แพรพิไลพยายามลอบมองครองขวัญว่าเจ้าตัวมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สายตาของเธอจึงมักตามติดรชตอยู่หลายครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาก็มักมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วย
หญิงสาวไม่มีโอกาสรู้เลยว่ารชตนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงครองขวัญกับอรอินอยู่หลายครั้งเพราะเขาอยากมาอยู่ใกล้กับเธอมากกว่า แต่สาวไฟแรงทั้งสองก็เกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง ทุกครั้งที่เพลงจบแล้วเขาทำท่าจะผละออก อีกฝ่ายก็จะกอดเขาแน่นจนเนื้อตัวแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน...แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแพรพิไล เธอจะกอดเขาไว้ทั้งคืนเขาก็ไม่ว่า
ในที่สุดเพลงก็จบลงเสียที เขาต้องหันไปส่งสัญญาณให้กริชกับปารุส ผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนพูด
“คุณอาร์ตครับ มีสายด่วนจากคุณโอมครับ”
อา...น่าขึ้นเงินเดือนให้เสียจริง
“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณอิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”
เขาหันไปบอกกับอรอิน นักธุรกิจสาวไฟแรงสูงที่เคยเป็นคู่ขาของพชร พี่ชายเขากับภีมพล เพื่อนพี่ชายมาก่อน
“หืม นานไหมคะ อินไม่อยากเต้นกับคนอื่นเลยนอกจากคุณอาร์ตคนเดียว” เธอกอดเอวเขาแน่นพร้อมกับลากนิ้วผ่านแผงอกของเขา น้ำเสียงกระเง้ากระงอดอย่างที่ชอบทำเวลาเขาปลีกตัวออกมา
“ไม่แน่ใจครับ น่าจะนานพอสมควรเลย คุณอินไปเต้นกับชาคริตก่อนก็ได้นะครับ หรือกับคนอื่นก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกให้” เขาไม่รอให้เธอปฏิเสธ แต่กวักมือเรียกครูสอนลีลาศคนหนึ่งที่กำลังว่างอยู่ให้เข้ามาเป็นคู่เต้นของเธอ
อรอินหันมองคนที่รชตเรียกให้แล้วก็คลี่ยิ้มออกมา เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบผู้ชายหน้าตาดี
“ดูแลคุณอรอินให้ดีนะ” พูดจบเขาก็หันไปยิ้มให้เธออีกครั้งก่อนจะเดินออกจากฟลอร์พร้อมคนสนิท
เขาทำทีเป็นเดินเข้าไปด้านหลังซึ่งเป็นบริเวณสำหรับพนักงานแล้วอ้อมออกมาอีกประตูหนึ่งใกล้กับที่นั่งของแพรพิไลพอดี
“จะรังเกียจไหมครับถ้าผมอยากนั่งด้วย” เขายืนตรงฉากกั้นข้างโต๊ะของหญิงสาว
แพรพิไลหันมองหน้าเขา ในแววตามีความงุนงงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้ “เชิญค่ะ”
เขานั่งลงทันทีที่เธอพูดจบ จากนั้นก็กวักมือเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่ม
“ครบสามดริงก์รึยังครับ ถ้าครบแล้วดริงก์ต่อไปผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงคุณได้ไหมคุณแพร” เขาเห็นเธอหลุบตาลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากอมยิ้มเล็กน้อยก่อนช้อนตาขึ้นมองเขา
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
ใบหน้าสวยจัดของเธอทำเอาเขาแทบละสายตาไม่ได้ นัยน์ตากระจ่างใส รอยยิ้มกว้าง ๆ กับท่าทางแก่นแก้วในครั้งนั้นถูกแทนที่ด้วยสาวพราวเสน่ห์ชวนให้ลุ่มหลงมัวเมาเสียแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอก็ยังเป็นน้องแพรที่เขาเคยเก็บซ่อนไว้ส่วนลึกในหัวใจเสมอมา
“เนื่องในโอกาสที่เรา...รู้จักกันไงครับ” เขาเกือบโพล่งออกไปแล้วว่าเนื่องในโอกาสที่เราได้เจอกันอีกครั้ง แต่เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเธอจำเรื่องราวในครั้งนั้นได้หรือไม่ และตอนนี้เธอมีคนรักแล้วหรือยัง ฉะนั้นเขาจึงขอเก็บความทรงจำนั้นไว้กับตัวก่อนดีกว่า เอาไว้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยแง้มบอกเธอทีละนิดทีละหน่อย
“ขอบคุณค่ะ ขอเป็นลองไอส์แลนด์นะคะ” เธอมองเขาเหมือนค้นหาอะไรสักอย่าง เพราะเขาไม่ปิดบังความสนใจที่มีในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย
“คุณอาร์ตว่างแล้วหรือคะ ถึงมีเวลามานั่งกับแพรได้”
ได้ยินอย่างนี้ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้างทันที เพราะนั่นหมายความว่าเธอเองก็มองเขาอยู่ตลอด
“ต่อให้ยุ่งแค่ไหนผมก็ต้องหาเวลามานั่งเป็นเพื่อนคุณแพรให้ได้ครับ” เขาได้โอกาสรีบหยอดทันที
เธอหลุบตามองโต๊ะแล้วอมยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่มีท่าทีเขินอายราวกับว่าได้ยินได้ฟังประโยคแบบนี้มานับไม่ถ้วน
“แล้วแพรจะไม่โดนสาว ๆ เขม่นเอาหรือคะที่ดึงคุณอาร์ตไว้คนเดียว” เธอทำท่าทางได้น่าเห็นใจมาก แต่สายตาที่มองเขากลับซุกซนระยิบระยับดูเจ้าเล่ห์เหมือนสนุกที่ได้หว่านเสน่ห์ใส่เขา
และนั่นจึงทำให้เขารู้ว่าแม่เด็กแสบคนนั้นยังไม่ได้หายไปไหน ยังคงซุกซ่อนอยู่ในตัวของสาวสวยคนนี้อย่างมิดชิด
“อืม...ผมก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดยังไง แต่ถ้าถามผม เวลานี้ผมอยากอยู่กับคุณแพรมากกว่า” เขาหยอดเต็มที่ เห็นเธอกลั้นยิ้มจนแก้มป่องก่อนหันมามองเขา
จากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
แพรพิไลประเมินชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง เมื่อครู่นี้เธออดแปลกใจไม่ได้ที่เขาดูเหมือนจะเป็นที่เกรงใจของเหล่าพนักงานไม่น้อย แสดงว่าเขาน่าจะเป็นระดับหัวหน้าแล้ว เขามีรูปเป็นทรัพย์จึงมีแต่สาว ๆ แย่งกันใกล้ชิดเขา เพราะเหตุนี้หรือเปล่าถึงได้ฉวยโอกาสทำอาชีพเสริมด้วยการเป็นผู้ชายที่มีผู้อุปถัมภ์
แต่ก็ควรอยู่หรอก เพราะนอกจากเขาจะรูปหล่อแล้วคารมยังคมคายอีกด้วย เธอรู้มาว่าผู้ชายจำพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะหว่านเสน่ห์เก่ง ปากหวานช่างเอาอกเอาใจ และที่สำคัญ ช่ำชองเรื่องบนเตียงในระดับแอดวานซ์ มิเช่นนั้นคงไม่สามารถหลอกล่อให้สาว ๆ เหล่านั้นทุ่มเทเงินทองให้ บางรายถึงกับขอบ้านได้บ้าน ขอรถได้รถกันเลยทีเดียว
“คุณปากหวานแบบนี้กับสาว ๆ ทุกคนเลยรึเปล่า”
“ไม่ครับ เฉพาะคนที่ผมเห็นว่าพิเศษเท่านั้น” เขาโยกตัวเข้ามาใกล้เธออีกนิดจนใบหน้าของเราอยู่ห่างกันแค่หนึ่งไม้บรรทัด ความคุ้นเคยบางอย่างพุ่งเข้าชนจิตใจของเธออีกครั้งอย่างรวดเร็ว
แววตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ เธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อนกันนะ
แพรพิไลปัดเรื่องนั้นออกไปจากหัว พอดีกับที่พนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้บนโต๊ะ หญิงสาวจิบไปหนึ่งอึก ขณะที่ชายหนุ่มก็ยกแก้ววิสกี้ของตัวเองขึ้นจิบเช่นกัน
เธอมองไปรอบด้านทำทีเป็นให้ความสนใจกับการเต้นรำบนฟลอร์ แต่ความจริงแล้วต้องการมองหาครองขวัญต่างหาก เธอมาทำงาน ไม่ได้มานั่งฟังคำหวานจากหนุ่มหล่อ ฉะนั้นจึงต้องพยายามดึงตัวเองมาจดจ่อกับเป้าหมายให้ได้
ทว่าครั้งนี้เธอไม่ต้องหาครองขวัญนานนัก เพราะอีกฝ่ายนั่งแหมะอยู่ที่โต๊ะตนเอง หนำซ้ำยังจ้องเขม็งมาทางโต๊ะเธอด้วยสายตาหาเรื่องเต็มที่
อา...หวงผู้ชายในสังกัดเสียด้วย อย่างนี้ต้องทดสอบอะไรสักหน่อยแล้ว
“ฉันอยากลองซ้อมเต้นอีกสักรอบจังเลยค่ะ กลัวว่าจะลืม ไม่ทราบว่าคุณอาร์ตว่างไหมคะ”
“ว่างครับ สำหรับคุณแพรแล้วผมยินดีเสมอ”
อีกแล้ว...ยิ้มทรงเสน่ห์แบบนี้อีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นชายหนุ่มที่มีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามสูงเสียจริง
“จะไปกันเลยไหมครับ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาให้ เธอจึงวางมือลงบนมือของเขาแล้วพากันเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำ
“จังหวะวอลซ์คุณเต้นได้รึเปล่าครับ” ไม่ต้องรอให้เขาสอนการวางมือ เธอก็จัดการโอบแขนไปที่ไหล่ของเขาทันที
“จำได้บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ คงต้องขอคำแนะนำจากคุณบ้างแล้วละ” ระหว่างที่เต้นรำไปด้วยกัน สายตาหวานฉ่ำของเขาไม่ละไปจากวงหน้าของเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว เจอแบบนี้เข้าไป ต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็มีสิทธิ์ละลายได้เหมือนกัน
ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไปแล้ว...
“ฉันขอละลาบละล้วงถามอะไรคุณหน่อยได้ไหมคะ” แพรพิไลคิดว่าถามเข้าเป้าไปเลยดีกว่า ก่อนที่เธอจะถูกรชตร่ายมนตร์ใส่
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยแล้วรอฟัง
“ถ้าฉันอยากจะขออุปการะคุณบ้าง คุณคิดเท่าไรคะ”
ทันทีที่เธอบอกความต้องการออกไป ดูเหมือนดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้นมากกว่าเดิม สีหน้างุนงงสงสัยจนเธออดยิ้มไม่ได้
...แหม แสดงละครเก่งจริง
“แหม...ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ฉันรู้นะว่าคุณน่ะเป็นพวกที่มีผู้หญิงเลี้ยงดูอยู่ ฉันก็แค่สนใจคุณ อยากเลี้ยงดูคุณบ้างก็เท่านั้นเอง...ว่ายังไงคะ อ๊ะ! หรือว่าคุณเกรงใจคุณครองขวัญ” เธอสังเกตแววตาเขาเพราะไม่อยากพลาดทุกความรู้สึก คราแรกเธอเห็นความงงงัน พริบตาต่อมาก็กลับกลายเป็นความขบขันเสียนี่
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมเป็น...เอ่อ...ผู้ชายขายตัว”
รชตเกือบระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วเชียว ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้มายัดเยียดตำแหน่งผู้ชายขายน้ำให้เขา
“ของแบบนี้ฉันมองปราดเดียวก็รู้แล้วค่ะ คุณน่ะน่าจะมีผู้อุปการะไม่ต่ำกว่าสองคนแน่ ๆ ใช่ไหมคะ”
รชตกลั้นขำจนไหล่สั่น...ยายตัวแสบของเขายังขี้ตู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว หากเขาแกล้งรับสมอ้างไปจริง ๆ อยากรู้เหลือเกินว่าเธอจะทำอย่างไร
“แล้วคุณอยากเป็นคนที่สามรึเปล่าล่ะ ผมคิดไม่แพงหรอกนะ แค่อาหารสามมื้อ และ...” เขาโน้มหน้าลงไปพูดใกล้ใบหูของเธอ
“เซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...ตกลงไหมคุณแพร”
แพรพิไลนั่งนวดขมับเพื่อขับไล่อาการปวดศีรษะเพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย วันนี้เธอยกหน้าที่ติดตามครองขวัญให้เจติยาไปทำแทนเนื่องจากว่าต้องรวบรวมภาพถ่ายและคลิปทั้งหมดที่ถ่ายได้มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งต้องมาเซ็นเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวกับบริษัทด้วยเพราะตลอดสองวันที่เธอไม่อยู่ มีการว่าจ้างเกี่ยวกับคดีชู้สาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดี“ไม่คิดจะมีคดีอื่นบ้างเลยรึไงเนี่ย วัน ๆ มีแต่เรื่องติดตามชู้ เฮ้อ...”หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาสองเม็ด จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง กะไว้ว่าจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมานั่งดูรูปอีกครั้งหนึ่งใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของใครบางคนผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด เมื่อคืนหลังจากที่โยนหินถามทางเรื่องเขาเป็นผู้ชายขายบริการไป คราแรกนึกว่ารชตจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขายอมรับแต่โดยดี หนำซ้ำยังถามย้ำอยู่บ่อยครั้งด้วยว่าตกลงเธอจะรับอุปการะเขาหรือเปล่าข้าวสามมื้อกับเซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...บ้าแล้ว! นี่เขาไม่คิดจะไปให้บริการผู้หญิงคนอื่นบ้างเลยหรือไร จู่ ๆ จะมาเกาะติดแต่
หญิงสาวนั่งเท้าคางมองไปเรื่อยเปื่อยด้วยความเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก ตรงกลางฟลอร์มีครองขวัญกับชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเต้นรำเข้าคู่กันอย่างสนุกสนานเพราะเป็นจังหวะเร็ว และเธอก็ไม่รู้ว่าจังหวะนี้เรียกว่าอะไร แต่ดูแล้วหากไม่ชำนาญการเต้นจังหวะนี้จริง ๆ มีหวังได้เหยียบเท้าหรือหกล้มกันแน่นอนเขาไปไหนของเขานะ...ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งอย่างรวดเร็วพลางถอนหายใจ จากนั้นร่างของเธอก็แข็งทื่อเมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเผลอตัวมองหารชตอย่างไม่น่าให้อภัย“บ้าจริง” เธอทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างแรง ก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเพื่อดับอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองที่ดันเสียสมาธิเพราะผู้ชายคนนั้นจนได้แพรพิไลยกสองมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา ตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่จะไขว้เขวเพราะสิ่งเร้าแสนเย้ายวนอย่างรชตไม่ได้เป็นอันขาด...ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเชิญชวนเป็นอย่างยิ่งก็เถอะ“ออกไปเต้นรำไหมครับ นั่งเฉย ๆ จะเบื่อซะเปล่า” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างตัวครั้นพอแพรพิไลหันมองตามเสียงจึงรู้ว่าเขาคือหนึ่งในครูสอนลีลาศที่เนื้อ
แพรพิไลสังเกตว่าทุกครั้งเวลาที่ชายหนุ่มคุยกับเธอ มุมปากของเขามักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอยู่เสมอ ดูมีเสน่ห์เสียจนไม่อยากถอนสายตากลับแต่ถ้าเธอไม่ถอนออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ต้องทำงานทำการกันแล้วกระมัง ผู้ชายอะไร แรงดึงดูดมากเสียจนน่าหวาดหวั่น!แพรพิไลผินหน้าไปมองครองขวัญซึ่งขณะนี้กำลังนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะโดยมีชาคริตนั่งอยู่ด้วย หญิงสาวแบ่งสมาธิของตนไปที่คู่นั้นทันที เพราะมือของสองหนุ่มสาวเกาะกุมกันอยู่ สักพักชาคริตก็ถอนมือกลับ ขณะที่ครองขวัญเอามือลากโต๊ะมาจนกระทั่งถึงกระเป๋าถือใบเล็กของตัวเองมองผิวเผินเหมือนว่าหนุ่มสาวสองคนนี้แค่จับมือกันแล้วปล่อย แต่สำหรับแพรพิไลที่ลอบมองตาแทบไม่กะพริบนั้นรู้สึกได้ว่าการจับมือกันของทั้งคู่ช่างไม่ธรรมดา ชาคริตส่งอะไรบางอย่างให้ครองขวัญ และครองขวัญเก็บสิ่งนั้นใส่กระเป๋าอีกด้วย!“โอ๊ย!” เสียงร้องเบา ๆ ของรชตเรียกสายตาของแพรพิไลกลับมาที่เขาทันที“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ เจ็บไหมคะคุณอาร์ต ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวก้มลงมองรองเท้ามันปลาบของเขาซึ่งมีรอยรองเท้าของเธอเข้าไปเต็ม ๆ รองเท้าคู่นี้มองดูก็รู้ว่า
แพรพิไลสังเกตการณ์อยู่ในรถครู่หนึ่งพร้อมทั้งหยิบกล้องปากกาออกมาเก็บภาพโดยรวมของสถานที่ไว้ เสร็จเรียบร้อยก็ขับออกมาเพื่อตั้งหลัก สำหรับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและดูมีลับลมคมในแบบนี้ เธอยอมถอยออกมาก่อนดีกว่าดันทุรังจะเข้าไป เพราะหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นคงไม่มีใครช่วยเธอได้แน่นอนหญิงสาวขับรถกลับบ้านทั้งที่ในสมองมีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ซึ่งเป็นเพียงคอนโดมิเนียมธรรมดา ๆ แต่บริเวณที่ครองขวัญเข้าไปกลับอยู่ชั้นล่างสุดซึ่งน่าจะเป็นพวกร้านค้าต่าง ๆ มากกว่า แถมยังต้องเข้าด้านหลังอาคาร ไฟก็ไม่เปิด ทำให้พื้นที่โดยรอบประตูทางเข้ามืดจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร หนำซ้ำยังมีคนยืนเฝ้าอีกสองคนเพื่อสแกนคนที่จะเข้าไปด้านในอีกด้วย“แปลกแฮะ มีแต่เรื่องไม่เข้าใจเต็มไปหมด” พรุ่งนี้เธอมีนัดต้องรายงานผลให้สุกำพลทราบในช่วงบ่าย บางทีหากเธอให้เขาดูรูปสถานที่เมื่อครู่อาจจะคิดอะไรออกก็เป็นได้ช่วงสายของวันถัดมา แพรพิไลนำรูปทั้งหมดที่ถ่ายได้เมื่อวานโอนใส่แท็บเล็ตพร้อมกับนั่งเปิดดูไปทีละรูปอย่างใจเย็น ส่วนไหนที่เป็นข้
แพรพิไลไม่ได้เล่าเรื่องคอนโดมิเนียมแห่งนั้นให้สุกำพลฟัง เพราะคิดอยู่ว่าจะหาทางไปถ่ายรูปที่นั่นให้ชัดเจนกว่านี้ และถ้าเป็นไปได้เธอจะหาวิธีเข้าไปในนั้นด้วย แต่ที่แน่ ๆ ก็คือช่วงกลางวันแบบนี้เธอจะขับรถไปดูตรงนั้นให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นในตอนกลางวันเปิดเป็นร้านอะไรสุกำพลถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับดึงตัวขึ้นมานั่งหลังตรงตามเดิม เธอมองออกว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนักเพราะหัวคิ้วขมวดกันมุ่น คงเพราะเรื่องที่เธอรายงานเป็นแน่“ถ้าอย่างนั้นแพรขอตัวก่อนดีกว่านะคะ มีอะไรต้องไปทำหลายอย่างเลย” เธอทำท่าจะลุกขึ้น แต่กลับถูกเขาคว้าข้อมือเอาไว้แน่น“เดี๋ยวก่อนสิครับ ถ้าคุณแพรไม่รังเกียจ รบกวนกินข้าวกับผมสักมื้อได้ไหม” เขาปล่อยมือออกอย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่รีบร้อนและไม่อ้อยอิ่งจนเกินไป จนแพรพิไลอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายอย่างสุกำพลดูร้ายกาจและอันตรายยิ่งกว่ารชตเสียอีก‘บ้าจริง! นึกถึงเขาอีกแล้ว...’“ได้สิคะ แหม แพรจะรังเกียจลูกค้าได้ยังไง”เธอพูดพร้อมกับรีบไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขาทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะหาเรื่องรั้งให้นั่งอยู่ข้าง ๆ เห
หลังจากจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว แพรพิไลกับสุกำพลก็เดินออกมาจากร้านอาหาร คราแรกชายหนุ่มอาสาเดินไปส่งเธอที่รถ แต่หญิงสาวห้ามไว้เพราะเกรงใจ อีกทั้งไม่ต้องการเปิดโอกาสให้เขาทำตัวสนิทสนมเกินเลยไปกว่านายจ้างกับลูกจ้าง และเพื่อป้องกันคำครหาที่อาจตามมาภายหลังระหว่างที่เดินมาบริเวณที่จอดรถ แพรพิไลอดมองหารชตไม่ได้ เพราะตอนที่อยู่ในร้านยังเห็นเขายืนพิงเสามองมาอยู่เลย แต่พอเดินออกมาจากร้านแล้วเขากลับหายไปเฉย ๆหญิงสาวเดินไปที่รถของตัวเองพร้อมกับควานหากุญแจในกระเป๋าไปด้วย เมื่อเจอแล้วจึงหยิบขึ้นมา กำลังจะกดปลดล็อกรถก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง“คุณแพรครับ”“ว้าย!” แพรพิไลกรีดร้องเสียงดังพร้อมกับหันมองคนเรียกด้วยท่าทางหวาดระแวง ขณะที่รชตรีบกางมือออกแล้วยกขึ้นระดับอก พร้อมถอยหลังมาอีกหนึ่งก้าวเพื่อไม่ให้ดูเป็นการคุกคามเธอมากเกินไป“ผมเองครับ ขอโทษทีไม่คิดว่าคุณจะตกใจขนาดนี้”รชตพูดกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นหญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับค้อนให้เขาวงใหญ่ถึงได้เอามือลงแล้วสอดไว้ในก
แพรพิไลเดินมานั่งตรงโต๊ะที่เขาบอก ระหว่างรอก็ลอบมองรชตจากทางด้านหลังพลางขมวดคิ้วมุ่น เมื่อครู่เธอมั่นใจว่าไม่ได้หูฝาด รชตแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกเธอด้วยชื่อเล่นสั้น ๆ ว่าแพรโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าความจริงแล้วเธอไม่ได้ถือตัวอะไรมากมาย เพราะมันก็แค่คำเรียกขาน แต่ที่รู้สึกสะกิดใจก็เพราะถ้อยประโยคเหล่านั้นคุ้นหูคุ้นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนพี่...แพร...ที่ไหนกันนะ...“คุณแพรปวดหัวหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ ฉุดเธอให้วิ่งออกมาจากกล่องความทรงจำแล้วลืมตามองอีกฝ่ายทันที จึงเห็นว่ากาแฟเย็นแก้วโปรดวางอยู่ตรงหน้าแล้วเรียบร้อย“เปล่าหรอกค่ะ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย ขอบคุณสำหรับกาแฟนะคะ”หญิงสาวใช้หลอดคนกาแฟในแก้วให้เข้ากันก่อนดูด กระนั้นก็ยังอดเหลือบมองเขาไม่ได้ปกติเคยเจอกันแต่ในคลับ ซึ่งแสงไฟและบรรยากาศไม่ได้สว่างจ้าเหมือนตอนกลางวัน พอได้มาเจอเขาข้างนอกแบบนี้แล้วให้ความรู้สึกแปลก ๆ และคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ ๆ เขาดูดีกว่าที่คิดตอนกลางคืนรชตก็ดูโดดเด่นกว่าผู้ชายคนอื่นในคล
ตรงนั้นมีประตูบานหนึ่งซึ่งหากมองขึ้นไปชั้นบนจึงคิดว่าด้านหลังของประตูบานนี้น่าจะเป็นบันไดหนีไฟ แพรพิไลเดินเข้าไปใกล้ ๆ หันมองซ้ายขวาว่ามีคนอยู่แถวนั้นหรือเปล่า เมื่อแน่ใจว่าไม่มีจึงลองหมุนลูกบิดดูก็เห็นเป็นจริงตามที่คาดเดาไว้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอสงสัยก็คือบันไดไม่ได้หยุดอยู่แค่ชั้นล่างสุดนี้เท่านั้น ทว่ามันกลับมีทางลงไปยังชั้นใต้ดินอีกด้วยหญิงสาวตัดสินใจปิดประตูไว้ตามเดิม เพราะต่อให้เลือดนักสืบพลุ่งพล่านอยู่ในกายมากแค่ไหน แต่ความปลอดภัยในชีวิตย่อมมาก่อน ในเมื่อไม่รู้แน่ชัดว่าชั้นใต้ดินนั้นมีอะไรรออยู่ ฉะนั้นทางที่ดีควรถอยออกมาตั้งหลักแล้วหาทางลงไปข้างล่างให้ได้ดีกว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการติดตามครองขวัญอย่างเดียวแล้ว แต่ความลึกลับของสถานที่แห่งนี้ต่างหากที่ดึงดูดความสนใจอย่างยิ่งยวดให้สืบเสาะหาว่ามันคืออะไรกันแน่แพรพิไลเดินกลับไปที่รถของตนเองโดยที่สายตาก็คอยสอดส่ายไปรอบ ๆ เพื่อเก็บรายละเอียดเอาไว้ให้ได้มากที่สุด กระทั่งเดินมาถึงรถ กำลังจะกดปลดล็อกรถ สายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งถูกเสียบไว้ตรงที่ปัดน้ำฝนบริเวณฝั่งคนขับจึงหยิบออกเพราะคิดว่าเป็นแผ่นโฆษณาทั่วไป ทว่า
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
“คุณสุกำพล จนป่านนี้แล้วคุณคิดว่าจะหนีรอดหรือ ตอนนี้ทางออกทุกทางของที่นี่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว บรรดาสมาชิกที่พากันวิ่งออกไปนั่นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด...ผมจะบอกอะไรให้นะ ป่านนี้ข้างในนั้นน่ะคงถูกตำรวจเคลียร์พื้นที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนีไม่พ้นหรอก”สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำเสียงที่พูดไม่มีแววเยาะเย้ยอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหนักแน่นจริงจังเสียจนคนมองเริ่มสะท้านเก่ง ลูกน้องของสุกำพลมีสีหน้าเครียดจัด มือที่ถือปืนอยู่เริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอมวางปืนไว้บนพื้นแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะแต่โดยดีนายตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปนำปืนกระบอกนั้นมาเก็บไว้ ท่ามกลางเสียงตวาดกร้าวของสุกำพลที่หันไปข่มขู่และด่าทอลูกน้องอย่างสาดเสียเทเสีย ตำรวจอีกสองนายจึงเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองคนไว้แล้วพาขึ้นไปด้านบนสารวัตรจุมพลไม่ได้เดินตามผู้ต้องหาไป แต่กลับเดินผ่านเข้าไปในสมาคมเพื่อหาตัวรชตกับพวกรชตวิ่งกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งโดยมีเสียงปืนไล่ยิงมาตามหลัง เขามั่นใจว่าตอนนี้ตำรวจน่าจะเข้าควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว เพราะฟังจากเสี
สุกำพลยิ่งเดือดดาลเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้บุกรุกทั้งสองคนนี้นอกจากจะไม่กลัวปืนในมือของเขาแล้ว ยังมีทีท่าไม่ยอมทำตามคำสั่งราวกับคำขู่ของเขานั้นไม่ได้ผล...แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพวกนี้แล้ว“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” สุกำพลหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งจึงเดินอาด ๆ เข้ามาหาแพรพิไลซึ่งทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกำแพงพร้อมกับเอาแขนโอบกอดตัวเองแน่นเหมือนทรมานกับอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เป็นอยู่รชตตั้งท่าเตรียมรับไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นการ์ดร่างใหญ่ของสุกำพลเดินเข้ามาใกล้จึงออกหมัดชกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอยไปด้านหลังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่ารชตจะกล้าท้าทายด้วยการเป็นฝ่ายลงมือก่อน“มึง!” คนถูกต่อยคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่รชตราวกับหมีตะปบเหยื่อรชตอาศัยความปราดเปรียวกว่าหลบหมัดลุ่น ๆ ของการ์ดร่างยักษ์ไปได้ด้วยความว่องไวปารุสจ้องเขม็งอยู่ที่ปืนสลับกับจ้องใบหน้าของสุกำพลอย่างไม่ให้คลาดสายตา การต่อยตีของรชตกับคนของสุกำพลนั้นเรียกคว
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น