“ความรัก มันเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาทุกเชื้อชาติศาสนาไม่มีเว้นไม่ว่าหญิงหรือชาย”“น้องเข้าใจท่านพี่ ท่านพี่ไม่ควรเข้าข้างน้องชายของท่านพี่ในทางที่ผิด น้องรู้มันไม่สมควร หากท่านพ่อทราบจะทรงกริ้วแค่ไหน”“แล้วถ้า......ระวินไม่ได้เป็นอย่างที่น้องพี่เห็นเล่า” ตาคมลุกวาวด้วยความตื่นเต้น“อย่างไรท่านพี่ อย่าบอกนะว่ามันไปผ่ามาแล้ว จริงสิท่านพี่มันออกจะอ้อนแอ้น” องค์หญิงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ น้องชายที่แสนจะเก่งในเรื่องจีบหญิงช้ำยังขึ้นชื่อในเรื่อง เจ้าชู้ เป็นคาสโนว่า ก็ว่าได้แต่ทำไมกลับหน้ามืดตามัวมองดอกไม้เป็นกิ่งใบได้ขนาดนั้น นี่เองที่เขาบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด ถอนหายใจยาวเหยียด“ดอกไม้ก็คือดอกไม้ น้องมองอย่างไรให้เป็น กิ่งใบ” อยากบอกจะตายแต่ห้ามใจไว้ได้ เพราะคำสัญญาที่ให้ไว้กับระริน“ถ้าหากมันเป็นดอกไม้ปลอมเล่าท่านพี่”“เอาเถอะปล่อยให้เวลา เป็นตัวตัดสินเอง พี่ช่วยได้แค่นี้”“แล้วท่านพี่มีวิธีรักษา อาการของน้องไหม”“น้องพี่ไม่ได้ป่วยอะไร แค่....ต้องหัดมองอะไรให้มันต่างไปจากเดิมบ้างเท่านั้นเอง”“ท่านพี่หมายความว่าน้องสบายดีทั้งที่ชอบผู้ชาย ด้วยกันนะหรือท่านพี่”“น้องพูดเองพี่ยังไม่ได้ว่าอย่าง
“ท่านพ่อใกล้เสด็จแล้วท่านพี่ ทรงไปนัดแนะกับเจ้าระวินเถิดน้องเองก็จะได้เตรียมตัว” องค์หญิงซาเบีย หันหลังเดินกลับโดยไม่พูดอะไรอีก ฮาฟซาเดินตามออกมาส่ง“ท่านองครักษ์ คิดอย่างไรกับระวิน” ฮาฟซาขมวดคิ้วแสดงท่าทางประหลาดใจกับคำถามเมื่อออกมาด้านนอกเดินตาม องค์หญิงด้วยระยะห่างไม่มากนัก“ก็เฉยๆ กระหม่อม มันน่ารักดี” องค์หญิงกลืนน้ำลายลงคอ เจ็บแปลบที่หัวใจ อยากถามเหลือเกินว่าแล้วรักไหม แต่ไม่กล้า“องค์หญิงถามทำไม ขอรับกระหม่อม”“เราก็แค่ สงสัยว่าท่าน คิดแบบเดียวกันกับน้องเราหรือไม่”“องค์ชาย เออ องค์ฟีรอส คิดอย่างไรกระหม่อม” แววตาคาดคั้น สบตานิ่งนาน“หญิง เออเราไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าระวินพิเศษท่านว่าไหม” ตายห่าโกหกไม่เก่ง แววตาคมมีแววขบขัน“พิเศษตรงไหนก็แค่เด็กรับใช้ หน้าหวานคนหนึ่ง” ฮาฟซา หันหลังเดินต่อไป องค์หญิงงงกับคำพูดของฮาฟซา“องค์สุลต่านเสด็จ” เสียงตะโกนก้องขององครักษ์หน้าตำหนัก เสียงทำความเคารพพรึบพับพร้อมเพรียง ฮาฟซาหลบเข้าข้างทางเดินอยู่ในอาการสงบเตรียมทำความเคารพ องค์หญิงอยู่เกือบกลางทางเดิน ด้วยท่าทางสวยสง่าเตรียมต้อนรับขบวนเสด็จ เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในนั้นประกอบด้วยองค์สุลต
ปล่อยมือทันที วางแขนลงอย่างแผ่วเบา มองผ้าพันแผลที่มีรอยเลือดแดงเป็นวง“เจ็บมากไหม แม่ขอโทษ แม่จะสั่งทำโทษองครักษ์พวกนั้น”“ไม่เป็นไรเสด็จแม่ พวกเขาไม่ผิดลูกผิดเองที่อยู่ผิดที่ผิดเวลา” องค์ฟีรอสย้อนนึกถึงวันวานที่ไม่ว่าคราใดที่เขาทำผิด พวกคนรับใช้มักจะโดนทำโทษหรือถูกตำหนิ จากองค์ราชินี“ไม่ได้จะได้รู้ว่ามกุฎราชกุมารสำคัญแค่ไหนในประเทศนี้” น้ำเสียงดุดันจริงจัง องค์สุลต่านยิ้มด้วยความพึงพอใจ องค์ฟีรอสเบือนหน้าหนี อัฟนันมองคนนู้นทีคนนี้ที ด้วยความสงสัย“อมายาเป็นห่วงลูกมาก ขอตามมาเยี่ยมลูก”“ขอบใจมากอมายา” องค์ฟีรอสกล่าวคำขอบคุณ อมายาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง“ท่านพี่ ทานอะไรไหม หิวไหม อมายาจะป้อน” องค์ราชินี ตบมือสองทีเป็นจังหวะ เด็กรับใช้ยกถาดผลไม้ที่ถูกแกะสลักสวยงามเข้ามาทันที“อมายาแกะสลักเองกับมือมีแต่ของที่ลูกชอบ” องค์ฟีรอสมองผลไม้ที่ถูกแกะสลักด้วยความประณีตแบบไม่เชื่อสายตา อมายายิ้มเยือนเก้อเขิน อัฟนันหยิบผลไม้เข้าปากเคี้ยวกินอย่างมูมมาม“แกะไม่แกะก็กินได้ ไม่เห็นต้องประดิดประดอย” อมายา ค้อนปะหลับปะเหลือก“หน้าตาก็ดีแต่ทำไม....” อัฟนันเลิกคิ้วมองคนพูด“แค่อยากกินบ้างทำไมต้อง..
ในห้องมีเพียงระริน องค์ฟีรอส และ อมายา ถึงตอนนี้เองที่อมายา บรรจงป้อนผลไม้ในจานด้วยความสนิทสนม ระรินพาตัวเองถอยห่างออกมา แต่ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงนั้นตวาดลั่น“จะไปไหน” อะไรของเขาหนอต่อหน้าพระคู่หมั้นยังไม่วาย“หม่อมฉัน ....ข้าพระองค์คิดว่าสมควรจะออกไปข้างนอก”“ใคร อนุญาต”“องค์หญิงไปแล้วหม่อมฉัน..... มีเรื่องหารือกับ องค์หญิง”“เรื่องถวายตัวอย่างนั้นรึ” น้ำเสียงประชดประชัน“รีบขนาดนั้นเชียว ฉันว่ายังไม่ต้องรีบ”“ปล่อยนางไปเถอะ องค์ชาย คงไม่คุ้นชินกับความสนิทสนมกันของเรา” หาว่าระรินอายเหรอ หึหึ“ไม่ให้ไปก็ไม่ไปเพคะ จะหน้าด้านเอยไม่ใช่ จะอยู่รับใช้ที่นี่แหละเพคะจนกว่าองค์หญิงจะเรียก”“ก็เธอเป็นพยาบาล คนเจ็บยังอยู่นี่จะไปไหน”“ก็นึกว่า จะทรงถวิลหากันเป็นพิเศษ หม่อมฉันไม่อาจขัดจังหวะ” ระรินหนอระรินอารมณ์ไหนเนี๊ยะรู้ไหมเขาสองคนเป็นใคร“แหม นางคนนี้ปากดีนัก ทรงรับพยาบาลที่ปากคอเราะร้ายไว้ข้างวรกาย แบบนี้เองหรือองค์ชาย คงจะถือดีว่าเป็นสหายท่านพี่ซาเบีย” องค์ฟีรอสได้แต่อมยิ้มนึกสนุก กับอาการเลือดขึ้นหน้าของระริน“อย่างมากเลย เราถวิลหา อมายา....มานานหลังจากที่ไม่เคยเจอกันระยะหนึ่ง ไม่ว
“อย่างนั้นก็ไม่ต้องหาคำตอบ อะไร ปล่อยกระผมไปทำหน้าที่ต่อไปเถิด”“ตามใจ ไม่อยากบังคับ ขอแค่ยังเป็นเหมือนเดิม” ระริน งงกับคำพูดที่ได้ยิน“พระองค์เหมือนเดิมไหมเล่า เมื่อกี้ยังเห็นท่าทีอ่อนหวานกับคู่หมั้นอยู่เลย”“ถ้านายเป็นผู้หญิงฉันจะดีให้มากกว่านั้น” ใจไหววูบ อ้อมแขนตวัดรัดร่างตรงหน้ามาซุกกับอก“อย่าเลยพระองค์ก็รู้ดีมันเป็นไปไม่ได้”“ทำไม ในเมื่อร่างนี้ มันเหมาะกับชุดนี้ชุดของผู้หญิง และฉันมองอย่างไรก็ผู้หญิง และความรู้สึกตรงนี้ที่อกข้างซ้ายนี้เจ็บทุกครั้ง และเชื่อทุกครั้งว่านายเป็นหญิง ถึงนายจะเป็นผู้ชายฉัน...............ก็ไม่สนใจอะไรแล้ว” ระรินตกใจแทบสิ้นสติ ริมฝีปากหนาประทับลงบนปากเรียวสวยบดขยี้ด้วยความโหยหาอ่อนหวานเนิ่นนานระรินดิ้นรนปัดป้องด้วยความเป็นหญิง และตระหนักดี ถึงอารมณ์ขององค์ฟีรอสและเวลานี้ในห้องห้องนี้ไม่มีทางที่อารมณ์ที่รุนแรงนั้นจะมอดดับลงได้ ความลับจะแตกเสียแล้วสิ มืออุ่นกอดรัดคลึงเคล้า“กระผมกำลังจะไปเป็นนางในฮาเร็ม” อาการชะงัก ระรินยกมือดันอกแน่นออกห่าง“อ๋อ จะเก็บไว้ให้ท่านพ่อหรือว่าอัฟนัน ดูเขาจะพอใจนายเหมือนกัน หรือว่าองครักษ์ฮาฟซา นายนี่มีความสามารถพิเศษนะสา
“อ้าวพี่นึกว่าน้องพี่อยู่เพียงลำพัง” องค์ฟีรอสโค้งคำนับ อมยิ้มด้วยอารมณ์ดี“เปล่าท่านพี่บังเอิญ น้องมีเรื่องที่ต้องคาดคั้นระวินมัน” องค์หญิงซาเบียทำท่าทางสงสัย“เรื่องอะไรรึ” สายตาแสดงความประหลาดใจ“คือเรื่องเดิมๆ ที่น้องเคยสงสัยเจ้านี่ปากแข็งนักท่านพี่”ระรินพาตัวเองลงจากเตียง มานั่งคุกเข่าก่อนจะ หันหลังไปแลบลิ้นเพราะคำพูดบาดหู องค์หญิงซาเบียพยักหน้าหงึกหงัก นึกสงสารระรินขึ้นมาทันที น้องชายของเธอไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ กว่าจะรู้ความจริงระรินคงได้บอบช้ำกันบ้าง“พี่กำลังจะมาพาเขาไปเก็บตัวก่อนที่จะถวายตัว...” องค์หญิงซาเบียเว้นระยะไว้เพียงแค่นั้น เพราะนึกถึงความยุ่งยากต่อจากนี้“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอท่านพี่”“ท่านพ่อทรงมีคำสั่งมาแล้วไม่อาจโต้แย้งใดๆ คงไม่เกินวันสองวันนี้เป็นแน่” เอาเข้าจริงๆ องค์ฟีรอสกับรู้สึกใจหาย อย่างประหลาด“ต่อไปคงต้องอยู่ใน ห้องเก็บตัวทั้งระเบียบและการตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือข้อมูลส่วนตัวพี่จะพยายามให้คนของพี่ช่วยอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้รอดพ้นจากการตรวจสอบ”ตรวจสอบอะไรหว่า ระรินงงงัน“ท่านพี่พอจะรู้ไหมว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง”“ด้านข้อมูลก็เป็นการสืบปร
แดดอุ่นฉายแสงฉาบทาไปทั่วบริเวณวันนี้เป็นวันที่ระรินต้องถูกตรวจสอบร่างกาย ว่ายังคงไว้ซึ่งพรหมจรรย์อยู่หรือไม่ หญิงรับใช้อาวุโสสองคนยืนอยู่หน้าตำหนักนอก เตรียมอุปกรณ์พร้อมสรรพองค์หญิงซาเบีย เดินมาหยุดอยู่หน้าตำหนัก หญิงอาวุโสที่เป็นคนของสมเด็จราชินีพูดเบาๆ สองสามประโยคก่อนที่องค์หญิงซาเบียจะพยักหน้า และนางเดินตามเข้าไปในห้องซึ่งภายในห้องนั้นระรินนั่งคอยท่า อยู่แล้วด้วยหัวใจเต้นระรัว แววตาสลด องค์หญิงซาเบียยิ้มอ่อนโยนเพื่อให้กำลังใจก่อนจะสวมกอด เหมือนเป็นการทักทาย หากแต่กระซิบเสียงแผ่วเบา“ไม่ต้องกลัว เราจะ ช่วยเธอเอง”ระรินพยักหน้าสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดลึก มองยังหญิงรับใช้คนขององค์ราชินีด้วยความหวาดกลัวองค์ฟีรอส นั่งสงบนิ่งอยู่บนเตียง เช้าแรกที่ปราศจากเด็กรับใช้หนุ่มนามระวิน ความเหงาความหงุดหงิดเข้ามาครอบคลุมจิตใจ เขาอยาก เพียงได้พูดคุยหยอกล้อ หรือแม้แต่...เป็นอะไรไปนี่ สปริงตัวจากที่นอนเมื่อคิดได้ว่าวันนี้ ระรินจะต้องถูกตรวจร่างกายสาวเท้าเร่งรีบจนฮาฟซาตามแทบไม่ทันไปยังตำหนักนอก แต่ก็ได้แต่เพียงหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อองครักษ์ที่เป็นหญิง แต่รูปร่างบึกบึนกว่าผู้ชายบางคนออกมายืนขว้างทางไว
องค์ฟีรอสชักหมดความอดทน ฮาฟซาไม่พูด เพียงแต่ยื่นซองสีน้ำตาลที่มีเอกสารบางหนาเป็นปึก องค์ฟีรอสรับมา เปิดดูโดยง่ายดาย เพราะไม่มีการปิดผนึกไว้ตั้งแต่แรกภาพ ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนระริน อย่างกับแกะต่างกันที่แววตา แข็งกร้าวไม่สวยหวาน และ สีผิวที่คล้ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในอิริยาบถต่างๆ มากมาย ภายในเอกสารมีคำบรรยายเป็นภาษาอาหรับระวิน สินธุเดชา อายุ21ปี อาศัยอยู่ที่ประเทศไทยเดิมที่ขออนุญาตเข้ามาทำงานใน ประเทศ...ของเราแต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด ยังคงทำงานอยู่ในประเทศไทยองค์ฟีรอส ยังคงพลิกดูรูปถ่ายอีกหลายใบในนั้น ใบหน้าแสดงความพึงพอใจ ยิ้มที่มุมปากเหมือนผู้ชนะ ฮาฟซาเองก็ไม่ต่างกัน“เซอร์ไฟรส์ไหมขอรับ” ฮาฟซาถามขึ้นทันที“ไม่น่าเชื่อเหมือนกันจริงๆ เป็นฝาแฝดที่ใบหน้าเหมือนกันมาก ชื่ออะไรนะไอ้คนที่อยู่กับเรา”“ระริน ออกเสียงว่า ระริน กระหม่อม”“นางเก่งนะ หลอกเราเสียสนิท”5555ฮาฟซากลั้นหัวเราะ อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาสงสัยมานานแล้ว แต่ด้วยอารมณ์ปีตินั้นไม่อยากให้เสียบรรยากาศ“ถึงว่ามันอ้อนแอ้นเหลือเกิน เราเจอปัญหาใหม่แล้ว”แววตาครุ่นคิด ยิ่งเป็นหญิงยิ่งอันตรายเมื่อยามที่ต้องเข้าใกล้องค์สุลต่าน“ทำลายห
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย
องค์อัฟนันทำเสียงจิจ๊ะอย่างขัดใจเสียงระเบิดตูมตามดังไม่ขาดระยะ“ที่พี่ห่วงคือความปลอดภัยของน้อง อัฟนันอยู่ใกล้พี่ไว้ เสด็จแม่ทรงกำชับให้ช่วยดูแลน้องแทน พี่ไม่อาจดูแลได้ตลอดเวลาหากไม่ได้รับความร่วมมือ”ถ้าหากฮาฟซาอยู่ที่นี่คงทำให้เขาเบาใจกว่านี้ ว่าองครักษ์ข้างกายต้องคอยปกป้องตัวเขาและคนที่เขารักได้เสมอเสียงปืนกับเสียงระเบิดสลับ กันไปมาสถานการณ์ตึงเครียด องค์ฟีรอสมองหน้าน้องชายร่วมบิดามีแววตื่นตระหนกในสายตาแต่พระองค์ไม่กลับรู้สึกถึงความกล้าหาญของตัวเอง ที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากต้องตาย เขาจะตายอย่างสมเกียรติ แต่หากเขาต้องรอดคนที่ต้องรอดไปกับเขาคืออัฟนันขีปนาวุธลูกแล้วลูกเล่าโจมตีอย่างหนักหน่วงและไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้ ทหารหลายนายวิ่งวุ่นวาย ทหารยศพลเอกสองนายวิ่งมาทำความเคารพก่อนจะ ละล่ำละลัก“เราต้องถอนกำลังเพื่อรักษาชีวิต ในสถานการณ์คับขันพระองค์โปรดตามเสด็จกระหม่อมยังที่ปลอดภัยทั้งสองพระองค์ตอนนี้ไม่สามารถต้านทาน การยิงขีปนาวุธของฝ่ายตรงข้ามได้”นึกถึงสายตา อ้อนวอนก่อนจากลาเมื่อฟ้าสางของระริน เขาต้องรอดเธอ...รอเขาอยู่ รอเพื่อที่จะได้พบกัน เสียงขีปนาวุธแหวกอากาศเสียงดังแสบแก้วหูชวนให้ห
"ทำอย่างไรดีองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีหน้าจะไปพบองค์ฟีรอส""คนที่ทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่หญิงก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นใคร เป็นไปได้อย่างไรคนหายไปทั้งคนไม่มีใครรู้ คนพวกนี้ไม่เกินวันหรือสองวันต้องหายตัวไป ก่อนเสด็จพ่อจะสั่งให้สอบสวนอย่างละเอียด ระหว่างนี้หญิงจะเข้าไปในวังเพื่อกดดันเสด็จพ่อไม่ให้ละเลยเรื่องนี้โดยอ้างว่าเป็นห่วงเพื่อน ตอนนี้ขอร้องว่าอย่าได้ส่งข่าวไปยังองค์ชายให้เป็นกังวลนะท่านองครักษ์ไม่แน่อาจจะหนีกลับมาทำให้สมเด็จราชินีทรงกริ้ว ว่าไม่ทรงทำตามที่บัญชาไว้ และความสัมพันธ์ระหว่างระรินกับองค์ชายจะถูกเปิดเผยเมื่อนั้นก็ทรงเป็นท่านพ่อที่จะกริ้วหนักมาก หญิงเป็นห่วงน้อง ด้วยนิสัยใจร้อนแบบนั้นต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ เมื่อระรินหายไปแต่เรื่องการหาตัวระรินนี่สิ ไม่อาจช้าได้เธออาจตกอยู่ในอันตราย ""เราอาศัยการกดดันองค์สุลต่านให้ตามสืบ และระหว่างนี้กระหม่อมฮาฟซา จะส่งข่าวไปยังเพื่อนพ้องในทะเลทราย (ตำรวจทะเลทราย) ให้ช่วยกันค้นหาอีกทาง”"หวังว่าอัลเลาะห์คงคุ้มครองระริน ให้ปลอดภัยด้วยเถิด"ฮาฟซาถอนหายใจ ถูกขององค์หญิงถ้าองค์ฟีรอสรู้ นั่นเท่ากับเอาน้ำมันไปราดในกองเพลิง คงอยู่ไม่ติดที่ คำสั่งก
“เจ้าคิดอย่างนี้ถึงเร่งรัดงานแต่งระหว่าง เจ้าฟีรอสและอมายาหวังจะทำให้พี่ไม่กล้าจัดการมัน ....หาสนใจไม่ อมายาสามารถหาคนที่ดีพร้อมกว่าเจ้าเลือดผสมนั่นเสียอีก ครั้งนี้อัลเลาะห์ทรงเมตตาให้แผนเราง่ายขึ้นส่งมันไปไกลการอารักขาฮ่าๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมแบบสะใจเต็มทีกับโอกาสที่ได้มา“น้องขอร้อง ท่านพี่ไว้ชีวิตองค์ชายฟีรอสด้วยเถิด ซาลาม”องค์ราชินีลงทุนร้องขอชีวิตของลูกเลี้ยงแต่ไม่เป็นผล"เจ้าอย่าโง่หน่อยเลยน้องพี่ เรามีโอกาสกำจัดมันแล้วอย่าปล่อยโอกาสหลุดมือไป"นางรู้ดีว่าทำผิดมหันต์กับลูกเลี้ยง แต่ถ้าสิ่งที่เธอกำลังจะทำเพื่ออัฟนัน ก็ยิ่งทำผิดต่อองค์ฟีรอส เพราะเธอแอบเห็นสายตา เป็นห่วงเป็นใยทุกครั้งเมื่อมองมายังผู้หญิงคนนั้น ไม่อาจรู้ได้ว่ามันมีความหมายแค่ไหน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกขอบคุณที่คอยพยาบาลยามที่ถูกลอบทำร้ายแต่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา อาจจะมีใจให้กันเพราะระรินเองก็แอบมองอมายาด้วยความไม่พอใจ นึกว่าเธอไม่รู้หรืออย่างไรถึงแม้คนอื่นไม่รู้ แต่คนในตำหนักนอก คนของเธอทั้งนั้นความเคลื่อนไหวใดใดไม่อาจรอดพ้นสายตา องค์ฟีรอสฉลาดเหมือนแม่ ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนอัฟนันที่มักจะเลื