เสียงแหบๆของลุงบุญสม
“ไปทานข้าวได้แล้ววันนี้มีตามเสด็จ”
ระริน ตาลีตาเหลือกสปริงตัวจากที่นอนหนานุ่มก่อนจะทำธุระส่วนตัวแล้วเดินแกมวิ่งยังห้องอาหาร
“มาแล้วเหรอระวินเพื่อนรัก นี่ข้าวของนายเราตักมาเผื่อแล้ว”
เสียงเหน่อๆ ของประพันธ์ดังมาแต่ไกล
“กินเยอะๆ เนื้อหมูนี่ดีต่อร่างกายผอมๆของนาย เมื่อคืนหลับสบายดีไหม”
มาแปลกช่างเป็นห่วงเป็นใย@__@ ระรินไม่ไว้วางใจในตัวเพื่อนใหม่คนนี้
“อย่า ดีกับเราเกินไปเรากลัว”
ระรินพูดความจริงออกไปตรงๆ
“ไม่เอาน่าเรา ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เราแค่อยากให้นายสบายที่สุดจะได้อยู่ที่นี่ไปนานๆ หลังจากที่นายต้องเจองานหนักกว่าคนอื่น”
หานี่ระรินโชคดีกว่าใครใช่ไหม ที่ต้องมารับใช้เบื้องยุคลบาทขององค์ฟีรอส
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เรายินดี”ท่าทางแหยงๆ
“ถ้านายอยู่นานๆ เราก็จะได้อยู่นานๆ ที่นี่งานสบายเงินดีที่สุดเราก็จะได้มีเงินไปไถ่ที่นาให้พ่อสร้างบ้านให้แม่ นะระวินนะนายต้องอยู่นานๆ อย่าเพิ่งท้อกับงานเลย” สายตาวิงวอนนั้นมองมาแบบจงใจ ระรินอดขำไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน ไหนจะเจ้านายที่น่ากลัวไหนจะความลับที่ระรินปิดบังไว้อีก เธอถอนหายใจ
“เราสัญญาว่าถ้าหากเราจะจากไปเราจะบอกนายให้เตรียมตัวก่อน ประพันธ์” ประพันธ์ยิ้มแก้มแทบปริ
“นายคือเพื่อนตายของเราจริงๆ ระวิน”
เฮ้อ เพื่อนยากต่างแดนอย่างน้อยก็ไม่เสียหลายมีคนคอยตักของดีๆ ไว้ให้ตอนเช้าอย่างนี้ ก็ไม่เลวเท่าไหร่
หลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งองครักษ์ และเด็กรับใช้หน้าที่ต่างๆ ต้องมายืนรอฟังคำสั่งจากฮาฟซาและลุงบุญสม
“วันนี้ จะมีการเสด็จประพาสไปเป็นประธานเปิดบริษัทขุดเจาะน้ำมันแห่งใหม่ เราจะคัดสรรคนที่ต้องตามเสด็จ”
เสียงทุ้มนุ่มหูของฮาฟซาดังกังวานอย่างคนมีอำนาจ ระรินยืนฟังด้วยใจระทึก
“ระวิน นายตามเสด็จใกล้ชิดนะ ลุงบุญสมบอกแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
ระรินตอบอย่างเสียไม่ได้ มีหลายคนที่ต้องตามเสด็จในครั้งนี้
รถโรสรอยรุ่นใหม่ล่าสุดสีแดงช่างกลมกลืนนักกับพื้นทะเลทราย ระรินไม่สงสัยเลยว่าใครจะนั่งอยู่ในนั้น เธอมองมันนำหน้าไปด้วยสายตาชื่นชม เธอจะมีโอกาสได้หย่อนก้นลงไปสักครั้งไหม รถแล่นไปตามทางที่สองข้างทางประกอบด้วยทราย ทราย ทราย และทรายไอแดดระยิบระยับ ระรินคิดว่าถ้าเธอออกไปเดินข้างนอกนั่นไม่ใช่แค่หลงแต่ต้องตายเพราะร้อนนี้แหละ คิดถึงเมืองไทย ที่แม้จะร้อนเพียงใดก็ยังมีร่มไม้ให้พักพิง จนกระทั่งขบวนเสด็จ หักเลี้ยวตรงแยกหัวมุมเข้าสู่พื้นที่ที่มองไปพบแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ที่ถูกจัดตกแต่งให้เป็นเหมือนป่าขนาดย่อม ความร่มรื่นด้วยเงินบันดาลและฝีมือมนุษย์ ผู้คนมากหน้าหลายตาพยายามแต่งตัวให้ดูภูมิฐาน แบบฉบับของอาหรับ มายืนรอเฝ้ารับเสด็จมากมาย
ฮาฟซาก้าวลงจากรถหรูก่อนจะวิ่งอ้อมมาเปิดประตู อีกฝั่งยืนโค้งคำนับอยู่ตรงนั้น ระรินเองถูกเรียกให้ยืนอยู่เกือบท้ายแถว โดยหัวแถวฝั่งซ้ายขวามีลุงบุญสม และฮาฟซาอยู่คนล่ะฝั่ง ทุกคนต้องโค้งคำนับเป็นแนวเดียวกัน ระรินแอบเหลือบตาขึ้นมอง ผู้ที่ก้าวลงจากรถ สวมผ้าโพกหัวสีขาวแต่งกายตามแบบอาหรับ ใบหน้าที่คมคายอยู่แล้วนั้นยิ่งดูหล่อเหลาหาที่ติไม่ได้ ดวงตามีอำนาจลึกลับนั้นคมดังใบมีดโกน จ้องมองระรินด้วยแววตำหนิ คนที่อยู่ข้างๆคล้ายจะได้อานิสงส์แห่งสายตาคมนั้นไปด้วยกระตุกแขนระริน กระซิบแผ่วเบา ระรินหลบสายตาลงต่ำ ร่างสูงผ่านไประรินถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นปะทะกับใบหน้าหล่อเหลา ของอีกคนทว่าสายตาอ่อนโยนนัก สายตาคมหวานจ้องมองระรินตาไม่กะพริบ บุรุษผู้นี้หาได้แต่งกายเช่นชาวอาหรับทั่วไปไม่หากแต่ แต่งกายคล้ายคนตะวันตกทั่วไป ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสแย้มยิ้มเหมือนจะนึกอะไรได้ แต่กลับเป็นปกติทันควัน
“พักผ่อนตามสบาย ทั้งสองพระองค์เสด็จขึ้นแท่นรับรองแล้ว หน้าที่ปรนนิบัติเป็นของทางเจ้าภาพเขา เรามีหน้าที่คอยตรวจตราและอารักขาเท่านั้น”
ลุงบุญสมบอกข่าวดีที่ระรินรอคอย อาหารมากมายน่ากินทั้งนั้นระรินคิดในใจเดี๋ยวเหอะแม่จะฟาดให้เรียบ ขณะที่ยืนคอยอยู่ตรงนั้นเสียงหนึ่งแว่วเข้าหูระรินอย่างจังโดย ยัยป้าท่าทางดีแต่งตัวแบบหญิงอาหรับทั่วไปแต่ทว่าตัวอ้วนกลมไม่สมกับชุดที่ใส่ รัดจนพุงปลิ้นออกมาทีเดียว
“องค์ฟีรอสเขาคาสโนว่า ท่านสุลต่านเห็นแก่ว่าเป็นบุตรคนโต แต่ก็อย่างว่ามารดามาจากนางในฮาเล็ม ไม่มียศศักดิ์อะไร ทรงโปรดผู้หญิงสวยเหมือนท่านสุลต่าน แต่อุปนิสัยต่างกันกับองค์อัฟนันที่ทรงสุภาพอ่อนโยนเป็นที่สุด เพราะกำเนิดจากพระมารดาที่เป็นองค์ราชินี ของท่านสุลต่าน”
อีกคนพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเห็นด้วย
“แต่กระนั้นองค์ราชินีก็ทรงถวายการเลี้ยงดูท่านฟีรอสมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ตั้งแต่ประสูติด้วยซ้ำ ถึงได้ทรงยินยอมให้แต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมาร”
“ก็เพราะทรงถูกพรากมาจากมารดาแต่เล็ก ด้วยองค์สุลต่านกับสมเด็จราชินีไม่มีบุตรด้วยกัน ถวายปรนนิบัติตั้งนมนานจนสุดท้าย นำองค์ฟีรอสมาเลี้ยงถึงได้ทรงพระครรภ์”
ทั้งคู่หัวเราะคิกคัก หารู้ไม่ว่าระรินแอบฟังอยู่ น่าตัดหัวพิลึก
“เขาเรียกลูกอิจฉา555+”
ระรินอยากจะเข้าไปด่านางทั้งคู่เหลือเกิน พอดีลุงบุญสมเดินผ่านมา เรียกให้เธอเข้าไปในห้อง
"องค์อัฟนัน เรียกเจ้านะ ระวิน "ลุงบุญสมบอกเสียงราบเรียบ ห้องรับรองแขกที่โอ่อ่านั้น มีองครักษ์น่้าตาแปลกๆ หลายคนทั้งที่คุ้นตาและไม่คุ้นตา องค์อัฟนันที่มนุษย์ป้าสองคนพูดถึง มีธุระอะไรกันหนอ ระรินคิดก้าวขาช้าๆเพื่อรอดูสถานการณ์ ร่างสูงยืนหันหลังการแต่งกายแบบวัยรุ่นทั่วไปไม่มีเค้าลางว่าจะเป็นองค์ชายอะไรนั่นเลย ระรินมองสำรวจทั่วร่าง ลุงบุญสมกระตุกแขนแรงๆ ระรินทรุดลงทำความเคารพแบบอาหรับ ก่อนจะกล่าวคำดัดเสียงให้ห้าวทุ่มแต่ไม่เป็นผล ร่างที่หันหลังอยู่หันกลับมาโดยเร็ว อ๋อคนนี้เองที่โบกไม้โบกมือให้ระรินที่ระเบียง องค์ชายเลยเหรอ ตาสบตา ผิวขาวสะอาดกว่าคนพี่ระรินคิด หากแต่ความหล่อเท่ากันเปะ คนน้องหล่อแบบหวานๆ คนพี่หล่อเข้มตามแบบอาหรับแท้ๆ สายตาหวานนั้นจ้องมองระรินแทบไม่กะพริบตา"มีคนเดียวกระหม่อม ระวินนี่แหละที่ตรงตามลักษณะที่พระองค์กล่าวมา" ลุงบุญสมรายงาน อะไรบางอย่างที่ระรินไม่เข้าใจ"ชื่อ ระวิน เรอะ" เสียงทุ้ม จากริมฝีปากบางเหมือนผู้หญิงนั้น ก้าวเดินมาจนเกือบประชิดตัวก่อนจะก้มลงมองใบหน้าสวยหวานของระริน สายตาแสดงถึงความประหลาดใจอย่างที่สุด"ผู้หญิงหรือ ผู้ชาย" จมูกโด่งส่ายไปมา เฉียดแก้มของระ
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงนั้นระรินสะดุดใจยิ่งนักรึจะรู้ว่าเราเป็นหญิงT_T"พี่ว่า แทนที่น้องชายของพี่จะเอาเวลาพักผ่อนมาสอดแนมพี่แทนท่านพ่อ เอาเวลาที่มีไปเสาะหาเด็กรับใช้ที่ถูกตาต้องใจ ให้ได้เหมือนพี่ดีกว่านะ ดีกว่ามาคอยมาแอบทำความรู้จักกับ..สมบัติ...^_^ ของพี่" พร้อมกันนั้นอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกระชับรัดร่างให้แน่นขึ้น แสดงอาการสนิทสนมระรินก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง บรรยากาศมาคุ แต่แทนที่คนหน้าหวานจะโกรธเคืองกับ ยิ้มใส"น้องรู้สึกถูกชะตากับเด็กรับใช้ของท่านพี่เป็นที่สุด ท่านพี่ทำไมต้องหวงด้วยล่ะ อย่างนี่ยิ่งน่าสนใจ สงสัยน้องต้องมาเยือนตำหนักนี้บ่อยๆ เสียแล้ว" คนหน้าเข้มก็ยิ้มเยือนเหมือนไม่มีการเคืองโกรธใดใด"ได้เสมอน้องพี่ แต่ตอนนี้พี่ต้องขอตัว ของพี่แล้วก็..สมบัติ..ของพี่เพราะดึกมากแล้ว" องค์อัฟนันไม่ทัดทานโค้งคำนับพี่ชาย ก่อนที่องค์ฟีรอสจะเปลี่ยนเป็นทั้งลากทั้งจูงระรินเข้าห้องบรรทม"พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกเจ้าระวิน ต้องไปฝึกศิลปะป้องกันตัวกับฮาฟซาที่ยิมเข้าใจไหม"ระรินพยักหน้าแทนคำตอบ"แล้วอีกอย่างตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เป็นต้นไปห้ามออกไปยืนลับๆ ล่อๆ ที่ระเบียงอีกเป็นอันขาด "O_O"ทำไมกระหม่อม"
ประพันธ์ยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้สึกว่าผิดคาดที่ระรินไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด"ก็จะมีการพบปะกันระหว่างสาวๆหนุ่มๆ หลังจากที่ถูกกักบริเวณของใครของมันต่างคนต่างอยู่มาตั้งนานนะสิ""ถึงจะมาพบกันได้ก็เถอะนะ ผู้หญิงก็ต้องปิดหน้าปิดตาอยู่ดีหมดอิสระ"ระรินพูดไปเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"ก็เขาอยากให้ผู้หญิงยังคงคุณค่าไว้สำหรับคนที่จะมาร่วมชีวิตจริงๆ ไม่เหมือนบ้านเรา ผู้หญิง มีอิสระเกินไป""แสดงว่านายว่าบ้านเราไม่ดีเหรอ""ดีสิแต่ก็นะที่นี่ก็ดี ฉันชอบการที่ต้องมาคอยลุ้นว่าคนที่เราสบตาด้วย จะมีใบหน้าสวยงามขนาดไหน"แหวะ ทำมาพูด"แล้วถ้าคนที่สบตาด้วยหน้าตาขี้เหร่ล่ะ นายก็จะไม่ชอบเธอใช่ไหม""ใครบอก นายรู้จักรักแรกพบไหมแค่สบตาก็รู้ถึงความในใจ"จริงหรือนั่นระรินคิด ไม่เคยเจอแบบนี้สักที"แล้วที่แน่ๆนะผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมหน้า ฉันว่าน่ามองที่สุด"ระรินถูกเรียกตัวโดยองครักษ์ฮาฟซายังด้านล่างของตำนักใหญ่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงยิมขนาดไม่เล็ก มีทั้งสนามฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวแบบต่างๆ มีทั้งสนามแข็งขันและประลองกำลัง ที่นั่นระรินพบกับ องครักษ์หลายคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน"ระวิน อยากลองอันไหนก่อน"เสียงองครักษ์
ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม""อะไรรึ""คนรับใช้คนเก่า เขา..."ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน"คือเขาเป็นอะไรตาย" ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้" ถูกยิง "!!!!! +++"ใครยิงครับ""ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ" ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม""นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว""แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้"แล้วไปไหนกันหมด""ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเย
“ไปนอนได้แล้ว” ระรินลืมตามีอาการงงเล็กน้อย“พระองค์ทำไหล่กระหม่อมปวดเลย เล่นแรงนะเนี้ย” องค์ฟีรอส นอนลืมตานิ่งก่อนจะผลักร่างบางถอยห่าง“วันนี้นายไปนอนห้องนู้น ฉันอยากนอนคนเดียว”“ไม่กลัวผี แล้วหรือกระหม่อม” เสียงตวาดดังลั่นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว“บอกให้ไป ก็ไปสิ” ระรินหอบที่นอนวิ่งพรวดพราดตามแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย“แล้วอย่าออกไปยืน ที่ระเบียงอีกล่ะ” น้ำเสียงแสดงอำนาจ ระรินย่นจมูก ชิไม่ต้องมาสั่ง วันไหนกลัวก็เรียกเธอเข้ามาวันไหนเลิกกลัวก็ไล่หนี คนหนอคนเปลี่ยนใจง่ายจริงอีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลประจำปี ผู้คนขวักไขว่มากมาย ตามถนนหนทาง เพื่อจับจ่ายใช้สอย ระรินไม่ต้องทำอะไรเวลาทั้งหมดที่มีหมดไปกับการฝึกวิชา ป้องกันตัวจน ร่างกายเริ่มซูบผอม องค์ฟีรอส ก็ไม่ได้เรียกให้เข้าไปนอนในห้องบรรทม ยามค่ำคืน เธอยังคงนอนอยู่ในห้องข้างๆ“ระวิน องค์ฟีรอสทรงตรัสให้นายเข้าเฝ้า” ฮาฟซาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ระรินไม่อาจรู้ได้ ระรินหัวใจลิงโลด รีบสาวเท้าไปยังห้องบรรทมนิสัยคิดไวทำไว ทำให้ลืมเคาะประตู พรวดพราดเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว“กระหม่อมมาแล้วขอรับ” ทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าระรินตัวชา หญ
ฮาฟซารับเอาชุด จากระรินยื่นส่งให้สาวชุดชั้นในสีแดง พร้อมกับซองสีน้ำตาล ใส่เงิน แล้วโบกมือให้นางออกไปข้างนอก ระรินยืนอยู่ในห้องด้วยเครื่องหมายคำถาม สองคนนี้จะทำอะไรกับเธอหนอ ข้างนอกห้องนั้นฝั่งตรงข้าม ตำหนักหรูกล้องส่องทางไกล อัฟนันผู้อยากรู้ยังยืนอยู่หลังกล้องไม่ไปไหนกล้องถูกเบี่ยงตามร่างของสาวสวยที่เดินออกไป ก่อนจะหันกล้องไล่ตามส่องเข้าไปยังหน้าต่างกรอบสีทองที่บังเอิญ ผ้าม่านราคาเหยียบแสนเผยอ ออกเป็นช่องพอดี ช่างพอเหมาะกับร่างสวยของระรินที่ยืนอยู่ตรงช่องพอดี ดวงตาหวานนั้นเปลี่ยนเป็นแววพึงพอใจก่อนจะ สาวเท้าเดินลงบันไดไปทันทีสายตาของทั้งองค์ฟีรอสและฮาฟซาจ้องมองระรินจนเธออยากหายตัวไปในทันทีมองอะไรนัก" งานอะไรขอรับ"ฮาฟซาทำท่าทางหนักใจ เดินเข้ามาจับไหล่ของระรินเหมือนจะบอกให้ตั้งใจฟังนะ"เรามีหน้าที่ คอยทำตามคำสั่งของเจ้านาย เจ้าอย่าบอกนะว่าจะปฏิเสธ"องค์ฟีรอสขมวดคิ้วเข้าหากัน" ฉันไม่ใช้ นายฟรีๆหรอกอยากให้ลองดูก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอกกัน ระหว่างนั้นฮาฟซาจะคอยปกป้อง นายตลอดเวลา"^_^"ขอรับ" ระรินรับคำอย่างเสียไม่ได้นึกเห็นเค้าลางที่น่ากลัวขึ้นมาทันที"ให้ ปลอมตัวเป็นหญิงให้เรียนวิชาป้อ
"มี ธุระอะไรหรือเปล่า" อัฟนันเดินเข้ามาในห้อง"เปล่ากระหม่อม น้องแค่ส่องกล้องมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกไปแล้ว ดันมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องท่านพี่ ""น้องพี่ก็รู้อยู่แล้วว่า พี่นิยมหญิงงามเป็นธรรมดาที่ต้องมีหญิงงามยามค่ำคืน""แล้วนางไปไหนเสียล่ะเพคะหญิงงามคนนั้น น้องอยากรู้จักนางนางต้องตาเหลือเกิน"น้ำเสียงใสซื่อและดวงตาใสนั้น เหมือนแกล้งทำ" นางออกไปแล้ว คงสวนกันกับน้องพี่ ตอนที่เดินมาจากตำหนักนู้นกระมัง""ทรงเรียกฮาฟซา มาทำไมเล่า"เปลี่ยนประเด็น"ฮาฟซามาคอยรับใช้แทนเจ้าระวิน มันลาไปหาญาติมันที่ในเมือง"หน้าหวานใสพยักหน้ารับรู้"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตัว ง่วงเต็มทน "ก่อนจะปิดปากหาวให้สมจริง องค์ฟีรอสมองน้องชายต่างมารดาด้วยสายตาค้นคว้า ก่อนจะผายมือเป็นการเชื้อเชิญฮาฟซา เดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง"องค์อัฟนัน จะเป็นปัญหาของเราหรือเปล่า พระองค์"องค์ฟีรอส เหม่อมองไปไกลก่อนจะเอ่ยปาก"คงไม่เรารู้นิสัยของอัฟนันดีว่า เล่นสนุกไปตามประสาเด็กมากกว่าไม่เป็นอันตราย""แต่ถึงจะโดนจับได้ ท่านพ่อก็คงเลือกใช้...วิธีเดิมคือการสังหาร ไม่สามารถสาวมาถึงตัวเราได้เพราะกลัวคำครหา"แววตาแสดงความปวดร้าวอย่างเห็
"คงหาเงินไปแปลงเพศเหมือนกันสิท่า ท่านฮาฟซาใจดีสุด เงินที่ท่านให้มากมาย ไม่ต้องกลัว รับรองรวย กลับไปบ้านเราสบายเลย ไปผ่าที่เกาหลีก่อนค่อยกลับไทยนะ กลับไปสวยเวอร์ไม่มีคนจับได้"นิสัยช่างเจรจา ระริน ลอบถอนหายใจ เข้าใจผิดไปใหญ่เลย"ผมถอดเองครับ" ระรินหยิบชุดสีแดงสดก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันควัน เสียงหัวเราะไล่หลังชุดสีแดงเจิดจ้า พอดีกับทรวดทรงของระริน ขาดแต่เพียงหน้าอกเต่งตึงเท่านั้น"ยัดหน้าอกหน่อยไหมพี่ว่า"เสียงพี่สาวที่ชื่อ ก้อย ดังขึ้นหลังจากเธอออกมาจากห้องน้ำมือเรียวเล็กเหมือนผู้หญิงยื่นฟองน้ำ และเสื้อชั้นในสีเดียวกับชุดให้ระริน"เดี๋ยวผมเข้าไปใส่เองครับ" ระรินรับมาทันที"แม้ ให้พี่จัดให้ไหม จะเข้าใจทำไหม เคยใส่ไหมยกทรง"เธอหัวเราะคิกคักถลาเข้ามาทันที"หนู เอ้ย ผม จะ จะ จัดการเองครับ"ระรินละล่ำละลักออกไปก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ถอดชุดลงกองดึงผ้ารัดอกออกไปกองรวมกับเสื้อผ้าชุดอาหรับ ผู้ชายที่เธอสวมมา สวมเสื้อยกทรงอย่างคล่องแคล่ว ฟองน้ำที่ถือมาถูกห่อด้วยกางเกงอาหรับสีขาวเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งด้วยอกเต่งตึงเข้ารูปทรง มีส่วนเว้าส่วนโค้งพี่ก้อยตบมือเปราะแปะ"สวยจริง แหมนี่ถ้า
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย
องค์อัฟนันทำเสียงจิจ๊ะอย่างขัดใจเสียงระเบิดตูมตามดังไม่ขาดระยะ“ที่พี่ห่วงคือความปลอดภัยของน้อง อัฟนันอยู่ใกล้พี่ไว้ เสด็จแม่ทรงกำชับให้ช่วยดูแลน้องแทน พี่ไม่อาจดูแลได้ตลอดเวลาหากไม่ได้รับความร่วมมือ”ถ้าหากฮาฟซาอยู่ที่นี่คงทำให้เขาเบาใจกว่านี้ ว่าองครักษ์ข้างกายต้องคอยปกป้องตัวเขาและคนที่เขารักได้เสมอเสียงปืนกับเสียงระเบิดสลับ กันไปมาสถานการณ์ตึงเครียด องค์ฟีรอสมองหน้าน้องชายร่วมบิดามีแววตื่นตระหนกในสายตาแต่พระองค์ไม่กลับรู้สึกถึงความกล้าหาญของตัวเอง ที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากต้องตาย เขาจะตายอย่างสมเกียรติ แต่หากเขาต้องรอดคนที่ต้องรอดไปกับเขาคืออัฟนันขีปนาวุธลูกแล้วลูกเล่าโจมตีอย่างหนักหน่วงและไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้ ทหารหลายนายวิ่งวุ่นวาย ทหารยศพลเอกสองนายวิ่งมาทำความเคารพก่อนจะ ละล่ำละลัก“เราต้องถอนกำลังเพื่อรักษาชีวิต ในสถานการณ์คับขันพระองค์โปรดตามเสด็จกระหม่อมยังที่ปลอดภัยทั้งสองพระองค์ตอนนี้ไม่สามารถต้านทาน การยิงขีปนาวุธของฝ่ายตรงข้ามได้”นึกถึงสายตา อ้อนวอนก่อนจากลาเมื่อฟ้าสางของระริน เขาต้องรอดเธอ...รอเขาอยู่ รอเพื่อที่จะได้พบกัน เสียงขีปนาวุธแหวกอากาศเสียงดังแสบแก้วหูชวนให้ห
"ทำอย่างไรดีองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีหน้าจะไปพบองค์ฟีรอส""คนที่ทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่หญิงก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นใคร เป็นไปได้อย่างไรคนหายไปทั้งคนไม่มีใครรู้ คนพวกนี้ไม่เกินวันหรือสองวันต้องหายตัวไป ก่อนเสด็จพ่อจะสั่งให้สอบสวนอย่างละเอียด ระหว่างนี้หญิงจะเข้าไปในวังเพื่อกดดันเสด็จพ่อไม่ให้ละเลยเรื่องนี้โดยอ้างว่าเป็นห่วงเพื่อน ตอนนี้ขอร้องว่าอย่าได้ส่งข่าวไปยังองค์ชายให้เป็นกังวลนะท่านองครักษ์ไม่แน่อาจจะหนีกลับมาทำให้สมเด็จราชินีทรงกริ้ว ว่าไม่ทรงทำตามที่บัญชาไว้ และความสัมพันธ์ระหว่างระรินกับองค์ชายจะถูกเปิดเผยเมื่อนั้นก็ทรงเป็นท่านพ่อที่จะกริ้วหนักมาก หญิงเป็นห่วงน้อง ด้วยนิสัยใจร้อนแบบนั้นต้องไม่อยู่เฉยแน่ๆ เมื่อระรินหายไปแต่เรื่องการหาตัวระรินนี่สิ ไม่อาจช้าได้เธออาจตกอยู่ในอันตราย ""เราอาศัยการกดดันองค์สุลต่านให้ตามสืบ และระหว่างนี้กระหม่อมฮาฟซา จะส่งข่าวไปยังเพื่อนพ้องในทะเลทราย (ตำรวจทะเลทราย) ให้ช่วยกันค้นหาอีกทาง”"หวังว่าอัลเลาะห์คงคุ้มครองระริน ให้ปลอดภัยด้วยเถิด"ฮาฟซาถอนหายใจ ถูกขององค์หญิงถ้าองค์ฟีรอสรู้ นั่นเท่ากับเอาน้ำมันไปราดในกองเพลิง คงอยู่ไม่ติดที่ คำสั่งก
“เจ้าคิดอย่างนี้ถึงเร่งรัดงานแต่งระหว่าง เจ้าฟีรอสและอมายาหวังจะทำให้พี่ไม่กล้าจัดการมัน ....หาสนใจไม่ อมายาสามารถหาคนที่ดีพร้อมกว่าเจ้าเลือดผสมนั่นเสียอีก ครั้งนี้อัลเลาะห์ทรงเมตตาให้แผนเราง่ายขึ้นส่งมันไปไกลการอารักขาฮ่าๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมแบบสะใจเต็มทีกับโอกาสที่ได้มา“น้องขอร้อง ท่านพี่ไว้ชีวิตองค์ชายฟีรอสด้วยเถิด ซาลาม”องค์ราชินีลงทุนร้องขอชีวิตของลูกเลี้ยงแต่ไม่เป็นผล"เจ้าอย่าโง่หน่อยเลยน้องพี่ เรามีโอกาสกำจัดมันแล้วอย่าปล่อยโอกาสหลุดมือไป"นางรู้ดีว่าทำผิดมหันต์กับลูกเลี้ยง แต่ถ้าสิ่งที่เธอกำลังจะทำเพื่ออัฟนัน ก็ยิ่งทำผิดต่อองค์ฟีรอส เพราะเธอแอบเห็นสายตา เป็นห่วงเป็นใยทุกครั้งเมื่อมองมายังผู้หญิงคนนั้น ไม่อาจรู้ได้ว่ามันมีความหมายแค่ไหน อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกขอบคุณที่คอยพยาบาลยามที่ถูกลอบทำร้ายแต่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา อาจจะมีใจให้กันเพราะระรินเองก็แอบมองอมายาด้วยความไม่พอใจ นึกว่าเธอไม่รู้หรืออย่างไรถึงแม้คนอื่นไม่รู้ แต่คนในตำหนักนอก คนของเธอทั้งนั้นความเคลื่อนไหวใดใดไม่อาจรอดพ้นสายตา องค์ฟีรอสฉลาดเหมือนแม่ ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนอัฟนันที่มักจะเลื