เพราะคิดว่าลลิตายังอาศัยอยู่บ้านหลังเดิมคริสจึงตั้งใจไปเพื่อหาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มกลับคิดผิดเนื่องจากเธอย้ายออกไปได้หลายเดือนแล้ว นั่นยิ่งทำให้ไฟแค้นสุมอกถึงขนาดแอบสะกดรอยปราณเพราะมั่นใจว่าชายหนุ่มคือคนที่จะทำให้รู้ว่าตอนนี้ลลิตาอยู่ที่ไหน และสิ่งที่คริสคิดก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะในที่สุดชายหนุ่มก็รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนได้
“คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ” “คุณ!” ลลิตายืนกำหมัดแน่น แววตาที่จ้องมองมาที่คริสนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวดกับสิ่งที่อดีตคนรักทำกับเธอ ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่เหมือนที่ผ่านๆ มา ทำไมกัน “นี่นามบัตรผม หวังว่าจะได้รับสายจากคุณภายในวันนี้” หลังจากยื่นนามบัตรให้ลลิตาคริสก็ส่งยิ้มมุมปากให้เธอเล็กน้อย จากนั้นชายหนุ่มก็เดินผิวปากแล้วกลับออกไป สายตาของเขาที่ลติตาเห็นเมื่อครู่นี้แพรวพราวเจ้าเล่ห์ เมื่อครั้งที่คบหากันลลิตตาไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน มุมที่สุขุมเยือกเย็นและพร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า มือเรียวของลลิตาสั่นเทา พร้อมกับก้มหน้าอ่านข้อความบนนามบัตรในมือแล้วทอดถอนหายใจออกมาหนักๆ คนอย่างคริสเขาไม่ทำเพียงแค่ขู่แน่นอน หากเรื่องของเธอบานปลายขึ้นมาคนที่จะได้รับผลกระทบไม่ใช่มีเพียงแค่เธอเท่านั้น ในเมื่อเธอเป็นคนเริ่มก็ต้องเป็นคนสะสางปัญหาด้วยตัวเอง “แกว่าอะไรนะอิง” น้ำเสียงของลักขณาเต็มไปด้วยความตกใจ นั่นเพราะไม่คิดจริงๆ ว่าคริสจะรู้ที่อยู่ของ ลลิตาเข้าให้แล้ว “คริสมาหาฉันที่บ้าน” “แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าแกอยู่ที่ไหน” “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” “ถ้าให้เดาคงไปหาแกที่บ้านเก่าแล้วไม่เจอเลยตามสะกดรอยแกแน่ๆ แล้วเขามาหาแกทำไม” “เขามาบอกว่าอยากให้ฉันไปกับเขาวันหยุดนี้” “ไปทำไม แกไม่ต้องไปเลยนะ ห้ามไปเด็ดขาด” ลักขณาห้ามแล้วห้ามอีก เพราะไม่ไว้ใจคริสอย่างที่สุด “ฉันต้องไปแก” “ฉันรู้ว่าแกมีเหตุผล พูดมาฉันกำลังฟัง” “ยังมีอยู่เรื่องนึงที่ฉันไม่เคยบอกแก” ลลิตาเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น ใจเธอเต้นรัวเมื่อต้องเอ่ยถึงเรื่องนั้น ซึ่งลักขณาก็พอจะจับความผิดปกติจากน้ำเสียงของเพื่อนสนิทได้เช่นกัน “น้ำเสียงแบบนี้เรื่องไม่ดีใช่ไหม” “ฉันเคยถ่ายคลิปเซ็กซ์ตอนมีอะไรกับคริสไว้ แล้วเขาก็เอาคลิปนั้นมาขู่ฉัน” จู่ๆ น้ำตาของลลิตาก็ไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกผิดกับตัวเองในเวลานี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ทำแบบนั้นอย่างเด็ดขาด “สารเลวเอ๊ย เป็นผู้ชายเสียเปล่า” ลักขณาโกรธจนควันออกหู จากที่โกรธและเกลียดคริสอยู่แล้วตอนนี้ความรู้สึกที่ว่าพุ่งทะยานขึ้นไปค้างอยู่บนฟ้าเรียบร้อย “ตอนนั้นมันแค่อารมณ์ชั่ววูบจริงๆ นะแก” “เออๆ ฉันเข้าใจ” “หลังจากนั้นฉันก็ลบคลิปนั่นทิ้งไปแล้ว แต่คริสกลับมีไฟล์สำรอง” น้ำเสียงของลลิตาสั่นเทา “ชาติชั่วจริงๆ เลิกกับแกไปแล้วตั้งหลายปีทำไมยังตามรังควานเหมือนผีขอส่วนบุญอีก” “ในเมื่อฉันเป็นคนเริ่มฉันก็ต้องจบเรื่องนี้” “ฉันเห็นด้วยที่แกต้องจบเรื่องนี้ แต่ที่ไม่เห็นด้วยคือการที่แกต้องอยู่กับคริสสองต่อสอง มันสุ่มเสี่ยง มองยังไงมันก็ไม่น่าไว้ใจ” “ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดี” แม้ลลิตาจะรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่สถานะถ่านไฟเก่ามันก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี “ช่วงที่ฉันไม่อยู่ฉันผ่านแกไป...” “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ต่อให้แกไม่ฝากฉันก็จะดูแลให้อย่างดี” “ขอบใจมากนะนา” “ฉันอวยพรให้แกผ่านอุปสรรคทุกอย่างที่มีเข้ามาในชีวิตตอนนี้ไปให้ได้ จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที” “อือ” เอ่ยรับเพียงแค่นั้นลลิตาก็กดวางสายก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้น เธอนั่งกอดตัวเองแล้วร้องอยู่แบบนั้นกระทั่งน้ำตาเหือดแห้ง ก่อนจะปลุกพลังใจบอกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้แล้วหยิบนามบัตรของคริสออกมาจากนั้นก็โทรหาเขา คริสมองเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ได้ระบุชื่อซึ่งเวลานี้กำลังปรากฎขึ้นบนหน้าจอ เขามั่นใจว่านี่คือเบอร์ของลลิตาไม่ผิดแน่แต่กลับไม่ยอมกดรับสายกระทั่งการโทรเข้าครั้งที่หนึ่งถูกตัดสายไป ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอีกครั้ง ชายหนุ่มชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสาย “คริสครับ”“ฉัน…ลลิตาค่ะ” ลลิตาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่พอใจแต่คริสก็ไม่ค้านอะไรแต่เลือกที่จะเอ่ยทักทายเธอแกมประชดประชันกลับมา“สวัสดีครับคุณลลิตา โทรหาผมแบบนี้แสดงว่าคุณตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม”“ค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอก” คำตอบของลลิตาทำให้คริสยิ้มออกมาตรงมุมปากเล็กน้อย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ “ดีแล้วครับที่เชื่อฟังผม เย็นวันศุกร์ผมจะไปรับที่บ้าน”“ฉันไม่สะดวกให้คุณมารับที่บ้าน เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันจะไปหาเอง”“โอเค แบบนั้นก็ได้ครับ” คริสรับคำอย่างหัวเสียนิดหน่อย เพราะพึ่งชมลลิตาไปหยกๆ เรื่องที่เธอเชื่อฟังเขา ก่อนจะบอกที่อยู่และเวลานัดหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ซึ่งมันคือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง เพราะต้องไปอยู่กับคริสเป็นเวลาสามวัน ทำให้ ลลิตาต้องหาทางโกหกปราณแม้จะไม่อยากทำแบบนั้นเลยก็ตาม โดยเธอบอกกับเขาว่ามีงานสัมนาด่วนที่ต่างจังหวัดโดยการสัมนาครั้งนี้มีนักลงทุนจากทุกมุมโลกเข้าร่วม เธอจำเป็นต้องไปจริงๆ นั่นก็เพื่อความเติบโตของบริษัทที่เธอคาดหวังว่าต้องขยายฐานการส่งออกไปอีกหลายๆ ทวีปลลิตานั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสิ่งทอ โดยสานต่
“ครับ เรื่องนั้นผมรู้ แต่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันตั้งสามวันจะรีบร้อนให้ลบคลิปไปทำไมครับ เผลอๆ คืนนี้เราอาจผลิตคลิปเพิ่ม”“ไม่มีทาง” ลลิตาแย้งกลับทันควัน ทว่าคำตอบของเธอกลับไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของคริสน้อยลงได้แม้แต่น้อย รถยนต์ส่วนตัวของชายหนุ่มยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว จุดหมายของเขาก็คือท่าเทียบเรือเพราะได้เหมาเรือสปีดโบ๊ทไว้แล้วการเดินทางไปที่เกาะเสม็ดจึงสามารถเลือกเวลาได้ตามที่เขาสะดวกคริสขับรถยิงยาวจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองโดยไม่จอดพักเลยด้วยซ้ำ ประมาณสี่ทุ่มทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือจากนั้นก็เดินทางต่อด้วยสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่พักบนเกาะชายหนุ่มอยากจองห้องพักห้องเดิมที่เคยมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับลลิตา แต่ทว่าที่ตรงนั้นกำลังปิดปรับปรุงเขาจึงได้ที่พักแห่งใหม่เป็นห้องฮันนีมูนสวีทของรีสอร์ตชื่อดังพร้อมชายหาดส่วนตัวแม้ที่พักจะสวยงามแค่ไหนแต่ความรู้สึกของลลิตากลับไร้อารมณ์ร่วมหรือคล้อยตาม ในขณะที่คริสยังคงพยายามยั่วยุลลิตาทุกครั้งที่มีโอกาสเสมอ“ฉันอยากเปิดห้องพักอีกห้อง” เพราะไม่อยากนอนห้องพักเดียวกับคริสทำให้ลลิตาเอ่ยบอกเขา“กลัวผมถึงขนาดนั้นเลยหรอ”
“เชิญ” ลลิตาหลีกทางให้คริสได้เข้าไปทำธุระในห้องน้ำบ้าง เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็รีบจัดการทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์แล้วแกล้งทำเป็นหลับทั้งๆ ที่ใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำคริสใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเพียงไม่นานก็กลับออกมา เวลานี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดนอนแสนสบายกางเกงขายาวผ้านิ่มกับเสื้อยืดสีขาว สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลลิตาที่เวลานี้อยู่บนเตียงเขารู้ว่าเธอแกล้งหลับและเขาก็จะเป็นคนปลุกให้เธอตื่น คริสเดินไปหยิบไวน์รินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มราวกับต้องการรวบรวมความกล้า จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงโดยวางมือถือไว้อยู่ข้างตัวเสมอ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกง่วงมากอย่างผิดสังเกตก่อนจะฟุบหลับทั้งๆ ที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงลลิตาทิ้งเวลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองคนข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขานั่งหลับอย่างหมดสภาพจึงยิ้มออกมาไม่คิดว่าแผนของเธอจะสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วพาตัวเองลงจากเตียงจากนั้นก็เดินอ้อมมาฝั่งที่คริสอยู่แล้วยื่นมือไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเขามาถือไว้ทันทีที่ลลิตากดเปิดหน้าจอก็พบว่ามันล็อค เธอร
เวลานี้ชายหนุ่มยังคงถาโถมเข้าหาเธอ ทั้งจูบทั้งสัมผัสนอกจากปากอิ่มแสนหวานอีกจุดหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของคริสได้เป็นอย่างดีคือหน้าอกคู่สวยของลลิตาเพราะแบบนั้นเขาจึงให้เวลากับมันมากเป็นพิเศษ ชุดนอนที่ลลิตาสวมอยู่ตอนนี้หลุดลุ่ยและเกะกะ คริสจึงจัดการถอดมันออกอย่างไร้ความปราณีเพราะต่อให้จะขาดติดมือเขาก็ไม่แยแส ตามด้วยเสื้อผ้าบนตัวของเขาร่างกายหรือเปล่าของคริสยังคงสวยงามและสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ร่างกายของลลิตาก็เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง เรือนร่างของเธอก็ยังคงสวยงามไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน“ออกไปนะ”“ยังไม่ทันจะส่งเข้าไปเลยก็ใจร้อนไล่ให้ออกแล้วเหรอ หืม” คำพูดของคริสทำให้ร่างกายของลลิตาร้อนผ่าวและความร้อนนั้นก็ถูกส่งมาให้คริสเช่นกัน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นร่างกายที่แสนคุ้นเคยและคุ้นตาของ ลลิตาแต่เพราะพายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ ทำให้คริสครอบครองลลิตาทั้งๆ ที่ยังเล้าโลมเธอได้ไม่มากพอ การกระทำแบบนั้นทำให้ลลิตาเจ็บ เพราะตั้งแต่เลิกรากับเขาเธอก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับใคร แม้กระทั่งว่าที่เจ้าบ่าวอย่างปราณก็เช่นกัน แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นจนร่างกายรับรู้ได้นั้นดูเหมือน
“ให้ตอบใหม่ มีหรือไม่มี” เพราะไม่เชื่อว่าคำตอบแรกของลลิตานั่นคือเรื่องจริง ทำให้คริสเลือกที่จะเปิดโอกาสให้เธอพูดใหม่พร้อมกับยังคงเคลื่อนไหวร่างกายเข้าหาอย่างต่อเนื่อง“มะ...ไม่มี อา” ท้ายคำตอบของลลิตคือเสียงที่ คริสอยากได้ยิน เธอต้องถูกเขาร่ายมนต์ใส่แน่ๆ ถึงได้ตอบความจริงออกไปแบบนี้ “เหมือนกัน” คริสตอบเพียงแค่นั้นแล้วโน้มตัวลงไปจูบปากอิ่มที่กำลังบวมเจ่อของเธอ เวลานี้ลลิตาจึงถูกเขารุกทั้งสองทางซึ่งแต่ล่ะทางนั้นช่างวาบหวามและเสียวซ่านจนเธอสะท้าน กว่าบทสวาทอันร้อนแรงของคริสแต่ล่ะครั้งจะผ่านพ้นไปลลิตาก็แทบหมดเรี่ยวแรง แม้จะบอกว่าเหนื่อยแม้จะบอกว่าขอพัก แต่ดูเหมือนคริสจะปัดตกคำขอร้องเหล่านั้นของเธออย่างไม่ไยดีด้วยซ้ำ นั่นเพราะคริสยังคงกลืนกินลลิตาราวกับต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้เลิกรากันไป คริสตื่นมาในวันรุ่งขึ้นแต่กลับไม่พบว่าลลิตาอยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่เธอควรจะอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่ใช่หรือนั่นทำให้ชายหนุ่มลนลานลงจากเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับย่นจากกิจกรรมสุดร้อนแรงเมื่อคืน แล้วเดินตามหาเธอจนทั่วทั้งห้อง ทว่ากับไม่พบ“กระเป๋าเดินทางยังอยู่ แล้วตัวหายไปไหน” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง แต
“ยาคุม” ลลิตาเอ่ยตอบอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง“ขอดูหน่อย” คริสแบมือขอถุงยาจากเธอซึ่งลลิตาก็ส่งให้ ชายหนุ่มหยิบสิ่งที่อยู่ในซองขึ้นมาพลิกดูช้าๆ “แน่ใจหรอว่ามันจะช่วยอะไรเธอได้”“แน่ใจค่ะเพราะฉันไม่อยากตั้งท้องกับคุณ”“แต่ผมอยากให้คุณท้อง ท้องหลังจากนี้ได้ยิ่งดี”“คุณกำลังทำร้ายฉัน” ลลิตาเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดนั่นเพราะเธอพูดถูก เขามาที่นี่เพื่อทำร้ายเธอเพราะถ้าเธอเจ็บปราณก็ต้องเจ็บ แบบนั้นสิมันถึงจะสนุก“รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว”“รู้จักใคร”“ว่าที่เจ้าบ่าวของคุณ” คริสขยายความให้ลลิตาเข้าใจ“นาน”“นานที่ว่ากี่เดือน ก่อนที่เราจะเลิกกันหรือเปล่า”“เปล่า” ลลิตาตอบอย่างตรงไปตรงมาเพราะเธอซื่อสัตย์พอที่จะไม่คบซ้อน“คุณยังไม่ต
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน การแสดงออกของคริสที่มีให้ลลิตานั้นช่างเหมือนคู่ฮันนีมูนคู่อื่นๆ เพราะแบบนั้นหลายๆ คนจึงอดที่จะอิจฉาพวกเขาไม่ได้ รูปร่างหน้าตาก็หล่อสวยเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วคริสทำกับลลิตาราวกับเธอเป็นจำเลยรักของเขาเพราะเมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า คริสก็คล้ายจะเปลี่ยนเป็นคนละคน นั่นเพราะเขายังคงกลืนกินลลิตาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักคำว่าเบื่อหน่าย ต่อให้เธอจะกินยาคุมฉุกเฉินแต่เขาก็มั่นใจว่ายาคุมแผงเล็กๆ นั่นไม่อาจป้องกันการตั้งครรภ์ที่เขาตั้งใจให้เกิดขึ้นกับเธอได้อย่างแน่นอนลลิตาสวดภาวนาให้ยาคุมฉุกเฉินที่เธอกินเข้าไปมีประสิทธิภาพพอ บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนกำลังตกนรกแต่บางครั้งกลับรู้สึกล่องลอยคล้ายอยู่บนสวรรค์ คริสทำให้อารมณ์ของเธอสวิงไปมาลลิตาจึงพยายามไม่ให้เขามีอิทธิพลไปมากกว่านี้“ปล่อยนะ” ลลิตาเอี้ยวตัวหลบวงแขนของคริส นั่นเพราะชายหนุ่มตั้งใจจะโอบเธอลงไปถึงห้องดินเนอร์มื้อเย็น“ตั้งแต่อยู่ด้วยกัน จำได้ไหมว่าพูดแบบนี้กี่ครั้งแล้ว”“นับครั้งไม่ถ้วน”“แล้วผ
แม้กระทั่งเช้าของวันเดินทางกลับคริสก็ยิ่งกลืนกิน ลลิตาครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่มาที่นี่ทั้งคู่แทบไม่ออกจากห้องด้วยซ้ำ ชายหาดสวยๆ ก็แทบไม่ได้ลงไปเหยียบ น้ำทะเลใสๆ นั่นก็ไม่ได้เล่น ทำได้แค่มอง ทั้งมองในเวลาปกติและมองในเวลาเร่าร้อน เพราะอ่อนเพลียทำให้ลลิตาเผลอหลับก่อนที่เสียงโทรศัพท์ปลุกให้เธอรู้สึกตัว“ว่าไงนา”“แกต้องรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้อิง” น้ำเสียงของลักขณาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทันทีที่รู้ข่าวเธอก็รีบมาแล้วโทรศัพท์หาเพื่อนสนิททันที“เกิดอะไรขึ้น”“น้องโอบล้มหัวกับฟาดพื้น ตอนนี้ยังไม่ได้สติ”“ว่าอะไรนะ” สิ่งที่ได้รู้ทำให้หัวใจของลลิตาหล่นวูบในทันที“แกกลับมาด่วนเลยได้ไหม”“ได้ๆ ฉันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” ทันทีที่วางสายจากลักขณา ลลิตาก็รีบก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอย่างรีบร้อน เพราะรีบทำให้มือไม้สั่นจนข้าวของเครื่องใช้บางอย่างหลุดจากมือกระแทกกับพื้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คริสเปิดประตูเข้ามาพอดี“จะไปไหน”“ฉ
เมื่อทานข้าวกันเสร็จทั้งสามก็กลับเข้าบ้าน ลลิตาจ้องมองคริสคล้ายจะมีอะไรจะพูดกับเขากระทั่งสบโอกาสจึงเอ่ยขึ้น “คุณยังไม่บอกโอบหรือคะว่าเป็นพ่อของแก” “ยังครับ” “ทำไมคะ” นั่นเพราะลลิตาคิดว่าช่วงที่เธอไม่อยู่ คริสอาจคุยกับโอบรักแล้วเสียอีก “ผมอยากให้คุณเป็นคนบอกลูกมากกว่า” “ขอบคุณ” ลลิตาส่งยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ “ผมรอได้ รอจนกว่าอิงจะมั่นใจในตัวผม ถึงตอนนั้นค่อยบอกลูกก็ไม่เป็นไร” คริสส่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ ลลิตาจึงเดินเข้าไปหาแล้วโอบกอดเขา ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกันนี่คือครั้งแรกที่ลลิตาสวมกอดชายหนุ่มก่อน ในคืนนั้นเธออาศัยจังหวะพาลูกชายเข้านอนเอ่ยเรื่องสำคัญขึ้น “โอบครับ จำได้ไหมว่าลูกเคยถามแม่ว่าพ่อของหนูเป็นใครหน้าตาเป็นแบบไหน” “จำได้” “พ่อของโอบคือคนนี้ครับลูก” ลลิตาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้ลูกชาย ซึ่งเธอได้เปิดรูปของคริสค้างไว้บนหน้าจอ
นั่นจึงเป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่โอบรักได้กลับมานอนที่ห้องนอนตัวแอง หลังจากเอาลูกนอนเสร็จเธอก็ลงไปหาคริสที่ห้องแขก“ลูกนอนแล้วเหรอครับ”“ค่ะ”“คุณหมอกับคุณนาก็พึ่งจะกลับไปเมื่อกี้”“คุณก็ควรกลับได้แล้ว”“แต่ผมเผลอดื่มไปหลายแก้วตอนนี้เลยมึนๆ สงสัยจะเมา แบบนั้นขับรถจะยิ่งอันตราย” คนแกล้งเมากุเรื่องขึ้นเพื่อจะได้นอนค้างที่นี่แม้จะอยากไล่ให้ชายหนุ่มกลับแต่ก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา สุดท้ายลลิตาก็ยอมให้คริสนอนค้างด้วยแต่เขาต้องนอนในห้องรับแขกเท่านั้น พอรู้ว่าเธออนุญาตชายหนุ่มก็พยักหน้ารับทันทีลลิตานำเครื่องนอนออกมาปูให้เขา ทว่าคนเจ้าเล่ห์กลับใช้จังหวะนั้นรวบตัวเธอเข้ามากอดแล้วซุกไซ้ปากร้อนๆ รวมถึงจมูกโด่งลงไปสัมผัสพวงแก้มรวมถึงลำคอระหงของเธอ“จะทำอะไรคะ” รู้ทั้งรู้แต่ลลิตาก็เผลอถามออกไป“ทำรัก”“เดี๋ยวลูกตื่น”
“คุณลุง”“ครับ”“โอบคิดถึงแม่” น้ำเสียงของโอบรักสั่นเครือเพราะทนความคิดถึงที่มีต่อลลิตามาหลายวันแล้ว สุดท้ายก็ทนต่อไปไม่ไหว“ลุงก็คิดถึงครับ แต่ตอนนี้โทรหาแม่ไม่ได้เพราะดึกแล้ว ไว้รอพรุ่งนี้เช้าเราค่อยโทรหานะ”“แต่โอบอยากคุยกับแม่ตอนนี้ โอบคิดถึง”“ลุงรู้ครับ” คริสสวมกอดเด็กชายไว้ เขาเข้าใจความคิดถึงดีว่ามันมีพลังมากแค่ไหน “เดี๋ยวลุงเล่านิทานให้ฟังดีไหม”“ไม่ โอบจะคุยกับแม่” เด็กชายวัยยังไม่ครบสี่ขวบงอแงอย่างหนัก ซึ่งเป็นความงอแงที่คริสไม่เคยเจอมาก่อน นั่นทำให้เขาเริ่มลนลานแต่คนที่อยู่เมืองจีนเหมือนรู้ว่าคริสกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะจู่ๆ ลลิตาก็โทรมาเธอคุยกับลูกปลอบลูกจนโอบรักหายคิดถึง จากเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ นั่นทำให้คริสถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหนักๆลลิตาคุยกับลูกกระทั่งโอบรักหลับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางสาย คริสจึงค่อยๆ ดึงโทรศัพท์ออกมามือเด็กชายจากนั้นก็คุยกับเธอต่อ“เป็นไงบ้างครับ&r
การทดเวลาบาดเจ็บที่ลักขณาขอให้คริสได้เกิดขึ้นเรื่อยๆ จากห้านาทีชายหนุ่มก็อยู่ได้ถึงสิบนาทีขยับไปเป็นครึ่งชั่วโมงหนึ่งชั่วโมงและหลักสุดคือขอนอนค้างด้วยแม้ ลลิตาจะไม่ยอมก็ตาม“เอาไงต่อ”“เอาไงเรื่องอะไร”“อย่ามาเฉไฉ รู้ๆ อยู่ว่าฉันพูดถึงใคร” ลักขณาจ้องตาลลิตาตรงๆ รายนี้โกหกไม่เก่งต้องหลุดบ้างแหละ ซึ่งมันก็จริงเพราะคนถูกจ้องอยู่ๆ ก็หันมองทางอื่นแทน“กำลังดูๆ อยู่”“อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่สนใจ”“เขาเข้ากับน้องโอบได้ดีกว่าที่ฉันคิด”“ถามตรงๆ เลยแล้วกัน แกยังรักคุณคริสอยู่ใช่ไหม”“ไม่รู้แต่ก็ยอมรับว่ามันมีเยื่อบางๆ ที่ฉันตัดไม่ขาดเสียที ยิ่งเห็นลูกก็ยิ่งนึกถึงเขา ทั้งโกรธทั้งแค้นทั้ง…นั่นแหละ” ลลิตาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง แต่พอรู้ว่าทุกอย่างคือการปั้นน้ำให้เป็นตัวของปลายรุ้งที่เวลานี้เสียชีวิตไปแล้วใจเธอก็เบาขึ้น ตอนนั้นทั้งเธอทั้งคริสต่างก็มีค
“ผมรู้ คุณอยากตบอยากตีผมอีกสักกี่ครั้งก็ได้ เอาเลย” คริสคว้ามือของลลิตาขึ้นมาตบหน้าเขาหลายต่อหลายครั้ง แรงบ้างหนักบ้างก่อนที่เธอจะดึงมือตัวเองกลับ“เดี๋ยวฉันไปดูน้องโอบให้ ส่วนแกกับคุณคริสก็ปรับความเข้าใจกันไปก่อนนะ” ลักขณาเปิดโอกาสให้คริสและลลิตาได้ปรับความเข้าใจกันตามลำพัง หวังว่าเยื่อใยความรักของพวกเขาจะยังมีมากพอจนทำลายความรู้สึกที่ไม่ดีในอดีตได้“จะไปไหนอิง”“กลับไปหาลูก ส่วนคุณก็กลับไปได้แล้ว”“ก่อนกลับ ผมขอเข้าไปหาลูกด้วยได้ไหม” คริสร้องขออย่างน่าสงสาร“ไม่ได้”“ผมรู้ว่าคุณยังโกรธแต่อย่างที่บอกว่ามันคือการเข้าใจผิด ในเมื่อเข้าใจผิดเราเจ๊ากันไม่ได้เหรอ”“พูดง่ายไปหรือเปล่า” ลลิตาจ้องตาคริสด้วยความโมโห พูดออกมาได้ยังไงว่าให้เจ๊ากัน“ง่ายๆ แบบนี้แหละดีแล้ว ผมรักอิงนะเพราะรักถึงยังเจ็บปวด” ขณะเอ่ยนั้นคริสก็ขยับเข้ามาใกล้กับลลิตา จากนั้นก็รวบตัวเข้ามากอด“จะทำอะไร”“จูบ”
“คิดไว้แล้วเชียวว่าคุณต้องอยู่ที่นี่”“นา อิงอยู่ไหน ผมติดต่ออิงไม่ได้เลย” คริสปักหลักอยู่ที่หน้าบ้านของลลิตาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าของอีกวัน ใบหน้าของชายหนุ่มดูหม่นหมองจากความเครียดและความสำนึกผิดลักขณาตัดสินใจเมื่อคืนว่าจะพูดทุกอย่างและมาหาเขาที่บ้านของลลิตาเพราะมั่นใจว่าคริสต้องอยู่ที่นี่ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คิด“โรงพยาบาลค่ะ”“เด็กคนนั้นคือลูกของผมกับอิงใช่ไหม”“ค่ะ” แม้จะไม่รู้ว่าคริสรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรแต่ลักขณาก็ไม่คิดที่จะปิดบังเขาอีกแล้ว กลับรู้สึกผิดจนเจ็บไปทั้งใจ ลลิตาท้องแต่เธอกลับไม่ปริปากบอกเรื่องลูกกับเขา“ผู้หญิงผู้ชาย”“ผู้ชายค่ะ ชื่อน้องโอบอายุสามขวบเศษ”“แล้วแกเป็นอะไรถึงต้องอยู่โรงพยาบาล”“โรคหัวใจอ่อนแอตั้งแต่เกิด วันก่อนแกล้มหัวฟาดพื้นหมอเพิ่งผ่าตัดช่วยชีวิตได้สำเร็จ รวมทั้งการผ่าตัดหัวใจก็ลุล่ว
ลลิตาไม่ได้ไปไหนเธอยังอยู่ที่โรงพยาบาลรวมถึงเห็นสายโทรเข้าจากคริสแล้วแต่เลือกที่จะไม่รับสาย หญิงสาวร้องไห้ออกมากับโชคชะตาของตัวเอง เธออยากหลุดพ้นจากความอึดอัดที่แสนจะบีบคั้นจนทำให้หายใจไม่ออกนี่เหลือเกิน อยากปล่อยมือจากทุกอย่างแต่คนที่รั้งให้เธอลุกขึ้นก็คือเด็กชายที่เวลานี้หลับอยู่บนเตียงคนไข้การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดีและตอนนี้ร่างกายของโอบรักก็ค่อยๆ ฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ลูกชายของเธอเข้มแข็งกว่าคนเป็นแม่อย่างเธอเสียอีก“คุณหมอ” น้ำเสียงของคนเริ่มจะเมาทักขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย ไม่รู้เพราะอะไรเพื่อนเธอก็มีอีกตั้งหลายคนทว่าลักขณากลับเลือกจะโทรหาหมอกวิน“ครับคุณนา” ต่อให้อีกฝ่ายยังไม่ได้แนะนำตัวแต่กวินก็จำเสียงของลักขณาได้“คุณหมอทำงานอยู่หรือเปล่าคะ”“เปล่าครับผมพึ่งออกเวร”“คุณหมอบอกใช่ไหมว่าถ้าฉันมีเรื่องระบายให้โทรหา”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับอย่างเต็มใจ “ตอนนี้คุณนาอยู่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปหา”“ร้านเหล้านะคะ คุณหมอมาได้หรอ”
“ผมเองก็ไม่รู้”“ถามจริงๆ นะ จะโกรธกันก็ยอม น้องสาวคุณมีความผิดปกติด้านความคิดอะไรหรือเปล่า” คำถามของลักขณาสะกิดความรู้สึกของคริสเข้าอย่างจังและพอจะเดาต้นตอออกว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ทำไมปลายรุ้งถึงคิดและทำแบบนั้น“ผมพึ่งมารู้หลังจากย้ายไปอยู่อเมริกาว่าน้องสาวป่วยเป็นซึมเศร้าครับ แกหวงผมมากกระทั่งมีความรักก็หวงคนรักที่คบอยู่ในตอนนั้นและมักจะพยายามฆ่าตัวตายมาอยู่หลายครั้ง ซึ่งแฟนของเธอก็ช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้งกระทั่งครั้งสุดท้ายที่ไปช่วยไม่ทันจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต”“ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” ลักขณาเองก็มีความลับอยากบอกคริส แต่กลับไม่กล้าพอที่จะพูด“ถ้าต้นเหตุเกิดจากรุ้ง ผมก็ยังรู้สึกผิดที่เชื่อว่านั่นคือเรื่องจริง เชื่อถึงขนาดไม่ถามอิง”“หูเบากันทั้งคู่นั่นแหละ เพราะสถานการณ์ในตอนนั้นมันประจวบเหมาะที่จะทำให้เข้าใจผิดกันมากนี่คะ คนหนึ่งบินไปต่างประเทศอีกคนป่วยจนถูกหามเข้าโรงพยาบาล” ลักขณาถอนหายใจออกมาหนักๆ พอได้ฟังและลองจับต้
เพราะงานด่วนทำให้หลังจากจอดรถส่งลลิตาที่หน้าโรงพยาบาลเสร็จคริสต้องบินไปฮ่องกงทันที นั่นทำให้เขาหายหน้าหายตาไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ เพราะงานที่รัดตัวทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลาโทรหาเธอเช่นกันแต่ก็ยอมรับว่าคิดถึง ทันทีที่ลงเครื่องจึงตรงมาหาลลิตาที่บ้าน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่อยู่“หายไปไหน” คริสพึมพำออกมาพร้อมกับชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านของลลิตา ก่อนจะโทรหาเธอทว่า ลลิตากลับไม่ยอมรับสาย ชายหนุ่มรออยู่แบบนั้นนานหลายชั่วโมงกระทั่งตัดสินใจจะไปหาลักขณาแทน หวังว่าเธอยังอยู่ที่คอนโดมิเนียมเดิมซึ่งโชคก็ยังเข้าชายหนุ่มอยู่บ้างเพราะเขาได้เจอเธอที่หน้าล็อบบี้คอนโดมิเนียมเข้าจริงๆ“นา”“คุณคริส” ลักขณาตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอกับ คริสที่นี่ นี่มันวันอะไรของเธอแค่หิวแล้วลงมาเอาของที่ไรเดอร์มาส่งต้องมาเจอโจทย์กับเก่าเชียวเหรอ“ผมติดต่ออิงไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเธอไม่สบายหรือเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของคริสนั้นอ่อนโยนไม่ได้ห้วนแต่อย่างใด ตลอดเวลาที่เขาอยู่ฮ่องกงไม่มีเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงลลิตา เขาใช้เวลานั้นนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่าแ