ก่อนจะเปลี่ยนใจบ่นพึมพำ
“องครักษ์ไปไหนหมด ถ้าเป็นคนร้ายเรามิตายไปแล้วหรือ”
ระรินอกสั่นขวัญหายก่อนจะเดินแบบเร็วรี่ไปยังอ่างอาบน้ำ ระฆังช่วยชีวิตไว้ทันพอดี เป็ง เป็ง
“พระองค์เกิดเหตุอะไรหรือ กระหม่อมได้ยินเสียงเอะอะ”
ฮาฟซาองครักษ์หุ่นล่ำหล่อร้ายเข้ามาขัดจังหวะระรินมองคนนู้นทีคนนี้ที
“เจ้าระวิน ลุงบุญสมตามหาเจ้าอยู่”
เสียงทุ้มนุ่มหู พูดพลางพยักหน้าไล่ส่งระรินรีบเดินตัวลีบออกไปทันที นึกขอบคุณองครักษ์หนุ่มหล่อ
“อย่าเพิ่งให้มันไปให้มันเตรียมน้ำให้เราก่อน”
เสียงเกรี้ยวกราด
“ไม่เป็นไรกระหม่อม ประเดี๋ยวกระหม่อมจะเตรียมถวายเอง มันได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาพาลจะอด”
องครักษ์หนุ่มออกตัวแทน ด้วยทราบอารมณ์ของผู้เป็นนายได้ดี ระรินเดินผ่านประตูออกมาช้าๆ ด้วยกลัวว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง แต่เงียบไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดใดอ๋อหรือว่าจะเป็นคู่จิ้นกันหนอ เหมือนกับจะเกรงใจท่านองครักษ์ใหญ่ชอบกล
“เกือบซวยอีกแล้วซี่เจ้าระวิน ไม่ดูตาม้าตาเรือคราวหลังถ้าจะเข้าไปต้องส่งเสียงให้องค์ฟีรอสท่านก่อนไม่ใช่แอบเข้าไปอย่างนั้นทรงกริ้วมากรู้ไหม ดีที่ท่านฮาฟซาเข้าไปพอดี”
เสียงลุงบุญสมบอกเล่าเรื่องที่เธอควรปฏิบัติ
“ไป๊ ไปกินข้าวกัน กินได้ไหมอาหารที่นี่มีแต่อาหารมุสลิมเดี๋ยวอยู่ไปนานๆลุงจะพาไปเดินตลาด”
เธอซาบซึ้งในความห่วงใยจนเกือบจะร้องไห้ อย่างน้อยคนบ้านเดียวกันก็ไม่ทิ้งกัน
“ทำไม องค์ฟีรอสท่านอารมณ์ร้ายจังล่ะลุง”
ลุงบุญสมจุ๊ปาก
“ห้ามนินทาหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เป็นบางเรื่องที่ท่าน ขี้โมโห บางเรื่องก็แสนจะดี*___*”
ตรงไหนหนอ ระรินคิดในใจจะมีดีดีบ้างไหม
หน้าตาที่แสดงว่าไม่เชื่อของระรินปิดไม่มิด
“เดี๋ยวอยู่ไปนานๆ ก็รู้เองแหละว่าองค์ฟีรอสท่านดีที่สุดในวังนี้ไม่เหมือนองค์อื่นพวกเรารักท่านทุกคน”
“............”
ระรินกินอาหารมุสลิมอย่างเงื่องหงอยอาหารที่มีแต่อาหารเลี่ยนๆ คิดถึงอาหารไทยรสจัดที่บ้านจับใจ หนุ่มอีกคนที่ถูกคัดเลือกให้มาทำงานในวังพร้อมกัน มองดูระรินจากที่ไกลไกลก่อนจะขยับเข้าใกล้
“ระวิน นายเคยเข้าไปในห้องบรรทมขององค์ฟีรอสแล้วใช่ไหม”
ระรินพยักหน้าแทนคำตอบ
“คือ คือว่าเราอยากขอร้องนาย"
ตากลมโตของระรินเบิกกว้าง
“เราเห็นนาย กล้าดี คืออีกอย่างเรา.... กลัวองค์ฟีรอส ลุงบุญสมบอกให้มาตกลงกันเอาเอง”
ระรินยิ่งสงสัยหนัก
“เรื่องอะไร”
“คือเรามีหน้าที่.. ถวาย.. ปรนนิบัติ ...แบบ... แบบว่าประมาณว่าทำที่หลับที่นอน เออตรวจตราที่บรรทม ประมาณว่าที่นอนหมอนมุ้งให้องค์ฟีรอสแต่เราอยากขอเปลี่ยนกับนาย เราจะทำหน้าที่แทนทุกอย่างข้างนอกนี่ยกเว้นในห้องบรรทมจะได้ไหม”น้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ
จนได้ไหมล่ะระรินคิดในใจ แล้วไอ้ที่ยิ้มร่าดีใจตอนถูกเลือกกับเสียงหัวเราะที่หัวเราะเยาะเธอเมื่อขอสละสิทธิ์ นี่มันใช่คนเดียวกันไหมที่แบบนี้ไอ้คนนั้นไปไหนเสียล่ะ
ระรินถอนหายใจยาวเหยียด
“เราทำแทนทุกอย่างเลย ทุกอย่างจริงจริงนายทำแค่สองอย่างได้ไหมเพื่อนรัก”
โอ้ ระรินกลายไปมีเพื่อนรักตั้งกะเมื่อไหร่
“หรือจะให้เราแบ่งค่าจ้างส่วนของเราให้นายก็ได้นะ”ใจป้ำซะด้วย
ไปกันใหญ่เลย ระรินรู้ดีว่ามาอยู่ที่นี่ค่าจ้างสูงสิบ งานสบายที่อยู่ที่กินก็ดีต่างจากพวกที่อยู่ข้างนอกที่ต้องดิ้นรน แต่เธอก็ไม่อยากได้ของใคร แม้จะคิดว่าจะพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้กลับบ้านไปเรียนต่อถ้าหากไม่ถูกจับได้เสียก่อน
“ไม่เป็นไร เราไปเองก็ได้”
ไอ้หนุ่มขี้กลัว เผลอตัวคว้ามือระรินขึ้นมากุมไว้ด้วยความดีใจระรินชักมือออกด้วยความตกใจเหมือนกัน สายตาคมกริบของฮาฟซาจ้องมองแบบจับผิดจากมุมหนึ่ง
“ดีใจจริงจริงเลยเพื่อนยาก เริ่มคืนนี้เลยนะเพื่อน”เช็ดมือไปมา
แหวะระรินอยากจะบ้าตาย นี่นายกะจะไม่เข้าไปเจอองค์ฟีรอสเลยหรืออย่างไร เฮ้อ!
ยามเย็นที่แสนจะวุ่นวายผ่านไปเสียทีระรินยืนอยู่ที่ระเบียงยาวทอดไปสู่ห้องบรรทม องครักษ์หลายคนประจำตามจุดต่างๆระรินมองคนนู้นทีคนนี้ทีพลางทอดสายตาไปสู่ดวงจันทร์ดวงกลมใหญ่ ที่ต่างจากดวงจันทร์ที่เธอเคยเห็นเพราะมีขนาดใหญ่กว่า ความสวยงามก็มากกว่า เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำเอาระรินสะดุ้ง
“ตกใจหรือ”
ฮาฟซาเดินมาจากทางห้องพักขององครักษ์ที่อยู่ติดกันกับห้องบรรทม ระรินพยักหน้าสายตาคมกริบยังมีแววจับผิด ระรินหลบตาก้มหน้า ฮาฟซายิ่งเขม่นมองอย่างค้นคว้า ด้วยว่ารูปหน้าที่งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ของระรินความหวานที่ฉาบทาอยู่ไม่อาจปิดบังได้
“มายืนเหม่ออะไรอยู่ที่นี่ ยังไม่พักผ่อนอีกหรือ”
เสียงทุ้มนุ่มหูเจือไว้ด้วยความห่วงใยกลายกลาย
“มารอถวายการรับใช้ใน…. ห้องบรรทมขอรับท่านฮาฟซา”
แม้จะดัดเสียงให้ห้าวหาญเพียงใด ก็ไม่อาจกลบความหวานของน้ำเสียงได้ ระรินกระแอมเบาเบา“อ้าวหน้าที่ของเจ้ารึ ตามจริงต้องผลัดกันสองคนกับเจ้าประพันธ์ไม่ใช่รึ”ฮาฟซาเหมือนจะรู้รายละเอียดในงานของเด็กรับใช้เป็นอย่างดี“ประพันธ์บอกว่าลุงบุญสมให้ตกลงกันเอาเองขอรับ”แววตาอ่อนโยนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฉายออกมาเพียงแวบเดียวก็หายไป“เหนื่อยแย่”“เขารับปากว่าจะทำอย่างอื่นแทนขอรับ”ฮาฟซาเลิกคิ้วทำท่าตกใจ ทำให้ใบหน้าคมยิ่งน่ามองยามผ่อนคลาย“เจ้านี่กล้าหาญไม่น้อย ใครใครก็กลัวองค์ฟีรอสส่วนเจ้าช่างกล้า”ทำอย่างไรได้ระรินคิดตกกระไดพลอยโจนแล้วนี่“องค์ฟีรอสท่านใจดีจะตายไป คนมาใหม่ใหม่กลัวท่าน ทุกคนแต่อยู่ไปนานนานเดี๋ยวก็รัก แต่อย่าไปทำให้ท่านโกรธหรือขัดใจถ้ามีเรื่องให้ช่วย บอกเราได้ทุกเวลา ^_____^”รอยยิ้มหวานถ้าเป็นเวลาอื่นระรินอาจใจละลายไปแล้วแต่ขณะนี้ไม่มีแก่ใจจริงจริงแสงจันทร์นวลส่องจับใบหน้าสวยหวานของระรินเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ดวงหน้าที่ไม่อาจปกปิดได้ของระรินอยู่ในสายตา องครักษ์หนุ่มหัวใจไหววูบด้วยมีบางอย่างแล่นเข้ามาในความคิดคำนึง ผู้ชายทำไมถึงได้มีบางอย่างที่น่ามองและชวนหลงไหลเพียงนี้-"เจ้าอายุเท่าไห
ระรินคอยเงี่ยหูฟังเสียงเรียกตลอดเวลา ระเบียงตำหนักที่ทอดยาวหันหน้าเข้าสู่ตัวตำหนักอีกตำหนักหนึ่งซึ่ง ระรินลืมไปสนิทว่าจะเอ่ยปากถามองครักษ์ฮาฟซา ว่าเป็นตำหนักของใครด้วยความเหมือนของโครงสร้างทว่าตำหนักที่หันหน้ามาทางตำหนักนี้มีความหรูหราและสวยงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงาม ระรินไม่อยากคิดถึงมูลค่าของการตกแต่ง ตำหนักองค์ฟีรอสจึงกลายเป็นเพียงตำหนักที่สวยงามแบบเรียบๆ ถ้าเทียบกับตำหนักตรงกันข้ามแสงไฟสว่างไสวไปทั่วตำหนักระรินปล่อยใจให้ล่องลอยไปสู่ตำหนักตรงหน้า มองสำรวจจนพอใจฉับพลันนั้นเอง สายตาเจ้ากรรมดันไปประสบเข้ากับกล้องส่องทางไกล ของใครคนหนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ณ.ริมตำหนักสวยนั้น ลักษณะการแต่งกายที่ละม้ายองค์ฟีรอส หากแต่การแต่งกายไม่ได้ยึดติดเหมือนคนอาหรับทั่วไป เป็นการแต่งกายแบบตะวันตก ผสมการแต่งกายแบบอาหรับที่ลงตัว เธอยืนตะลึงอยู่กับที่จนกระทั่ง คนผู้นั้นลดกล้องลงยกมือขึ้นโบกเป็นการทักทายเธอ ระรินนิ่งงันคนผู้นั้นจ้องมองพร้อมกับยิ้มแย้ม ทั้งใบหน้าและดวงตา ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสหากแต่แววตาอ่อนโยนกว่านัก"เจ้าระวิน แกอยู่ไหน" เสียงดังออกมาจากห้องบรรทม ระ
เสียงแหบๆของลุงบุญสม“ไปทานข้าวได้แล้ววันนี้มีตามเสด็จ” ระริน ตาลีตาเหลือกสปริงตัวจากที่นอนหนานุ่มก่อนจะทำธุระส่วนตัวแล้วเดินแกมวิ่งยังห้องอาหาร“มาแล้วเหรอระวินเพื่อนรัก นี่ข้าวของนายเราตักมาเผื่อแล้ว” เสียงเหน่อๆ ของประพันธ์ดังมาแต่ไกล“กินเยอะๆ เนื้อหมูนี่ดีต่อร่างกายผอมๆของนาย เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” มาแปลกช่างเป็นห่วงเป็นใย@__@ ระรินไม่ไว้วางใจในตัวเพื่อนใหม่คนนี้“อย่า ดีกับเราเกินไปเรากลัว” ระรินพูดความจริงออกไปตรงๆ“ไม่เอาน่าเรา ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เราแค่อยากให้นายสบายที่สุดจะได้อยู่ที่นี่ไปนานๆ หลังจากที่นายต้องเจองานหนักกว่าคนอื่น” หานี่ระรินโชคดีกว่าใครใช่ไหม ที่ต้องมารับใช้เบื้องยุคลบาทขององค์ฟีรอส“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ เรายินดี”ท่าทางแหยงๆ“ถ้านายอยู่นานๆ เราก็จะได้อยู่นานๆ ที่นี่งานสบายเงินดีที่สุดเราก็จะได้มีเงินไปไถ่ที่นาให้พ่อสร้างบ้านให้แม่ นะระวินนะนายต้องอยู่นานๆ อย่าเพิ่งท้อกับงานเลย” สายตาวิงวอนนั้นมองมาแบบจงใจ ระรินอดขำไม่ได้ แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน ไหนจะเจ้านายที่น่ากลัวไหนจะความลับที่ระรินปิดบังไว้อีก เธอถอนหายใจ“เราสัญญาว่าถ้าหากเราจะจา
"องค์อัฟนัน เรียกเจ้านะ ระวิน "ลุงบุญสมบอกเสียงราบเรียบ ห้องรับรองแขกที่โอ่อ่านั้น มีองครักษ์น่้าตาแปลกๆ หลายคนทั้งที่คุ้นตาและไม่คุ้นตา องค์อัฟนันที่มนุษย์ป้าสองคนพูดถึง มีธุระอะไรกันหนอ ระรินคิดก้าวขาช้าๆเพื่อรอดูสถานการณ์ ร่างสูงยืนหันหลังการแต่งกายแบบวัยรุ่นทั่วไปไม่มีเค้าลางว่าจะเป็นองค์ชายอะไรนั่นเลย ระรินมองสำรวจทั่วร่าง ลุงบุญสมกระตุกแขนแรงๆ ระรินทรุดลงทำความเคารพแบบอาหรับ ก่อนจะกล่าวคำดัดเสียงให้ห้าวทุ่มแต่ไม่เป็นผล ร่างที่หันหลังอยู่หันกลับมาโดยเร็ว อ๋อคนนี้เองที่โบกไม้โบกมือให้ระรินที่ระเบียง องค์ชายเลยเหรอ ตาสบตา ผิวขาวสะอาดกว่าคนพี่ระรินคิด หากแต่ความหล่อเท่ากันเปะ คนน้องหล่อแบบหวานๆ คนพี่หล่อเข้มตามแบบอาหรับแท้ๆ สายตาหวานนั้นจ้องมองระรินแทบไม่กะพริบตา"มีคนเดียวกระหม่อม ระวินนี่แหละที่ตรงตามลักษณะที่พระองค์กล่าวมา" ลุงบุญสมรายงาน อะไรบางอย่างที่ระรินไม่เข้าใจ"ชื่อ ระวิน เรอะ" เสียงทุ้ม จากริมฝีปากบางเหมือนผู้หญิงนั้น ก้าวเดินมาจนเกือบประชิดตัวก่อนจะก้มลงมองใบหน้าสวยหวานของระริน สายตาแสดงถึงความประหลาดใจอย่างที่สุด"ผู้หญิงหรือ ผู้ชาย" จมูกโด่งส่ายไปมา เฉียดแก้มของระ
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงนั้นระรินสะดุดใจยิ่งนักรึจะรู้ว่าเราเป็นหญิงT_T"พี่ว่า แทนที่น้องชายของพี่จะเอาเวลาพักผ่อนมาสอดแนมพี่แทนท่านพ่อ เอาเวลาที่มีไปเสาะหาเด็กรับใช้ที่ถูกตาต้องใจ ให้ได้เหมือนพี่ดีกว่านะ ดีกว่ามาคอยมาแอบทำความรู้จักกับ..สมบัติ...^_^ ของพี่" พร้อมกันนั้นอ้อมแขนแข็งแรงยิ่งกระชับรัดร่างให้แน่นขึ้น แสดงอาการสนิทสนมระรินก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง บรรยากาศมาคุ แต่แทนที่คนหน้าหวานจะโกรธเคืองกับ ยิ้มใส"น้องรู้สึกถูกชะตากับเด็กรับใช้ของท่านพี่เป็นที่สุด ท่านพี่ทำไมต้องหวงด้วยล่ะ อย่างนี่ยิ่งน่าสนใจ สงสัยน้องต้องมาเยือนตำหนักนี้บ่อยๆ เสียแล้ว" คนหน้าเข้มก็ยิ้มเยือนเหมือนไม่มีการเคืองโกรธใดใด"ได้เสมอน้องพี่ แต่ตอนนี้พี่ต้องขอตัว ของพี่แล้วก็..สมบัติ..ของพี่เพราะดึกมากแล้ว" องค์อัฟนันไม่ทัดทานโค้งคำนับพี่ชาย ก่อนที่องค์ฟีรอสจะเปลี่ยนเป็นทั้งลากทั้งจูงระรินเข้าห้องบรรทม"พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกเจ้าระวิน ต้องไปฝึกศิลปะป้องกันตัวกับฮาฟซาที่ยิมเข้าใจไหม"ระรินพยักหน้าแทนคำตอบ"แล้วอีกอย่างตั้งแต่คืนพรุ่งนี้เป็นต้นไปห้ามออกไปยืนลับๆ ล่อๆ ที่ระเบียงอีกเป็นอันขาด "O_O"ทำไมกระหม่อม"
ประพันธ์ยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้สึกว่าผิดคาดที่ระรินไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด"ก็จะมีการพบปะกันระหว่างสาวๆหนุ่มๆ หลังจากที่ถูกกักบริเวณของใครของมันต่างคนต่างอยู่มาตั้งนานนะสิ""ถึงจะมาพบกันได้ก็เถอะนะ ผู้หญิงก็ต้องปิดหน้าปิดตาอยู่ดีหมดอิสระ"ระรินพูดไปเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"ก็เขาอยากให้ผู้หญิงยังคงคุณค่าไว้สำหรับคนที่จะมาร่วมชีวิตจริงๆ ไม่เหมือนบ้านเรา ผู้หญิง มีอิสระเกินไป""แสดงว่านายว่าบ้านเราไม่ดีเหรอ""ดีสิแต่ก็นะที่นี่ก็ดี ฉันชอบการที่ต้องมาคอยลุ้นว่าคนที่เราสบตาด้วย จะมีใบหน้าสวยงามขนาดไหน"แหวะ ทำมาพูด"แล้วถ้าคนที่สบตาด้วยหน้าตาขี้เหร่ล่ะ นายก็จะไม่ชอบเธอใช่ไหม""ใครบอก นายรู้จักรักแรกพบไหมแค่สบตาก็รู้ถึงความในใจ"จริงหรือนั่นระรินคิด ไม่เคยเจอแบบนี้สักที"แล้วที่แน่ๆนะผู้หญิงภายใต้ผ้าคลุมหน้า ฉันว่าน่ามองที่สุด"ระรินถูกเรียกตัวโดยองครักษ์ฮาฟซายังด้านล่างของตำนักใหญ่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงยิมขนาดไม่เล็ก มีทั้งสนามฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวแบบต่างๆ มีทั้งสนามแข็งขันและประลองกำลัง ที่นั่นระรินพบกับ องครักษ์หลายคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝน"ระวิน อยากลองอันไหนก่อน"เสียงองครักษ์
ระรินพยักหน้าก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาตั้งท่าเหนี่ยวไกที่คิดว่าเท่ที่สุดโดยเลียนแบบท่าทาง ขององครักษ์หนุ่ม"ท่านฮาฟซา ครับกระผมมีเรื่องอยากถาม""อะไรรึ""คนรับใช้คนเก่า เขา..."ไม่กล้าถาม กล้าๆ หน่อยระริน"คือเขาเป็นอะไรตาย" ฮาฟซา มองหน้าระรินนิ่งนานอาจเป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอคำถามแบบนี้" ถูกยิง "!!!!! +++"ใครยิงครับ""ยังอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน ยังเป็นความลับ"น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมลงไป"จับตัวคนร้ายไม่ได้รึครับ" ระรินยังคงตั้งคำถามต่อไป" ยัง พอพอพอ ไม่ต้องถามอีกแล้ว เราไม่มีอะไรจะบอก"ฮาฟซาเดินหลบออกจากบรรยากาศแห่งคำถาม มีความลับ มีความลับ ระรินเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นอาหารเย็นวันนี้ ระรินพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าลุงบุญสม"ลุง ลุง คงอยู่มานานแล้วใช่ไหม""นานมากแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้ว""แล้วไม่คิดจะกลับบ้านหรือ"ระรินเปิดฉากคำถามเพื่อปูทาง“อยากสิ ใคบ้างไม่อยากกลับบ้าน แต่ก้ห่วงงานทางนี้ ท่านฟีรอสไม่อยากให้ไป”" แล้วองค์ฟีรอสท่านมีคนรับใช้มากี่คนแล้วครับ"ลุงบุญสมยกมือขึ้นมานับนิ้ว" 5 หรือ 6 ประมาณนี้"ระรินพยักหน้ารับรู้"แล้วไปไหนกันหมด""ก็มีลุงเป็นคนแรก ตั้งกะองค์ฟีรอสทรงพระเย
“ไปนอนได้แล้ว” ระรินลืมตามีอาการงงเล็กน้อย“พระองค์ทำไหล่กระหม่อมปวดเลย เล่นแรงนะเนี้ย” องค์ฟีรอส นอนลืมตานิ่งก่อนจะผลักร่างบางถอยห่าง“วันนี้นายไปนอนห้องนู้น ฉันอยากนอนคนเดียว”“ไม่กลัวผี แล้วหรือกระหม่อม” เสียงตวาดดังลั่นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว“บอกให้ไป ก็ไปสิ” ระรินหอบที่นอนวิ่งพรวดพราดตามแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย“แล้วอย่าออกไปยืน ที่ระเบียงอีกล่ะ” น้ำเสียงแสดงอำนาจ ระรินย่นจมูก ชิไม่ต้องมาสั่ง วันไหนกลัวก็เรียกเธอเข้ามาวันไหนเลิกกลัวก็ไล่หนี คนหนอคนเปลี่ยนใจง่ายจริงอีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลประจำปี ผู้คนขวักไขว่มากมาย ตามถนนหนทาง เพื่อจับจ่ายใช้สอย ระรินไม่ต้องทำอะไรเวลาทั้งหมดที่มีหมดไปกับการฝึกวิชา ป้องกันตัวจน ร่างกายเริ่มซูบผอม องค์ฟีรอส ก็ไม่ได้เรียกให้เข้าไปนอนในห้องบรรทม ยามค่ำคืน เธอยังคงนอนอยู่ในห้องข้างๆ“ระวิน องค์ฟีรอสทรงตรัสให้นายเข้าเฝ้า” ฮาฟซาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ระรินไม่อาจรู้ได้ ระรินหัวใจลิงโลด รีบสาวเท้าไปยังห้องบรรทมนิสัยคิดไวทำไว ทำให้ลืมเคาะประตู พรวดพราดเข้าไปในห้องอย่างลืมตัว“กระหม่อมมาแล้วขอรับ” ทำความเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าระรินตัวชา หญ