“สามีภรรยาคู่หนึ่ง ถ้าอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้วอีกฝ่ายเปลี่ยนไป สาเหตุมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ”
เขาโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะก่อนพูดต่อ
“จริงอยู่ว่าภรรยาผมเธอชอบการเข้าสังคมและการสังสรรค์มาก แต่ทุกครั้งเธอมักกลับบ้านเป็นเวลาเสมอ หรือไม่ก็อัปเดตสเตตัสของตัวเองในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กตลอดเวลาว่าตอนนี้กำลังทำอะไร แต่มาช่วงสองสามเดือนให้หลังนี้ดูเหมือนพฤติกรรมตรงนี้ของเธอจะเปลี่ยนไป ช่วงกลางวันเธอก็อัปเดตเป็นปกติ และถ้าเป็นตอนกลางคืนเธอแทบไม่แตะโซเชียลเลย ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอกำลังอยู่กับคนอื่น”
สุกำพลหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ยื่นส่งมาตรงหน้านักสืบสาว
“ผมสังเกตว่าเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มเข้าสังคมของที่นี่ครับ”
แพรพิไลกวาดตามองรายละเอียดบนนามบัตรใบนั้นอย่างรวดเร็วก่อนส่งต่อให้จิรายุ
“คลับเฮรา...ถ้าจำไม่ผิดที่นี่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานนี่คะ ค่าเมมเบอร์แพงมากด้วย”
“ใช่ครับ เพราะค่าเมมเบอร์แพง สมาชิกที่นี่จึงมีแต่ไฮโซชื่อดังของเมืองไทยไปรวมตัวกัน อีกทั้งการเต้นลีลาศก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สาวสังคมและหนุ่มกระเป๋าหนัก ผมสืบมาได้ว่าภรรยาของผมเธอจะไปที่นี่ประมาณอาทิตย์ละสามหรือสี่วัน”
“แล้วที่คุณต้องการให้ทางเราไปสืบนี่คือคุณต้องการหลักฐานยืนยันใช่ไหมคะว่าเธอกำลังนอกใจคุณอยู่จริง ๆ”
หญิงสาวพุ่งถามตรงประเด็น เพราะรู้ดีว่าบางทีพวกไฮโซเหล่านี้ก็หน้าบางในการบอกเล่าเรื่องส่วนตัวกับคนอื่น
สุกำพลยิ้มอ่อนพลางมองใบหน้าสวยเฉี่ยวของหญิงสาวตาไม่กะพริบ
“ครับ จะเป็นรูปถ่ายหรือคลิปก็ได้ ผมจะเอาให้เธอดูว่าผมรู้เรื่องนี้แล้วและจะได้ทำเรื่องหย่ากันเงียบ ๆ แต่ถ้าเธอไม่ยอมผมก็จะฟ้อง เพราะคุณก็น่าจะรู้ว่าไม่มีผู้ชายที่ไหนทนได้หรอกที่เห็นภรรยาของตัวเองไปนอนกับผู้ชายคนอื่น”
“เอ่อ...ขอโทษนะคะที่ดิฉันจะขอออกความเห็นเล็กน้อย ดิฉันคิดว่าบางทีเรื่องนี้สามีภรรยากันน่าจะพอคุยกันได้นะ” เธอหลุบตาลงมองสมุดโน้ตในมือ จึงไม่ทันได้เห็นมุมปากของชายหนุ่มที่ยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“เธอไม่ได้ทำครั้งนี้เป็นครั้งแรกครับ ก่อนหน้านี้เธอก็เลี้ยงเด็กหนุ่มไว้คนหนึ่ง เช่าคอนโดฯ ให้อยู่ด้วย ผมจับได้ครั้งนั้นก็ให้อภัยกันไปเพราะภรรยาผมเธอค่อนข้างเฟรนด์ลี อีกอย่างผมเองช่วงนั้นก็มัวแต่วุ่นอยู่กับงานก็เลยไม่ได้เอาใจใส่เธอเท่าที่ควร แต่ผมคิดว่าครั้งนี้คงไม่มีการให้อภัยกันอีกต่อไป เพราะหากเรื่องนี้รั่วไหลไปถึงหูคนอื่น ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของผมคงย่อยยับ และผมเองก็คงมองหน้าคนอื่นไม่ติดแน่ หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าเมื่อคิดถึงความเป็นจริงข้อนี้
สุกำพลเป็นคนมีหน้ามีตาในวงสังคม หากเขาปล่อยปละละเลยให้ภรรยาตัวเองไปเลี้ยงเด็กหนุ่มอยู่นอกบ้าน หรือหาความสำราญกับผู้ชายคนอื่นคงไม่แคล้วตกเป็นขี้ปากให้คนเอาไปนินทาหรือหัวเราะกันลับหลังแน่
“สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างมาเก็บกับผมได้เลยไม่ต้องเกรงใจ นี่เบอร์ของผมครับ” เขายื่นนามบัตรของตัวเองมาให้ แพรพิไลจึงยื่นของตนไปบ้างเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
สุกำพลลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบนามบัตรของหญิงสาวใส่ในกระเป๋าสตางค์ “ผมเชื่อในความเป็นมืออาชีพของคุณ และเชื่อว่าลูกไม้หล่นใต้ต้นเสมอ หวังว่าเรื่องที่ผมมาวันนี้จะไม่ถูกแพร่งพรายออกไปนะครับ”
“คุณสุกำพลมั่นใจได้เลยนะคะว่าเรื่องนี้ทางเราจะปิดเป็นความลับแน่นอน” เธอยืนขึ้นแล้วส่งยิ้มให้เขาด้วยความมั่นใจ เพราะการทำงานตรงนี้ การรักษาความลับของลูกค้าถือเป็นเรื่องที่ต้องยึดถือไว้ให้มั่น
“ขอบคุณมากครับคุณแพร” เขายื่นมือมาตรงหน้า เธอจึงยื่นไปจับกับเขาตามธรรมเนียม
ทว่าพอเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าเขาก็ต้องรีบหลุบลงมองที่มือเช่นเดิม เพราะสายตาของชายหนุ่มไม่ใช่การมองคนรู้จักธรรมดา ๆ แต่เป็นสายตาของชายที่ถูกตาต้องใจหญิงสาวคนหนึ่ง
หญิงสาวออกไปส่งเขาถึงรถ มองรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดรถก็พอรู้แล้วว่าเขามาที่นี่โดยไม่ได้ปรึกษาหรือบอกให้ใครรู้ เพราะคนระดับผู้บริหารอย่างเขาไม่น่าจะขับรถรุ่นธรรมดาอย่างนี้ได้
แพรพิไลเดินเข้าออฟฟิศด้วยหัวใจที่หนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราทุกวันนี้ถึงไม่มีความซื่อสัตย์ในชีวิตคู่ ระยะเวลาเพียงแค่หกเดือนที่เธอมารับช่วงต่อจากบิดา เธอต้องทำคดีชู้สาวแบบนี้ไม่รู้กี่สิบคดีแล้ว และส่วนใหญ่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็มักเป็นการหย่าร้างเพราะความไม่รู้จักพอของใครอีกคน
ดูเอาเถอะ...ขนาดสุกำพลที่มาขอให้หาหลักฐานการนอกใจของภรรยาก็ยังไม่วายทำเจ้าชู้ใส่เธอจนได้ แม้จะไม่โจ่งแจ้งเหมือนบางราย แต่เธอก็ไม่โง่ถึงขนาดมองไม่ออกว่าเขากำลังสนใจเธออยู่
จะว่าไปแล้ว สามีภรรยาคู่นี้ช่างศีลเสมอกันเสียจริง
“ผมว่าเขามองพี่แปลก ๆ นะ เหมือนเสือจะกินเหยื่ออะไรประมาณนั้นเลย” จิรายุออกความเห็น เพราะตอนที่เขานั่งจดข้อมูล เขาเองก็ต้องนั่งสังเกตลูกค้าไปด้วยว่ามีสีหน้าและแววตาอย่างไร จึงทำให้เขารู้ว่าสุกำพลแทบไม่ชายตามาทางเขาเลยแม้แต่น้อย ทำราวกับว่าในห้องประชุมเมื่อครู่มีแค่ตนกับแพรพิไลเท่านั้น
“แต่เขาดูดีกว่าในรูปเยอะเลยเนอะ” เจติยาพูดยิ้ม ๆ
ขณะที่แพรพิไลจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างเลื่อนลอย
“พี่ศักดิ์ลาออกแล้วนะ เท่ากับว่างานนี้พี่ต้องลงมือสืบเองทั้งหมด”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้า เงยหน้ามองลูกน้องที่เหลืออยู่เพียงสองคนตรงหน้า
“เราสองคนคิดอยากลาออกไปหางานที่อื่นทำบ้างรึเปล่า พี่ไม่ว่านะ พี่เข้าใจดีว่าใคร ๆ ก็อยากมีงานดี ๆ ทำ”
แพรพิไลส่งยิ้มฝืดเฝื่อนให้ลูกน้องทั้งสองคน เพราะตัดสินใจแล้วว่าคุยเปิดอกกันดีที่สุด หากทั้งสองคนอยากลาออกจากที่นี่เธอก็จะไม่ห้าม อีกทั้งจะได้วางแผนสำหรับงานชิ้นนี้ด้วยว่าต้องทำอะไรต่อไปหากไม่มีพวกเขาอยู่ช่วยแล้ว
“พี่แพรอย่าพูดอย่างนั้นสิ พวกเราจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนเด็ดขาด ล่มหัวจมท้ายด้วยกันมาขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยกันให้ถึงที่สุด ตอนผมเรียนจบใหม่ ๆ กำลังลำบากหางานทำไม่ได้ ถ้าไม่มีพี่ดึงมาช่วยทำงานตรงนี้ ป่านนี้ผมก็คงนอนเป็นวิญญาณอยู่ที่บ้านนั่นแหละ”
“ใช่! คนอื่นตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งพี่ไปก็ช่างเขาเถอะ แต่เจจะไม่ทำอย่างนั้นกับพี่เด็ดขาด”
เมื่อเห็นอดีตรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ทิ้งกัน แพรพิไลก็อดน้ำตารื้นไม่ได้ เธอคว่ำมือลงแล้วยื่นไปข้างหน้า จิรายุกับเจติยาจึงทำอย่างเดียวกันบ้างด้วยการวางมือซ้อนลงไป
“สู้!”
แพรพิไลเกิดแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง แล้วเริ่มสั่งงานด้วยท่าทีที่ทำให้ลูกน้องที่เหลืออยู่เพียงสองคนเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“โจหาข้อมูลเกี่ยวกับคลับเฮราด้วยนะว่าค่าเมมเบอร์เท่าไร กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นใครบ้าง และลองดูข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของที่นี่ด้วยว่าเคยมีหลุดออกมารึเปล่า อย่างเช่นการขายบริการแอบแฝง”
เธอรู้มาว่าผับหรือโฮสต์คลับที่ผู้หญิงนิยมเที่ยวหาความสุขจากเด็กหนุ่มนั้น บางที่จะมีการเต้นลีลาศแบบนี้เหมือนกัน ฉะนั้นคลับแห่งนี้อาจจะมีธุรกิจแบบนั้นแอบแฝงอยู่ก็เป็นได้
“ส่วนเจ ลงประกาศหาพนักงานแอดมินสักหนึ่งตำแหน่ง เอาไว้มาอยู่ประจำสำนักงานเพื่อคอยรับโทรศัพท์และรับเรื่องจากลูกค้าที่มาว่าจ้าง ถ้าหายากก็เอาเด็กฝึกงานไปก่อนก็ได้ เด็กจบใหม่ได้ยิ่งดีเพราะพวกนี้จะไฟแรง แล้วก็หาฝ่ายไอทีอีกหนึ่งตำแหน่ง เอาไว้มาอยู่ออฟฟิศด้วยเหมือนกัน หน้าที่คือคอยรับส่งข้อมูลให้พวกเราเวลาทำงานนอกสถานที่”
“รับทราบค่ะ/ครับ” ทั้งสองคนรับคำสั่งพร้อมกัน ก่อนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
แพรพิไลกลับห้องทำงานแล้วหยิบเอกสารข้อมูลของครองขวัญ ภรรยาของสุกำพลออกมานั่งศึกษา เพื่อดูว่านอกจากคลับแห่งนี้แล้ว เจ้าตัวยังไปที่ไหนอีกบ้างในแต่ละวัน เพราะเท่าที่ผู้ว่าจ้างบอกมา ครองขวัญไม่ได้ทำงานอะไร เงินที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินของสุกำพลทุกบาททุกสตางค์สิ่งแรกที่แพรพิไลทำนั่นคือการสะกดรอยตามครองขวัญเพื่อดูว่าในแต่ละวันเจ้าตัวทำอะไรและพบปะใครบ้างในวันแรกนั้นกิจกรรมของครองขวัญมีเพียงทำผมที่ร้านเสริมสวย นวดหน้าที่สปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารของโรงแรม ตกกลางคืนก็นั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนไฮโซในร้านอาหารกึ่งผับที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง กว่าจะกลับเข้าคฤหาสน์หัสวิจิตรอีกครั้งก็ปาเข้าไปตีสามสรุปได้ว่าวันนี้เธอยังไม่เห็นชายหนุ่มที่เข้าข่ายว่าจะเป็นชู้รักของครองขวัญแม้แต่คนเดียว“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”แพรพิไลทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจพวกสาวไฮโซเหล่านี้สักเท่าไร ในแต่ละวันเวลาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หมดไปกับเรื่องไร้สาระ ทว่าพอคิดในมุมกลับ บางทีพวกเขาเหล่านั้นอาจจะกำลังเบื่อช
เสียงเพลงจังหวะร้อนแรงบรรเลงไปอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการแสดงแสนวาบหวิวบนเวที แพรพิไลกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางลอบเบือนหน้าหนีคู่หญิงชายที่กำลังทำการ ‘โชว์’ อย่างเร่าร้อนตามจังหวะเพลง เธอจะเรียกสิ่งที่อยู่บนเวทีว่าความอุบาทว์ดีหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่อาจเรียกมันว่าศิลปะได้เลย และที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้น่ากลัวเกินไป อาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ หรือแม้กระทั่งสมาชิกที่เข้ามาร่วมสังสรรค์ล้วนอันตรายด้วยกันทั้งหมด เธอไม่กล้าแสดงตัวเป็นจุดเด่นมากนักจึงได้แต่คอยหลบเลี่ยงอยู่ในมุมมืดเพียงลำพังและคอยเฝ้าสังเกตทุกคนที่อยู่ที่นี่ “คุณไม่ควรมาที่นี่”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้แพรพิไลสะดุ้งวาบ ครั้นพอหันไปมองก็เห็นเพียงหน้ากากสีดำที่ทางสมาคมบังคับให้สวมเท่านั้น แต่ริมฝีปากสีเข้มและเสียงนั่นช่างคุ้นตาคุ้นหูเธอเหลือเกิน“คุณ...” แพรพิไลพูดได้เพียงเท่านั้นเพราะไม่กล้าเอ่ยออกไปตรง ๆ ว่าใช่คนที่กำลังสงสัยอยู่หรือเปล่า จะมองรูปร่างของเขาก็ไม่สามารถมองได้ เพราะชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้ากับหน้ากากนั้นปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างไว้จนหมดสิ้น แม้กระทั่งรูปร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งที
“ว่าไงนะคะ ลาออกงั้นหรือ” แพรพิไลถามชายหนุ่มตรงหน้าเสียงแหบแห้ง รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายทันทีเมื่อนักสืบมือดีของสำนักงานมายื่นใบลาออก“คุณแพรต้องเข้าใจผมด้วยนะครับ ลูกผมยังเล็ก ผมเองก็ต้องกินต้องใช้” คนพูดถอนหายใจแผ่ว หลุบตาลงต่ำเหมือนไม่กล้าสู้หน้าแพรพิไลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ ยอมรับแต่โดยดี“แพรเข้าใจค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เคยช่วยงานคุณพ่อมาตั้งหลายปี” หญิงสาวส่งยิ้มฝืดเฝื่อนไปให้สีหน้าละอายใจผุดขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปจากห้องทันทีแพรพิไลไม่คิดโทษใครทั้งสิ้น รู้ดีว่าการที่เธอเข้ามาบริหารสำนักงานนักสืบไพศาลแทนบิดาที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อหกเดือนก่อนเป็นเหตุให้นักสืบหลายคนไม่เชื่อในฝีมือ และต่างพากันคิดว่าเธอกำลังพาสำนักงานนักสืบแห่งนี้ล่มจมลง ดังนั้นในช่วงหกเดือนนี้จึงมีนักสืบคนเก่าคนแก่ฝีมือดีที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบิดาพากันตบเท้าลาออกกันเป็นแถวจะโทษพวกเขาที่ทอดทิ้งเธอก็ไม่ได้ เพราะในช่วงหกเดือนนี้แทบไม่มีงานผ่านเข้ามาเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่งานติดตามบุคคล คดีชู้สาวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ในเมื่อไม่มีงานเข้า รายได้