แดดอุ่นฉายแสงฉาบทาไปทั่วบริเวณวันนี้เป็นวันที่ระรินต้องถูกตรวจสอบร่างกาย ว่ายังคงไว้ซึ่งพรหมจรรย์อยู่หรือไม่ หญิงรับใช้อาวุโสสองคนยืนอยู่หน้าตำหนักนอก เตรียมอุปกรณ์พร้อมสรรพองค์หญิงซาเบีย เดินมาหยุดอยู่หน้าตำหนัก หญิงอาวุโสที่เป็นคนของสมเด็จราชินีพูดเบาๆ สองสามประโยคก่อนที่องค์หญิงซาเบียจะพยักหน้า และนางเดินตามเข้าไปในห้องซึ่งภายในห้องนั้นระรินนั่งคอยท่า อยู่แล้วด้วยหัวใจเต้นระรัว แววตาสลด องค์หญิงซาเบียยิ้มอ่อนโยนเพื่อให้กำลังใจก่อนจะสวมกอด เหมือนเป็นการทักทาย หากแต่กระซิบเสียงแผ่วเบา“ไม่ต้องกลัว เราจะ ช่วยเธอเอง”ระรินพยักหน้าสูดลมหายใจเข้าจนลึกสุดลึก มองยังหญิงรับใช้คนขององค์ราชินีด้วยความหวาดกลัวองค์ฟีรอส นั่งสงบนิ่งอยู่บนเตียง เช้าแรกที่ปราศจากเด็กรับใช้หนุ่มนามระวิน ความเหงาความหงุดหงิดเข้ามาครอบคลุมจิตใจ เขาอยาก เพียงได้พูดคุยหยอกล้อ หรือแม้แต่...เป็นอะไรไปนี่ สปริงตัวจากที่นอนเมื่อคิดได้ว่าวันนี้ ระรินจะต้องถูกตรวจร่างกายสาวเท้าเร่งรีบจนฮาฟซาตามแทบไม่ทันไปยังตำหนักนอก แต่ก็ได้แต่เพียงหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อองครักษ์ที่เป็นหญิง แต่รูปร่างบึกบึนกว่าผู้ชายบางคนออกมายืนขว้างทางไว
องค์ฟีรอสชักหมดความอดทน ฮาฟซาไม่พูด เพียงแต่ยื่นซองสีน้ำตาลที่มีเอกสารบางหนาเป็นปึก องค์ฟีรอสรับมา เปิดดูโดยง่ายดาย เพราะไม่มีการปิดผนึกไว้ตั้งแต่แรกภาพ ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนระริน อย่างกับแกะต่างกันที่แววตา แข็งกร้าวไม่สวยหวาน และ สีผิวที่คล้ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในอิริยาบถต่างๆ มากมาย ภายในเอกสารมีคำบรรยายเป็นภาษาอาหรับระวิน สินธุเดชา อายุ21ปี อาศัยอยู่ที่ประเทศไทยเดิมที่ขออนุญาตเข้ามาทำงานใน ประเทศ...ของเราแต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด ยังคงทำงานอยู่ในประเทศไทยองค์ฟีรอส ยังคงพลิกดูรูปถ่ายอีกหลายใบในนั้น ใบหน้าแสดงความพึงพอใจ ยิ้มที่มุมปากเหมือนผู้ชนะ ฮาฟซาเองก็ไม่ต่างกัน“เซอร์ไฟรส์ไหมขอรับ” ฮาฟซาถามขึ้นทันที“ไม่น่าเชื่อเหมือนกันจริงๆ เป็นฝาแฝดที่ใบหน้าเหมือนกันมาก ชื่ออะไรนะไอ้คนที่อยู่กับเรา”“ระริน ออกเสียงว่า ระริน กระหม่อม”“นางเก่งนะ หลอกเราเสียสนิท”5555ฮาฟซากลั้นหัวเราะ อยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาสงสัยมานานแล้ว แต่ด้วยอารมณ์ปีตินั้นไม่อยากให้เสียบรรยากาศ“ถึงว่ามันอ้อนแอ้นเหลือเกิน เราเจอปัญหาใหม่แล้ว”แววตาครุ่นคิด ยิ่งเป็นหญิงยิ่งอันตรายเมื่อยามที่ต้องเข้าใกล้องค์สุลต่าน“ทำลายห
เสียงทุ้มดังออกมาจากผ้าคลุมหน้า โยนร่างระรินลงบนเตียงอย่างแรง ก่อนจะดึงผ้าคลุมหน้าออกโยนไปอีกทางเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาภายใต้ชุดสาหรี่ยาวรุ่มร่ามระริน ตาค้างอยู่อย่างนั้น ใบหน้าแสดงอารมณ์โกรธจนถึงขีดสุด“บอกมา ปลอมตัวเข้ามาทำไม ...ระริน”ซวยแล้ว กระชับเสื้อคลุมอาบน้ำให้เข้าที่เข้าทางแบบระแวงนิดๆ รู้ได้อย่างไรฟะ เนียนไปก่อนดีกว่า“อะไรขอรับ กระผมไม่รู้เรื่อง”องค์ฟีรอสไม่พูดหากแต่ระรินเดาได้ถึงอารมณ์ของพระองค์“ยังมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก จะโกหก... ฉันไปถึงไหน แล้วนี่อะไร”ดึงเสื้อคลุมอาบน้ำที่พันรอบตัวอยู่ แต่เสียใจมันไม่หลุดระรินยื้อไว้จนสุดชีวิต*_*……องค์ฟีรอส ดึงร่างบางให้ลุกขึ้นยืนก่อนที่ระรินจะทันระวังตัว ปะทะกับอกกว้าง“เป็นผู้ชายใช่ไหมงั้นเรามาพิสูจน์ดูสิว่าหน้าอก ของผู้ชายเป็นแบบไหน จะเหมือนของเธอไหม”มือหนาจับแขนของระรินรวบไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะแกะเสื้อคลุมพัลวัน ระริน …. ส่ายหน้าไปมาละล่ำละลักออกไป“ยอมแล้วเพคะ หม่อมฉันอายนะ”ระรินหน้าแดงด้วยความโมโหที่ถูกรังแกหรือเพราะความอายเธอเองก็ไม่แน่ใจ“บอกความจริงมา”“หม่อมฉัน นางสาวระริน สินธุเดชา ไม่ได้ตั้งใจหลอกพระองค์”“
“เจ้ายังคงออกโรงปกป้องมันยิ่งกว่าลูกของเจ้าเองเสียอีก ทั้งๆที่มันไอ้องค์ชายเลือดผสม เลือดของพวกนอกรีต แต่กลับได้รับทุกสิ่งทุกอย่างไป มันไม่เคยแม้แต่จะมองเจ้าเป็นแม่ของมัน เหมือนที่มันเรียกเจ้าว่าเสด็จแม่”“เขาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้องค์สุลต่านแวะเวียนมาหาน้องแทนที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในฮาเร็ม”“เพราะอย่างนั้นเจ้าถึงต้องรักแทนที่จะเกลียดมันนะเหรอ แม้กระทั่งบุตรสาวคนเดียวของเราเจ้ายังพยายามยัดเยียดให้มันแทนที่จะเป็น อัฟนันเชื้อสายของเจ้าโดยตรง พี่ไม่อยากให้เจ้าหลงผิดน้องรัก ตระกูลของเรายังสามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้ถ้าหากไม่มีมัน ลำพังเจ้าพี่นึกว่าจะสามารถ ฟื้นฟูตระกูลของเราได้แต่เจ้ากลับยกตำแหน่งรัชทายาทของอัฟนันให้มัน เพียงแค่เจ้าไม่ยอมพี่เชื้อว่าองค์สุลต่านย่อมเห็นดีด้วยกับเลือดต่ำศักดิ์ของมันย่อมทำลายมันเองในที่สุด”“น้องเลี้ยงดูองค์รัชทายาทมาตั้งแต่แบเบาะไม่รักก็ต้องมีความผูกพันกันบ้างเป็นธรรมดา ขอท่านพี่โปรดเห็นใจด้วยเถอะ”“เจ้ายังคงดื้อรั้นพี่ก็จะทำตามความคิดเดิมๆของพี่ แล้วอย่ามาคอยขัดขว้างพี่เป็นอันขาด เสียดายเหลือเกินฆ่ามันไม่สำเร็จรอดไปเสียได้”น้ำตาไหลอาบร่องแก้ม ภายใต้ผ้าค
วาดปลายกระบอกปืนไปยังพี่ชาย ระรินหลับตาปี๋ก่อนที่องค์ฟีรอสจะเดินเข้าไปจนชิดตัว ไม่มีอาการหวาดกลัวสักนิด จับข้อมือขององค์อัฟนันบิดปืนสั้นร่วงหลุดลงจากมือกระชากแขนของระรินจากมือของน้องชาย เสียงร้อง โอ้ย ร่างเล็กหุ่นนายแบบหรือจะสู้ร่างบึกบึนได้ ร่างบางของระรินเซถลาซบอกกว้าง กำมือระรินไว้แน่นบีบมือเล็กเป็นเชิงปลอบใจ“ทำอะไรโง่ๆ ไม่สมกับเป็นน้องชายฉันเลย”คำพูด ที่ทิ่มแทงนั้นทำเอาคนฟังนิ่งงัน“ทำไมท่านพี่ คิดว่ามันยุติธรรมหรืออย่างไร ทำไมน้องกว่าจะต้องชะตาผู้หญิงสักคน แต่ก็ต้องยอมจำนนต่อ........”น้ำเสียงขาดหายไปองค์ฟีรอสมองน้องชายด้วยแววตาอ่อนโยนลงกว่าเดิม ระรินนิ่งงันไปกับคำพูดขององค์อัฟนัน“เรา สองคนไม่ต่างกัน เพราะเราสองคนต่างมีอาภรณ์ที่สวมใส่ต่างจากสามัญชน เพราะฉะนั้นอยากให้น้องชายพี่เข้าใจสถานการณ์ด้วย”มือใหญ่ตบบ่าคนด้อยอาวุโสปลอบใจ“ไปคุยกับพี่ที่ตำหนัก เรามีเรื่องต้องคุยกัน”โอบบ่าน้องชาย องค์อัฟนันเหมือนเด็กน้อย ว่าง่ายยอมเดินตามไปอย่างช้าๆ อาการมึนเมายังคงอยู่ องค์ฟีรอสพยักหน้าให้เด็กรับใช้สองสามคน ก่อนที่จะปล่อยมือบางของระรินออกความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในฝ่ามือหายไประรินใจหายวาบ
ฮาฟซาเข้ามารายงานข่าวที่ควรรู้ องค์ฟีรอสถอนใจยาว เหตุการณ์เป็นไปตามคาด ความผิดก็คือความผิดแม้จะทรงมีพระเมตตาเพียงใดก็ไม่อาจลบล้างสิ่งที่กระทำไปได้ การรบที่ชายแดนตอนนี้ทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับขอเพียงอัฟนันไม่อยู่ผิดที่ผิดทางก็จะสามารถเอาตัวรอดได้อย่างดี“ท่านแม่ ท่านพ่อทรงพระทัยดำอย่างที่สุด”องค์อัฟนันเปิดฉากการพูดด้วยการตัดพ้อ องค์ราชินีเดินเข้ามาหาลูกชายสวมกอดด้วยความสงสาร“แม่จะหาทางไม่ให้ลูกต้องไป”“ไม่มีทาง ท่านแม่ลูกยอมขอแค่เพียงท่านแม่ทำให้การถวายตัวไม่เกิดขึ้นพาเธอไปรอลูกและเมื่อลูกกลับมา.....”“แม่ว่าความรู้สึกของลูก เป็นไปเพียงข้างเดียวหรือเปล่า”“ท่านแม่ไม่เข้าใจ ลูกยอมเสี่ยงถึงขนาดนี้เพื่อเธอผู้นั้น”“หากทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับท่านพ่อ ที่ใช้อำนาจกับความรัก”“ลูกยังมีเวลาอีกเยอะที่จะพิชิตใจเธอ ขอเพียงท่านแม่ให้โอกาส”อัฟนันพยายามจะต่อรองเช้าสดใสนั้นไม่ได้ทำให้จิตใจของบางคนผ่องใสไปด้วยในที่สุดสิ่งที่คาดไว้ก็เกิดขึ้น“มกุฎราชกุมาร แม่มีเรื่องจะขอร้อง”องค์ราชินีเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ยังห้องรับรองแบบไม่ให้องค์ฟีรอสได้ตั้งตัว ทำความเคารพด้วยความรวดเร็ว“เรื่องที่แม่จะขอ หวัง
องค์ฟีรอสตะลึงงันกับเรื่องราวที่สุดประหลาดใจนั้นความจริงที่เขาไม่เคยรู้เลย เขาเข้าใจองค์สุลต่านและ องค์ราชินีผิดมาตลอดด้วยทิฐิของตัวเอง“แล้วท่านแม่ของลูกอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงแหบพร่า“ป่านนี้ คงมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง กับคนที่นางรัก ลูกเป็นเพียงความรักข้างเดียวของท่านพ่อ นางฝากฝังลูกไว้กับแม่ด้วยสัญญาของแม่และหยาดน้ำตาของนาง แม่ไม่อาจทำร้ายลูกได้หวังว่าองค์ชายคงเข้าใจ”“แม่ให้เวลาองค์ชายคิดทบทวนเรื่องน้อง ถ้าพร้อมที่จะให้คำตอบแม่เมื่อไหร่ เราค่อยคุยกันใหม่”ค่ำคืนที่มืดสนิท นั้นร่างสูงในชุดสาหรี่แอบเล็ดลอดเข้าไปในตำหนักนอกอีกครั้งเมื่อโดนสวมกอดจากด้านหลัง (ใครวะ)“ขอกำลังใจ หน่อยได้ไหม”เสียงทุ้มเศร้านั้นไม่อาจเมินเฉย ใบหน้าเศร้าโศกภายใต้แววตาครุ่นคิด“เป็นอะไรไปเพคะ”“ฉันจะไปชายแดนกับอัฟนัน ไม่แน่ว่าจะได้พบกับเธออีกไหม อาจจะอีกนานกว่าเราจะได้พบกัน”“ไปทำไมเพคะ”ทำไมรู้สึกเศร้าจังระริน“เป็นพระบัญชาของท่านพ่อ เสด็จแม่เอ่ยปากขอร้องให้ช่วยดูแลอัฟนัน ฉันไม่อาจปฏิเสธด้วยเหตุผลทั้งปวง”“หม่อมฉันได้ข่าวว่า แค่องค์อัฟนันไม่ใช่หรือเพคะ ทำไมพระองค์ต้องไป” ใจหายจัง“ฉันสงสารอัฟน
ใบหน้าสวยแววตาโศกสลดองค์หญิงซาเบียมองใบหน้าสวยนิ่งนานสงสารจับใจ สวมกอดด้วยอาการปลอบประโลม ป่านนี้น้องชายของเธอเองก็คงร้อนรุ่มไม่แพ้กัน ไม่ว่าใครก็น่าสงสารทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟีรอสระริน อัฟนัน หรือแม้แต่ตัวเธอเอง ยกเว้น อมายาที่คงมีความสุขอย่างที่สุดเมื่อได้ในสิ่งที่หวังงานอภิเษกสมรสแม้จะจัดแบบเร่งรีบแต่ยังคงความอลังการไว้อย่างยิ่ง ทุกคนในวังไม่มีใครไม่พูดถึงงานสำคัญนี้แม้แต่ตำหนักที่ระรินอยู่ยังเงียบเหงาปราศจากผู้คน เพราะบางส่วนถูกเรียกให้ไปช่วยงานในวังทองคำมีเพียงองครักษ์ประจำจุดและ เด็กรับใช้อีกสองสามคนระรินหลับตานึกภาพงานอภิเษกตามแบบอาหรับที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่ ประดับประดาด้วย สีทองแม้แต่เสื้อผ้าของคู่บ่าวสาวยังเดินด้วยดิ้นทองระยับวับวาว เป็นอมายาเหมาะสมแล้วนึกวาดภาพว่าเป็นตัวเอง เดินเด๋อด๋ายกชายชุดแต่งงาน ที่เป็นพวงเป็นพุ่มคงลำบากน่าดู เธอจะทำอะไรให้องค์ฟีรอส ขายหน้าไหมนะ คงไม่มีทางเพราะมันว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นตัวเธออย่างแน่นอน อมยิ้มให้กับความคิดของตัวเองไม่ได้ แต่เพียงชั่วครู่ความเศร้าโศกเมื่อนึกถึงภาพ ห้องบรรทม ที่ถูกจัดแต่งอย่างดีโดยประพันธ์ แต่ในนั้นมีพระชายาอมายาและองค์
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย
องค์อัฟนันทำเสียงจิจ๊ะอย่างขัดใจเสียงระเบิดตูมตามดังไม่ขาดระยะ“ที่พี่ห่วงคือความปลอดภัยของน้อง อัฟนันอยู่ใกล้พี่ไว้ เสด็จแม่ทรงกำชับให้ช่วยดูแลน้องแทน พี่ไม่อาจดูแลได้ตลอดเวลาหากไม่ได้รับความร่วมมือ”ถ้าหากฮาฟซาอยู่ที่นี่คงทำให้เขาเบาใจกว่านี้ ว่าองครักษ์ข้างกายต้องคอยปกป้องตัวเขาและคนที่เขารักได้เสมอเสียงปืนกับเสียงระเบิดสลับ กันไปมาสถานการณ์ตึงเครียด องค์ฟีรอสมองหน้าน้องชายร่วมบิดามีแววตื่นตระหนกในสายตาแต่พระองค์ไม่กลับรู้สึกถึงความกล้าหาญของตัวเอง ที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากต้องตาย เขาจะตายอย่างสมเกียรติ แต่หากเขาต้องรอดคนที่ต้องรอดไปกับเขาคืออัฟนันขีปนาวุธลูกแล้วลูกเล่าโจมตีอย่างหนักหน่วงและไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้ ทหารหลายนายวิ่งวุ่นวาย ทหารยศพลเอกสองนายวิ่งมาทำความเคารพก่อนจะ ละล่ำละลัก“เราต้องถอนกำลังเพื่อรักษาชีวิต ในสถานการณ์คับขันพระองค์โปรดตามเสด็จกระหม่อมยังที่ปลอดภัยทั้งสองพระองค์ตอนนี้ไม่สามารถต้านทาน การยิงขีปนาวุธของฝ่ายตรงข้ามได้”นึกถึงสายตา อ้อนวอนก่อนจากลาเมื่อฟ้าสางของระริน เขาต้องรอดเธอ...รอเขาอยู่ รอเพื่อที่จะได้พบกัน เสียงขีปนาวุธแหวกอากาศเสียงดังแสบแก้วหูชวนให้ห
"ทำอย่างไรดีองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีหน้าจะไปพบองค์ฟีรอส""คนที่ทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่หญิงก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นใคร เป็นไปได้อย่างไรคนหายไปทั้งคนไม่มีใครรู้ คนพวกนี้ไม่เกินวันหรือสองวันต้องหายตัวไป ก่อนเสด็จพ่อจะสั่งให้สอบสวนอย่างละเอียด ระหว่างนี้หญิงจะเข้าไปในวังเพื่อกดดันเสด็จพ่อไม่ให้ละเลยเรื่องนี้โดยอ้างว่าเป็นห่วงเพื่อน ตอนนี้ขอร้องว่าอย่าได้ส่งข่าวไปยังองค์ชายให้เป็นกังวลนะท่านองครักษ์ไม่แน่อาจจะหนีกลับมาทำให้สมเด็จราชินีทรงกริ้ว ว่าไม่ทรงทำตามที่บัญชาไว้ และความสัมพันธ์ระหว่างระรินกับองค์ชายจะถูกเปิดเผยเมื่อนั้นก็ทรงเป็นท่านพ่อที่จะกริ้วหนักมาก หญิงเป็นห่วงน้อง ด้วยนิสัยใจร้อนแบบนั้นต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ เมื่อระรินหายไปแต่เรื่องการหาตัวระรินนี่สิ ไม่อาจช้าได้เธออาจตกอยู่ในอันตราย ""เราอาศัยการกดดันองค์สุลต่านให้ตามสืบ และระหว่างนี้กระหม่อมฮาฟซา จะส่งข่าวไปยังเพื่อนพ้องในทะเลทราย (ตำรวจทะเลทราย) ให้ช่วยกันค้นหาอีกทาง”"หวังว่าอัลเลาะห์คงคุ้มครองระริน ให้ปลอดภัยด้วยเถิด"ฮาฟซาถอนหายใจ ถูกขององค์หญิงถ้าองค์ฟีรอสรู้ นั่นเท่ากับเอาน้ำมันไปราดในกองเพลิง คงอยู่ไม่ติดที่ คำสั่งก
“เจ้าคิดอย่างนี้ถึงเร่งรัดงานแต่งระหว่าง เจ้าฟีรอสและอมายาหวังจะทำให้พี่ไม่กล้าจัดการมัน ....หาสนใจไม่ อมายาสามารถหาคนที่ดีพร้อมกว่าเจ้าเลือดผสมนั่นเสียอีก ครั้งนี้อัลเลาะห์ทรงเมตตาให้แผนเราง่ายขึ้นส่งมันไปไกลการอารักขาฮ่าๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมแบบสะใจเต็มทีกับโอกาสที่ได้มา“น้องขอร้อง ท่านพี่ไว้ชีวิตองค์ชายฟีรอสด้วยเถิด ซาลาม”องค์ราชินีลงทุนร้องขอชีวิตของลูกเลี้ยงแต่ไม่เป็นผล"เจ้าอย่าโง่หน่อยเลยน้องพี่ เรามีโอกาสกำจัดมันแล้วอย่าปล่อยโอกาสหลุดมือไป"นางรู้ดีว่าทำผิดมหันต์กับลูกเลี้ยง แต่ถ้าสิ่งที่เธอกำลังจะทำเพื่ออัฟนัน ก็ยิ่งทำผิดต่อองค์ฟีรอส เพราะเธอแอบเห็นสายตา เป็นห่วงเป็นใยทุกครั้งเมื่อมองมายังผู้หญิงคนนั้น ไม่อาจรู้ได้ว่ามันมีความหมายแค่ไหน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกขอบคุณที่คอยพยาบาลยามที่ถูกลอบทำร้ายแต่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา อาจจะมีใจให้กันเพราะระรินเองก็แอบมองอมายาด้วยความไม่พอใจ นึกว่าเธอไม่รู้หรืออย่างไรถึงแม้คนอื่นไม่รู้ แต่คนในตำหนักนอก คนของเธอทั้งนั้นความเคลื่อนไหวใดใดไม่อาจรอดพ้นสายตา องค์ฟีรอสฉลาดเหมือนแม่ ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนอัฟนันที่มักจะเลื