“ฉัน…ลลิตาค่ะ” ลลิตาแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่พอใจแต่คริสก็ไม่ค้านอะไรแต่เลือกที่จะเอ่ยทักทายเธอแกมประชดประชันกลับมา
“สวัสดีครับคุณลลิตา โทรหาผมแบบนี้แสดงว่าคุณตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม” “ค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอก” คำตอบของลลิตาทำให้คริสยิ้มออกมาตรงมุมปากเล็กน้อย เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ “ดีแล้วครับที่เชื่อฟังผม เย็นวันศุกร์ผมจะไปรับที่บ้าน” “ฉันไม่สะดวกให้คุณมารับที่บ้าน เอาเป็นว่าคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันจะไปหาเอง” “โอเค แบบนั้นก็ได้ครับ” คริสรับคำอย่างหัวเสียนิดหน่อย เพราะพึ่งชมลลิตาไปหยกๆ เรื่องที่เธอเชื่อฟังเขา ก่อนจะบอกที่อยู่และเวลานัดหมายให้อีกฝ่ายรับรู้ซึ่งมันคือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองเพราะต้องไปอยู่กับคริสเป็นเวลาสามวัน ทำให้ ลลิตาต้องหาทางโกหกปราณแม้จะไม่อยากทำแบบนั้นเลยก็ตาม โดยเธอบอกกับเขาว่ามีงานสัมนาด่วนที่ต่างจังหวัดโดยการสัมนาครั้งนี้มีนักลงทุนจากทุกมุมโลกเข้าร่วม เธอจำเป็นต้องไปจริงๆ นั่นก็เพื่อความเติบโตของบริษัทที่เธอคาดหวังว่าต้องขยายฐานการส่งออกไปอีกหลายๆ ทวีป
ลลิตานั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกสิ่งทอ โดยสานต่อจากผู้เป็นพ่อที่เวลานี้วางมือแล้วไปใช้ชีวิตวัยเกษียณอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ วัยเดียวกันที่ภาคใต้ เหตุผลที่เลือกที่นั่นเพราะท่านชอบทะเล “ไม่ไปไม่ได้จริงๆ เหรอครับ” “ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าฉันไม่รับงานนี้เองก็จะกระทบลูกน้องไปด้วย” “แต่เรากำลังจะแต่งงานกัน ผมไม่อยากให้คุณต้องเดินทางไกล” นั่นคือสิ่งที่ปราณกังวลเพราะกลัวเกิดเรื่องที่ไม่คิดคิดขึ้นกับลลิตา “ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี” “สัญญาแล้วนะครับ” “สัญญาค่ะ” “เดินทางปลอดภัย กลับมาเราจะไปถ่ายพรีเวดดิ้งกัน” “ค่ะ” ลลิตาพยักหน้ารับจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งกินข้าวด้วยกัน แต่แล้วความบังเอิญกลับทำให้คริสเข้ามาเห็นภาพเหล่านั้น โดยเฉพาะรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของ ลลิตา ทำไมเธอถึงยังยิ้มและหัวเราะได้ทั้งๆ ที่เขานั้นเจ็บปวดปางตาย ส่วนปราณเองก็คงไม่ได้โศกเศร้ากับการตายของน้องสาวเขาอีกต่อไปแล้วสินะ ไม่เช่นนั้นจะประกาศแต่งงานได้แบบนี้เหรอ คริสนั่งจ้องมองคนทั้งคู่กระทั่งพอใจโดยไม่แตะอาหารที่สั่งมาแม้แต่คำเดียว อีกไม่กี่วันการแก้แค้นที่แท้จริงของเขากำลังจะเกิดขึ้นและทุกอย่างต้องพังทลาย ใครก็ตามที่ทำร้ายปลายรุ้งน้องสาวเขาจนตายคนพวกนั้นต้องได้รับกรรมที่เขาจะเป็นคนมอบให้ก่อนไปพบคริสลลิตาก็พยายามเตรียมทุกอย่างให้พร้อม แต่เพราะยุ่งมากเธอจึงลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไปเสียสนิท ในขณะที่ชายหนุ่มก็ตั้งตารอที่จะได้พบเธอเช่นกันกระทั่งวันที่ทั้งคู่นัดเจอกันก็มาถึง
ทันทีที่ลลิตาก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ที่จอดส่งเธอหน้าคอนโดมิเนียมของคริส ชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วก็เข้ามาคว้ากระเป๋าเดินทางของเธอไว้แล้วเดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่จอดอยู่ไม่ไกลกันนัก ลลิตาจึงรีบสาวเท้าเดินตามมา “ขึ้นรถ” คริสเอ่ยสั่งเสียงห้วน เวลานี้เขาไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับเธอ “คุณจะพาฉันไปไหน” ลลิตาเอ่ยถามด้วยความหวั่นใจ นั่นเพราะเข้าใจมาตลอดว่าเธอต้องอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้กับเขา “เดี๋ยวก็รู้ อ้อ..แล้วนี่ไม่ทราบว่าได้บอกว่าที่เจ้าบ่าวของคุณหรือยังว่ามาหาผัวเก่าอย่างผม” คำพูดไม่ให้เกียรติของคริสทำให้ลลิตาโกรธแต่ก็ควบคุมอารมณ์เอาไว้ “ไม่ได้บอก” “แบบนี้เขาก็เป็นห่วงแย่สิ” “คุณจะลบคลิปนั่นเมื่อไหร่” “ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่คุณต่างหากไม่ใช่ผม ถ้าคุณยังหน้าบึ้งหรือทำตัวไม่น่ารักอยู่แบบนี้เวลาสามวันมันอาจไม่พอ” คำพูดของคริสทำให้ลลิตาลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ อยากให้เธอทำตัวน่ารักๆ อย่างนั้นเหรอ คาดหวังมากเกินไปหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจเข้าหาเธอเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ให้โกรธเคืองและหวาดระแวงเขาด้วยคลิปนั่น คริสสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ชายหนุ่มมีเป้าหมายว่าจะไปที่ไหนทว่าคนที่นั่งมาด้วยกลับไม่รู้อะไรเลย ทำได้เพียงแค่อ่านป้ายบอกทางกระทั่งมั่นใจว่าเขากำลังขับออกนอกกรุงเทพฯ ไปทางทิศตะวันออก “เราจะไปที่ไหนกัน” “ทำไม” “ฉันคิดว่าตัวเองควรรู้ว่าคุณจะพาไปที่ไหน” “จะได้บอกว่าที่เจ้าบ่าวคุณนะเหรอ” “ใช่” ลลิตาเอ่ยรับเพียงสั้นๆ เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคริสสักเท่าไหร่นะ แต่ยิ่งเธอตอบรับสั้นเท่าไหร่แถมยังเกี่ยวข้องกับปราณ ชายหนุ่มกลับคิดไปไกลแล้วพานโมโหใส่เสียด้วยซ้ำ “ระยองพอใจหรือยัง” “ส่วนไหนของระยอง” ขณะถามหัวใจของลลิตาก็เต้นตึกๆ ตัก ๆ ภาวนาขออย่าให้เป็นที่นั่น “เกาะเสม็ด สถานที่ในความทรงจำของเราสองคน” คริสหันมายิ้มให้คนข้างๆ ที่เวลานี้นั่งนิ่งอยู่ ทำไมถึงต้องเป็นที่นั่น “แค่พูดชื่อเกาะมันก็ทำให้เราร้อนวูบวาบได้ว่าไหม” “คุณอยากจะพูดอยากจะคิดอะไรก็เชิญ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร” ต่อให้ที่นั่นจะเต็มไปด้วยความทรงจำแต่ลลิตาก็พยายามที่จะไม่คิดถึงมันแต่ยิ่งใช้ความพยายามปกปิดมากแค่ไหนความทรงจำที่เธออยากลืมกลับแจ่มชัด จูบแรกของเธอกับคริสก็เกิดขึ้นในคืนพระจันทน์เต็มดวงบนเกาะนั่น เซ็กซ์ครั้งแรกก็ที่นั่นรวมไปถึงสถานที่ถ่ายคลิปเซ็กซ์ก็ยังเป็นรีสอร์ตบนเกาะนั่นเช่นกัน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาล้วนเกิดขึ้นที่นั่นเกือบทั้งหมด “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปีแต่คุณดูเก่งขึ้นหรือที่ผ่านมาประสบการณ์โชกโชนแล้ว” “หยูดพูดแบบนี้กับฉันได้ไหม ที่ฉันยอมมากับคุณเพราะคุณรับปากว่าจะลบคลิปบ้าๆ นั่น ไม่ใช่มาเพราะอยากฟังคำพูดแบบนี้” น้ำเสียงของลลิตาสั่นเครือเล็กน้อย เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องทำนองนี้มากนัก คริสคือรักแรกของเธอ เธอกับเขาเจอกันครั้งแรกที่งานสัมมนาธุรกิจ ชายหนุ่มอยู่ที่นั่นในฐานะหนึ่งในผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่มาเพื่อพูดให้กำลังใจนักธุรกิจหน้าใหม่เช่นเธอ หลังจบการสัมมนาเธอกับเขาก็สานสัมพันธ์กัน ความรักในตอนนั้นราบรื่นไม่มีอะไรสะดุดกระทั่งคริสแนะนำน้องสาวให้เธอได้รู้จัก เธอรู้ได้ทันทีว่าคริสรักน้องมากและน้องสาวก็มองว่าพี่ชายเพียงคนเดียวคือฮีโร่คือโลกทั้งใบ ทุกอย่างยังคงราบรื่นกระทั่งคริสถูกซื้อตัวจากบริษัทข้ามชาติรวมถึงการไปพบปลายรุ้งวันนั้น“ครับ เรื่องนั้นผมรู้ แต่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันตั้งสามวันจะรีบร้อนให้ลบคลิปไปทำไมครับ เผลอๆ คืนนี้เราอาจผลิตคลิปเพิ่ม”“ไม่มีทาง” ลลิตาแย้งกลับทันควัน ทว่าคำตอบของเธอกลับไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของคริสน้อยลงได้แม้แต่น้อย รถยนต์ส่วนตัวของชายหนุ่มยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็ว จุดหมายของเขาก็คือท่าเทียบเรือเพราะได้เหมาเรือสปีดโบ๊ทไว้แล้วการเดินทางไปที่เกาะเสม็ดจึงสามารถเลือกเวลาได้ตามที่เขาสะดวกคริสขับรถยิงยาวจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองโดยไม่จอดพักเลยด้วยซ้ำ ประมาณสี่ทุ่มทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือจากนั้นก็เดินทางต่อด้วยสปีดโบ๊ท ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่พักบนเกาะชายหนุ่มอยากจองห้องพักห้องเดิมที่เคยมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับลลิตา แต่ทว่าที่ตรงนั้นกำลังปิดปรับปรุงเขาจึงได้ที่พักแห่งใหม่เป็นห้องฮันนีมูนสวีทของรีสอร์ตชื่อดังพร้อมชายหาดส่วนตัวแม้ที่พักจะสวยงามแค่ไหนแต่ความรู้สึกของลลิตากลับไร้อารมณ์ร่วมหรือคล้อยตาม ในขณะที่คริสยังคงพยายามยั่วยุลลิตาทุกครั้งที่มีโอกาสเสมอ“ฉันอยากเปิดห้องพักอีกห้อง” เพราะไม่อยากนอนห้องพักเดียวกับคริสทำให้ลลิตาเอ่ยบอกเขา“กลัวผมถึงขนาดนั้นเลยหรอ”
“เชิญ” ลลิตาหลีกทางให้คริสได้เข้าไปทำธุระในห้องน้ำบ้าง เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงเธอก็รีบจัดการทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงนอนขนาดคิงไซซ์แล้วแกล้งทำเป็นหลับทั้งๆ ที่ใจยังคงเต้นไม่เป็นส่ำคริสใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเพียงไม่นานก็กลับออกมา เวลานี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดนอนแสนสบายกางเกงขายาวผ้านิ่มกับเสื้อยืดสีขาว สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลลิตาที่เวลานี้อยู่บนเตียงเขารู้ว่าเธอแกล้งหลับและเขาก็จะเป็นคนปลุกให้เธอตื่น คริสเดินไปหยิบไวน์รินใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มราวกับต้องการรวบรวมความกล้า จากนั้นก็ก้าวขึ้นเตียงโดยวางมือถือไว้อยู่ข้างตัวเสมอ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกง่วงมากอย่างผิดสังเกตก่อนจะฟุบหลับทั้งๆ ที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงลลิตาทิ้งเวลาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองคนข้างๆ เมื่อเห็นว่าเขานั่งหลับอย่างหมดสภาพจึงยิ้มออกมาไม่คิดว่าแผนของเธอจะสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วพาตัวเองลงจากเตียงจากนั้นก็เดินอ้อมมาฝั่งที่คริสอยู่แล้วยื่นมือไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเขามาถือไว้ทันทีที่ลลิตากดเปิดหน้าจอก็พบว่ามันล็อค เธอร
เวลานี้ชายหนุ่มยังคงถาโถมเข้าหาเธอ ทั้งจูบทั้งสัมผัสนอกจากปากอิ่มแสนหวานอีกจุดหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของคริสได้เป็นอย่างดีคือหน้าอกคู่สวยของลลิตาเพราะแบบนั้นเขาจึงให้เวลากับมันมากเป็นพิเศษ ชุดนอนที่ลลิตาสวมอยู่ตอนนี้หลุดลุ่ยและเกะกะ คริสจึงจัดการถอดมันออกอย่างไร้ความปราณีเพราะต่อให้จะขาดติดมือเขาก็ไม่แยแส ตามด้วยเสื้อผ้าบนตัวของเขาร่างกายหรือเปล่าของคริสยังคงสวยงามและสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ร่างกายของลลิตาก็เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง เรือนร่างของเธอก็ยังคงสวยงามไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน“ออกไปนะ”“ยังไม่ทันจะส่งเข้าไปเลยก็ใจร้อนไล่ให้ออกแล้วเหรอ หืม” คำพูดของคริสทำให้ร่างกายของลลิตาร้อนผ่าวและความร้อนนั้นก็ถูกส่งมาให้คริสเช่นกัน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นร่างกายที่แสนคุ้นเคยและคุ้นตาของ ลลิตาแต่เพราะพายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำ ทำให้คริสครอบครองลลิตาทั้งๆ ที่ยังเล้าโลมเธอได้ไม่มากพอ การกระทำแบบนั้นทำให้ลลิตาเจ็บ เพราะตั้งแต่เลิกรากับเขาเธอก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวทำเรื่องน่าอายแบบนี้กับใคร แม้กระทั่งว่าที่เจ้าบ่าวอย่างปราณก็เช่นกัน แต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นจนร่างกายรับรู้ได้นั้นดูเหมือน
“ให้ตอบใหม่ มีหรือไม่มี” เพราะไม่เชื่อว่าคำตอบแรกของลลิตานั่นคือเรื่องจริง ทำให้คริสเลือกที่จะเปิดโอกาสให้เธอพูดใหม่พร้อมกับยังคงเคลื่อนไหวร่างกายเข้าหาอย่างต่อเนื่อง“มะ...ไม่มี อา” ท้ายคำตอบของลลิตคือเสียงที่ คริสอยากได้ยิน เธอต้องถูกเขาร่ายมนต์ใส่แน่ๆ ถึงได้ตอบความจริงออกไปแบบนี้ “เหมือนกัน” คริสตอบเพียงแค่นั้นแล้วโน้มตัวลงไปจูบปากอิ่มที่กำลังบวมเจ่อของเธอ เวลานี้ลลิตาจึงถูกเขารุกทั้งสองทางซึ่งแต่ล่ะทางนั้นช่างวาบหวามและเสียวซ่านจนเธอสะท้าน กว่าบทสวาทอันร้อนแรงของคริสแต่ล่ะครั้งจะผ่านพ้นไปลลิตาก็แทบหมดเรี่ยวแรง แม้จะบอกว่าเหนื่อยแม้จะบอกว่าขอพัก แต่ดูเหมือนคริสจะปัดตกคำขอร้องเหล่านั้นของเธออย่างไม่ไยดีด้วยซ้ำ นั่นเพราะคริสยังคงกลืนกินลลิตาราวกับต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้เลิกรากันไป คริสตื่นมาในวันรุ่งขึ้นแต่กลับไม่พบว่าลลิตาอยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่เธอควรจะอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่ใช่หรือนั่นทำให้ชายหนุ่มลนลานลงจากเตียงที่ผ้าปูที่นอนยับย่นจากกิจกรรมสุดร้อนแรงเมื่อคืน แล้วเดินตามหาเธอจนทั่วทั้งห้อง ทว่ากับไม่พบ“กระเป๋าเดินทางยังอยู่ แล้วตัวหายไปไหน” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง แต
“ยาคุม” ลลิตาเอ่ยตอบอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง“ขอดูหน่อย” คริสแบมือขอถุงยาจากเธอซึ่งลลิตาก็ส่งให้ ชายหนุ่มหยิบสิ่งที่อยู่ในซองขึ้นมาพลิกดูช้าๆ “แน่ใจหรอว่ามันจะช่วยอะไรเธอได้”“แน่ใจค่ะเพราะฉันไม่อยากตั้งท้องกับคุณ”“แต่ผมอยากให้คุณท้อง ท้องหลังจากนี้ได้ยิ่งดี”“คุณกำลังทำร้ายฉัน” ลลิตาเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดนั่นเพราะเธอพูดถูก เขามาที่นี่เพื่อทำร้ายเธอเพราะถ้าเธอเจ็บปราณก็ต้องเจ็บ แบบนั้นสิมันถึงจะสนุก“รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว”“รู้จักใคร”“ว่าที่เจ้าบ่าวของคุณ” คริสขยายความให้ลลิตาเข้าใจ“นาน”“นานที่ว่ากี่เดือน ก่อนที่เราจะเลิกกันหรือเปล่า”“เปล่า” ลลิตาตอบอย่างตรงไปตรงมาเพราะเธอซื่อสัตย์พอที่จะไม่คบซ้อน“คุณยังไม่ต
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน การแสดงออกของคริสที่มีให้ลลิตานั้นช่างเหมือนคู่ฮันนีมูนคู่อื่นๆ เพราะแบบนั้นหลายๆ คนจึงอดที่จะอิจฉาพวกเขาไม่ได้ รูปร่างหน้าตาก็หล่อสวยเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วคริสทำกับลลิตาราวกับเธอเป็นจำเลยรักของเขาเพราะเมื่อไหร่ที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า คริสก็คล้ายจะเปลี่ยนเป็นคนละคน นั่นเพราะเขายังคงกลืนกินลลิตาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักคำว่าเบื่อหน่าย ต่อให้เธอจะกินยาคุมฉุกเฉินแต่เขาก็มั่นใจว่ายาคุมแผงเล็กๆ นั่นไม่อาจป้องกันการตั้งครรภ์ที่เขาตั้งใจให้เกิดขึ้นกับเธอได้อย่างแน่นอนลลิตาสวดภาวนาให้ยาคุมฉุกเฉินที่เธอกินเข้าไปมีประสิทธิภาพพอ บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนกำลังตกนรกแต่บางครั้งกลับรู้สึกล่องลอยคล้ายอยู่บนสวรรค์ คริสทำให้อารมณ์ของเธอสวิงไปมาลลิตาจึงพยายามไม่ให้เขามีอิทธิพลไปมากกว่านี้“ปล่อยนะ” ลลิตาเอี้ยวตัวหลบวงแขนของคริส นั่นเพราะชายหนุ่มตั้งใจจะโอบเธอลงไปถึงห้องดินเนอร์มื้อเย็น“ตั้งแต่อยู่ด้วยกัน จำได้ไหมว่าพูดแบบนี้กี่ครั้งแล้ว”“นับครั้งไม่ถ้วน”“แล้วผ
แม้กระทั่งเช้าของวันเดินทางกลับคริสก็ยิ่งกลืนกิน ลลิตาครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่มาที่นี่ทั้งคู่แทบไม่ออกจากห้องด้วยซ้ำ ชายหาดสวยๆ ก็แทบไม่ได้ลงไปเหยียบ น้ำทะเลใสๆ นั่นก็ไม่ได้เล่น ทำได้แค่มอง ทั้งมองในเวลาปกติและมองในเวลาเร่าร้อน เพราะอ่อนเพลียทำให้ลลิตาเผลอหลับก่อนที่เสียงโทรศัพท์ปลุกให้เธอรู้สึกตัว“ว่าไงนา”“แกต้องรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้อิง” น้ำเสียงของลักขณาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทันทีที่รู้ข่าวเธอก็รีบมาแล้วโทรศัพท์หาเพื่อนสนิททันที“เกิดอะไรขึ้น”“น้องโอบล้มหัวกับฟาดพื้น ตอนนี้ยังไม่ได้สติ”“ว่าอะไรนะ” สิ่งที่ได้รู้ทำให้หัวใจของลลิตาหล่นวูบในทันที“แกกลับมาด่วนเลยได้ไหม”“ได้ๆ ฉันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” ทันทีที่วางสายจากลักขณา ลลิตาก็รีบก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอย่างรีบร้อน เพราะรีบทำให้มือไม้สั่นจนข้าวของเครื่องใช้บางอย่างหลุดจากมือกระแทกกับพื้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คริสเปิดประตูเข้ามาพอดี“จะไปไหน”“ฉ
“อิง” ทันทีที่มองเห็นลลิตา ลักขณาที่นั่งรออยู่ก็ถึงกับดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงปรี่เข้าไปหาเพื่อนสนิท ดูจากสีหน้ารวมไปถึงท่าทางแล้ว คงร้อนใจมากกว่าเธอหลายร้อยเท่าแน่“น้องโอบล้มจนหัวฟาดได้ยังไง”“พยาบาลบอกว่าน้องโอบลุกขึ้นแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเอง แต่จู่ๆ ก็วูบเป็นลมล้มหัวกระแทกพื้น”“แล้วตอนนั้นพยาบาลพิเศษไปไหน ทำไมถึงไม่อยู่ดูแลแกจนปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุ” ลลิตาสติหลุดเวลานี้เธอนั้นพร้อมจะฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกคนที่ทำให้ลูกชายเธอต้องเจ็บตัวแบบนี้“พยาบาลท้องเสียเลยออกไปกินยา แต่แกอย่าเพิ่งวิตกมากเกินไปเพราะตอนนี้น้องโอบพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังเบาใจไม่ได้เพราะ...”“เพราะอะไรแกรีบพูดมาสิ”“เพราะล้มหมอก็เลยจับน้องโอบตรวจร่างกายอย่างละเอียด ก็พบว่าหัวใจของน้องโอบไม่ค่อยสู้ดี ต้องผ่าตัดด่วนพรุ่งนี้”“ผ่าตัดด่วนได้ยังไง ทั้งๆ ที่ตอนนี้น้องโอบยังไม่ได้สติด้วยซ้ำ ไหนคุณหมอแนะนำให้รอแกโตกว่านี้อีกหน่อยค่อยผ่าตัดหัวใจไม่ใช่เหรอ”“ฉันก็เข้