แพรพิไลกลับห้องทำงานแล้วหยิบเอกสารข้อมูลของครองขวัญ ภรรยาของสุกำพลออกมานั่งศึกษา เพื่อดูว่านอกจากคลับแห่งนี้แล้ว เจ้าตัวยังไปที่ไหนอีกบ้างในแต่ละวัน เพราะเท่าที่ผู้ว่าจ้างบอกมา ครองขวัญไม่ได้ทำงานอะไร เงินที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินของสุกำพลทุกบาททุกสตางค์
สิ่งแรกที่แพรพิไลทำนั่นคือการสะกดรอยตามครองขวัญเพื่อดูว่าในแต่ละวันเจ้าตัวทำอะไรและพบปะใครบ้าง
ในวันแรกนั้นกิจกรรมของครองขวัญมีเพียงทำผมที่ร้านเสริมสวย นวดหน้าที่สปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารของโรงแรม ตกกลางคืนก็นั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนไฮโซในร้านอาหารกึ่งผับที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง กว่าจะกลับเข้าคฤหาสน์หัสวิจิตรอีกครั้งก็ปาเข้าไปตีสาม
สรุปได้ว่าวันนี้เธอยังไม่เห็นชายหนุ่มที่เข้าข่ายว่าจะเป็นชู้รักของครองขวัญแม้แต่คนเดียว
“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”
แพรพิไลทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเอง
บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจพวกสาวไฮโซเหล่านี้สักเท่าไร ในแต่ละวันเวลาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หมดไปกับเรื่องไร้สาระ ทว่าพอคิดในมุมกลับ บางทีพวกเขาเหล่านั้นอาจจะกำลังเบื่อชีวิตที่เป็นอยู่ก็ได้...มีเงินมากเกินไปก็คงทุกข์เพราะไม่รู้จะเอาไปใช้อย่างไรกระมัง
วันถัดมา แพรพิไลก็ยังคงติดตามครองขวัญเช่นเคย แต่วันนี้เธอเปลี่ยนรถที่ใช้ติดตาม และแต่งตัวแต่งหน้าแตกต่างไปจากเมื่อวานเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจำได้ ซึ่งกิจวัตรประจำวันของครองขวัญยังคงเป็นการเข้าร้านเสริมสวย ร้านสปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารหรู แต่ตกกลางคืนเจ้าตัวกลับไปเปลี่ยนชุดที่คฤหาสน์เป็นชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงสดเนื้อผ้าพลิ้วไหวยามก้าวเดิน กระโปรงบานทิ้งตัวระดับเข่ามีประกายระยิบระยับล้อกับแสงไฟที่ตกต้องเนื้อผ้า
“ชุดแบบนี้แปลว่าวันนี้จะไปที่คลับเฮราสินะ” เธอพูดพลางหันมองชุดของตัวเองที่แขวนไว้หลังเบาะแล้วได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อน ตอนแรกที่เตรียมชุดนี้มาเธอยังกลัวว่ามันจะเว่อร์วังอลังการมากเกินไป แต่พอเห็นชุดของครองขวัญแล้วกลับกลายเป็นว่าชุดของเธอจืดสนิท
“แสดงว่าที่นี่แต่งตัวประชันกันสุดฤทธิ์ ถ้าต้องมาบ่อย ๆ แล้วจะเอาชุดที่ไหนใส่มาล่ะเนี่ย” หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิด จากนั้นใบหน้าของใครคนหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในหัว
“อื้ม...เรื่องแบบนี้ต้องให้ลินดาช่วยเสียแล้ว”
ลินดา หรือเรืองฤทธิ์ สาวประเภทสอง เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ซึ่งตอนนี้เปิดร้านให้เช่าชุดคอสเพลย์ รวมไปถึงชุดราตรีและชุดออกงานต่าง ๆ ตอนที่กลับมาจากเมืองนอกใหม่ ๆ เธอเคยไปเยี่ยมเยือนอยู่หลายครั้ง งานศพของบิดาเธอ ลินดาก็มาช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่หลายวัน
แพรพิไลขับรถตามครองขวัญอยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งมาถึงสถานที่โอ่อ่ากว้างขวางแห่งหนึ่ง เธอเหลือบมองตัวอักษรสีทองที่อยู่ด้านหน้าโดมขนาดใหญ่ ซึ่งทำเลียนแบบสิ่งปลูกสร้างกลางทะเลทรายสมัยอียิปต์โบราณ ตรงประตูทางเข้ามีสฟิงซ์สองตัววางตั้งไว้คนละด้านของประตู
“เฮรา...เทพีเฮรางั้นหรือ ไม่เลวนี่”
หญิงสาวเลือกจอดรถตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามกับรถของครองขวัญ รอจนกระทั่งเป้าหมายเข้าไปด้านในแล้วจึงหยิบอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นกล้องแอบถ่ายในรูปแบบของปากกากับกุญแจรถ เม็มโมรีสำรอง และโทรศัพท์มือถือสองเครื่องใส่ในกระเป๋าสะพาย จากนั้นก็ปีนไปเบาะหลัง หยิบที่บังแดดมาติดกระจกรถทั้งสองด้าน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครเดินผ่านมาบริเวณนี้จึงลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เตรียมมา ปล่อยผมยาวสยาย เติมลิปสติกสีแดงสด และเขียนอายไลเนอร์เพิ่มอีกนิดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แพรพิไลเดินเชิดหน้าไปที่ประตู ครั้นพอก้าวเข้ามาด้านในแล้วจึงพบว่าบริเวณที่เธอยืนอยู่คือโถงรับรองแขกซึ่งมีนักเที่ยวกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ประปรายบนโซฟาที่จัดไว้เป็นซุ้ม ๆ ถัดออกไปเป็นประตูกระจกบานใหญ่ มีเครื่องสแกนบัตรตั้งอยู่ด้านข้าง เธอเดาว่าคงเอาไว้สแกนบัตรของสมาชิก หากไม่มีบัตรผ่านก็คงไม่สามารถผ่านประตูนี้เข้าไปได้
ร่างโปร่งระหงเดินนวยนาดไปที่เคาน์เตอร์ใกล้ประตู พนักงานต้อนรับสาวหน้าตาสะสวยสองคนคลี่ยิ้มหวานหยดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
แพรพิไลยิ้มตอบกลับไป พยายามวางมาดไฮโซที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ดิฉันอยากเป็นเมมเบอร์ของที่นี่ค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
ทันทีที่เธอพูดจบ พนักงานสาวทั้งสองคนนั้นก็ลุกพรวดแล้วเดินออกมาจากเคาน์เตอร์พร้อมกับใบสมัครสมาชิก จากนั้นก็กุลีกุจอต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีด้วยการพาเธอไปนั่งที่ชุดรับแขกแล้วเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นฉ่ำให้ เธอเดาว่าพนักงานเหล่านี้ต้องได้เปอร์เซ็นต์จากลูกค้าที่มาสมัครสมาชิกแน่นอน ถึงได้ดูแลเป็นอย่างดีจนแทบจะป้อนเครื่องดื่มเข้าปาก
“รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยนะคะคุณผู้หญิง” หนึ่งในนั้นค้อมศีรษะลงระหว่างที่ขอบัตรประชาชนจากเธอ เห็นแล้วก็ให้รู้สึกไม่คุ้นชินเท่าไร เพราะเจ้าตัวทำราวกับว่าหากหมอบกราบได้ก็คงทำไปแล้ว
แพรพิไลหยิบปากกาขึ้นมาจากกระเป๋าเอามาวางบนโต๊ะ ซึ่งความจริงแล้วมันคือกล้องแอบถ่ายที่เธอพกมาด้วย จากนั้นก็หยิบบัตรประชาชนออกมายื่นให้พนักงานคนนั้นไป
และชื่อที่ปรากฏบนบัตรใบนั้นก็คือ เพชรแพรวา ศุภสาสน์!
บัตรประชาชนปลอมที่เธอจ้างกลุ่มเฉพาะกิจจัดทำให้เพื่อใช้ในการทำงาน เธอรู้ดีว่าสถานที่พวกนี้ หรือไม่ว่าที่ไหนก็ตามมักขอบัตรประชาชนของลูกค้าไปทำสำเนาเก็บไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างจริงจังหรอกว่าบัตรที่เอาไปนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม
ระหว่างที่รอพนักงานสาวนำบัตรไปถ่ายสำเนา แพรพิไลก็เลื่อนปากกาไปช้า ๆ เพื่อเก็บภาพบริเวณทางเข้าด้านหน้าเอาไว้ ดวงตาวาววามของหญิงสาวมองไปรอบด้านอย่างสนอกสนใจ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยจนกระทั่งประสานสายตากับชายหนุ่มคนหนึ่งเข้า เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขานั่งคุยโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟาด้านในสุด สีหน้าดูเคร่งเครียดราวกับโลกจะถล่ม
แพรพิไลลอบประเมินเขาอย่างรวดเร็วตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ผู้ชายคนนี้ดู ๆ ไปแล้วบุคลิกช่างคล้ายคลึงกับสุกำพล สังเกตจากการแต่งตัวและเครื่องประดับที่สวมใส่ก็พอรู้ว่าเขาเงินหนาและมีระดับไม่น้อย แต่ดูอ่อนวัยกว่า หล่อเหลากว่า และที่สำคัญสายตาของเขาที่มองมาก็ดูเจ้าชู้กว่าด้วย
ในตอนที่เธอกำลังจะถอนสายตาออกมา เขากลับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมพลางค้อมศีรษะลงและพูดโดยไม่ออกเสียงมาทางเธอ...สวัสดีครับ
แพรพิไลยิ้มตอบและค้อมศีรษะกลับอย่างไว้ตัวนิด ๆ ทว่าภายในใจกลับลอบก่นด่าชายหนุ่มคนนั้น
โถ...ไอ้หน้าหม้อ...
“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงจะจ่ายเป็นบัตรเครดิตรึเปล่าคะ”
เสียงพนักงานอีกคนถามอย่างสุภาพ แพรพิไลพยักหน้าให้พลางหยิบบัตรเดบิตออกมาจากกระเป๋าเพราะเธอไม่มีบัตรเครดิต คิดในใจว่าพรุ่งนี้เธอต้องรีบเอาบิลไปเบิกกับสุกำพลโดยด่วน เพราะค่าเมมเบอร์ที่จ่ายไปคือหนึ่งแสนสองหมื่นบาท และเงินก้อนนี้ก็เป็นก้อนสุดท้ายของเธอแล้ว
“สำหรับสิทธิพิเศษที่คุณผู้หญิงจะได้รับจากคลับเฮราของเราก็คือ ดริงก์ฟรีสามดริงก์ทุกครั้งที่มา รวมถึงออร์เดิร์ฟหนึ่งชุด และสามารถเรียกใช้บริการจากครูสอนลีลาศของเราได้ไม่จำกัดชั่วโมงนะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อเอาบัตรใบนั้นไปรูด
แพรพิไลฟังประโยคสุดท้ายที่พนักงานบอกแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เรียกใช้บริการจากครูสอนลีลาศ...สงสัยครูสอนลีลาศต้องเป็นผู้ชายแน่นอน
หลังจากที่รับบัตรเดบิตและบัตรประชาชนคืนมาแล้ว แพรพิไลก็พับใบสมัครเป็นสามทบเพื่อให้สามารถเก็บในกระเป๋าสะพายใบเล็กได้ จากนั้นพนักงานก็นำกล่องกำมะหยี่สีแดงมายื่นให้ ครั้นพอเปิดดูก็เห็นบัตรสมาชิกใบสีทองอยู่ในนั้น
หญิงสาวนำบัตรออกมาจากกล่องแล้วเดินไปสแกนบัตรหน้าประตู ก่อนจะเดินเฉิดฉายเข้าไปด้านใน โดยมีชายหนุ่มที่เธอเพิ่งแอบด่าเมื่อครู่ตามหลังไปห่าง ๆ
สถานที่ด้านในเป็นอย่างที่แพรพิไลคาดเดาเอาไว้แต่แรก ผนังและเสาแต่ละเสาทำเลียนแบบวังของฟาโรห์ มีโซฟาสีแดงตั้งเป็นกลุ่ม ๆ โต๊ะใครโต๊ะมัน มีฉากกั้นซึ่งเป็นบานพับลายฉลุรูปอักษรอียิปต์โบราณแบ่งความเป็นส่วนตัวไว้ และสามารถพับเก็บได้หากสองโต๊ะต้องการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ตรงกลางเป็นลานกว้างสำหรับเป็นฟลอร์เต้นรำ มีแชนเดอเลียร์คริสตัลห้อยระย้าอยู่ด้านบน แสงระยิบระยับของมันส่งให้บรรยากาศรอบด้านดูหรูหราราวกับได้ย้อนยุคไปงานเลี้ยงสมัยเมื่อหนึ่งพันปีก่อนพนักงานสาวในชุดผ้าฝ้ายสีงาช้างเลียนแบบมาจากนางกำนัลของฟาโรห์ผายมือเชื้อเชิญให้แพรพิไลเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง หญิงสาวสังเกตว่าที่นี่แยกโซนกันอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มที่มากันหลายคนกับผู้ที่มาเดี่ยวหรือมาเป็นคู่หญิงสาวค่อนข้างพอใจกับพื้นที่ของตนเอง เพราะมันทำให้เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ดังนั้นหลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อยเธอจึงมองหาเป้าหมายอย่างครองขวัญทันทีชุดสีแดงสดของครองขวัญ เมื่อมาอยู่ใต้แชนเดอเลียร์อันใหญ่ก็ยิ่งดูระยิบระยับงดงามจับตา หล่อนกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกในดนตรีจังหวะแทงโก้อยู่กลางฟลอร์กับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แพรพิไลจึงรีบ
“รชตครับ เรียกผมอาร์ตก็ได้”เธอหันมามองเขาก่อนพยักหน้าขึ้นลงไปมา“ค่ะคุณอาร์ต แล้วเจอกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สอน” แพรพิไลโค้งขอบคุณเขาอย่างสุภาพชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยให้เธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ขณะที่หัวใจของเขากลับห่อเหี่ยวแปลกๆเธอจดจำเขาไม่ได้เลยหรือนี่......‘ขโมย!’เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากความหลับใหลทันที เขาก้มลงมองที่โคนต้นไม้ เห็นเพียงเด็กหญิงผมเปียในชุดพละกำลังปีนป่ายขึ้นมาทางเขาอย่างคล่องแคล่วราวกับลิงเขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ตามองร่างผอมบางของเด็กหญิงที่ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนกิ่งไม้ตรงข้ามกับเขาได้เป็นผลสำเร็จ ครั้นพอเธอนั่งได้นิ่งดีแล้ว เจ้าตัวก็ตวัดตามองเขาอย่างขุ่นเคือง‘เป็นถึงพี่มอหกแล้วทำไมริอ่านเป็นขโมย’ ไม่พูดเปล่า เธอกลับชี้หน้าเขาด้วย...กล้าไม่เบา‘นี่ยายเปี๊ยก พี่ไปขโมยของเราตั้งแต่เมื่อไร’ เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่คนกล่าวหาเขาทำหน้าตายแบมือออกข้างตัวแล้ววาดเป็นรูปครึ่งวงกลม&lsqu
แพรพิไลพยายามลอบมองครองขวัญว่าเจ้าตัวมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สายตาของเธอจึงมักตามติดรชตอยู่หลายครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาก็มักมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยหญิงสาวไม่มีโอกาสรู้เลยว่ารชตนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงครองขวัญกับอรอินอยู่หลายครั้งเพราะเขาอยากมาอยู่ใกล้กับเธอมากกว่า แต่สาวไฟแรงทั้งสองก็เกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง ทุกครั้งที่เพลงจบแล้วเขาทำท่าจะผละออก อีกฝ่ายก็จะกอดเขาแน่นจนเนื้อตัวแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน...แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแพรพิไล เธอจะกอดเขาไว้ทั้งคืนเขาก็ไม่ว่าในที่สุดเพลงก็จบลงเสียที เขาต้องหันไปส่งสัญญาณให้กริชกับปารุส ผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนพูด“คุณอาร์ตครับ มีสายด่วนจากคุณโอมครับ”อา...น่าขึ้นเงินเดือนให้เสียจริง“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณอิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”เขาหันไปบอกกับอรอิน นักธุรกิจสาวไฟแรงสูงที่เคยเป็นคู่ขาของพชร พี่ชายเขากับภีมพล เพื่อนพี่ชายมาก่อน“หืม นานไหมคะ อินไม่อยากเต้นกับคนอื่นเลยนอกจากคุณอาร์ตคนเดียว&rdq
แพรพิไลนั่งนวดขมับเพื่อขับไล่อาการปวดศีรษะเพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย วันนี้เธอยกหน้าที่ติดตามครองขวัญให้เจติยาไปทำแทนเนื่องจากว่าต้องรวบรวมภาพถ่ายและคลิปทั้งหมดที่ถ่ายได้มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งต้องมาเซ็นเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวกับบริษัทด้วยเพราะตลอดสองวันที่เธอไม่อยู่ มีการว่าจ้างเกี่ยวกับคดีชู้สาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดี“ไม่คิดจะมีคดีอื่นบ้างเลยรึไงเนี่ย วัน ๆ มีแต่เรื่องติดตามชู้ เฮ้อ...”หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาสองเม็ด จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง กะไว้ว่าจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมานั่งดูรูปอีกครั้งหนึ่งใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของใครบางคนผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด เมื่อคืนหลังจากที่โยนหินถามทางเรื่องเขาเป็นผู้ชายขายบริการไป คราแรกนึกว่ารชตจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขายอมรับแต่โดยดี หนำซ้ำยังถามย้ำอยู่บ่อยครั้งด้วยว่าตกลงเธอจะรับอุปการะเขาหรือเปล่าข้าวสามมื้อกับเซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...บ้าแล้ว! นี่เขาไม่คิดจะไปให้บริการผู้หญิงคนอื่นบ้างเลยหรือไร จู่ ๆ จะมาเกาะติดแต่
หญิงสาวนั่งเท้าคางมองไปเรื่อยเปื่อยด้วยความเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก ตรงกลางฟลอร์มีครองขวัญกับชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเต้นรำเข้าคู่กันอย่างสนุกสนานเพราะเป็นจังหวะเร็ว และเธอก็ไม่รู้ว่าจังหวะนี้เรียกว่าอะไร แต่ดูแล้วหากไม่ชำนาญการเต้นจังหวะนี้จริง ๆ มีหวังได้เหยียบเท้าหรือหกล้มกันแน่นอนเขาไปไหนของเขานะ...ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งอย่างรวดเร็วพลางถอนหายใจ จากนั้นร่างของเธอก็แข็งทื่อเมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเผลอตัวมองหารชตอย่างไม่น่าให้อภัย“บ้าจริง” เธอทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างแรง ก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเพื่อดับอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองที่ดันเสียสมาธิเพราะผู้ชายคนนั้นจนได้แพรพิไลยกสองมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา ตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่จะไขว้เขวเพราะสิ่งเร้าแสนเย้ายวนอย่างรชตไม่ได้เป็นอันขาด...ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเชิญชวนเป็นอย่างยิ่งก็เถอะ“ออกไปเต้นรำไหมครับ นั่งเฉย ๆ จะเบื่อซะเปล่า” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างตัวครั้นพอแพรพิไลหันมองตามเสียงจึงรู้ว่าเขาคือหนึ่งในครูสอนลีลาศที่เนื้อ
แพรพิไลสังเกตว่าทุกครั้งเวลาที่ชายหนุ่มคุยกับเธอ มุมปากของเขามักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอยู่เสมอ ดูมีเสน่ห์เสียจนไม่อยากถอนสายตากลับแต่ถ้าเธอไม่ถอนออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ต้องทำงานทำการกันแล้วกระมัง ผู้ชายอะไร แรงดึงดูดมากเสียจนน่าหวาดหวั่น!แพรพิไลผินหน้าไปมองครองขวัญซึ่งขณะนี้กำลังนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะโดยมีชาคริตนั่งอยู่ด้วย หญิงสาวแบ่งสมาธิของตนไปที่คู่นั้นทันที เพราะมือของสองหนุ่มสาวเกาะกุมกันอยู่ สักพักชาคริตก็ถอนมือกลับ ขณะที่ครองขวัญเอามือลากโต๊ะมาจนกระทั่งถึงกระเป๋าถือใบเล็กของตัวเองมองผิวเผินเหมือนว่าหนุ่มสาวสองคนนี้แค่จับมือกันแล้วปล่อย แต่สำหรับแพรพิไลที่ลอบมองตาแทบไม่กะพริบนั้นรู้สึกได้ว่าการจับมือกันของทั้งคู่ช่างไม่ธรรมดา ชาคริตส่งอะไรบางอย่างให้ครองขวัญ และครองขวัญเก็บสิ่งนั้นใส่กระเป๋าอีกด้วย!“โอ๊ย!” เสียงร้องเบา ๆ ของรชตเรียกสายตาของแพรพิไลกลับมาที่เขาทันที“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ เจ็บไหมคะคุณอาร์ต ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวก้มลงมองรองเท้ามันปลาบของเขาซึ่งมีรอยรองเท้าของเธอเข้าไปเต็ม ๆ รองเท้าคู่นี้มองดูก็รู้ว่า
แพรพิไลสังเกตการณ์อยู่ในรถครู่หนึ่งพร้อมทั้งหยิบกล้องปากกาออกมาเก็บภาพโดยรวมของสถานที่ไว้ เสร็จเรียบร้อยก็ขับออกมาเพื่อตั้งหลัก สำหรับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและดูมีลับลมคมในแบบนี้ เธอยอมถอยออกมาก่อนดีกว่าดันทุรังจะเข้าไป เพราะหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นคงไม่มีใครช่วยเธอได้แน่นอนหญิงสาวขับรถกลับบ้านทั้งที่ในสมองมีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ซึ่งเป็นเพียงคอนโดมิเนียมธรรมดา ๆ แต่บริเวณที่ครองขวัญเข้าไปกลับอยู่ชั้นล่างสุดซึ่งน่าจะเป็นพวกร้านค้าต่าง ๆ มากกว่า แถมยังต้องเข้าด้านหลังอาคาร ไฟก็ไม่เปิด ทำให้พื้นที่โดยรอบประตูทางเข้ามืดจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร หนำซ้ำยังมีคนยืนเฝ้าอีกสองคนเพื่อสแกนคนที่จะเข้าไปด้านในอีกด้วย“แปลกแฮะ มีแต่เรื่องไม่เข้าใจเต็มไปหมด” พรุ่งนี้เธอมีนัดต้องรายงานผลให้สุกำพลทราบในช่วงบ่าย บางทีหากเธอให้เขาดูรูปสถานที่เมื่อครู่อาจจะคิดอะไรออกก็เป็นได้ช่วงสายของวันถัดมา แพรพิไลนำรูปทั้งหมดที่ถ่ายได้เมื่อวานโอนใส่แท็บเล็ตพร้อมกับนั่งเปิดดูไปทีละรูปอย่างใจเย็น ส่วนไหนที่เป็นข้
แพรพิไลไม่ได้เล่าเรื่องคอนโดมิเนียมแห่งนั้นให้สุกำพลฟัง เพราะคิดอยู่ว่าจะหาทางไปถ่ายรูปที่นั่นให้ชัดเจนกว่านี้ และถ้าเป็นไปได้เธอจะหาวิธีเข้าไปในนั้นด้วย แต่ที่แน่ ๆ ก็คือช่วงกลางวันแบบนี้เธอจะขับรถไปดูตรงนั้นให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นในตอนกลางวันเปิดเป็นร้านอะไรสุกำพลถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับดึงตัวขึ้นมานั่งหลังตรงตามเดิม เธอมองออกว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนักเพราะหัวคิ้วขมวดกันมุ่น คงเพราะเรื่องที่เธอรายงานเป็นแน่“ถ้าอย่างนั้นแพรขอตัวก่อนดีกว่านะคะ มีอะไรต้องไปทำหลายอย่างเลย” เธอทำท่าจะลุกขึ้น แต่กลับถูกเขาคว้าข้อมือเอาไว้แน่น“เดี๋ยวก่อนสิครับ ถ้าคุณแพรไม่รังเกียจ รบกวนกินข้าวกับผมสักมื้อได้ไหม” เขาปล่อยมือออกอย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่รีบร้อนและไม่อ้อยอิ่งจนเกินไป จนแพรพิไลอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายอย่างสุกำพลดูร้ายกาจและอันตรายยิ่งกว่ารชตเสียอีก‘บ้าจริง! นึกถึงเขาอีกแล้ว...’“ได้สิคะ แหม แพรจะรังเกียจลูกค้าได้ยังไง”เธอพูดพร้อมกับรีบไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขาทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะหาเรื่องรั้งให้นั่งอยู่ข้าง ๆ เห
และที่น่าแปลกใจก็คือสมาชิกที่เข้าร่วมในลัทธินี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในแวดวงสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น กว่าฌอนจะไขคดีนี้จนติดตามมาถึงสถานที่บูชายัญได้นั้นต้องใช้เวลาเกือบปีเพราะอุปสรรคนานัปการที่คอยขัดขวางไม่ให้เขาสืบคดีได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคเรื่องบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายแหล่ที่เป็นสมาชิกของลัทธินี้นั่นเองช่างคล้ายคลึงกับเรื่องสมาคมหน้ากากเหลือเกิน!หญิงสาวหยิบกระดาษขึ้นมาดูตัวเลขอีกครั้ง เมื่อเห็นตัวเลขที่เรียงกันสมองก็พลันคิดไปถึงเกมที่บิดาเคยสอนให้เล่นบ่อย ๆ เมื่อตอนเป็นเด็กเวลาที่เธอกลับจากโรงเรียนแล้วนั่งรอบิดาอยู่ที่สำนักงาน หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำท่านจึงคิดเกมนี้ขึ้นมาให้เล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเกมที่ว่านั่นก็คือเกมถอดรหัสตัวหนังสือจากตัวเลขในกระดาษตัวเลขแถวแรกคือเลขหน้าของหนังสือ ตัวเลขแถวที่สองคือลำดับของคำที่อยู่ในแต่ละบรรทัด เช่นแถวแรกคือเลขหนึ่งก็หมายถึงให้เปิดหน้าที่หนึ่ง ตัวเลขแถวที่สองคือสิบสามก็หมายถึงให้นับคำไปจนถึงคำที่สิบสาม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ประโยคหรือเนื้อหาที่ต้องการแพรพิไลเปิดหนังสือเล่มที่สอง ซึ่งเล
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดขี้เกียจไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะพับผ้าห่มเก็บไว้ปลายเตียง หยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น แพรพิไลคลี่ยิ้มออกมาทันทีเพราะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมา ร่างโปร่งระหงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่าน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิมอรุณสวัสดิ์ครับตัวแสบ อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะ พี่ไม่อยู่ไม่ใช่ว่านอนอุตุจนตะวันแยงก้นล่ะ“อะไรกัน ได้นอนบ้างรึยังละนั่น” เมื่อคืนรชตออกจากบ้านไปตอนเที่ยงคืนกว่า เธอเดาว่าป่านนี้เขาคงยังไม่ได้นอนเลยสักนิดกระมังหญิงสาววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ วันนี้มีอะไรมากมายหลายอย่างที่ต้องทำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปัดฝุ่นทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพราะตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกเธอก็ไม่เคยทำเลยสักครั้ง ป่านนี้บิดาที่อยู่บนสวรรค์คงกำลังนั่งบ่นลูกสาวจอมขี้เกียจอย่างเธอเป็นแน่แพรพิไลจัดการอาหารเช้าให้ตัวเองอย่างง่าย ๆ เพราะรชตสั่งนักสั่งหนาว่ามื้อเช้าสำคัญท
เสียงภาพยนตร์ต่างประเทศดังกระหึ่มอยู่ในห้องรับแขกโดยมีสองร่างกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ทว่าคนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มเท่านั้น เพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันคอยแต่มองนาฬิกาอยู่ตลอด“คืนนี้มีมีตติงใช่ไหมคะพี่อาร์ต” แพรพิไลมองนาฬิกาติดผนัง สีหน้าแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ออกภาคสนามที่สมาคมหน้ากากอีกครั้ง“ใช่ และคืนนี้เขาจะบุกค้นที่นั่นแล้วด้วย อยู่บ้านเฉย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว อย่าซ่าให้มากนักเลย” พูดจบรชตก็ล้มตัวลงหนอนหนุนตักนิ่ม ๆ ของหญิงสาวพร้อมกับคว้าแขนของเธอมากอดเอาไว้แน่น“แพรยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าอยากจะไป ก็แค่ถามเท่านั้นเอง”แพรพิไลโอดเสียงอ่อยก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ รชตก็กัดต้นขาเธอเบา ๆ “พี่อาร์ต! ทำอะไรน่ะ”“ลงโทษคนปากไม่ตรงกับใจ แล้วการที่นั่งมองนาฬิกาตลอดเวลาจนหนังแทบไม่ได้ดูนั่นยังจะเรียกว่าไม่คิดอยากไปรึไงยายตัวแสบ” เขาดีดหน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนพูดขึ้นว่า“คืนนี้พี่จะนอนเฝ้าแพรทั้งคืนเลย”แ
“อย่ามาเหมายกเข่งกันแบบนี้สิ” ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือพลางพูด“พี่จะเข้าไปออฟฟิศสักหน่อย แล้วก็คงเลยไปที่คลับด้วยเลยทีเดียว จะพยายามไม่กลับดึกมากนะ”รชตมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจจะให้เธอติดตามเขาไปด้วย เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าทิ้งเธอไว้ที่นี่ตามลำพัง แม้ว่าทางตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลให้ก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากวางใจ“พี่ว่าแพรไปกับพี่ดีกว่า พี่จะแนะนำพี่ชายกับพี่สะใภ้ให้รู้จักด้วย”แพรพิไลส่ายหน้าหวือ เพราะเธอมีแผนอยู่ในใจแล้ว“อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ วันนี้แพรกะว่าจะเข้าไปที่สำนักงานเหมือนกัน เอาเป็นว่าแพรจะอยู่รอพี่สำนักงานดีกว่า”“ตามใจ”หญิงสาววิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายซึ่งในนั้นมีฮาร์ดดิสก์ที่รชตคืนมาให้ เพื่อพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา เพราะกลัวว่ามันจะถูกขโมยไป อีกทั้งกะว่าจะนำข้อมูลในนี้ก๊อปปี้สำรองไว้อีกชุดหนึ่งแล้วฝากให้รชตเก็บเอาไว้รชตเดินเข้ามาในคลับเฮราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มดังเช่นทุกครั้ง ลูกค้าวีไอพีส่วนใหญ่ซึ่งพอเห็นเ
“อ้าว คุณรุสไปแล้วหรือ ตื่นเช้าจังแฮะ”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วไม่เห็นรองเท้าของปารุสถอดไว้ที่หน้าประตู อีกทั้งรั้วบ้านไม่มีกุญแจคล้องไว้ เพราะปารุสนำมาวางไว้ให้บนโต๊ะในห้องรับแขกแล้ว เขาล็อกแค่ประตูบ้านให้ก่อนออกไปจากที่นี่แพรพิไลเดินย้อนกลับเข้าไปในครัวเพื่อหุงข้าวและทำอาหารง่าย ๆ ไว้อย่างไข่เจียวหมูสับกับแกงจืดเต้าหู้ เพราะเป็นอาหารที่ทำง่ายและเสร็จเร็วที่สุดไม่เกินหนึ่งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็เสร็จสิ้นและถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะกินข้าว แพรพิไลมองอาหารง่าย ๆ พื้น ๆ ที่นานทีปีหนจะทำกินเองสักครั้งหนึ่งด้วยสายตาภาคภูมิใจ เพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวเธอก็ใช้บริการร้านข้าวราดแกงหรือร้านอาหารตามสั่งทั่วไปมาตลอดทว่าพอมีรชตมาอยู่ร่วมบ้าน แม้จะแค่ชั่วคราวแต่เธอก็ไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หาความเป็นแม่บ้านแม่เรือนไม่ได้ พอเห็นผลงานที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็ให้รู้สึกปลื้มใจที่ถึงแม้จะเป็นอาหารพื้น ๆ ทั่วไป แต่รสชาติก็จัดว่าอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารที่เธอไปกินเป็นประจำเลยทีเดียว“น่ากินจังที่รัก” เสียงทุ้มคุ
หญิงสาวเสียบเครื่องอ่านเม็มโมรีการ์ดเข้ากับโน้ตบุ๊กก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอยากเห็นหน้าคนที่ลอบเข้ามาขโมยของในบ้าน จากนั้นก็เปิดโปรแกรมสำหรับดูภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกได้จากโทรศัพท์มือถือไม่นานนัก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือผู้ชายสามคนที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน ทั้งสามคนนั้นสวมเสื้อกับกางเกงสีดำเหมือนกันหมด รวมทั้งหมวกไหมพรมที่สวมปิดหน้าและถุงมือสีดำด้วยเช่นกัน“ดูนี่สิแพร” รชตชี้ให้ดูชายคนหนึ่งซึ่งทันทีที่เข้ามาในห้องก็ตรงดิ่งมายังโต๊ะทำงานทันทีโดยไม่แวะตรงจุดอื่น ขณะที่อีกสองคนเข้าไปรื้อค้นเอกสารแบบลวก ๆ แล้วเอามาโยนลงบนพื้นเหมือนต้องการเก็บงำร่องรอยอย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรกหัวคิ้วของแพรพิไลขมวดเป็นปมเมื่อดูภาพที่บันทึกไว้ได้ แสดงให้เห็นแล้วว่าคนกลุ่มนี้รู้จักบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าบิดาของเธอเก็บของสำคัญไว้ที่ไหน“คนพวกนี้รู้จักกับคุณพ่อของแพร และที่สำคัญก็คือต้องเคยมาบ้านหลังนี้แน่นอน แพรมั่นใจ” หญิงสาวหยุดพูดไปเมื่อภาพที่บันทึกไว้มาถึงตอนที่คนร้ายงัดลิ้นชักและเอาโน้ตบุ๊กออกมาได้สำเร็จจากนั้นหนึ่งในสามคนร้าย
ผ่านไปครู่ใหญ่ทีมเก็บหลักฐานก็ทำงานเสร็จสิ้นลง นายตำรวจหัวหน้าทีมเดินเข้ามาหารชตกับแพรพิไลในห้องรับแขก แม้สีหน้าของเขาจะดูเรียบเฉยเป็นปกติ แต่หญิงสาวก็จับความกังวลในแววตานั้นได้“ท่าทางคนร้ายรายนี้จะเป็นมืออาชีพมาก ๆ เลยครับ เพราะจากที่ตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่ามีแต่รอยนิ้วมือใหม่เอี่ยมซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นของคุณและคุณผู้ชายทั้งสองคน” เขาพูดพลางชี้ไปที่รชตกับปารุสที่ยืนอยู่แถวนั้น“ส่วนรอยนิ้วมือเก่านั้นแทบตรวจไม่เจอ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคุณคงทำความสะอาดห้องหลังจากที่พ่อของคุณเสียชีวิตแล้วก็ได้ ตอนนี้ผมเองก็ยังบอกอะไรไม่ได้มากนักคงต้องรอให้ทีมพิสูจน์กันให้ละเอียดอีกที เรื่องเครื่องดักฟังนั่นก็เจอแค่อันเดียวที่อื่นไม่พบ เอาเป็นว่าถ้ามีความคืบหน้าอะไรผมจะรีบแจ้งให้ทราบทันทีครับ”“ขอบคุณมากครับคุณตำรวจ ทางผมก็เหมือนกัน ถ้าหากเจออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับเรื่องนี้ได้ พวกเราจะรีบแจ้งไปทันที” รชตพูดพร้อมกับเดินไปส่งตำรวจที่มาตรวจสอบสถานที่ถึงหน้าประตูรั้วโดยมีแพรพิไลกับปารุสเดินตามออกมาด้วยเขายืนมองจนกระทั่งรถตำรวจเค
“แต่การที่เขาทิ้งแพรแล้วไปทำกับที่อื่นดูจะเป็นการเนรคุณเกินไปหน่อย” รชตพูดไปตามที่ใจคิด ตอนที่ฟังเธอเล่าว่านักสืบคนเก่า ๆ ตบเท้าลาออกไปทำที่อื่นทันทีที่เธอเข้ามาบริหารงานแทนบิดา เขายังรู้สึกโกรธคนพวกนั้นแทนเธอเลย“ทำไงได้คนเราก็ต้องกินต้องใช้ค่ะ จะไปโทษเขาไม่ได้หรอก อีกอย่าง ช่วงแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมีงานเข้ามาด้วยแหละ”ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกันต่อ ปารุสก็เดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วบอกว่า “ตำรวจมาแล้วครับ”รชตกับแพรพิไลหันมองหน้ากันก่อนลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้าน มีรถตำรวจคันหนึ่งจอดไว้โดยมีนายตำรวจสามนายยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ตำรวจยศร้อยตรีนายหนึ่งเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาจึงพูดขึ้น“ผมได้รับแจ้งว่าที่นี่มีโจรเข้ามารื้อค้นทรัพย์สิน และมีของหายไปด้วยก็เลยมาตรวจสอบน่ะครับ”“ใช่ครับ เชิญครับคุณตำรวจ” รชตเปิดประตูรั้วให้แล้วผายมือเชิญให้ตำรวจทั้งสามนายเข้ามาในบ้านเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วนายตำรวจคนเดิมก็ถามขึ้นอีกครั้งพลางมองไปรอบบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน“อะไรบ้างครับที่หายไป&rdq
“แพรไว้ใจพี่อาร์ตได้ใช่ไหมคะ” เธอรู้ตัวว่าเป็นคำถามที่โง่มาก เพราะคงไม่มีใครบอกมาแน่นอนว่าตนเองไว้ใจไม่ได้“แล้วแพรคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าแพรคิดว่าพี่ไว้ใจได้แพรก็เล่า แต่ถ้าแพรยังไม่มั่นใจก็ไม่ต้องเล่า พี่ยอมรับการตัดสินใจของแพร เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของแพรด้วย” ชายหนุ่มมองลึกเข้ามาในนัยน์ตาของเธออย่างจริงจัง สุ้มเสียงไม่มีความน้อยใจปนอยู่ในนั้น นั่นจึงทำให้หญิงสาวตัดสินใจได้“ข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บเอาไว้ในนี้หมดค่ะ ในโน้ตบุ๊กไม่มีไฟล์งานสำคัญอะไรอยู่เลย จะมีก็แค่ไฟล์ที่ต้องใช้ทั่วไปอย่างพวกใบเสร็จรับเงินหรือใบเสนอราคา เวลาคุณพ่อทำงานท่านจะเอาสายยูเอสบีมาเสียบพ่วงไว้ด้วยกัน เสร็จแล้วก็เก็บไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุด ซ่อนมันไว้ในแฟ้มเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตหากมีใครมารื้อค้น”แพรพิไลเงียบไปครู่หนึ่งก่อนมองเขาอย่างชั่งใจอีกครั้งแล้วพูดต่อ“และความจริงแล้วข้อมูลพวกนี้คุณพ่อจะก๊อบปี้ไว้อีกชุดแล้วแยกเก็บไว้อีกที่เพื่อป้องกันการสูญหายค่ะ แต่ตรงนี้แพรขอเก็บเป็นความลับนะคะ” เธอมองเขาอย่