“ถ้าอยากเจอผมก็ไปที่ห้องสูตินารีนะครับ ผมเป็นหมออยู่ที่แผนกนั้น”
“ฉันบอกว่าถ้าเราบังเอิญเจอกันค่ะ หูเพี้ยนแบบนี้ฉันว่าคุณหมอควรไปหาหมอแผนก ตา คอ หู จมูก ก่อนกลับบ้านนะคะ” “ไว้ผมค่อยไปวันหลัง เพราะสำหรับผมแล้วสุขภาพภายในของผู้หญิงก็สำคัญ ถ้าสะดวกก็เชิญลงทะเบียนแล้วล็อควันเวลาพบผมได้เลยนะครับ อ้อ…ผมชื่อกวิน” หมอหนุ่มได้ทีเอ่ยแนะนำตัว “คุณเป็นคุณหมอสูฯ หรือพนักงานขายตรงกันแน่เนี่ย เชียร์อัปเก่งจริง”“คุณหมอครับ”“ค่ะๆ หมอก็หมอ” ลักขณาเอ่ยรับตามมารยาท ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายแล้วเดินกลับไปสมทบกับ ลลิตา เมื่อมาถึงก็เห็นว่าเพื่อนนั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองอยู่บนเก้าอี้แถวๆ ห้องไอซียูเด็ก“หมอว่าไงบ้างอิง”“ผ่าตัดคือสิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้ ฉันเองก็เซ็นรับยินยอมให้แล้ว” “เข้มแข็งไว้แก ทุกอย่างต้องราบรื่น” ลักขณาตบบ่าของลลิตาหนักๆ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาในเกือบทุกๆ สถานการณ์ของชีวิต เป็นเพื่อนแท้ที่มีกหมอใช้เวลาในการผ่าตัดหัวใจโอบรักหลายชั่วโมง ในที่สุดคำภาวนาของลลิตาและลักขณาก็ประสบผลสำเร็จ ทันทีที่หมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัดลลิตาก็ตรงเข้าไปหาพร้อมกับยกมือไหว้เพื่อขอบคุณ จังหวะที่เธอจะก้มลงกราบหมอท่านนั้นกลับได้ห้ามเอาไว้“ดีจังเลยนะแก ต่อจากนี้ไปน้องโอบจะได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆ เสียที” ลักขณาพูดไปพร้อมกับยืนปาดน้ำตาตัวเองไปด้วย แล้วหันมาสวมกอดลลิตาที่ร้องไห้อยู่ข้างๆ อย่างยินดี จากนั้นทั้งคู่ก็ปล่อยโฮออกมาที่หน้าห้องผ่าตัด หมอกวินบังเอิญผ่านมาเห็นภาพนั้นเข้าจึงหยุดมองหมอหนุ่มจำหนึ่งในผู้หญิงที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นได้ดีว่าเป็นใคร สีหน้าไม่ได้เศร้าแต่กลับยิ้มไปร้องไห้ไปแบบนั้นการผ่าตัดคงผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเป็นแน่ กวินยืนมองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเดินจากไป“นี่นา”“ว่า” ลักขณาขานรับสั้นๆ“ฉันยกเลิกงานแต่งงานกับคุณปราณแล้วนะ”“ตั้งแต่เมื่อไหร่” คนฟังตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ก็ได้ยินแบบนี้“เมื่อวาน ตอนที่คุณปราณมาหาที่โรงพยาบาลนั่นแหละ” เพราะรู้สึกผิด
“ฉันไม่ได้ต้องการความสำนึกอะไรจากเขา สิ่งที่อยากขอคือช่วยออกไปจากชีวิตฉันกับลูกก็พอ ส่วนแกก็ใจเย็นๆ ถ้ายังไม่เย็นก็ลงไปหากาแฟกิน ฉันจะเข้าไปดูลูกก่อน”“อืม อยากกินอะไรไหม”“อะไรก็ได้” เอ่ยบอกแค่นั้นลลิตาก็เข้าไปภายในห้องไอซียูเด็กเพื่อเยี่ยมอาการลูกชาย ส่วนลักขณาถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วเดินลงไปที่ร้านกาแฟตรงชั้นหนึ่ง พอได้กาแฟก็เดินตรงไปที่ลานสวนหย่อม นั่งถอนหายใจเฮือกๆ อยู่แบบนั้น“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ” กวินออกตัวทั้งๆ ที่เขามองเห็นลักขณามาแต่ไกล เพราะแบบนั้นจึงเดินตรงเข้ามาหาเธอ“ค่ะ” คนถูกทักเอ่ยรับอย่างไม่ใส่ใจกับความบังเอิญในครั้งนี้สักเท่าไหร่“ออกมาจิบกาแฟเหรอครับ” ขณะถามหมอหนุ่มก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ หญิงสาวที่เขายอมรับว่าสนใจ“เปล่าค่ะ”“เปล่า แต่ข้างๆ คุณมีแก้วกาแฟ”“ฉันสั่งเพราะความเคยชินมากกว่า นี่คุณหมอ”“ครับ” หมอกวินเอ่ยรับพร้อมมองหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังของคนตรงหน้า สีห
เพราะงานด่วนทำให้หลังจากจอดรถส่งลลิตาที่หน้าโรงพยาบาลเสร็จคริสต้องบินไปฮ่องกงทันที นั่นทำให้เขาหายหน้าหายตาไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ เพราะงานที่รัดตัวทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลาโทรหาเธอเช่นกันแต่ก็ยอมรับว่าคิดถึง ทันทีที่ลงเครื่องจึงตรงมาหาลลิตาที่บ้าน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่อยู่“หายไปไหน” คริสพึมพำออกมาพร้อมกับชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านของลลิตา ก่อนจะโทรหาเธอทว่า ลลิตากลับไม่ยอมรับสาย ชายหนุ่มรออยู่แบบนั้นนานหลายชั่วโมงกระทั่งตัดสินใจจะไปหาลักขณาแทน หวังว่าเธอยังอยู่ที่คอนโดมิเนียมเดิมซึ่งโชคก็ยังเข้าชายหนุ่มอยู่บ้างเพราะเขาได้เจอเธอที่หน้าล็อบบี้คอนโดมิเนียมเข้าจริงๆ“นา”“คุณคริส” ลักขณาตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอกับ คริสที่นี่ นี่มันวันอะไรของเธอแค่หิวแล้วลงมาเอาของที่ไรเดอร์มาส่งต้องมาเจอโจทย์กับเก่าเชียวเหรอ“ผมติดต่ออิงไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเธอไม่สบายหรือเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของคริสนั้นอ่อนโยนไม่ได้ห้วนแต่อย่างใด ตลอดเวลาที่เขาอยู่ฮ่องกงไม่มีเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงลลิตา เขาใช้เวลานั้นนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่าแ
“ผมเองก็ไม่รู้”“ถามจริงๆ นะ จะโกรธกันก็ยอม น้องสาวคุณมีความผิดปกติด้านความคิดอะไรหรือเปล่า” คำถามของลักขณาสะกิดความรู้สึกของคริสเข้าอย่างจังและพอจะเดาต้นตอออกว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ทำไมปลายรุ้งถึงคิดและทำแบบนั้น“ผมพึ่งมารู้หลังจากย้ายไปอยู่อเมริกาว่าน้องสาวป่วยเป็นซึมเศร้าครับ แกหวงผมมากกระทั่งมีความรักก็หวงคนรักที่คบอยู่ในตอนนั้นและมักจะพยายามฆ่าตัวตายมาอยู่หลายครั้ง ซึ่งแฟนของเธอก็ช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้งกระทั่งครั้งสุดท้ายที่ไปช่วยไม่ทันจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต”“ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” ลักขณาเองก็มีความลับอยากบอกคริส แต่กลับไม่กล้าพอที่จะพูด“ถ้าต้นเหตุเกิดจากรุ้ง ผมก็ยังรู้สึกผิดที่เชื่อว่านั่นคือเรื่องจริง เชื่อถึงขนาดไม่ถามอิง”“หูเบากันทั้งคู่นั่นแหละ เพราะสถานการณ์ในตอนนั้นมันประจวบเหมาะที่จะทำให้เข้าใจผิดกันมากนี่คะ คนหนึ่งบินไปต่างประเทศอีกคนป่วยจนถูกหามเข้าโรงพยาบาล” ลักขณาถอนหายใจออกมาหนักๆ พอได้ฟังและลองจับต้
“นี่มันบ้าอะไรกัน” คริสทุบโต๊ะทำงานดังปัง เมื่อเห็นข่าวว่าอดีตคนรักของน้องสาวประกาศแต่งงานในเร็ววันนี้ ทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเพิ่งเสียชีวิตและยังไม่ได้ทำบุญครบหนึ่งร้อยวันเสียด้วยซ้ำขนาดเขายังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับมีความสุขถึงขนาดจะแต่งงานสร้างครอบครัว แบบนั้นมันยุติธรรมแล้วหรือ รวมไปถึงอยากรู้นักว่าผู้หญิงที่ว่าเป็นใคร นั่นทำให้คริสเลื่อนวันเดินทางไปเมืองไทยให้เร็วขึ้นอีกเล็กน้อย“ค่ะบอส”“จองตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยให้ผมหน่อย”“บอสจะเดินทางวันไหนคะ”“เร็วที่สุด”“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการให้” เมื่อสั่งงานเลขาส่วนตัวแล้ว ผู้บริหารหนุ่มที่รับผิดชอบดูแลธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติค่อยๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานเขาย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้สี่ปีแล้วแม้จะไกลบ้านเกิดและไกลจากน้องสาวที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาก็ตาม แต่ช่วงแรกที่มาคริสเหมือนคนบ้า การย้ายมาอยู่ไกลบ้านแถมยังถูกคนรักบอกเลิกอย่างเย็นชาทำให้เขารู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น งานก็ต้องเรียนรู้และรับผิดชอบ กว่าที่เขาจะพาตัวเองก้าวผ่านทุกอย่างในช่วงเวลานั้นมาได้ก็สาหัสไม่น้อย งานเขากำลังรุ่งส่วนเรื่องค
หัวใจปราณเต้นแรงและรัว อันที่จริงเขาแค่อยากบินกลับมาดูหน้าผู้ชายที่กล้าแต่งงานทั้งๆ ที่น้องสาวเขาเสียไปได้ยังไม่ครบร้อยวัน แต่ทันทีที่เห็นว่าที่เจ้าสาวคนนั้นคนที่เคยทอดทิ้งเขา ไฟแค้นที่เหมือนจะดับมอดไปแล้วกลับประทุขึ้นมาในใจของคริสอย่างห้ามไม่ได้เขายอมให้ทุกคนบนบนโลกใบนี้มีความสุขได้ยกเว้นเธอ...ลลิตา ก่อนที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตจะฉายวนกลับเข้ามา โดยเฉพาะวันที่ลลิตาบอกเลิกเขา“เหตุผลอิงผมอยากรู้เหตุผล”“ฉันไม่รักคุณแล้ว” “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น ทั้งๆ ที่เรารักกันมากนี่แถมยังวางแผนจะแต่งงานกัน”“เคยรักค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นให้คุณอีกแล้ว”“แล้วนั่นคุณจะไปไหน”“ฉันจะออกไปจากที่นี่”“แต่นี่มันคือบ้านของเรา”“ฉันจะทำให้มันเป็นแค่อดีตค่ะ หวังว่าต่อจากนี้ไปเราจะไม่ต้องติดต่อกันอีก”“อิง”คำตอบและการกระทำของลลิตาในวันนั้นช่างร้ายกาจ ต่อให้จะผ่านมาหลายปีแต่มันก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกเขามาจนถึงทุกวันนี้ หัวคิ้วหนาของคริสขมวดเข้าหากันยามนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวดแม้อยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วหนีหาย แต่สุดท้ายก็เลือกกลืนกินความเจ็บปวดเหล่านั้นแล้วออกเดินทางมาบอสตันเพื่อเข้ารับ
“ฉันเจอคริส”“จริงหรอแล้วเจอที่ไหน” หน้าสีหน้ารวมถึงน้ำเสียงของลักขณานั้นบอกว่าเธอตกใจนั่นเพราะไม่คิดว่าคนที่ ลลิตาเอ่ยถึงจะกลับมาเมืองไทยอีก “วัด”“สงสัยจะไปจองเมรุให้ตัวเอง”“นา” ลลิตาเอ่ยปรามเพื่อนสนิท “ขอโทษที ได้ยินชื่อนี้ทีไรอารมณ์มันขึ้นตลอด ว่าแต่แกไปทำอะไรที่วัดถึงเจอกัน”“ฉันกับคุณปราณไปทำบุญ เลยบังเอิญเจอเขาที่นั่นด้วย” สีหน้าของลลิตาบ่งบอกว่าเธอกำลังเครียด การที่คริสอยู่ไกลครึ่งค่อนโลกมันทำให้เธอสบายใจได้เปลาะหนึ่งว่าคงไม่บังเอิญเจอเขาที่เมืองไทยได้ง่ายๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้สิ่งที่หวังจะไม่เป็นแบบนั้น เธอไม่รู้ว่าเขาแค่กลับมาเยี่ยมน้องสาวมาทำธุระส่วนตัวหรือเรื่องอะไร รวมถึงไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน หวังว่าความบังเอิญอย่างวันนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก “คุณปราณได้เจอด้วยไหม”“ไม่”“เจอกันแล้วเป็นไงได้คุยอะไรกันบ้าง” ลักขณาเองก็ลุ้นเหมือนกัน เพราะทั้งคู่จบไม่ค่อยสวยกันเท่าไหร่แถมยังมี…เฮ้อ คิดแล้วก็ปวดหัวตุบๆ “เขาก็ดูตกใจนะที่เจอฉัน แต่เพราะต่างอยู่ไกลกันเลยไม่ได้คุย” ลลิตายังใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงคริส หากเจอหน้ากัน ในระยะประชิดกว่านี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรั
เพราะคิดว่าลลิตายังอาศัยอยู่บ้านหลังเดิมคริสจึงตั้งใจไปเพื่อหาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มกลับคิดผิดเนื่องจากเธอย้ายออกไปได้หลายเดือนแล้ว นั่นยิ่งทำให้ไฟแค้นสุมอกถึงขนาดแอบสะกดรอยปราณเพราะมั่นใจว่าชายหนุ่มคือคนที่จะทำให้รู้ว่าตอนนี้ลลิตาอยู่ที่ไหน และสิ่งที่คริสคิดก็ไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะในที่สุดชายหนุ่มก็รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนได้ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย”“แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้”“แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า”“ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ“ได้ยินชัดแล้วนี่”“แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือ