“นี่มันบ้าอะไรกัน” คริสทุบโต๊ะทำงานดังปัง เมื่อเห็นข่าวว่าอดีตคนรักของน้องสาวประกาศแต่งงานในเร็ววันนี้ ทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเพิ่งเสียชีวิตและยังไม่ได้ทำบุญครบหนึ่งร้อยวันเสียด้วยซ้ำขนาดเขายังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับมีความสุขถึงขนาดจะแต่งงานสร้างครอบครัว แบบนั้นมันยุติธรรมแล้วหรือ รวมไปถึงอยากรู้นักว่าผู้หญิงที่ว่าเป็นใคร นั่นทำให้คริสเลื่อนวันเดินทางไปเมืองไทยให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย“ค่ะบอส”“จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยให้ผมหน่อย”“บอสจะเดินทางวันไหนคะ”“เร็วที่สุด”“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการให้” เมื่อสั่งงานเลขาส่วนตัวแล้ว ผู้บริหารหนุ่มที่รับผิดชอบดูแลธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติค่อยๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานเขาย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้สี่ปีแล้วแม้จะไกลบ้านเกิดและไกลจากน้องสาวที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาก็ตาม แต่ช่วงแรกที่มาคริสเหมือนคนบ้า การย้ายมาอยู่ไกลบ้านแถมยังถูกคนรักบอกเลิกอย่างเย็นชาทำให้เขารู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น งานก็ต้องเรียนรู้และรับผิดชอบ กว่าที่เขาจะพาตัวเองก้าวผ่านทุกอย่างในช่วงเวลานั้นมาได้ก็สาหัสไม่น้อย งานเขากำลังรุ่งส่วนเรื่องค
หัวใจปราณเต้นแรงและรัว อันที่จริงเขาแค่อยากบินกลับมาดูหน้าผู้ชายที่กล้าแต่งงานทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเสียไปได้ยังไม่ครบร้อยวัน แต่ทันทีที่เห็นว่าที่เจ้าสาวคนนั้นคนที่เคยทอดทิ้งเขา ไฟแค้นที่เหมือนจะดับมอดไปแล้วกลับประทุขึ้นมาในใจของคริสอย่างห้ามไม่ได้เขายอมให้ทุกคนบนบนโลกใบนี้มีความสุขได้ยกเว้นเธอ...ลลิตา ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตจะฉายวนกลับเข้ามา โดยเฉพาะวันที่ลลิตาบอกเลิกเขา“เหตุผลอิงผมอยากรู้เหตุผล”“ฉันไม่รักคุณแล้ว” “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น ทั้งๆ ที่เรารักกันมากนี่แถมยังวางแผนจะแต่งงานกัน”“เคยรักค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นให้คุณอีกแล้ว”“แล้วนั่นคุณจะไปไหน”“ฉันจะออกไปจากที่นี่”“แต่นี่มันคือบ้านของเรา”“ฉันจะทำให้มันเป็นแค่อดีตค่ะ หวังว่าต่อจากนี้ไปเราจะไม่ต้องติดต่อกันอีก”“อิง”คำตอบและการกระทำของลลิตาในวันนั้นช่างร้ายกาจ ต่อให้จะผ่านมาหลายปีแต่มันก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกเขามาจนถึงทุกวันนี้ หัวคิ้วหนาของคริสขมวดเข้าหากันยามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวดแม้อยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วหนีหาย แต่สุดท้ายก็เลือกกลืนกินความเจ็บปวดเหล่านั้นแล้วออกเดินทางมาบอสตันเพื่อเข้ารับ
“ฉันเจอคริส”“จริงหรอแล้วเจอที่ไหน” หน้าสีหน้ารวมถึงน้ำเสียงของลักขณานั้นบอกว่าเธอตกใจนั่นเพราะไม่คิดว่าคนที่ ลลิตาเอ่ยถึงจะกลับมาเมืองไทยอีก “วัด”“สงสัยจะไปจองเมรุให้ตัวเอง”“นา” ลลิตาเอ่ยปรามเพื่อนสนิท “ขอโทษที ได้ยินชื่อนี้ทีไรอารมณ์มันขึ้นตลอด ว่าแต่แกไปทำอะไรที่วัดถึงเจอกัน”“ฉันกับคุณปราณไปทำบุญ เลยบังเอิญเจอเขาที่นั่นด้วย” สีหน้าของลลิตาบ่งบอกว่าเธอกำลังเครียด การที่คริสอยู่ไกลครึ่งค่อนโลกมันทำให้เธอสบายใจได้เปลาะหนึ่งว่าคงไม่บังเอิญเจอเขาที่เมืองไทยได้ง่ายๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้สิ่งที่หวังจะไม่เป็นแบบนั้น เธอไม่รู้ว่าเขาแค่กลับมาเยี่ยมน้องสาวมาทำธุระส่วนตัวหรือเรื่องอะไร รวมถึงไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน หวังว่าความบังเอิญอย่างวันนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก “คุณปราณได้เจอด้วยไหม”“ไม่”“เจอกันแล้วเป็นไงได้คุยอะไรกันบ้าง” ลักขณาเองก็ลุ้นเหมือนกัน เพราะทั้งคู่จบไม่ค่อยสวยกันเท่าไหร่แถมยังมี…เฮ้อ คิดแล้วก็ปวดหัวตุบๆ “เขาก็ดูตกใจนะที่เจอฉัน แต่เพราะต่างอยู่ไกลกันเลยไม่ได้คุย” ลลิตายังใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงคริส หากเจอหน้ากัน ในระยะประชิดกว่านี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรั
เพราะคิดว่าลลิตายังอาศัยอยู่บ้านหลังเดิมคริสจึงตั้งใจไปเพื่อหาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มกลับคิดผิดเนื่องจากเธอย้ายออกไปได้หลายเดือนแล้ว นั่นยิ่งทำให้ไฟแค้นสุมอกถึงขนาดแอบสะกดรอยปราณเพราะมั่นใจว่าชายหนุ่มคือคนที่จะทำให้รู้ว่าตอนนี้ลลิตาอยู่ที่ไหน และสิ่งที่คริสคิดก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะในที่สุดชายหนุ่มก็รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนได้ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย”“แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้”“แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า”“ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ“ได้ยินชัดแล้วนี่”“แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือ
“ฉัน…ลลิตาค่ะ” ลลิตาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่พอใจแต่คริสก็ไม่ค้านอะไรแต่เลือกที่จะเอ่ยทักทายเธอแกมประชดประชันกลับมา“สวัสดีครับคุณลลิตา โทรหาผมแบบนี้แสดงว่าคุณตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอก” คำตอบของลลิตาทำให้คริสยิ้มออกมาตรงมุมปากเล็กน้อย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ “ดีแล้วครับที่เชื่อฟังผม เย็นวันศุกร์ผมจะไปรับที่บ้าน”“ฉันไม่สะดวกให้คุณมารับที่บ้าน เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันจะไปหาเอง”“โอเค แบบนั้นก็ได้ครับ” คริสรับคำอย่างหัวเสียนิดหน่อย เพราะพึ่งชมลลิตาไปหยกๆ เรื่องที่เธอเชื่อฟังเขา ก่อนจะบอกที่อยู่และเวลานัดหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ซึ่งมันคือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง เพราะต้องไปอยู่กับคริสเป็นเวลาสามวัน ทำให้ ลลิตาต้องหาทางโกหกปราณแม้จะไม่อยากทำแบบนั้นเลยก็ตาม โดยเธอบอกกับเขาว่ามีงานสัมนาด่วนที่ต่างจังหวัดโดยการสัมนาครั้งนี้มีนักลงทุนจากทุกมุมโลกเข้าร่วม เธอจำเป็นต้องไปจริงๆ นั่นก็เพื่อความเติบโตของบริษัทที่เธอคาดหวังว่าต้องขยายฐานการส่งออกไปอีกหลายๆ ทวีปลลิตานั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสิ่งทอ โดยสานต่
“ครับ เรื่องนั้นผมรู้ แต่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันตั้งสามวันจะรีบร้อนให้ลบคลิปไปทำไมครับ เผลอๆ คืนนี้เราอาจผลิตคลิปเพิ่ม”“ไม่มีทาง” ลลิตาแย้งกลับทันควัน ทว่าคำตอบของเธอกลับไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของคริสน้อยลงได้แม้แต่น้อย รถยนต์ส่วนตัวของชายหนุ่มยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว จุดหมายของเขาก็คือท่าเทียบเรือเพราะได้เหมาเรือสปีดโบ๊ทไว้แล้วการเดินทางไปที่เกาะเสม็ดจึงสามารถเลือกเวลาได้ตามที่เขาสะดวกคริสขับรถยิงยาวจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองโดยไม่จอดพักเลยด้วยซ้ำ ประมาณสี่ทุ่มทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือจากนั้นก็เดินทางต่อด้วยสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่พักบนเกาะชายหนุ่มอยากจองห้องพักห้องเดิมที่เคยมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับลลิตา แต่ทว่าที่ตรงนั้นกำลังปิดปรับปรุงเขาจึงได้ที่พักแห่งใหม่เป็นห้องฮันนีมูนสวีทของรีสอร์ตชื่อดังพร้อมชายหาดส่วนตัวแม้ที่พักจะสวยงามแค่ไหนแต่ความรู้สึกของลลิตากลับไร้อารมณ์ร่วมหรือคล้อยตาม ในขณะที่คริสยังคงพยายามยั่วยุลลิตาทุกครั้งที่มีโอกาสเสมอ“ฉันอยากเปิดห้องพักอีกห้อง” เพราะไม่อยากนอนห้องพักเดียวกับคริสทำให้ลลิตาเอ่ยบอกเขา“กลัวผมถึงขนาดนั้นเลยหรอ”
“เชิญ” ลลิตาหลีกทางให้คริสได้เข้าไปทำธุระในห้องน้ำบ้าง เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็รีบจัดการทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์แล้วแกล้งทำเป็นหลับทั้งๆ ที่ใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำคริสใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเพียงไม่นานก็กลับออกมา เวลานี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดนอนแสนสบายกางเกงขายาวผ้านิ่มกับเสื้อยืดสีขาว สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลลิตาที่เวลานี้อยู่บนเตียงเขารู้ว่าเธอแกล้งหลับและเขาก็จะเป็นคนปลุกให้เธอตื่น คริสเดินไปหยิบไวน์รินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มราวกับต้องการรวบรวมความกล้า จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงโดยวางมือถือไว้อยู่ข้างตัวเสมอ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกง่วงมากอย่างผิดสังเกตก่อนจะฟุบหลับทั้งๆ ที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงลลิตาทิ้งเวลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองคนข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขานั่งหลับอย่างหมดสภาพจึงยิ้มออกมาไม่คิดว่าแผนของเธอจะสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วพาตัวเองลงจากเตียงจากนั้นก็เดินอ้อมมาฝั่งที่คริสอยู่แล้วยื่นมือไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเขามาถือไว้ทันทีที่ลลิตากดเปิดหน้าจอก็พบว่ามันล็อค เธอร
เวลานี้ชายหนุ่มยังคงถาโถมเข้าหาเธอ ทั้งจูบทั้งสัมผัสนอกจากปากอิ่มแสนหวานอีกจุดหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของคริสได้เป็นอย่างดีคือหน้าอกคู่สวยของลลิตาเพราะแบบนั้นเขาจึงให้เวลากับมันมากเป็นพิเศษ ชุดนอนที่ลลิตาสวมอยู่ตอนนี้หลุดลุ่ยและเกะกะ คริสจึงจัดการถอดมันออกอย่างไร้ความปราณีเพราะต่อให้จะขาดติดมือเขาก็ไม่แยแส ตามด้วยเสื้อผ้าบนตัวของเขาร่างกายหรือเปล่าของคริสยังคงสวยงามและสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ร่างกายของลลิตาก็เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง เรือนร่างของเธอก็ยังคงสวยงามไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน“ออกไปนะ”“ยังไม่ทันจะส่งเข้าไปเลยก็ใจร้อนไล่ให้ออกแล้วเหรอ หืม” คำพูดของคริสทำให้ร่างกายของลลิตาร้อนผ่าวและความร้อนนั้นก็ถูกส่งมาให้คริสเช่นกัน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นร่างกายที่แสนคุ้นเคยและคุ้นตาของ ลลิตาแต่เพราะพายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ ทำให้คริสครอบครองลลิตาทั้งๆ ที่ยังเล้าโลมเธอได้ไม่มากพอ การกระทำแบบนั้นทำให้ลลิตาเจ็บ เพราะตั้งแต่เลิกรากับเขาเธอก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับใคร แม้กระทั่งว่าที่เจ้าบ่าวอย่างปราณก็เช่นกัน แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นจนร่างกายรับรู้ได้นั้นดูเหมือน
เมื่อทานข้าวกันเสร็จทั้งสามก็กลับเข้าบ้าน ลลิตาจ้องมองคริสคล้ายจะมีอะไรจะพูดกับเขากระทั่งสบโอกาสจึงเอ่ยขึ้น “คุณยังไม่บอกโอบหรือคะว่าเป็นพ่อของแก” “ยังครับ” “ทำไมคะ” นั่นเพราะลลิตาคิดว่าช่วงที่เธอไม่อยู่ คริสอาจคุยกับโอบรักแล้วเสียอีก “ผมอยากให้คุณเป็นคนบอกลูกมากกว่า” “ขอบคุณ” ลลิตาส่งยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ “ผมรอได้ รอจนกว่าอิงจะมั่นใจในตัวผม ถึงตอนนั้นค่อยบอกลูกก็ไม่เป็นไร” คริสส่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ ลลิตาจึงเดินเข้าไปหาแล้วโอบกอดเขา ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันนี่คือครั้งแรกที่ลลิตาสวมกอดชายหนุ่มก่อน ในคืนนั้นเธออาศัยจังหวะพาลูกชายเข้านอนเอ่ยเรื่องสำคัญขึ้น “โอบครับ จำได้ไหมว่าลูกเคยถามแม่ว่าพ่อของหนูเป็นใครหน้าตาเป็นแบบไหน” “จำได้” “พ่อของโอบคือคนนี้ครับลูก” ลลิตาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้ลูกชาย ซึ่งเธอได้เปิดรูปของคริสค้างไว้บนหน้าจอ
นั่นจึงเป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่โอบรักได้กลับมานอนที่ห้องนอนตัวแอง หลังจากเอาลูกนอนเสร็จเธอก็ลงไปหาคริสที่ห้องแขก“ลูกนอนแล้วเหรอครับ”“ค่ะ”“คุณหมอกับคุณนาก็พึ่งจะกลับไปเมื่อกี้”“คุณก็ควรกลับได้แล้ว”“แต่ผมเผลอดื่มไปหลายแก้วตอนนี้เลยมึนๆ สงสัยจะเมา แบบนั้นขับรถจะยิ่งอันตราย” คนแกล้งเมากุเรื่องขึ้นเพื่อจะได้นอนค้างที่นี่แม้จะอยากไล่ให้ชายหนุ่มกลับแต่ก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา สุดท้ายลลิตาก็ยอมให้คริสนอนค้างด้วยแต่เขาต้องนอนในห้องรับแขกเท่านั้น พอรู้ว่าเธออนุญาตชายหนุ่มก็พยักหน้ารับทันทีลลิตานำเครื่องนอนออกมาปูให้เขา ทว่าคนเจ้าเล่ห์กลับใช้จังหวะนั้นรวบตัวเธอเข้ามากอดแล้วซุกไซ้ปากร้อนๆ รวมถึงจมูกโด่งลงไปสัมผัสพวงแก้มรวมถึงลำคอระหงของเธอ“จะทำอะไรคะ” รู้ทั้งรู้แต่ลลิตาก็เผลอถามออกไป“ทำรัก”“เดี๋ยวลูกตื่น”
“คุณลุง”“ครับ”“โอบคิดถึงแม่” น้ำเสียงของโอบรักสั่นเครือเพราะทนความคิดถึงที่มีต่อลลิตามาหลายวันแล้ว สุดท้ายก็ทนต่อไปไม่ไหว“ลุงก็คิดถึงครับ แต่ตอนนี้โทรหาแม่ไม่ได้เพราะดึกแล้ว ไว้รอพรุ่งนี้เช้าเราค่อยโทรหานะ”“แต่โอบอยากคุยกับแม่ตอนนี้ โอบคิดถึง”“ลุงรู้ครับ” คริสสวมกอดเด็กชายไว้ เขาเข้าใจความคิดถึงดีว่ามันมีพลังมากแค่ไหน “เดี๋ยวลุงเล่านิทานให้ฟังดีไหม”“ไม่ โอบจะคุยกับแม่” เด็กชายวัยยังไม่ครบสี่ขวบงอแงอย่างหนัก ซึ่งเป็นความงอแงที่คริสไม่เคยเจอมาก่อน นั่นทำให้เขาเริ่มลนลานแต่คนที่อยู่เมืองจีนเหมือนรู้ว่าคริสกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะจู่ๆ ลลิตาก็โทรมาเธอคุยกับลูกปลอบลูกจนโอบรักหายคิดถึง จากเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ นั่นทำให้คริสถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหนักๆลลิตาคุยกับลูกกระทั่งโอบรักหลับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางสาย คริสจึงค่อยๆ ดึงโทรศัพท์ออกมามือเด็กชายจากนั้นก็คุยกับเธอต่อ“เป็นไงบ้างครับ&r
การทดเวลาบาดเจ็บที่ลักขณาขอให้คริสได้เกิดขึ้นเรื่อยๆ จากห้านาทีชายหนุ่มก็อยู่ได้ถึงสิบนาทีขยับไปเป็นครึ่งชั่วโมงหนึ่งชั่วโมงและหลักสุดคือขอนอนค้างด้วยแม้ ลลิตาจะไม่ยอมก็ตาม“เอาไงต่อ”“เอาไงเรื่องอะไร”“อย่ามาเฉไฉ รู้ๆ อยู่ว่าฉันพูดถึงใคร” ลักขณาจ้องตาลลิตาตรงๆ รายนี้โกหกไม่เก่งต้องหลุดบ้างแหละ ซึ่งมันก็จริงเพราะคนถูกจ้องอยู่ๆ ก็หันมองทางอื่นแทน“กำลังดูๆ อยู่”“อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่สนใจ”“เขาเข้ากับน้องโอบได้ดีกว่าที่ฉันคิด”“ถามตรงๆ เลยแล้วกัน แกยังรักคุณคริสอยู่ใช่ไหม”“ไม่รู้แต่ก็ยอมรับว่ามันมีเยื่อบางๆ ที่ฉันตัดไม่ขาดเสียที ยิ่งเห็นลูกก็ยิ่งนึกถึงเขา ทั้งโกรธทั้งแค้นทั้ง…นั่นแหละ” ลลิตาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง แต่พอรู้ว่าทุกอย่างคือการปั้นน้ำให้เป็นตัวของปลายรุ้งที่เวลานี้เสียชีวิตไปแล้วใจเธอก็เบาขึ้น ตอนนั้นทั้งเธอทั้งคริสต่างก็มีค
“ผมรู้ คุณอยากตบอยากตีผมอีกสักกี่ครั้งก็ได้ เอาเลย” คริสคว้ามือของลลิตาขึ้นมาตบหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง แรงบ้างหนักบ้างก่อนที่เธอจะดึงมือตัวเองกลับ“เดี๋ยวฉันไปดูน้องโอบให้ ส่วนแกกับคุณคริสก็ปรับความเข้าใจกันไปก่อนนะ” ลักขณาเปิดโอกาสให้คริสและลลิตาได้ปรับความเข้าใจกันตามลำพัง หวังว่าเยื่อใยความรักของพวกเขาจะยังมีมากพอจนทำลายความรู้สึกที่ไม่ดีในอดีตได้“จะไปไหนอิง”“กลับไปหาลูก ส่วนคุณก็กลับไปได้แล้ว”“ก่อนกลับ ผมขอเข้าไปหาลูกด้วยได้ไหม” คริสร้องขออย่างน่าสงสาร“ไม่ได้”“ผมรู้ว่าคุณยังโกรธแต่อย่างที่บอกว่ามันคือการเข้าใจผิด ในเมื่อเข้าใจผิดเราเจ๊ากันไม่ได้เหรอ”“พูดง่ายไปหรือเปล่า” ลลิตาจ้องตาคริสด้วยความโมโห พูดออกมาได้ยังไงว่าให้เจ๊ากัน“ง่ายๆ แบบนี้แหละดีแล้ว ผมรักอิงนะเพราะรักถึงยังเจ็บปวด” ขณะเอ่ยนั้นคริสก็ขยับเข้ามาใกล้กับลลิตา จากนั้นก็รวบตัวเข้ามากอด“จะทำอะไร”“จูบ”
“คิดไว้แล้วเชียวว่าคุณต้องอยู่ที่นี่”“นา อิงอยู่ไหน ผมติดต่ออิงไม่ได้เลย” คริสปักหลักอยู่ที่หน้าบ้านของลลิตาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าของอีกวัน ใบหน้าของชายหนุ่มดูหม่นหมองจากความเครียดและความสำนึกผิดลักขณาตัดสินใจเมื่อคืนว่าจะพูดทุกอย่างและมาหาเขาที่บ้านของลลิตาเพราะมั่นใจว่าคริสต้องอยู่ที่นี่ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คิด“โรงพยาบาลค่ะ”“เด็กคนนั้นคือลูกของผมกับอิงใช่ไหม”“ค่ะ” แม้จะไม่รู้ว่าคริสรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรแต่ลักขณาก็ไม่คิดที่จะปิดบังเขาอีกแล้ว กลับรู้สึกผิดจนเจ็บไปทั้งใจ ลลิตาท้องแต่เธอกลับไม่ปริปากบอกเรื่องลูกกับเขา“ผู้หญิงผู้ชาย”“ผู้ชายค่ะ ชื่อน้องโอบอายุสามขวบเศษ”“แล้วแกเป็นอะไรถึงต้องอยู่โรงพยาบาล”“โรคหัวใจอ่อนแอตั้งแต่เกิด วันก่อนแกล้มหัวฟาดพื้นหมอเพิ่งผ่าตัดช่วยชีวิตได้สำเร็จ รวมทั้งการผ่าตัดหัวใจก็ลุล่ว
ลลิตาไม่ได้ไปไหนเธอยังอยู่ที่โรงพยาบาลรวมถึงเห็นสายโทรเข้าจากคริสแล้วแต่เลือกที่จะไม่รับสาย หญิงสาวร้องไห้ออกมากับโชคชะตาของตัวเอง เธออยากหลุดพ้นจากความอึดอัดที่แสนจะบีบคั้นจนทำให้หายใจไม่ออกนี่เหลือเกิน อยากปล่อยมือจากทุกอย่างแต่คนที่รั้งให้เธอลุกขึ้นก็คือเด็กชายที่เวลานี้หลับอยู่บนเตียงคนไข้การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดีและตอนนี้ร่างกายของโอบรักก็ค่อยๆ ฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ลูกชายของเธอเข้มแข็งกว่าคนเป็นแม่อย่างเธอเสียอีก“คุณหมอ” น้ำเสียงของคนเริ่มจะเมาทักขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย ไม่รู้เพราะอะไรเพื่อนเธอก็มีอีกตั้งหลายคนทว่าลักขณากลับเลือกจะโทรหาหมอกวิน“ครับคุณนา” ต่อให้อีกฝ่ายยังไม่ได้แนะนำตัวแต่กวินก็จำเสียงของลักขณาได้“คุณหมอทำงานอยู่หรือเปล่าคะ”“เปล่าครับผมพึ่งออกเวร”“คุณหมอบอกใช่ไหมว่าถ้าฉันมีเรื่องระบายให้โทรหา”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับอย่างเต็มใจ “ตอนนี้คุณนาอยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปหา”“ร้านเหล้านะคะ คุณหมอมาได้หรอ”
“ผมเองก็ไม่รู้”“ถามจริงๆ นะ จะโกรธกันก็ยอม น้องสาวคุณมีความผิดปกติด้านความคิดอะไรหรือเปล่า” คำถามของลักขณาสะกิดความรู้สึกของคริสเข้าอย่างจังและพอจะเดาต้นตอออกว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ทำไมปลายรุ้งถึงคิดและทำแบบนั้น“ผมพึ่งมารู้หลังจากย้ายไปอยู่อเมริกาว่าน้องสาวป่วยเป็นซึมเศร้าครับ แกหวงผมมากกระทั่งมีความรักก็หวงคนรักที่คบอยู่ในตอนนั้นและมักจะพยายามฆ่าตัวตายมาอยู่หลายครั้ง ซึ่งแฟนของเธอก็ช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้งกระทั่งครั้งสุดท้ายที่ไปช่วยไม่ทันจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต”“ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” ลักขณาเองก็มีความลับอยากบอกคริส แต่กลับไม่กล้าพอที่จะพูด“ถ้าต้นเหตุเกิดจากรุ้ง ผมก็ยังรู้สึกผิดที่เชื่อว่านั่นคือเรื่องจริง เชื่อถึงขนาดไม่ถามอิง”“หูเบากันทั้งคู่นั่นแหละ เพราะสถานการณ์ในตอนนั้นมันประจวบเหมาะที่จะทำให้เข้าใจผิดกันมากนี่คะ คนหนึ่งบินไปต่างประเทศอีกคนป่วยจนถูกหามเข้าโรงพยาบาล” ลักขณาถอนหายใจออกมาหนักๆ พอได้ฟังและลองจับต้
เพราะงานด่วนทำให้หลังจากจอดรถส่งลลิตาที่หน้าโรงพยาบาลเสร็จคริสต้องบินไปฮ่องกงทันที นั่นทำให้เขาหายหน้าหายตาไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ เพราะงานที่รัดตัวทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลาโทรหาเธอเช่นกันแต่ก็ยอมรับว่าคิดถึง ทันทีที่ลงเครื่องจึงตรงมาหาลลิตาที่บ้าน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่อยู่“หายไปไหน” คริสพึมพำออกมาพร้อมกับชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านของลลิตา ก่อนจะโทรหาเธอทว่า ลลิตากลับไม่ยอมรับสาย ชายหนุ่มรออยู่แบบนั้นนานหลายชั่วโมงกระทั่งตัดสินใจจะไปหาลักขณาแทน หวังว่าเธอยังอยู่ที่คอนโดมิเนียมเดิมซึ่งโชคก็ยังเข้าชายหนุ่มอยู่บ้างเพราะเขาได้เจอเธอที่หน้าล็อบบี้คอนโดมิเนียมเข้าจริงๆ“นา”“คุณคริส” ลักขณาตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอกับ คริสที่นี่ นี่มันวันอะไรของเธอแค่หิวแล้วลงมาเอาของที่ไรเดอร์มาส่งต้องมาเจอโจทย์กับเก่าเชียวเหรอ“ผมติดต่ออิงไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเธอไม่สบายหรือเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของคริสนั้นอ่อนโยนไม่ได้ห้วนแต่อย่างใด ตลอดเวลาที่เขาอยู่ฮ่องกงไม่มีเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงลลิตา เขาใช้เวลานั้นนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่าแ