“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”
“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”
ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตาม
รชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ
“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้
“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
เสียงเพลงจังหวะร้อนแรงบรรเลงไปอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการแสดงแสนวาบหวิวบนเวที แพรพิไลกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางลอบเบือนหน้าหนีคู่หญิงชายที่กำลังทำการ ‘โชว์’ อย่างเร่าร้อนตามจังหวะเพลง เธอจะเรียกสิ่งที่อยู่บนเวทีว่าความอุบาทว์ดีหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่อาจเรียกมันว่าศิลปะได้เลย และที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้น่ากลัวเกินไป อาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ หรือแม้กระทั่งสมาชิกที่เข้ามาร่วมสังสรรค์ล้วนอันตรายด้วยกันทั้งหมด เธอไม่กล้าแสดงตัวเป็นจุดเด่นมากนักจึงได้แต่คอยหลบเลี่ยงอยู่ในมุมมืดเพียงลำพังและคอยเฝ้าสังเกตทุกคนที่อยู่ที่นี่ “คุณไม่ควรมาที่นี่”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้แพรพิไลสะดุ้งวาบ ครั้นพอหันไปมองก็เห็นเพียงหน้ากากสีดำที่ทางสมาคมบังคับให้สวมเท่านั้น แต่ริมฝีปากสีเข้มและเสียงนั่นช่างคุ้นตาคุ้นหูเธอเหลือเกิน“คุณ...” แพรพิไลพูดได้เพียงเท่านั้นเพราะไม่กล้าเอ่ยออกไปตรง ๆ ว่าใช่คนที่กำลังสงสัยอยู่หรือเปล่า จะมองรูปร่างของเขาก็ไม่สามารถมองได้ เพราะชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้ากับหน้ากากนั้นปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างไว้จนหมดสิ้น แม้กระทั่งรูปร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งที
“ว่าไงนะคะ ลาออกงั้นหรือ” แพรพิไลถามชายหนุ่มตรงหน้าเสียงแหบแห้ง รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายทันทีเมื่อนักสืบมือดีของสำนักงานมายื่นใบลาออก“คุณแพรต้องเข้าใจผมด้วยนะครับ ลูกผมยังเล็ก ผมเองก็ต้องกินต้องใช้” คนพูดถอนหายใจแผ่ว หลุบตาลงต่ำเหมือนไม่กล้าสู้หน้าแพรพิไลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ ยอมรับแต่โดยดี“แพรเข้าใจค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เคยช่วยงานคุณพ่อมาตั้งหลายปี” หญิงสาวส่งยิ้มฝืดเฝื่อนไปให้สีหน้าละอายใจผุดขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปจากห้องทันทีแพรพิไลไม่คิดโทษใครทั้งสิ้น รู้ดีว่าการที่เธอเข้ามาบริหารสำนักงานนักสืบไพศาลแทนบิดาที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อหกเดือนก่อนเป็นเหตุให้นักสืบหลายคนไม่เชื่อในฝีมือ และต่างพากันคิดว่าเธอกำลังพาสำนักงานนักสืบแห่งนี้ล่มจมลง ดังนั้นในช่วงหกเดือนนี้จึงมีนักสืบคนเก่าคนแก่ฝีมือดีที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบิดาพากันตบเท้าลาออกกันเป็นแถวจะโทษพวกเขาที่ทอดทิ้งเธอก็ไม่ได้ เพราะในช่วงหกเดือนนี้แทบไม่มีงานผ่านเข้ามาเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่งานติดตามบุคคล คดีชู้สาวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ในเมื่อไม่มีงานเข้า รายได้
“สามีภรรยาคู่หนึ่ง ถ้าอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้วอีกฝ่ายเปลี่ยนไป สาเหตุมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ”เขาโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะก่อนพูดต่อ“จริงอยู่ว่าภรรยาผมเธอชอบการเข้าสังคมและการสังสรรค์มาก แต่ทุกครั้งเธอมักกลับบ้านเป็นเวลาเสมอ หรือไม่ก็อัปเดตสเตตัสของตัวเองในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กตลอดเวลาว่าตอนนี้กำลังทำอะไร แต่มาช่วงสองสามเดือนให้หลังนี้ดูเหมือนพฤติกรรมตรงนี้ของเธอจะเปลี่ยนไป ช่วงกลางวันเธอก็อัปเดตเป็นปกติ และถ้าเป็นตอนกลางคืนเธอแทบไม่แตะโซเชียลเลย ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอกำลังอยู่กับคนอื่น”สุกำพลหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ยื่นส่งมาตรงหน้านักสืบสาว“ผมสังเกตว่าเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มเข้าสังคมของที่นี่ครับ”แพรพิไลกวาดตามองรายละเอียดบนนามบัตรใบนั้นอย่างรวดเร็วก่อนส่งต่อให้จิรายุ“คลับเฮรา...ถ้าจำไม่ผิดที่นี่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานนี่คะ ค่าเมมเบอร์แพงมากด้วย”“ใช่ครับ เพราะค่าเมมเบอร์แพง สมาชิกที่นี่จึงมีแต่ไฮโซชื่อดังของเมืองไทยไปรวมตัวกัน อีกทั้งการเต้นลีลาศก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สาวสังคมและหนุ่มกระเป๋าหนัก ผมสืบมาได้ว่าภรรยาของผมเธอจะไปที่นี่ประมาณอาทิตย์ละ
แพรพิไลกลับห้องทำงานแล้วหยิบเอกสารข้อมูลของครองขวัญ ภรรยาของสุกำพลออกมานั่งศึกษา เพื่อดูว่านอกจากคลับแห่งนี้แล้ว เจ้าตัวยังไปที่ไหนอีกบ้างในแต่ละวัน เพราะเท่าที่ผู้ว่าจ้างบอกมา ครองขวัญไม่ได้ทำงานอะไร เงินที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินของสุกำพลทุกบาททุกสตางค์สิ่งแรกที่แพรพิไลทำนั่นคือการสะกดรอยตามครองขวัญเพื่อดูว่าในแต่ละวันเจ้าตัวทำอะไรและพบปะใครบ้างในวันแรกนั้นกิจกรรมของครองขวัญมีเพียงทำผมที่ร้านเสริมสวย นวดหน้าที่สปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารของโรงแรม ตกกลางคืนก็นั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนไฮโซในร้านอาหารกึ่งผับที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง กว่าจะกลับเข้าคฤหาสน์หัสวิจิตรอีกครั้งก็ปาเข้าไปตีสามสรุปได้ว่าวันนี้เธอยังไม่เห็นชายหนุ่มที่เข้าข่ายว่าจะเป็นชู้รักของครองขวัญแม้แต่คนเดียว“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”แพรพิไลทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจพวกสาวไฮโซเหล่านี้สักเท่าไร ในแต่ละวันเวลาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หมดไปกับเรื่องไร้สาระ ทว่าพอคิดในมุมกลับ บางทีพวกเขาเหล่านั้นอาจจะกำลังเบื่อช
สถานที่ด้านในเป็นอย่างที่แพรพิไลคาดเดาเอาไว้แต่แรก ผนังและเสาแต่ละเสาทำเลียนแบบวังของฟาโรห์ มีโซฟาสีแดงตั้งเป็นกลุ่ม ๆ โต๊ะใครโต๊ะมัน มีฉากกั้นซึ่งเป็นบานพับลายฉลุรูปอักษรอียิปต์โบราณแบ่งความเป็นส่วนตัวไว้ และสามารถพับเก็บได้หากสองโต๊ะต้องการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ตรงกลางเป็นลานกว้างสำหรับเป็นฟลอร์เต้นรำ มีแชนเดอเลียร์คริสตัลห้อยระย้าอยู่ด้านบน แสงระยิบระยับของมันส่งให้บรรยากาศรอบด้านดูหรูหราราวกับได้ย้อนยุคไปงานเลี้ยงสมัยเมื่อหนึ่งพันปีก่อนพนักงานสาวในชุดผ้าฝ้ายสีงาช้างเลียนแบบมาจากนางกำนัลของฟาโรห์ผายมือเชื้อเชิญให้แพรพิไลเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง หญิงสาวสังเกตว่าที่นี่แยกโซนกันอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มที่มากันหลายคนกับผู้ที่มาเดี่ยวหรือมาเป็นคู่หญิงสาวค่อนข้างพอใจกับพื้นที่ของตนเอง เพราะมันทำให้เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ดังนั้นหลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อยเธอจึงมองหาเป้าหมายอย่างครองขวัญทันทีชุดสีแดงสดของครองขวัญ เมื่อมาอยู่ใต้แชนเดอเลียร์อันใหญ่ก็ยิ่งดูระยิบระยับงดงามจับตา หล่อนกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกในดนตรีจังหวะแทงโก้อยู่กลางฟลอร์กับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แพรพิไลจึงรีบ
“รชตครับ เรียกผมอาร์ตก็ได้”เธอหันมามองเขาก่อนพยักหน้าขึ้นลงไปมา“ค่ะคุณอาร์ต แล้วเจอกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สอน” แพรพิไลโค้งขอบคุณเขาอย่างสุภาพชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยให้เธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ขณะที่หัวใจของเขากลับห่อเหี่ยวแปลกๆเธอจดจำเขาไม่ได้เลยหรือนี่......‘ขโมย!’เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากความหลับใหลทันที เขาก้มลงมองที่โคนต้นไม้ เห็นเพียงเด็กหญิงผมเปียในชุดพละกำลังปีนป่ายขึ้นมาทางเขาอย่างคล่องแคล่วราวกับลิงเขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ตามองร่างผอมบางของเด็กหญิงที่ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนกิ่งไม้ตรงข้ามกับเขาได้เป็นผลสำเร็จ ครั้นพอเธอนั่งได้นิ่งดีแล้ว เจ้าตัวก็ตวัดตามองเขาอย่างขุ่นเคือง‘เป็นถึงพี่มอหกแล้วทำไมริอ่านเป็นขโมย’ ไม่พูดเปล่า เธอกลับชี้หน้าเขาด้วย...กล้าไม่เบา‘นี่ยายเปี๊ยก พี่ไปขโมยของเราตั้งแต่เมื่อไร’ เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่คนกล่าวหาเขาทำหน้าตายแบมือออกข้างตัวแล้ววาดเป็นรูปครึ่งวงกลม&lsqu
แพรพิไลพยายามลอบมองครองขวัญว่าเจ้าตัวมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สายตาของเธอจึงมักตามติดรชตอยู่หลายครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาก็มักมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยหญิงสาวไม่มีโอกาสรู้เลยว่ารชตนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงครองขวัญกับอรอินอยู่หลายครั้งเพราะเขาอยากมาอยู่ใกล้กับเธอมากกว่า แต่สาวไฟแรงทั้งสองก็เกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง ทุกครั้งที่เพลงจบแล้วเขาทำท่าจะผละออก อีกฝ่ายก็จะกอดเขาแน่นจนเนื้อตัวแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน...แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแพรพิไล เธอจะกอดเขาไว้ทั้งคืนเขาก็ไม่ว่าในที่สุดเพลงก็จบลงเสียที เขาต้องหันไปส่งสัญญาณให้กริชกับปารุส ผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนพูด“คุณอาร์ตครับ มีสายด่วนจากคุณโอมครับ”อา...น่าขึ้นเงินเดือนให้เสียจริง“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณอิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”เขาหันไปบอกกับอรอิน นักธุรกิจสาวไฟแรงสูงที่เคยเป็นคู่ขาของพชร พี่ชายเขากับภีมพล เพื่อนพี่ชายมาก่อน“หืม นานไหมคะ อินไม่อยากเต้นกับคนอื่นเลยนอกจากคุณอาร์ตคนเดียว&rdq
แพรพิไลนั่งนวดขมับเพื่อขับไล่อาการปวดศีรษะเพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย วันนี้เธอยกหน้าที่ติดตามครองขวัญให้เจติยาไปทำแทนเนื่องจากว่าต้องรวบรวมภาพถ่ายและคลิปทั้งหมดที่ถ่ายได้มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งต้องมาเซ็นเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวกับบริษัทด้วยเพราะตลอดสองวันที่เธอไม่อยู่ มีการว่าจ้างเกี่ยวกับคดีชู้สาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดี“ไม่คิดจะมีคดีอื่นบ้างเลยรึไงเนี่ย วัน ๆ มีแต่เรื่องติดตามชู้ เฮ้อ...”หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาสองเม็ด จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง กะไว้ว่าจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมานั่งดูรูปอีกครั้งหนึ่งใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของใครบางคนผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด เมื่อคืนหลังจากที่โยนหินถามทางเรื่องเขาเป็นผู้ชายขายบริการไป คราแรกนึกว่ารชตจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขายอมรับแต่โดยดี หนำซ้ำยังถามย้ำอยู่บ่อยครั้งด้วยว่าตกลงเธอจะรับอุปการะเขาหรือเปล่าข้าวสามมื้อกับเซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...บ้าแล้ว! นี่เขาไม่คิดจะไปให้บริการผู้หญิงคนอื่นบ้างเลยหรือไร จู่ ๆ จะมาเกาะติดแต่
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
“คุณสุกำพล จนป่านนี้แล้วคุณคิดว่าจะหนีรอดหรือ ตอนนี้ทางออกทุกทางของที่นี่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว บรรดาสมาชิกที่พากันวิ่งออกไปนั่นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด...ผมจะบอกอะไรให้นะ ป่านนี้ข้างในนั้นน่ะคงถูกตำรวจเคลียร์พื้นที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนีไม่พ้นหรอก”สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำเสียงที่พูดไม่มีแววเยาะเย้ยอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหนักแน่นจริงจังเสียจนคนมองเริ่มสะท้านเก่ง ลูกน้องของสุกำพลมีสีหน้าเครียดจัด มือที่ถือปืนอยู่เริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอมวางปืนไว้บนพื้นแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะแต่โดยดีนายตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปนำปืนกระบอกนั้นมาเก็บไว้ ท่ามกลางเสียงตวาดกร้าวของสุกำพลที่หันไปข่มขู่และด่าทอลูกน้องอย่างสาดเสียเทเสีย ตำรวจอีกสองนายจึงเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองคนไว้แล้วพาขึ้นไปด้านบนสารวัตรจุมพลไม่ได้เดินตามผู้ต้องหาไป แต่กลับเดินผ่านเข้าไปในสมาคมเพื่อหาตัวรชตกับพวกรชตวิ่งกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งโดยมีเสียงปืนไล่ยิงมาตามหลัง เขามั่นใจว่าตอนนี้ตำรวจน่าจะเข้าควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว เพราะฟังจากเสี
สุกำพลยิ่งเดือดดาลเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้บุกรุกทั้งสองคนนี้นอกจากจะไม่กลัวปืนในมือของเขาแล้ว ยังมีทีท่าไม่ยอมทำตามคำสั่งราวกับคำขู่ของเขานั้นไม่ได้ผล...แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพวกนี้แล้ว“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” สุกำพลหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งจึงเดินอาด ๆ เข้ามาหาแพรพิไลซึ่งทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกำแพงพร้อมกับเอาแขนโอบกอดตัวเองแน่นเหมือนทรมานกับอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เป็นอยู่รชตตั้งท่าเตรียมรับไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นการ์ดร่างใหญ่ของสุกำพลเดินเข้ามาใกล้จึงออกหมัดชกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอยไปด้านหลังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่ารชตจะกล้าท้าทายด้วยการเป็นฝ่ายลงมือก่อน“มึง!” คนถูกต่อยคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่รชตราวกับหมีตะปบเหยื่อรชตอาศัยความปราดเปรียวกว่าหลบหมัดลุ่น ๆ ของการ์ดร่างยักษ์ไปได้ด้วยความว่องไวปารุสจ้องเขม็งอยู่ที่ปืนสลับกับจ้องใบหน้าของสุกำพลอย่างไม่ให้คลาดสายตา การต่อยตีของรชตกับคนของสุกำพลนั้นเรียกคว
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น
“เมื่อกี้เพิ่งให้ไปอีกแก้วครับ อีกสักพักคงเริ่มออกฤทธิ์...คนนี้นายจะลงมือเองรึเปล่าครับ” ที่ถามเพราะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ถูกลักพาตัวมา ไม่เหมือนรายอื่นซึ่งเลือกเอาจากสมาชิกที่ถูกหมายตาไว้แล้วอีกทั้งผู้หญิงคนนี้เจ้านายยังสั่งนักสั่งหนาว่าห้ามทุกคนทำนอกเหนือคำสั่ง โดยเฉพาะการเล่นสนุกกับเธอ“ใช่” สุกำพลตอบสั้น ๆ พลางเทวิสกี้เติมลงไปในแก้ว“แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่มีการโทร. เข้ามารายงานว่าจัดการเรื่องชาคริตไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้มันน่าจะถึงหนองคายแล้วนี่หว่า”สุกำพลดูนาฬิกาข้อมือพลางสบถออกมาเมื่อรู้สึกว่าวันนี้อะไร ๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างคนถูกถามไม่ได้ตอบ แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะตัดสินใจถามกลับไปเบา ๆ อย่างเกรงใจ“เราจะไม่มีปัญหาแน่หรือครับนาย คืนก่อนเพิ่งโดนตำรวจบุกค้นไปเองนะ”สุกำพลแค่นยิ้ม ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“จะปอดแหกไปทำไมวะ ยังไม่มีรายงานเข้ามาสักหน่อยว่ามีการเคลื่อนไหวของพวกตำรวจ ถ้าจะบุกเข้ามาจริง ๆ ป่านนี้ผู้กำกับก็ต้องโทร. มาบอกให้เต
เครื่องปรับอากาศในสถานที่แห่งนี้แรงเกินไป ความเย็นต้องผ่านผิวกายจนร่างสั่นสะท้าน แต่ภายในร่างกายกลับร้อนรนปั่นป่วนราวกับมีลาวาไหลวนอยู่ในช่องท้อง เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนราวกับเป็นไข้ หญิงสาวพยายามขยับตัวอีกครั้งพร้อมกับเพ่งสายตาอันพร่าเบลอมองไปรอบ ๆ เพราะอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนแต่แล้วก็ต้องรีบปิดตาลงอย่างรวดเร็วเมื่อจู่ ๆ แสงไฟสีแดงจ้าที่อยู่ด้านบนสาดลงมาเข้าตาพอดี จนสายตาไม่สามารถสู้แสงได้ร้อน...ร้อนไปทั้งร่างราวกับกำลังนอนอยู่บนเตาหลอมขนาดใหญ่ มันวูบวาบหวิวไหวไปทั่วทุกอณูของผิวกายจนอยากให้ใครสักคนมาสัมผัสแตะต้องเพื่อคลายความร้อนเร่าลงไปบ้างพี่อาร์ต...ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาจากปากของแพรพิไลเช่นเคย มีเพียงอาการสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับหอบหายใจรัวเร็ว เมื่อเสียงเบสและกลองจากจังหวะเพลงที่เปิดนั้นเร่งเร้ารุนแรงจน เธอสะท้านไปทั้งร่าง รีบเปิดตาขึ้นมองเพราะเริ่มรู้สึกถึงความหวาดหวั่นที่ผุดพลุ่งขึ้นมาภาพทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้นทีละนิด แพรพิไลมองเห็นหน้ากากสีดำลอยเด่นท่ามกลางความสลัว ยามที่แสงไฟสีแดงตกกระทบยิ่งเหมือนกับมัจจุราชที่ถือเคียวเล่มใหญ่ในมื
รชตขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถข้างสำนักงานนักสืบไพศาลในเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ชายหนุ่มดูเวลาแล้วเห็นว่าเลยหนึ่งทุ่มมาสิบห้านาที ทำให้อดคิดถึงคนที่บอกว่าจะอยู่รอที่สำนักงานไม่ได้เขารู้สึกผิดที่ปลีกตัวออกมาช้า เพราะมัวแต่คุยเรื่องหลักฐานที่ได้มาจากแพรพิไลกับสารวัตรจุมพล ทางฝ่ายนั้นตื่นเต้นมากเพราะข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มานั้นครอบคลุมทุกอย่าง และเชื่อด้วยว่าคราวนี้สุกำพลดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอนชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพยายามโทร. หาแพรพิไลแต่ไม่มีคนรับสาย เขาโทร. ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วก็ว่าได้ แต่ทุกครั้งระบบก็ตัดเข้าเป็นการฝากข้อความ จนเขาเริ่มใจไม่ดีต้องรีบบึ่งรถกลับมาที่นี่เพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอยังปลอดภัยดีอยู่ ครั้นพอโทร. เข้าสำนักงานก็ไม่มีคนรับสายเช่นกัน พอเข้าใจได้อยู่ว่าลูกน้องของแพรพิไลคงกลับบ้านกันหมดแล้วรชตเดินเข้าทางประตูด้านข้างอาคารเพราะใกล้กับลานจอดรถที่สุด อีกทั้งประตูด้านหน้าก็ปิดไปแล้วจึงมีเพียงประตูนี้ประตูเดียวที่สามารถเข้าไปภายในสำนักงานได้เมื่อเข้ามาถึง หัวใจที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก็พลอยสงบลงเมื่อเห็นไฟด้า
“ไอ้เรื่องขี้ตู่พี่คงสู้แพรไม่ได้ ตำแหน่งนี้พี่ยกให้แพรคนเดียวเลย”เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงวีรกรรมตอนเด็กของแพรพิไลที่มักคิดเองเออเองไปเสียทุกเรื่องแพรพิไลหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ กระทั่งได้กลิ่นกาแฟลอยกรุ่นอยู่ในห้องจึงเงยหน้าขึ้นมองเจติยาที่อุตส่าห์ชงกาแฟมาเผื่อเธอด้วย“จริงสิพี่แพร น้องก้อยเขาขอทำงานประจำที่นี่เลยได้ไหม เพราะตอนนี้น้องเรียนใกล้จบแล้ว” เจติยาพูดถึงพนักงานบัญชีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่แพรพิไลได้ฟังอย่างนั้นก็รีบพยักหน้าให้ทันที“ได้สิ ดีเลยพี่จะได้ไม่ต้องรับสมัครคนใหม่ ขี้เกียจอธิบายงานใหม่ด้วยเพราะมันเสียเวลา ถ้าก้อยอยากทำประจำพี่ก็ยินดีนะ ส่วนเรื่องเงินเดือน เอาไว้สอบเสร็จแล้วค่อยมาคุยกันอีกที”เจติยาพยักหน้ารับคำแล้วเดินออกจากห้องไป พอดีกับที่โทรศัพท์ของรชตส่งเสียงร้องขึ้น“ครับพี่พล” เขาฟังปลายสายพูดครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป“ได้ครับพี่ ผมเอาไปให้พี่ตอนนี้เลยก็ได้ครับไม่มีปัญหา เพราะคืนนี้ผมก็ต้องเข้าไปที่คลับ คงไม่ว่าง
“ช่วงกลางวันพี่แทบไม่ต้องเข้าออฟฟิศของครอบครัว เพราะพี่ชายของพี่เป็นคนดูแลรับผิดชอบอยู่ แต่คลับเฮราคือความรับผิดชอบของพี่เต็ม ๆ พี่ถึงต้องเข้าไปเกือบทุกคืนยกเว้นคืนที่ติดธุระจริง ๆ แล้วคืนนี้แพรก็ต้องไปที่คลับกับพี่ด้วย จะว่าไป เราไม่ได้เต้นรำด้วยกันนานแล้วนะ ลืมหมดรึยังว่าเต้นยังไง”“คงต้องรบกวนให้ครูช่วยเตือนความจำแล้วละค่ะ” หญิงสาวยิ้มมุมปากพลางเปิดลิ้นชักหาแฟลชไดรฟ์มาใส่ข้อมูลให้เขา เพราะเม็มโมรีการ์ดต้นฉบับต้องนำไปเก็บซ่อนไว้ที่เดิมเพื่อความปลอดภัย“ได้สิ เดี๋ยวพี่จะเปิดคอร์สติวเข้มแบบตัวต่อตัวเลยละ ยังไงเราก็ต้องตัวติดกันอย่างนี้ไปอีกนาน”หญิงสาวหันไปย่นจมูกใส่เมื่อรู้ว่าต้องตัวติดกับเขาไปไหนไปกันทุกที่ราวกับปาท่องโก๋ แต่แม้จะถูกตามติดทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัว เธอก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยยามได้อยู่ใกล้ และเชื่อมั่นว่าตราบใดที่มีรชตอยู่ข้างกาย เธอจะไม่มีวันได้รับอันตรายใด ๆ แม้แต่ปลายเส้นผม“ถ้าอย่างนั้นแพรขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ พี่อาร์ตดึงแฟลชไดรฟ์อันนี้เก็บไปได้เลยนะถ