หัวใจปราณเต้นแรงและรัว อันที่จริงเขาแค่อยากบินกลับมาดูหน้าผู้ชายที่กล้าแต่งงานทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเสียไปได้ยังไม่ครบร้อยวัน แต่ทันทีที่เห็นว่าที่เจ้าสาวคนนั้นคนที่เคยทอดทิ้งเขา ไฟแค้นที่เหมือนจะดับมอดไปแล้วกลับประทุขึ้นมาในใจของคริสอย่างห้ามไม่ได้
เขายอมให้ทุกคนบนบนโลกใบนี้มีความสุขได้ยกเว้นเธอ...ลลิตา ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตจะฉายวนกลับเข้ามา โดยเฉพาะวันที่ลลิตาบอกเลิกเขา“เหตุผลอิงผมอยากรู้เหตุผล”
“ฉันไม่รักคุณแล้ว” “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น ทั้งๆ ที่เรารักกันมากนี่แถมยังวางแผนจะแต่งงานกัน” “เคยรักค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นให้คุณอีกแล้ว” “แล้วนั่นคุณจะไปไหน” “ฉันจะออกไปจากที่นี่” “แต่นี่มันคือบ้านของเรา” “ฉันจะทำให้มันเป็นแค่อดีตค่ะ หวังว่าต่อจากนี้ไปเราจะไม่ต้องติดต่อกันอีก” “อิง” คำตอบและการกระทำของลลิตาในวันนั้นช่างร้ายกาจ ต่อให้จะผ่านมาหลายปีแต่มันก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกเขามาจนถึงทุกวันนี้ หัวคิ้วหนาของคริสขมวดเข้าหากันยามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวด แม้อยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วหนีหาย แต่สุดท้ายก็เลือกกลืนกินความเจ็บปวดเหล่านั้นแล้วออกเดินทางมาบอสตันเพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เขาใฝ่ฝันว่าอยากร่วมงานด้วย งานรุ่งแต่รักพัง พังชนิดไม่เป็นท่า พังจนทำให้เขาขยาดและไม่คิดจะรักใครอีกแต่แล้วความบังเอิญก็ทำให้คนสองคนได้เจอหน้ากัน แม้สถานที่จะร่มเย็นเพราะอยู่ใต้ร่มพระพุทธศาสนาทว่าจิตใจของพวกเขากลับร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา ต่อให้จะไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่คำเดียวก็ตาม
“มองอะไรอยู่หรือครับคุณอิง” เพราะเห็นว่าลลิตากำลังเพ่งมองอะไรบางอย่างอยู่หนำซ้ำยังแสดงสีหน้าตกใจแบบนั้นอีกด้วย ทำให้ปราณเอ่ยถามขึ้น “อะ…เอ่อ เปล่าค่ะไม่มีอะไร” “กลับกันเถอะครับ ฝนตั้งเค้ามาแล้ว” “ค่ะ” ลลิตาเอ่ยรับ เธออาจตาฝาดไปเองคนเดียวก็ได้ที่มองเห็นคริสที่หน้ากุฎิแบบนั้น เพราะถ้าเดาไม่ผิดตอนนี้เขาต้องอยู่ต่างประเทศสิ แต่ภาพที่เห็นก็ยังติดตา ลลิตาอยู่โดยเฉพาะภาพขณะที่อีกฝ่ายพนมมือก้มกราบท่านเจ้าอาวาสที่เธอกับปราณพึ่งไปพบก่อนหน้านี้ “ทำบุญแล้วสบายใจขึ้นไหม” ปราณเอ่ยถามเพราะจู่ๆ ลลิตาก็เอ่ยบอกว่าอยากไปทำบุญเขาจึงพาเธอมาที่นี่ “ค่ะ คุณปราณรู้จักที่วัดนี้ได้ยังไงหรือคะ” “คนที่ผมรักอยู่ที่นั่นนะครับ” แม้คำพูดของปราณจะฟังดูกำกวมแต่เวลานี้ลลิตากลับไม่มีกระจิตกระใจจะถามถึงรายละเอียดเพราะเอาแต่คิดถึงคริส“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่โยม” เจ้าอาวาสเอ่ยถาม คริสอย่างคนคุ้นเคย นั่นเพราะได้ทำความรู้จักกันเมื่อครั้งที่คริสมาจัดการเรื่องงานศพของน้องสาวแล้วกำลังดิ่งในห้วงของความทุกข์อย่างแสนสาหัส ท่านจึงพยายามชี้แนะให้หาทางออก
“วันสองวันได้แล้วครับหลวงพ่อ” “สุขกายสบายใจดีไหม” “ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยรับ แม้จะไม่สุขกายสบายใจเสียทีเดียวก็ตาม “แล้วนี่จะอยู่เมืองไทยกี่วัน” “ประมาณหนึ่งเดือนครับ ตั้งใจว่าจะอยู่ทำบุญครบร้อยวันน้องสาวก่อนค่อยกลับ” “จะครบหนึ่งร้อยวันแล้วเหรอ วันเวลาช่างผ่านไปเร็วว่าไหม ถ้าว่างจากงานก็แวะมาคุยกับอาตมาได้ตลอดนะ” “ครับ” คริสพนมมือแล้วกราบเจ้าอาวาสอีกครั้ง เขายังจดจำวันแห่งการสูญเสียนั้นได้ดีว่าจิตใจจมดิ่งมากขนาดไหน ถ้าไม่ได้พระท่านช่วยดึงสติป่านนี้ก็อาจทำอะไรบ้าๆ ไปแล้ว เช่นฆ่าใครบางคน“ฉันเจอคริส”“จริงหรอแล้วเจอที่ไหน” หน้าสีหน้ารวมถึงน้ำเสียงของลักขณานั้นบอกว่าเธอตกใจนั่นเพราะไม่คิดว่าคนที่ ลลิตาเอ่ยถึงจะกลับมาเมืองไทยอีก “วัด”“สงสัยจะไปจองเมรุให้ตัวเอง”“นา” ลลิตาเอ่ยปรามเพื่อนสนิท “ขอโทษที ได้ยินชื่อนี้ทีไรอารมณ์มันขึ้นตลอด ว่าแต่แกไปทำอะไรที่วัดถึงเจอกัน”“ฉันกับคุณปราณไปทำบุญ เลยบังเอิญเจอเขาที่นั่นด้วย” สีหน้าของลลิตาบ่งบอกว่าเธอกำลังเครียด การที่คริสอยู่ไกลครึ่งค่อนโลกมันทำให้เธอสบายใจได้เปลาะหนึ่งว่าคงไม่บังเอิญเจอเขาที่เมืองไทยได้ง่ายๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้สิ่งที่หวังจะไม่เป็นแบบนั้น เธอไม่รู้ว่าเขาแค่กลับมาเยี่ยมน้องสาวมาทำธุระส่วนตัวหรือเรื่องอะไร รวมถึงไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน หวังว่าความบังเอิญอย่างวันนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก “คุณปราณได้เจอด้วยไหม”“ไม่”“เจอกันแล้วเป็นไงได้คุยอะไรกันบ้าง” ลักขณาเองก็ลุ้นเหมือนกัน เพราะทั้งคู่จบไม่ค่อยสวยกันเท่าไหร่แถมยังมี…เฮ้อ คิดแล้วก็ปวดหัวตุบๆ “เขาก็ดูตกใจนะที่เจอฉัน แต่เพราะต่างอยู่ไกลกันเลยไม่ได้คุย” ลลิตายังใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงคริส หากเจอหน้ากัน ในระยะประชิดกว่านี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรั
เพราะคิดว่าลลิตายังอาศัยอยู่บ้านหลังเดิมคริสจึงตั้งใจไปเพื่อหาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มกลับคิดผิดเนื่องจากเธอย้ายออกไปได้หลายเดือนแล้ว นั่นยิ่งทำให้ไฟแค้นสุมอกถึงขนาดแอบสะกดรอยปราณเพราะมั่นใจว่าชายหนุ่มคือคนที่จะทำให้รู้ว่าตอนนี้ลลิตาอยู่ที่ไหน และสิ่งที่คริสคิดก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะในที่สุดชายหนุ่มก็รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนได้ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย”“แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้”“แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า”“ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ“ได้ยินชัดแล้วนี่”“แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือ
“ฉัน…ลลิตาค่ะ” ลลิตาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่พอใจแต่คริสก็ไม่ค้านอะไรแต่เลือกที่จะเอ่ยทักทายเธอแกมประชดประชันกลับมา“สวัสดีครับคุณลลิตา โทรหาผมแบบนี้แสดงว่าคุณตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอก” คำตอบของลลิตาทำให้คริสยิ้มออกมาตรงมุมปากเล็กน้อย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ “ดีแล้วครับที่เชื่อฟังผม เย็นวันศุกร์ผมจะไปรับที่บ้าน”“ฉันไม่สะดวกให้คุณมารับที่บ้าน เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันจะไปหาเอง”“โอเค แบบนั้นก็ได้ครับ” คริสรับคำอย่างหัวเสียนิดหน่อย เพราะพึ่งชมลลิตาไปหยกๆ เรื่องที่เธอเชื่อฟังเขา ก่อนจะบอกที่อยู่และเวลานัดหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ซึ่งมันคือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง เพราะต้องไปอยู่กับคริสเป็นเวลาสามวัน ทำให้ ลลิตาต้องหาทางโกหกปราณแม้จะไม่อยากทำแบบนั้นเลยก็ตาม โดยเธอบอกกับเขาว่ามีงานสัมนาด่วนที่ต่างจังหวัดโดยการสัมนาครั้งนี้มีนักลงทุนจากทุกมุมโลกเข้าร่วม เธอจำเป็นต้องไปจริงๆ นั่นก็เพื่อความเติบโตของบริษัทที่เธอคาดหวังว่าต้องขยายฐานการส่งออกไปอีกหลายๆ ทวีปลลิตานั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสิ่งทอ โดยสานต่
“ครับ เรื่องนั้นผมรู้ แต่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันตั้งสามวันจะรีบร้อนให้ลบคลิปไปทำไมครับ เผลอๆ คืนนี้เราอาจผลิตคลิปเพิ่ม”“ไม่มีทาง” ลลิตาแย้งกลับทันควัน ทว่าคำตอบของเธอกลับไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของคริสน้อยลงได้แม้แต่น้อย รถยนต์ส่วนตัวของชายหนุ่มยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว จุดหมายของเขาก็คือท่าเทียบเรือเพราะได้เหมาเรือสปีดโบ๊ทไว้แล้วการเดินทางไปที่เกาะเสม็ดจึงสามารถเลือกเวลาได้ตามที่เขาสะดวกคริสขับรถยิงยาวจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองโดยไม่จอดพักเลยด้วยซ้ำ ประมาณสี่ทุ่มทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือจากนั้นก็เดินทางต่อด้วยสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่พักบนเกาะชายหนุ่มอยากจองห้องพักห้องเดิมที่เคยมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับลลิตา แต่ทว่าที่ตรงนั้นกำลังปิดปรับปรุงเขาจึงได้ที่พักแห่งใหม่เป็นห้องฮันนีมูนสวีทของรีสอร์ตชื่อดังพร้อมชายหาดส่วนตัวแม้ที่พักจะสวยงามแค่ไหนแต่ความรู้สึกของลลิตากลับไร้อารมณ์ร่วมหรือคล้อยตาม ในขณะที่คริสยังคงพยายามยั่วยุลลิตาทุกครั้งที่มีโอกาสเสมอ“ฉันอยากเปิดห้องพักอีกห้อง” เพราะไม่อยากนอนห้องพักเดียวกับคริสทำให้ลลิตาเอ่ยบอกเขา“กลัวผมถึงขนาดนั้นเลยหรอ”
“เชิญ” ลลิตาหลีกทางให้คริสได้เข้าไปทำธุระในห้องน้ำบ้าง เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็รีบจัดการทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์แล้วแกล้งทำเป็นหลับทั้งๆ ที่ใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำคริสใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเพียงไม่นานก็กลับออกมา เวลานี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดนอนแสนสบายกางเกงขายาวผ้านิ่มกับเสื้อยืดสีขาว สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลลิตาที่เวลานี้อยู่บนเตียงเขารู้ว่าเธอแกล้งหลับและเขาก็จะเป็นคนปลุกให้เธอตื่น คริสเดินไปหยิบไวน์รินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มราวกับต้องการรวบรวมความกล้า จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงโดยวางมือถือไว้อยู่ข้างตัวเสมอ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกง่วงมากอย่างผิดสังเกตก่อนจะฟุบหลับทั้งๆ ที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงลลิตาทิ้งเวลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองคนข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขานั่งหลับอย่างหมดสภาพจึงยิ้มออกมาไม่คิดว่าแผนของเธอจะสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วพาตัวเองลงจากเตียงจากนั้นก็เดินอ้อมมาฝั่งที่คริสอยู่แล้วยื่นมือไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเขามาถือไว้ทันทีที่ลลิตากดเปิดหน้าจอก็พบว่ามันล็อค เธอร
เวลานี้ชายหนุ่มยังคงถาโถมเข้าหาเธอ ทั้งจูบทั้งสัมผัสนอกจากปากอิ่มแสนหวานอีกจุดหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของคริสได้เป็นอย่างดีคือหน้าอกคู่สวยของลลิตาเพราะแบบนั้นเขาจึงให้เวลากับมันมากเป็นพิเศษ ชุดนอนที่ลลิตาสวมอยู่ตอนนี้หลุดลุ่ยและเกะกะ คริสจึงจัดการถอดมันออกอย่างไร้ความปราณีเพราะต่อให้จะขาดติดมือเขาก็ไม่แยแส ตามด้วยเสื้อผ้าบนตัวของเขาร่างกายหรือเปล่าของคริสยังคงสวยงามและสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ร่างกายของลลิตาก็เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง เรือนร่างของเธอก็ยังคงสวยงามไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน“ออกไปนะ”“ยังไม่ทันจะส่งเข้าไปเลยก็ใจร้อนไล่ให้ออกแล้วเหรอ หืม” คำพูดของคริสทำให้ร่างกายของลลิตาร้อนผ่าวและความร้อนนั้นก็ถูกส่งมาให้คริสเช่นกัน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นร่างกายที่แสนคุ้นเคยและคุ้นตาของ ลลิตาแต่เพราะพายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ ทำให้คริสครอบครองลลิตาทั้งๆ ที่ยังเล้าโลมเธอได้ไม่มากพอ การกระทำแบบนั้นทำให้ลลิตาเจ็บ เพราะตั้งแต่เลิกรากับเขาเธอก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับใคร แม้กระทั่งว่าที่เจ้าบ่าวอย่างปราณก็เช่นกัน แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นจนร่างกายรับรู้ได้นั้นดูเหมือน
“ให้ตอบใหม่ มีหรือไม่มี” เพราะไม่เชื่อว่าคำตอบแรกของลลิตานั่นคือเรื่องจริง ทำให้คริสเลือกที่จะเปิดโอกาสให้เธอพูดใหม่พร้อมกับยังคงเคลื่อนไหวร่างกายเข้าหาอย่างต่อเนื่อง“มะ...ไม่มี อา” ท้ายคำตอบของลลิตคือเสียงที่ คริสอยากได้ยิน เธอต้องถูกเขาร่ายมนต์ใส่แน่ๆ ถึงได้ตอบความจริงออกไปแบบนี้ “เหมือนกัน” คริสตอบเพียงแค่นั้นแล้วโน้มตัวลงไปจูบปากอิ่มที่กำลังบวมเจ่อของเธอ เวลานี้ลลิตาจึงถูกเขารุกทั้งสองทางซึ่งแต่ล่ะทางนั้นช่างวาบหวามและเสียวซ่านจนเธอสะท้าน กว่าบทสวาทอันร้อนแรงของคริสแต่ล่ะครั้งจะผ่านพ้นไปลลิตาก็แทบหมดเรี่ยวแรง แม้จะบอกว่าเหนื่อยแม้จะบอกว่าขอพัก แต่ดูเหมือนคริสจะปัดตกคำขอร้องเหล่านั้นของเธออย่างไม่ไยดีด้วยซ้ำ นั่นเพราะคริสยังคงกลืนกินลลิตาราวกับต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้เลิกรากันไป คริสตื่นมาในวันรุ่งขึ้นแต่กลับไม่พบว่าลลิตาอยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่เธอควรจะอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่ใช่หรือนั่นทำให้ชายหนุ่มลนลานลงจากเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับย่นจากกิจกรรมสุดร้อนแรงเมื่อคืน แล้วเดินตามหาเธอจนทั่วทั้งห้อง ทว่ากับไม่พบ“กระเป๋าเดินทางยังอยู่ แล้วตัวหายไปไหน” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง แต
“ยาคุม” ลลิตาเอ่ยตอบอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง“ขอดูหน่อย” คริสแบมือขอถุงยาจากเธอซึ่งลลิตาก็ส่งให้ ชายหนุ่มหยิบสิ่งที่อยู่ในซองขึ้นมาพลิกดูช้าๆ “แน่ใจหรอว่ามันจะช่วยอะไรเธอได้”“แน่ใจค่ะเพราะฉันไม่อยากตั้งท้องกับคุณ”“แต่ผมอยากให้คุณท้อง ท้องหลังจากนี้ได้ยิ่งดี”“คุณกำลังทำร้ายฉัน” ลลิตาเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดนั่นเพราะเธอพูดถูก เขามาที่นี่เพื่อทำร้ายเธอเพราะถ้าเธอเจ็บปราณก็ต้องเจ็บ แบบนั้นสิมันถึงจะสนุก“รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว”“รู้จักใคร”“ว่าที่เจ้าบ่าวของคุณ” คริสขยายความให้ลลิตาเข้าใจ“นาน”“นานที่ว่ากี่เดือน ก่อนที่เราจะเลิกกันหรือเปล่า”“เปล่า” ลลิตาตอบอย่างตรงไปตรงมาเพราะเธอซื่อสัตย์พอที่จะไม่คบซ้อน“คุณยังไม่ต