค์ราชินี“ไม่ได้จะได้รู้ว่ามกุฎราชกุมารสำคัญแค่ไหนในประเทศนี้” น้ำเสียงดุดันจริงจัง องค์สุลต่านยิ้มด้วยความพึงพอใจ องค์ฟีรอสเบือนหน้าหนี อัฟนันมองคนนู้นทีคนนี้ที ด้วยความสงสัย“อมายาเป็นห่วงลูกมาก ขอตามมาเยี่ยมลูก”“ขอบใจมากอมายา” องค์ฟีรอสกล่าวคำขอบคุณ อมายาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง“ท่านพี่ ทานอะไรไหม หิวไหม อมายาจะป้อน” องค์ราชินี ตบมือสองทีเป็นจังหวะ เด็กรับใช้ยกถาดผลไม้ที่ถูกแกะสลักสวยงามเข้ามาทันที“อมายาแกะสลักเองกับมือมีแต่ของที่ลูกชอบ” องค์ฟีรอสมองผลไม้ที่ถูกแกะสลักด้วยความประณีตแบบไม่เชื่อสายตา อมายายิ้มเยือนเก้อเขิน อัฟนันหยิบผลไม้เข้าปากเคี้ยวกินอย่างมูมมาม“แกะไม่แกะก็กินได้ ไม่เห็นต้องประดิดประดอย” อมายา ค้อนปะหลับปะเหลือก“หน้าตาก็ดีแต่ทำไม....” อัฟนันเลิกคิ้วมองคนพูด“แค่อยากกินบ้างทำไมต้อง..
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย
องค์อัฟนันทำเสียงจิจ๊ะอย่างขัดใจเสียงระเบิดตูมตามดังไม่ขาดระยะ“ที่พี่ห่วงคือความปลอดภัยของน้อง อัฟนันอยู่ใกล้พี่ไว้ เสด็จแม่ทรงกำชับให้ช่วยดูแลน้องแทน พี่ไม่อาจดูแลได้ตลอดเวลาหากไม่ได้รับความร่วมมือ”ถ้าหากฮาฟซาอยู่ที่นี่คงทำให้เขาเบาใจกว่านี้ ว่าองครักษ์ข้างกายต้องคอยปกป้องตัวเขาและคนที่เขารักได้เสมอเสียงปืนกับเสียงระเบิดสลับ กันไปมาสถานการณ์ตึงเครียด องค์ฟีรอสมองหน้าน้องชายร่วมบิดามีแววตื่นตระหนกในสายตาแต่พระองค์ไม่กลับรู้สึกถึงความกล้าหาญของตัวเอง ที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากต้องตาย เขาจะตายอย่างสมเกียรติ แต่หากเขาต้องรอดคนที่ต้องรอดไปกับเขาคืออัฟนันขีปนาวุธลูกแล้วลูกเล่าโจมตีอย่างหนักหน่วงและไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้ ทหารหลายนายวิ่งวุ่นวาย ทหารยศพลเอกสองนายวิ่งมาทำความเคารพก่อนจะ ละล่ำละลัก“เราต้องถอนกำลังเพื่อรักษาชีวิต ในสถานการณ์คับขันพระองค์โปรดตามเสด็จกระหม่อมยังที่ปลอดภัยทั้งสองพระองค์ตอนนี้ไม่สามารถต้านทาน การยิงขีปนาวุธของฝ่ายตรงข้ามได้”นึกถึงสายตา อ้อนวอนก่อนจากลาเมื่อฟ้าสางของระริน เขาต้องรอดเธอ...รอเขาอยู่ รอเพื่อที่จะได้พบกัน เสียงขีปนาวุธแหวกอากาศเสียงดังแสบแก้วหูชวนให้ห
"ทำอย่างไรดีองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีหน้าจะไปพบองค์ฟีรอส""คนที่ทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่หญิงก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นใคร เป็นไปได้อย่างไรคนหายไปทั้งคนไม่มีใครรู้ คนพวกนี้ไม่เกินวันหรือสองวันต้องหายตัวไป ก่อนเสด็จพ่อจะสั่งให้สอบสวนอย่างละเอียด ระหว่างนี้หญิงจะเข้าไปในวังเพื่อกดดันเสด็จพ่อไม่ให้ละเลยเรื่องนี้โดยอ้างว่าเป็นห่วงเพื่อน ตอนนี้ขอร้องว่าอย่าได้ส่งข่าวไปยังองค์ชายให้เป็นกังวลนะท่านองครักษ์ไม่แน่อาจจะหนีกลับมาทำให้สมเด็จราชินีทรงกริ้ว ว่าไม่ทรงทำตามที่บัญชาไว้ และความสัมพันธ์ระหว่างระรินกับองค์ชายจะถูกเปิดเผยเมื่อนั้นก็ทรงเป็นท่านพ่อที่จะกริ้วหนักมาก หญิงเป็นห่วงน้อง ด้วยนิสัยใจร้อนแบบนั้นต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ เมื่อระรินหายไปแต่เรื่องการหาตัวระรินนี่สิ ไม่อาจช้าได้เธออาจตกอยู่ในอันตราย ""เราอาศัยการกดดันองค์สุลต่านให้ตามสืบ และระหว่างนี้กระหม่อมฮาฟซา จะส่งข่าวไปยังเพื่อนพ้องในทะเลทราย (ตำรวจทะเลทราย) ให้ช่วยกันค้นหาอีกทาง”"หวังว่าอัลเลาะห์คงคุ้มครองระริน ให้ปลอดภัยด้วยเถิด"ฮาฟซาถอนหายใจ ถูกขององค์หญิงถ้าองค์ฟีรอสรู้ นั่นเท่ากับเอาน้ำมันไปราดในกองเพลิง คงอยู่ไม่ติดที่ คำสั่งก
“เจ้าคิดอย่างนี้ถึงเร่งรัดงานแต่งระหว่าง เจ้าฟีรอสและอมายาหวังจะทำให้พี่ไม่กล้าจัดการมัน ....หาสนใจไม่ อมายาสามารถหาคนที่ดีพร้อมกว่าเจ้าเลือดผสมนั่นเสียอีก ครั้งนี้อัลเลาะห์ทรงเมตตาให้แผนเราง่ายขึ้นส่งมันไปไกลการอารักขาฮ่าๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมแบบสะใจเต็มทีกับโอกาสที่ได้มา“น้องขอร้อง ท่านพี่ไว้ชีวิตองค์ชายฟีรอสด้วยเถิด ซาลาม”องค์ราชินีลงทุนร้องขอชีวิตของลูกเลี้ยงแต่ไม่เป็นผล"เจ้าอย่าโง่หน่อยเลยน้องพี่ เรามีโอกาสกำจัดมันแล้วอย่าปล่อยโอกาสหลุดมือไป"นางรู้ดีว่าทำผิดมหันต์กับลูกเลี้ยง แต่ถ้าสิ่งที่เธอกำลังจะทำเพื่ออัฟนัน ก็ยิ่งทำผิดต่อองค์ฟีรอส เพราะเธอแอบเห็นสายตา เป็นห่วงเป็นใยทุกครั้งเมื่อมองมายังผู้หญิงคนนั้น ไม่อาจรู้ได้ว่ามันมีความหมายแค่ไหน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกขอบคุณที่คอยพยาบาลยามที่ถูกลอบทำร้ายแต่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา อาจจะมีใจให้กันเพราะระรินเองก็แอบมองอมายาด้วยความไม่พอใจ นึกว่าเธอไม่รู้หรืออย่างไรถึงแม้คนอื่นไม่รู้ แต่คนในตำหนักนอก คนของเธอทั้งนั้นความเคลื่อนไหวใดใดไม่อาจรอดพ้นสายตา องค์ฟีรอสฉลาดเหมือนแม่ ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนอัฟนันที่มักจะเลื