แม้กระทั่งเช้าของวันเดินทางกลับคริสก็ยิ่งกลืนกิน ลลิตาครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่มาที่นี่ทั้งคู่แทบไม่ออกจากห้องด้วยซ้ำ ชายหาดสวยๆ ก็แทบไม่ได้ลงไปเหยียบ น้ำทะเลใสๆ นั่นก็ไม่ได้เล่น ทำได้แค่มอง ทั้งมองในเวลาปกติและมองในเวลาเร่าร้อน เพราะอ่อนเพลียทำให้ลลิตาเผลอหลับก่อนที่เสียงโทรศัพท์ปลุกให้เธอรู้สึกตัว
“ว่าไงนา”“แกต้องรีบกลับมากรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้อิง” น้ำเสียงของลักขณาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทันทีที่รู้ข่าวเธอก็รีบมาแล้วโทรศัพท์หาเพื่อนสนิททันที “เกิดอะไรขึ้น”“น้องโอบล้มหัวกับฟาดพื้น ตอนนี้ยังไม่ได้สติ”“ว่าอะไรนะ” สิ่งที่ได้รู้ทำให้หัวใจของลลิตาหล่นวูบในทันที “แกกลับมาด่วนเลยได้ไหม”“ได้ๆ ฉันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” ทันทีที่วางสายจากลักขณา ลลิตาก็รีบก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางอย่างรีบร้อน เพราะรีบทำให้มือไม้สั่นจนข้าวของเครื่องใช้บางอย่างหลุดจากมือกระแทกกับพื้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คริสเปิดประตูเข้ามาพอดี“จะไปไหน” “ฉ“อิง” ทันทีที่มองเห็นลลิตา ลักขณาที่นั่งรออยู่ก็ถึงกับดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงปรี่เข้าไปหาเพื่อนสนิท ดูจากสีหน้ารวมไปถึงท่าทางแล้ว คงร้อนใจมากกว่าเธอหลายร้อยเท่าแน่“น้องโอบล้มจนหัวฟาดได้ยังไง”“พยาบาลบอกว่าน้องโอบลุกขึ้นแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเอง แต่จู่ๆ ก็วูบเป็นลมล้มหัวกระแทกพื้น”“แล้วตอนนั้นพยาบาลพิเศษไปไหน ทำไมถึงไม่อยู่ดูแลแกจนปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุ” ลลิตาสติหลุดเวลานี้เธอนั้นพร้อมจะฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกคนที่ทำให้ลูกชายเธอต้องเจ็บตัวแบบนี้“พยาบาลท้องเสียเลยออกไปกินยา แต่แกอย่าเพิ่งวิตกมากเกินไปเพราะตอนนี้น้องโอบพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังเบาใจไม่ได้เพราะ...”“เพราะอะไรแกรีบพูดมาสิ”“เพราะล้มหมอก็เลยจับน้องโอบตรวจร่างกายอย่างละเอียด ก็พบว่าหัวใจของน้องโอบไม่ค่อยสู้ดี ต้องผ่าตัดด่วนพรุ่งนี้”“ผ่าตัดด่วนได้ยังไง ทั้งๆ ที่ตอนนี้น้องโอบยังไม่ได้สติด้วยซ้ำ ไหนคุณหมอแนะนำให้รอแกโตกว่านี้อีกหน่อยค่อยผ่าตัดหัวใจไม่ใช่เหรอ”“ฉันก็เข้
“ถ้าอยากเจอผมก็ไปที่ห้องสูตินารีนะครับ ผมเป็นหมออยู่ที่แผนกนั้น”“ฉันบอกว่าถ้าเราบังเอิญเจอกันค่ะ หูเพี้ยนแบบนี้ฉันว่าคุณหมอควรไปหาหมอแผนก ตา คอ หู จมูก ก่อนกลับบ้านนะคะ”“ไว้ผมค่อยไปวันหลัง เพราะสำหรับผมแล้วสุขภาพภายในของผู้หญิงก็สำคัญ ถ้าสะดวกก็เชิญลงทะเบียนแล้วล็อควันเวลาพบผมได้เลยนะครับ อ้อ…ผมชื่อกวิน” หมอหนุ่มได้ทีเอ่ยแนะนำตัว“คุณเป็นคุณหมอสูฯ หรือพนักงานขายตรงกันแน่เนี่ย เชียร์อัปเก่งจริง”“คุณหมอครับ”“ค่ะๆ หมอก็หมอ” ลักขณาเอ่ยรับตามมารยาท ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายแล้วเดินกลับไปสมทบกับ ลลิตา เมื่อมาถึงก็เห็นว่าเพื่อนนั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองอยู่บนเก้าอี้แถวๆ ห้องไอซียูเด็ก“หมอว่าไงบ้างอิง”“ผ่าตัดคือสิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้ ฉันเองก็เซ็นรับยินยอมให้แล้ว”“เข้มแข็งไว้แก ทุกอย่างต้องราบรื่น” ลักขณาตบบ่าของลลิตาหนักๆ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาในเกือบทุกๆ สถานการณ์ของชีวิต เป็นเพื่อนแท้ที่มีก
หมอใช้เวลาในการผ่าตัดหัวใจโอบรักหลายชั่วโมง ในที่สุดคำภาวนาของลลิตาและลักขณาก็ประสบผลสำเร็จ ทันทีที่หมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัดลลิตาก็ตรงเข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้เพื่อขอบคุณ จังหวะที่เธอจะก้มลงกราบหมอท่านนั้นกลับได้ห้ามเอาไว้“ดีจังเลยนะแก ต่อจากนี้ไปน้องโอบจะได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆ เสียที” ลักขณาพูดไปพร้อมกับยืนปาดน้ำตาตัวเองไปด้วย แล้วหันมาสวมกอดลลิตาที่ร้องไห้อยู่ข้างๆ อย่างยินดี จากนั้นทั้งคู่ก็ปล่อยโฮออกมาที่หน้าห้องผ่าตัด หมอกวินบังเอิญผ่านมาเห็นภาพนั้นเข้าจึงหยุดมองหมอหนุ่มจำหนึ่งในผู้หญิงที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นได้ดีว่าเป็นใคร สีหน้าไม่ได้เศร้าแต่กลับยิ้มไปร้องไห้ไปแบบนั้นการผ่าตัดคงผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเป็นแน่ กวินยืนมองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเดินจากไป“นี่นา”“ว่า” ลักขณาขานรับสั้นๆ“ฉันยกเลิกงานแต่งงานกับคุณปราณแล้วนะ”“ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนฟังตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ก็ได้ยินแบบนี้“เมื่อวาน ตอนที่คุณปราณมาหาที่โรงพยาบาลนั่นแหละ” เพราะรู้สึกผิด
“ฉันไม่ได้ต้องการความสำนึกอะไรจากเขา สิ่งที่อยากขอคือช่วยออกไปจากชีวิตฉันกับลูกก็พอ ส่วนแกก็ใจเย็นๆ ถ้ายังไม่เย็นก็ลงไปหากาแฟกิน ฉันจะเข้าไปดูลูกก่อน”“อืม อยากกินอะไรไหม”“อะไรก็ได้” เอ่ยบอกแค่นั้นลลิตาก็เข้าไปภายในห้องไอซียูเด็กเพื่อเยี่ยมอาการลูกชาย ส่วนลักขณาถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วเดินลงไปที่ร้านกาแฟตรงชั้นหนึ่ง พอได้กาแฟก็เดินตรงไปที่ลานสวนหย่อม นั่งถอนหายใจเฮือกๆ อยู่แบบนั้น“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ” กวินออกตัวทั้งๆ ที่เขามองเห็นลักขณามาแต่ไกล เพราะแบบนั้นจึงเดินตรงเข้ามาหาเธอ“ค่ะ” คนถูกทักเอ่ยรับอย่างไม่ใส่ใจกับความบังเอิญในครั้งนี้สักเท่าไหร่“ออกมาจิบกาแฟเหรอครับ” ขณะถามหมอหนุ่มก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ หญิงสาวที่เขายอมรับว่าสนใจ“เปล่าค่ะ”“เปล่า แต่ข้างๆ คุณมีแก้วกาแฟ”“ฉันสั่งเพราะความเคยชินมากกว่า นี่คุณหมอ”“ครับ” หมอกวินเอ่ยรับพร้อมมองหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังของคนตรงหน้า สีห
เพราะงานด่วนทำให้หลังจากจอดรถส่งลลิตาที่หน้าโรงพยาบาลเสร็จคริสต้องบินไปฮ่องกงทันที นั่นทำให้เขาหายหน้าหายตาไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ เพราะงานที่รัดตัวทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลาโทรหาเธอเช่นกันแต่ก็ยอมรับว่าคิดถึง ทันทีที่ลงเครื่องจึงตรงมาหาลลิตาที่บ้าน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่อยู่“หายไปไหน” คริสพึมพำออกมาพร้อมกับชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านของลลิตา ก่อนจะโทรหาเธอทว่า ลลิตากลับไม่ยอมรับสาย ชายหนุ่มรออยู่แบบนั้นนานหลายชั่วโมงกระทั่งตัดสินใจจะไปหาลักขณาแทน หวังว่าเธอยังอยู่ที่คอนโดมิเนียมเดิมซึ่งโชคก็ยังเข้าชายหนุ่มอยู่บ้างเพราะเขาได้เจอเธอที่หน้าล็อบบี้คอนโดมิเนียมเข้าจริงๆ“นา”“คุณคริส” ลักขณาตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอกับ คริสที่นี่ นี่มันวันอะไรของเธอแค่หิวแล้วลงมาเอาของที่ไรเดอร์มาส่งต้องมาเจอโจทย์กับเก่าเชียวเหรอ“ผมติดต่ออิงไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเธอไม่สบายหรือเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของคริสนั้นอ่อนโยนไม่ได้ห้วนแต่อย่างใด ตลอดเวลาที่เขาอยู่ฮ่องกงไม่มีเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงลลิตา เขาใช้เวลานั้นนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่าแ
“ผมเองก็ไม่รู้”“ถามจริงๆ นะ จะโกรธกันก็ยอม น้องสาวคุณมีความผิดปกติด้านความคิดอะไรหรือเปล่า” คำถามของลักขณาสะกิดความรู้สึกของคริสเข้าอย่างจังและพอจะเดาต้นตอออกว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ทำไมปลายรุ้งถึงคิดและทำแบบนั้น“ผมพึ่งมารู้หลังจากย้ายไปอยู่อเมริกาว่าน้องสาวป่วยเป็นซึมเศร้าครับ แกหวงผมมากกระทั่งมีความรักก็หวงคนรักที่คบอยู่ในตอนนั้นและมักจะพยายามฆ่าตัวตายมาอยู่หลายครั้ง ซึ่งแฟนของเธอก็ช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้งกระทั่งครั้งสุดท้ายที่ไปช่วยไม่ทันจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต”“ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” ลักขณาเองก็มีความลับอยากบอกคริส แต่กลับไม่กล้าพอที่จะพูด“ถ้าต้นเหตุเกิดจากรุ้ง ผมก็ยังรู้สึกผิดที่เชื่อว่านั่นคือเรื่องจริง เชื่อถึงขนาดไม่ถามอิง”“หูเบากันทั้งคู่นั่นแหละ เพราะสถานการณ์ในตอนนั้นมันประจวบเหมาะที่จะทำให้เข้าใจผิดกันมากนี่คะ คนหนึ่งบินไปต่างประเทศอีกคนป่วยจนถูกหามเข้าโรงพยาบาล” ลักขณาถอนหายใจออกมาหนักๆ พอได้ฟังและลองจับต้
“นี่มันบ้าอะไรกัน” คริสทุบโต๊ะทำงานดังปัง เมื่อเห็นข่าวว่าอดีตคนรักของน้องสาวประกาศแต่งงานในเร็ววันนี้ ทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเพิ่งเสียชีวิตและยังไม่ได้ทำบุญครบหนึ่งร้อยวันเสียด้วยซ้ำขนาดเขายังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับมีความสุขถึงขนาดจะแต่งงานสร้างครอบครัว แบบนั้นมันยุติธรรมแล้วหรือ รวมไปถึงอยากรู้นักว่าผู้หญิงที่ว่าเป็นใคร นั่นทำให้คริสเลื่อนวันเดินทางไปเมืองไทยให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย“ค่ะบอส”“จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยให้ผมหน่อย”“บอสจะเดินทางวันไหนคะ”“เร็วที่สุด”“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการให้” เมื่อสั่งงานเลขาส่วนตัวแล้ว ผู้บริหารหนุ่มที่รับผิดชอบดูแลธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติค่อยๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานเขาย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้สี่ปีแล้วแม้จะไกลบ้านเกิดและไกลจากน้องสาวที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาก็ตาม แต่ช่วงแรกที่มาคริสเหมือนคนบ้า การย้ายมาอยู่ไกลบ้านแถมยังถูกคนรักบอกเลิกอย่างเย็นชาทำให้เขารู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น งานก็ต้องเรียนรู้และรับผิดชอบ กว่าที่เขาจะพาตัวเองก้าวผ่านทุกอย่างในช่วงเวลานั้นมาได้ก็สาหัสไม่น้อย งานเขากำลังรุ่งส่วนเรื่องค
หัวใจปราณเต้นแรงและรัว อันที่จริงเขาแค่อยากบินกลับมาดูหน้าผู้ชายที่กล้าแต่งงานทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเสียไปได้ยังไม่ครบร้อยวัน แต่ทันทีที่เห็นว่าที่เจ้าสาวคนนั้นคนที่เคยทอดทิ้งเขา ไฟแค้นที่เหมือนจะดับมอดไปแล้วกลับประทุขึ้นมาในใจของคริสอย่างห้ามไม่ได้เขายอมให้ทุกคนบนบนโลกใบนี้มีความสุขได้ยกเว้นเธอ...ลลิตา ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตจะฉายวนกลับเข้ามา โดยเฉพาะวันที่ลลิตาบอกเลิกเขา“เหตุผลอิงผมอยากรู้เหตุผล”“ฉันไม่รักคุณแล้ว” “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น ทั้งๆ ที่เรารักกันมากนี่แถมยังวางแผนจะแต่งงานกัน”“เคยรักค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นให้คุณอีกแล้ว”“แล้วนั่นคุณจะไปไหน”“ฉันจะออกไปจากที่นี่”“แต่นี่มันคือบ้านของเรา”“ฉันจะทำให้มันเป็นแค่อดีตค่ะ หวังว่าต่อจากนี้ไปเราจะไม่ต้องติดต่อกันอีก”“อิง”คำตอบและการกระทำของลลิตาในวันนั้นช่างร้ายกาจ ต่อให้จะผ่านมาหลายปีแต่มันก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกเขามาจนถึงทุกวันนี้ หัวคิ้วหนาของคริสขมวดเข้าหากันยามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวดแม้อยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วหนีหาย แต่สุดท้ายก็เลือกกลืนกินความเจ็บปวดเหล่านั้นแล้วออกเดินทางมาบอสตันเพื่อเข้ารับ