“นี่มันบ้าอะไรกัน” คริสทุบโต๊ะทำงานดังปัง เมื่อเห็นข่าวว่าอดีตคนรักของน้องสาวประกาศแต่งงานในเร็ววันนี้ ทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเพิ่งเสียชีวิตและยังไม่ได้ทำบุญครบหนึ่งร้อยวันเสียด้วยซ้ำ
ขนาดเขายังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับมีความสุขถึงขนาดจะแต่งงานสร้างครอบครัว แบบนั้นมันยุติธรรมแล้วหรือ รวมไปถึงอยากรู้นักว่าผู้หญิงที่ว่าเป็นใคร นั่นทำให้คริสเลื่อนวันเดินทางไปเมืองไทยให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย “ค่ะบอส” “จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยให้ผมหน่อย” “บอสจะเดินทางวันไหนคะ” “เร็วที่สุด” “ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการให้” เมื่อสั่งงานเลขาส่วนตัวแล้ว ผู้บริหารหนุ่มที่รับผิดชอบดูแลธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติค่อยๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน เขาย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้สี่ปีแล้วแม้จะไกลบ้านเกิดและไกลจากน้องสาวที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาก็ตาม แต่ช่วงแรกที่มาคริสเหมือนคนบ้า การย้ายมาอยู่ไกลบ้านแถมยังถูกคนรักบอกเลิกอย่างเย็นชาทำให้เขารู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น งานก็ต้องเรียนรู้และรับผิดชอบ กว่าที่เขาจะพาตัวเองก้าวผ่านทุกอย่างในช่วงเวลานั้นมาได้ก็สาหัสไม่น้อย งานเขากำลังรุ่งส่วนเรื่องความรักเขาพักยาวเพราะไม่อยากคิดจริงจังกับใครจนต้องเจ็บปวดบางตายอย่างในตอนนั้นแต่ความเศร้าก็มาเยือนเมื่อจู่ๆ น้องสาวก็ฆ่าตัวตาย เขาได้รับจดหมายลาตายจากปลายรุ้งที่พร่ำพรรณนาถึงความรักที่ไม่สมหวังและจะตายหากอีกฝ่ายขอเลิก หากเขาได้รับจดหมายฉบับนั้นล่วงหน้าสักหน่อยก็คงดี ไม่ใช่ได้รับมันก็ต่อเมื่อสายไปแล้วแบบนี้ ทันทีที่รู้ข่าวเขาก็บินกลับมาจัดงานศพของปลายรุ้ง ถึงได้รู้จากปากของคนรักน้องสาวว่าปลายรุ้งเป็นโรคซึมเศร้าและเรียกร้องความสนใจแบบนี้อยู่ตลอด เขาถึงกับตกใจเพราะที่ผ่านมาไม่เคยรู้เลยจริงๆ ว่าน้องกำลังป่วยถ้ารู้เขาคงรีบหาทางรักษา เมื่อเสร็จสิ้นงานศพเขาก็บินกลับต่างประเทศทันที ยิ่งไม่มีน้องรออยู่ที่เมืองไทยอีกแล้วต่อจากนี้เขาคงปักหลักใช้ชีวิตที่บอสตันไปจนวันตาย แต่จู่ๆ กลับรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามันต้องมีอะไรซุกซ่อนอยู่ใต้การเสียชีวิตของปลายรุ้ง คนที่ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายเสียให้ได้ในตอนนั้นทำไมถึงตัดสินใจแต่งงานอย่างสายฟ้าแลบ คริสเดินทางไปที่เมืองไทยทันทีที่ได้ตั๋วเครื่องบิน แม้สำนักงานใหญ่จะอยู่บอสตันแต่ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขานั้นสามารถทำงานได้จากทั่วทุกมุมโลก ทันทีที่ลงเครื่องชายหนุ่มแวะไปคือวัด เขาวางกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ไว้ตรงหน้าที่เก็บอัฐิของน้องสาว “สบายดีไหมรุ้ง” เสียงอบอุ่นแต่ก็แฝงความเจ็บปวดเอ่ยถามน้องสาวขึ้น หลังจากพ่อกับแม่เสียเขาในฐานะพี่ชายจึงรับหน้าที่เลี้ยงดูน้องสาวเพียงคนเดียวมาตั้งแต่เล็กๆ แต่เพราะครอบครัวไม่ได้สร้างธุรกิจไว้ให้สานต่อหนทางเดียวที่จะทำให้เขามีเงินคือต้องเรียนเก่งและทำงานกับบริษัทชั้นนำให้ได้ คริสทุ่มเททั้งลมหายใจและจิตวิญญาณในที่สุดก็สามารถทำได้ทุกอย่าง เวลานี้เขามีหน้าที่การงานที่มั่นคงมีเงินที่สามารถซื้ออะไรก็ได้ที่ต้องการ บ้าน รถ สินค้าแบรนด์เนมหรืออยากไปเที่ยวที่ไหนบนโลกก็ไปได้ทันที ชีวิตเขากับน้องดีขึ้นมากๆ แล้ว แต่ทำไมเวลาแห่งความสุขมันถึงแสนสั้นโดยเฉพาะปลายรุ้งที่จู่ๆ ก็ฆ่าตัวตาย ทำให้ตอนนี้เขาได้สูญเสียสมาชิกของครอบครัวเพียงคนเดียวไปแล้ว มือหนายกขึ้นขยับแว่นกันแดดเล็กน้อยก่อนจะมองรูปของน้องสาวที่เวลานี้ติดอยู่หน้าที่เก็บอัฐิภายในวัดผ่านเลนส์สีชา เมื่อสามเดือนก่อนเขาบินกลับมาเมืองไทยเพื่อร่วมงานศพของน้องสาวแล้วครั้งหนึ่ง แต่การประกาศข่าวดีของอดีตคนรักน้องสาวก็ทำให้เขาตัดสินใจบินกลับมาก่อนครบกำหนดทำบุญหนึ่งร้อยวันของปลายรุ้ง“ชุดนี้เหมาะกับคุณ สวย สง่า” ปราณเอ่ยชมว่าที่เจ้าสาวที่เวลานี้อยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย วันนี้เธอกับเขาเข้ามาที่ร้านเวดดิ้งเพื่อลองชุดกัน มีทั้งชุดแต่งงานชุดไทยที่ใช้สำหรับพิธีหมั้นและชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ทุกอย่างเขาพร้อมที่จะเนรมิตให้ว่าที่เจ้าสาวคนสวย
“ขอบคุณค่ะ” ลลิตาส่งยิ้มให้ปราณ เพราะเจ้าสาวสวยเหลือเกินทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเซลฟี่กับเธอ ซึ่งลลิตาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังเสร็จธุระจากร้านเวดดิ้งทั้งคู่ก็ตรงไปยังโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน แม้งานสำคัญครั้งนี้จะฉุกละหุกมากไปหน่อยทว่าปราณก็ใช้เงินแก้ปัญหาจนทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยอยากแต่งงานกับใครมาก่อนกระทั่งได้เจอลลิตา เธอเป็นคนจิตใจดีและไม่เคยเอาเรื่องในอดีตของเขามาเป็นกำแพง นั่นทำให้เขารู้สึกผิดที่ทำตัวเหลวแหลกและสัญญาว่าหลังจากนี้จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ให้เธอได้ภูมิใจ ระหว่างที่ลลิตาคุยกับออแกไนซ์เรื่องรายละเอียดยิบย่อยอยู่นั้น ปราณก็นำรูปที่ได้ถ่ายกับเธอไว้โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวพร้อมกับแท็กข้อความหวานๆ ให้ทุกคนที่เห็นได้อิจฉาซึ่งหนึ่งในหลายๆ คนที่เห็นรูปก็คือคริส เพราะเขาแอบตามโซเชียลมีเดียของปราณอยู่เงียบๆ มาตั้งแต่คบหากับปลายรุ้งน้องสาว “ทำไมถึงเป็นเธอ…ลลิตา”หัวใจปราณเต้นแรงและรัว อันที่จริงเขาแค่อยากบินกลับมาดูหน้าผู้ชายที่กล้าแต่งงานทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเสียไปได้ยังไม่ครบร้อยวัน แต่ทันทีที่เห็นว่าที่เจ้าสาวคนนั้นคนที่เคยทอดทิ้งเขา ไฟแค้นที่เหมือนจะดับมอดไปแล้วกลับประทุขึ้นมาในใจของคริสอย่างห้ามไม่ได้เขายอมให้ทุกคนบนบนโลกใบนี้มีความสุขได้ยกเว้นเธอ...ลลิตา ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตจะฉายวนกลับเข้ามา โดยเฉพาะวันที่ลลิตาบอกเลิกเขา“เหตุผลอิงผมอยากรู้เหตุผล”“ฉันไม่รักคุณแล้ว” “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น ทั้งๆ ที่เรารักกันมากนี่แถมยังวางแผนจะแต่งงานกัน”“เคยรักค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นให้คุณอีกแล้ว”“แล้วนั่นคุณจะไปไหน”“ฉันจะออกไปจากที่นี่”“แต่นี่มันคือบ้านของเรา”“ฉันจะทำให้มันเป็นแค่อดีตค่ะ หวังว่าต่อจากนี้ไปเราจะไม่ต้องติดต่อกันอีก”“อิง”คำตอบและการกระทำของลลิตาในวันนั้นช่างร้ายกาจ ต่อให้จะผ่านมาหลายปีแต่มันก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกเขามาจนถึงทุกวันนี้ หัวคิ้วหนาของคริสขมวดเข้าหากันยามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวดแม้อยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วหนีหาย แต่สุดท้ายก็เลือกกลืนกินความเจ็บปวดเหล่านั้นแล้วออกเดินทางมาบอสตันเพื่อเข้ารับ
“ฉันเจอคริส”“จริงหรอแล้วเจอที่ไหน” หน้าสีหน้ารวมถึงน้ำเสียงของลักขณานั้นบอกว่าเธอตกใจนั่นเพราะไม่คิดว่าคนที่ ลลิตาเอ่ยถึงจะกลับมาเมืองไทยอีก “วัด”“สงสัยจะไปจองเมรุให้ตัวเอง”“นา” ลลิตาเอ่ยปรามเพื่อนสนิท “ขอโทษที ได้ยินชื่อนี้ทีไรอารมณ์มันขึ้นตลอด ว่าแต่แกไปทำอะไรที่วัดถึงเจอกัน”“ฉันกับคุณปราณไปทำบุญ เลยบังเอิญเจอเขาที่นั่นด้วย” สีหน้าของลลิตาบ่งบอกว่าเธอกำลังเครียด การที่คริสอยู่ไกลครึ่งค่อนโลกมันทำให้เธอสบายใจได้เปลาะหนึ่งว่าคงไม่บังเอิญเจอเขาที่เมืองไทยได้ง่ายๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้สิ่งที่หวังจะไม่เป็นแบบนั้น เธอไม่รู้ว่าเขาแค่กลับมาเยี่ยมน้องสาวมาทำธุระส่วนตัวหรือเรื่องอะไร รวมถึงไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน หวังว่าความบังเอิญอย่างวันนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก “คุณปราณได้เจอด้วยไหม”“ไม่”“เจอกันแล้วเป็นไงได้คุยอะไรกันบ้าง” ลักขณาเองก็ลุ้นเหมือนกัน เพราะทั้งคู่จบไม่ค่อยสวยกันเท่าไหร่แถมยังมี…เฮ้อ คิดแล้วก็ปวดหัวตุบๆ “เขาก็ดูตกใจนะที่เจอฉัน แต่เพราะต่างอยู่ไกลกันเลยไม่ได้คุย” ลลิตายังใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงคริส หากเจอหน้ากัน ในระยะประชิดกว่านี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรั
เพราะคิดว่าลลิตายังอาศัยอยู่บ้านหลังเดิมคริสจึงตั้งใจไปเพื่อหาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มกลับคิดผิดเนื่องจากเธอย้ายออกไปได้หลายเดือนแล้ว นั่นยิ่งทำให้ไฟแค้นสุมอกถึงขนาดแอบสะกดรอยปราณเพราะมั่นใจว่าชายหนุ่มคือคนที่จะทำให้รู้ว่าตอนนี้ลลิตาอยู่ที่ไหน และสิ่งที่คริสคิดก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะในที่สุดชายหนุ่มก็รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนได้ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย”“แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้”“แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า”“ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ“ได้ยินชัดแล้วนี่”“แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือ
“ฉัน…ลลิตาค่ะ” ลลิตาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่พอใจแต่คริสก็ไม่ค้านอะไรแต่เลือกที่จะเอ่ยทักทายเธอแกมประชดประชันกลับมา“สวัสดีครับคุณลลิตา โทรหาผมแบบนี้แสดงว่าคุณตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอก” คำตอบของลลิตาทำให้คริสยิ้มออกมาตรงมุมปากเล็กน้อย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ “ดีแล้วครับที่เชื่อฟังผม เย็นวันศุกร์ผมจะไปรับที่บ้าน”“ฉันไม่สะดวกให้คุณมารับที่บ้าน เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันจะไปหาเอง”“โอเค แบบนั้นก็ได้ครับ” คริสรับคำอย่างหัวเสียนิดหน่อย เพราะพึ่งชมลลิตาไปหยกๆ เรื่องที่เธอเชื่อฟังเขา ก่อนจะบอกที่อยู่และเวลานัดหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ซึ่งมันคือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง เพราะต้องไปอยู่กับคริสเป็นเวลาสามวัน ทำให้ ลลิตาต้องหาทางโกหกปราณแม้จะไม่อยากทำแบบนั้นเลยก็ตาม โดยเธอบอกกับเขาว่ามีงานสัมนาด่วนที่ต่างจังหวัดโดยการสัมนาครั้งนี้มีนักลงทุนจากทุกมุมโลกเข้าร่วม เธอจำเป็นต้องไปจริงๆ นั่นก็เพื่อความเติบโตของบริษัทที่เธอคาดหวังว่าต้องขยายฐานการส่งออกไปอีกหลายๆ ทวีปลลิตานั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสิ่งทอ โดยสานต่
“ครับ เรื่องนั้นผมรู้ แต่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันตั้งสามวันจะรีบร้อนให้ลบคลิปไปทำไมครับ เผลอๆ คืนนี้เราอาจผลิตคลิปเพิ่ม”“ไม่มีทาง” ลลิตาแย้งกลับทันควัน ทว่าคำตอบของเธอกลับไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของคริสน้อยลงได้แม้แต่น้อย รถยนต์ส่วนตัวของชายหนุ่มยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว จุดหมายของเขาก็คือท่าเทียบเรือเพราะได้เหมาเรือสปีดโบ๊ทไว้แล้วการเดินทางไปที่เกาะเสม็ดจึงสามารถเลือกเวลาได้ตามที่เขาสะดวกคริสขับรถยิงยาวจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองโดยไม่จอดพักเลยด้วยซ้ำ ประมาณสี่ทุ่มทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือจากนั้นก็เดินทางต่อด้วยสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่พักบนเกาะชายหนุ่มอยากจองห้องพักห้องเดิมที่เคยมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับลลิตา แต่ทว่าที่ตรงนั้นกำลังปิดปรับปรุงเขาจึงได้ที่พักแห่งใหม่เป็นห้องฮันนีมูนสวีทของรีสอร์ตชื่อดังพร้อมชายหาดส่วนตัวแม้ที่พักจะสวยงามแค่ไหนแต่ความรู้สึกของลลิตากลับไร้อารมณ์ร่วมหรือคล้อยตาม ในขณะที่คริสยังคงพยายามยั่วยุลลิตาทุกครั้งที่มีโอกาสเสมอ“ฉันอยากเปิดห้องพักอีกห้อง” เพราะไม่อยากนอนห้องพักเดียวกับคริสทำให้ลลิตาเอ่ยบอกเขา“กลัวผมถึงขนาดนั้นเลยหรอ”
“เชิญ” ลลิตาหลีกทางให้คริสได้เข้าไปทำธุระในห้องน้ำบ้าง เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็รีบจัดการทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์แล้วแกล้งทำเป็นหลับทั้งๆ ที่ใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำคริสใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเพียงไม่นานก็กลับออกมา เวลานี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดนอนแสนสบายกางเกงขายาวผ้านิ่มกับเสื้อยืดสีขาว สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลลิตาที่เวลานี้อยู่บนเตียงเขารู้ว่าเธอแกล้งหลับและเขาก็จะเป็นคนปลุกให้เธอตื่น คริสเดินไปหยิบไวน์รินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มราวกับต้องการรวบรวมความกล้า จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงโดยวางมือถือไว้อยู่ข้างตัวเสมอ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกง่วงมากอย่างผิดสังเกตก่อนจะฟุบหลับทั้งๆ ที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงลลิตาทิ้งเวลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองคนข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขานั่งหลับอย่างหมดสภาพจึงยิ้มออกมาไม่คิดว่าแผนของเธอจะสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วพาตัวเองลงจากเตียงจากนั้นก็เดินอ้อมมาฝั่งที่คริสอยู่แล้วยื่นมือไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเขามาถือไว้ทันทีที่ลลิตากดเปิดหน้าจอก็พบว่ามันล็อค เธอร
เวลานี้ชายหนุ่มยังคงถาโถมเข้าหาเธอ ทั้งจูบทั้งสัมผัสนอกจากปากอิ่มแสนหวานอีกจุดหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของคริสได้เป็นอย่างดีคือหน้าอกคู่สวยของลลิตาเพราะแบบนั้นเขาจึงให้เวลากับมันมากเป็นพิเศษ ชุดนอนที่ลลิตาสวมอยู่ตอนนี้หลุดลุ่ยและเกะกะ คริสจึงจัดการถอดมันออกอย่างไร้ความปราณีเพราะต่อให้จะขาดติดมือเขาก็ไม่แยแส ตามด้วยเสื้อผ้าบนตัวของเขาร่างกายหรือเปล่าของคริสยังคงสวยงามและสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ร่างกายของลลิตาก็เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง เรือนร่างของเธอก็ยังคงสวยงามไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน“ออกไปนะ”“ยังไม่ทันจะส่งเข้าไปเลยก็ใจร้อนไล่ให้ออกแล้วเหรอ หืม” คำพูดของคริสทำให้ร่างกายของลลิตาร้อนผ่าวและความร้อนนั้นก็ถูกส่งมาให้คริสเช่นกัน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นร่างกายที่แสนคุ้นเคยและคุ้นตาของ ลลิตาแต่เพราะพายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ ทำให้คริสครอบครองลลิตาทั้งๆ ที่ยังเล้าโลมเธอได้ไม่มากพอ การกระทำแบบนั้นทำให้ลลิตาเจ็บ เพราะตั้งแต่เลิกรากับเขาเธอก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับใคร แม้กระทั่งว่าที่เจ้าบ่าวอย่างปราณก็เช่นกัน แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นจนร่างกายรับรู้ได้นั้นดูเหมือน
“ให้ตอบใหม่ มีหรือไม่มี” เพราะไม่เชื่อว่าคำตอบแรกของลลิตานั่นคือเรื่องจริง ทำให้คริสเลือกที่จะเปิดโอกาสให้เธอพูดใหม่พร้อมกับยังคงเคลื่อนไหวร่างกายเข้าหาอย่างต่อเนื่อง“มะ...ไม่มี อา” ท้ายคำตอบของลลิตคือเสียงที่ คริสอยากได้ยิน เธอต้องถูกเขาร่ายมนต์ใส่แน่ๆ ถึงได้ตอบความจริงออกไปแบบนี้ “เหมือนกัน” คริสตอบเพียงแค่นั้นแล้วโน้มตัวลงไปจูบปากอิ่มที่กำลังบวมเจ่อของเธอ เวลานี้ลลิตาจึงถูกเขารุกทั้งสองทางซึ่งแต่ล่ะทางนั้นช่างวาบหวามและเสียวซ่านจนเธอสะท้าน กว่าบทสวาทอันร้อนแรงของคริสแต่ล่ะครั้งจะผ่านพ้นไปลลิตาก็แทบหมดเรี่ยวแรง แม้จะบอกว่าเหนื่อยแม้จะบอกว่าขอพัก แต่ดูเหมือนคริสจะปัดตกคำขอร้องเหล่านั้นของเธออย่างไม่ไยดีด้วยซ้ำ นั่นเพราะคริสยังคงกลืนกินลลิตาราวกับต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้เลิกรากันไป คริสตื่นมาในวันรุ่งขึ้นแต่กลับไม่พบว่าลลิตาอยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่เธอควรจะอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่ใช่หรือนั่นทำให้ชายหนุ่มลนลานลงจากเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับย่นจากกิจกรรมสุดร้อนแรงเมื่อคืน แล้วเดินตามหาเธอจนทั่วทั้งห้อง ทว่ากับไม่พบ“กระเป๋าเดินทางยังอยู่ แล้วตัวหายไปไหน” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง แต