“รชตครับ เรียกผมอาร์ตก็ได้”
เธอหันมามองเขาก่อนพยักหน้าขึ้นลงไปมา
“ค่ะคุณอาร์ต แล้วเจอกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สอน” แพรพิไลโค้งขอบคุณเขาอย่างสุภาพ
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยให้เธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ขณะที่หัวใจของเขากลับห่อเหี่ยวแปลกๆ
เธอจดจำเขาไม่ได้เลยหรือนี่...
...
‘ขโมย!’
เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากความหลับใหลทันที เขาก้มลงมองที่โคนต้นไม้ เห็นเพียงเด็กหญิงผมเปียในชุดพละกำลังปีนป่ายขึ้นมาทางเขาอย่างคล่องแคล่วราวกับลิง
เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ตามองร่างผอมบางของเด็กหญิงที่ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนกิ่งไม้ตรงข้ามกับเขาได้เป็นผลสำเร็จ ครั้นพอเธอนั่งได้นิ่งดีแล้ว เจ้าตัวก็ตวัดตามองเขาอย่างขุ่นเคือง
‘เป็นถึงพี่มอหกแล้วทำไมริอ่านเป็นขโมย’ ไม่พูดเปล่า เธอกลับชี้หน้าเขาด้วย...กล้าไม่เบา
‘นี่ยายเปี๊ยก พี่ไปขโมยของเราตั้งแต่เมื่อไร’ เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่คนกล่าวหาเขาทำหน้าตายแบมือออกข้างตัวแล้ววาดเป็นรูปครึ่งวงกลม
‘ก็นี่ไง ต้นไม้นี่เขามานั่งเกือบทุกวัน ตรงที่พี่นั่งน่ะที่ประจำเขาเลยนะ แบบนี้ไม่เรียกขโมยแล้วเรียกอะไร’
เห็นเจ้าตัวทำหน้าขึงขังแล้วเขาก็อดขำไม่ได้ เด็กอะไรหน้าตาก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ขี้ตู่ชะมัดยาดเลย
‘ไม่เห็นมีป้ายติดไว้เลยว่าของเรา เราเป็นคนมาปลูกไว้หรือไง นึกว่าต้นไม้ของโรงเรียนเสียอีก แล้วมานั่งตรงนี้ได้แสดงว่าโดดเรียนมาใช่ไหมเนี่ย อยู่ชั้นอะไร อ้อ! มอสามนี่เอง ชื่ออะไรน่ะเรา’ เขาขู่กลับไปพลางมองจุดสามจุดบนปกเสื้อพละของเธอ
‘ตัวเองก็โดดเรียนมาเหมือนกันนั่นแหละ โธ่เอ๊ย...ทำมาเป็นขู่’ เธอเชิดหน้าเล็ก ๆ ขึ้นอย่างจองหอง ทำเอาเขาหลุดหัวเราะขึ้นมาเสียงดังจนได้
บอกตามตรงว่าถูกใจยายตัวเล็กที่พองขนขู่เขาฟ่อ ๆ คนนี้เหลือเกิน
‘อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวคนเขาก็รู้กันหมดว่าตรงนี้มีคนอยู่’ เธอเอานิ้วชี้แนบปากตัวเอง เขาจึงต้องกลั้นหัวเราะเต็มที่
‘ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เสียสละต้นไม้ต้นนี้ให้พี่บ้างได้ไหม ไม่รู้จะไปไหนแล้วเนี่ย’ เขาลองใช้เสียงอ่อนอ้อนดู เห็นเจ้าตัวเล็กทำท่าลำพองเหลือเกินที่พี่มอหกอย่างเขาถึงกับอ้อนวอนก่อนจะพยักหน้ายินยอมอย่างเสียไม่ได้...แสบจริง ๆ
‘ชื่ออะไรหรือเรา พี่ชื่ออาร์ตนะ’ เขาอยากรู้จักเจ้าตัวแสบนี่ขึ้นมาทันที เพราะหากว่ากันตามจริงแล้ว ตึกมัธยมต้นกับมัธยมปลายเรียนแยกกันคนละตึก ยากที่จะมาเจอกันได้
‘ชื่อแพร...เรามาทำสนธิสัญญากันดีกว่า ว่าด้วยเรื่องการใช้สถานที่ลับแห่งนี้’
เขากลั้นขำแทบตายเมื่อเจ้าตัวดีทำราวกับว่านี่คือความลับระดับชาติ แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้ายอมเธอไป เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าอารมณ์เสีย
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เจอกันอาทิตย์ละสองวันเป็นอย่างต่ำ ส่วนใหญ่จะเป็นคาบบ่ายใกล้โรงเรียนเลิก เวลาเจอกันต่างคนต่างก็มีเรื่องเล่าของตนเองมาให้อีกฝ่ายฟัง แต่หากวันไหนใครมาไม่ได้ก็จะต้องมาเสียบกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ ไว้ที่ซอกกิ่งไม้เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าติดทำกิจกรรมหรือติดธุระอย่างอื่น
เขาไม่รู้ว่าความผูกพันมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีเขาก็เฝ้ารอคอยที่จะได้เจอเจ้าตัวแสบของเขาในคาบบ่ายของวันที่นัดหมายเสียแล้ว
แต่ในที่สุด เขากับแพรก็ต้องห่างกันไปจนได้เพราะเขาต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ในขณะที่แพรขึ้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเดิม แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยกลับมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าอีกเลย เขาก็เคยกลับมาบ้าง กลับมายืนใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เคยเป็นที่นัดพบระหว่างเรา แต่ตรงนั้นไม่มีร่างเล็ก ๆ ของแพรอีกแล้ว
อะไรก็คงไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาได้เห็นกับตาว่า เจ้าตัวเล็กของเขาเริ่มมีรุ่นพี่มาติดพัน และเริ่มมีแฟน ตั้งแต่นั้นมา เขาจึงไม่เคยกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าอีก
แพรพิไลกลับมานั่งที่โต๊ะได้ก็รีบกวาดตามองหาครองขวัญอีกครั้ง หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น เอาแต่โทษตัวเองไม่หยุดหย่อนที่มัวแต่พุ่งความสนใจไปกับการเต้นลีลาศกับหนุ่มหล่อเมื่อครู่
ครั้นพอนึกอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบเดินออกไปตรงลานจอดรถทันที เมื่อเห็นรถของครองขวัญยังจอดอยู่ที่เดิมก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“แล้วไป สงสัยคงไปห้องน้ำมั้ง" เธอเดินกลับเข้าไปนั่งที่เดิมอีกครั้ง หยิบค็อกเทลสีฟ้าสวยขึ้นมาจิบพลางมองไปยังฟลอร์ เพราะชุดสีแดงระยิบระยับของครองขวัญกำลังพลิ้วไหวอย่างโดดเด่นเหนือคู่เต้นรำคู่อื่น
คราวนี้คิ้วของแพรพิไลเลิกขึ้น เมื่อเห็นคู่เต้นของครองขวัญอย่างชัดเจน เพราะเขาคือชายหนุ่มที่เพิ่งเต้นกับเธอไปเมื่อครู่ หญิงสาวหยิบกล้องแอบถ่ายในรูปแบบของกุญแจรถขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วกดบันทึกไว้ทันที
เธอนั่งมองทั้งคู่เต้นด้วยกันพร้อมกับปากที่อ้ากว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อสังเกตว่าครองขวัญกับรชตดูจะสนิทสนมกันในระดับที่ไม่ธรรมดา เพราะการเต้นลีลาศแต่ละจังหวะ ต่อให้ใกล้ชิดกันแค่ไหนแต่ก็คงไม่ถึงกับ ‘บด’ กันขนาดนี้กระมัง
“หรือว่าจะเป็นคนนี้”
ต้องใช่แน่ ๆ ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นชู้รักของครองขวัญอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะรชตเป็นแค่ครูสอนลีลาศในคลับ ไม่น่าจะมีรายได้มากมายถึงขนาดใส่นาฬิกาเรือนละหลายแสนได้แน่นอน อีกทั้งดูจากเสื้อผ้าและการแต่งตัวของเขาก็ดูมีระดับ เทียบชั้นความไฮโซกับสุกำพลได้เลยทีเดียว
“ไม่น่าเลย หน้าตาก็หล่อดีหรอก” จะว่าไปเธอกลับรู้สึกคุ้นหน้ารชตอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ยิ่งตอนที่เขายิ้มกว้างจนเห็นฟัน เธอก็ยิ่งรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าเคยเห็นใบหน้าอย่างนี้ที่ไหน
ช่างเถอะ! ผู้ชายที่ยิ้มแบบนี้มีถมไป อาจจะเป็นแค่คนหน้าโหลก็ได้
แพรพิไลปัดเรื่องที่รบกวนหัวใจทิ้งไปแล้วหันไปให้ความสนใจกับความสนิทสนมของสองหนุ่มสาวบนฟลอร์เต้นรำ ทั้งคู่นอกจากเต้น ‘บด’ กันแล้วยังกระซิบกระซาบหัวร่อต่อกระซิกกันราวกับคู่รักก็ไม่ปาน ท่าทีผิดกับตอนที่ครองขวัญเต้นกับชายหนุ่มคนก่อนหน้านี้ลิบลับ เพราะกับคนนั้นยังรู้สึกได้ถึงความห่างเหินและเกรงอกเกรงใจ
หญิงสาวหรี่ตาลงอย่างจับผิด...ผู้ชายสมัยนี้มองแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริง ๆ อย่างไรเสียเธอก็ต้องหาทางเข้าใกล้รชตอีกครั้งให้ได้ แล้วแกล้งหย่อนเบ็ดลงไปสักครั้ง อยากรู้จริง ๆ ว่าปลาตัวนี้จะงับกินเบ็ดของเธอหรือเปล่า
ทว่า...ดูเหมือนเบ็ดที่แพรพิไลเตรียมเอาไว้ยังไม่ได้ใช้เสียที เพราะครองขวัญกับรชตยังคงเต้นรำติดพันกันต่ออีกหลายเพลงราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนคนรออย่างเธอเห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน
หัวคิ้วของหญิงสาวเริ่มขมวดเป็นปมอีกครั้งเมื่อรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่สามารถเข้าไปแทรกคู่ของครองขวัญกับรชตได้ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงเมื่อเห็นครองขวัญเลื่อนมือลงไปจับบั้นท้ายของรชตแล้วลูบไล้ไปมา
อืม...ดูเหมือนฝ่ายหญิงจะรอไม่ไหวแล้วแฮะ...เจ๊คนนี้ไฟแรงชะมัด
แพรพิไลอมยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นครองขวัญทำหน้ากระเง้ากระงอดชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างรชต ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพลงจังหวะวอลซ์จบพอดีและกำลังจะขึ้นเพลงใหม่ เธอนึกว่าทั้งสองคนจะต่อกันอีกเพลง ไม่คาดว่าจะมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งเข้าไปคว้าตัวชายหนุ่มมาจากครองขวัญเอาดื้อๆ
“ว้าว...เนื้อหอมเสียด้วย” เธอเอนหลังพิงพนักโซฟา มองดูความสนุกเบื้องหน้าตาแทบไม่กะพริบ หญิงสาวที่มาใหม่อายุน่าจะประมาณสามสิบปลาย ๆ แต่ความสวยและทรงเสน่ห์สูสีเทียบเคียงกันได้กับครองขวัญเลยทีเดียว
น่าเสียดายที่ศึกชิงผู้ชายตรงหน้าไม่ดุเดือดอย่างที่คิด ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะความมีหน้ามีตาทางสังคมของครองขวัญที่ต้องรักษา จึงไม่สามารถตบตีเพื่อแย่งชายหนุ่มกันในสถานที่แบบนี้ได้ หากข่าวแพร่สะพัดออกไปภาพลักษณ์ที่ดีงามก็คงไม่มีเหลือ
รชตเริ่มเต้นรำกับหญิงสาวที่มาใหม่ ในขณะที่ครองขวัญกลับไปนั่งที่ของตนเองอย่างอารมณ์เสียเล็กน้อย ทุกความเคลื่อนไหวของบุคคลทั้งสามไม่อาจรอดพ้นสายตาของแพรพิไลไปได้โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นเป้าหมายอย่างครองขวัญ แต่ระหว่างนั้นแพรพิไลก็เริ่มคิด
หรือว่ารชตจะมีผู้อุปการะถึงสองคน หรือบางทีอาจจะสาม...สี่...ห้า...โอ! ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ชั่วขณะที่เธอเอาแต่มองตามการเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม จู่ ๆ รชตก็หันมามองเธอพร้อมกับโปรยยิ้มหวานละลายใจจนเธอสะดุ้ง
บ้าจริง! อย่ามามองฉันแบบนี้นะ
แพรพิไลพยายามลอบมองครองขวัญว่าเจ้าตัวมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สายตาของเธอจึงมักตามติดรชตอยู่หลายครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาก็มักมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยหญิงสาวไม่มีโอกาสรู้เลยว่ารชตนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงครองขวัญกับอรอินอยู่หลายครั้งเพราะเขาอยากมาอยู่ใกล้กับเธอมากกว่า แต่สาวไฟแรงทั้งสองก็เกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง ทุกครั้งที่เพลงจบแล้วเขาทำท่าจะผละออก อีกฝ่ายก็จะกอดเขาแน่นจนเนื้อตัวแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน...แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแพรพิไล เธอจะกอดเขาไว้ทั้งคืนเขาก็ไม่ว่าในที่สุดเพลงก็จบลงเสียที เขาต้องหันไปส่งสัญญาณให้กริชกับปารุส ผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนพูด“คุณอาร์ตครับ มีสายด่วนจากคุณโอมครับ”อา...น่าขึ้นเงินเดือนให้เสียจริง“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณอิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”เขาหันไปบอกกับอรอิน นักธุรกิจสาวไฟแรงสูงที่เคยเป็นคู่ขาของพชร พี่ชายเขากับภีมพล เพื่อนพี่ชายมาก่อน“หืม นานไหมคะ อินไม่อยากเต้นกับคนอื่นเลยนอกจากคุณอาร์ตคนเดียว&rdq
แพรพิไลนั่งนวดขมับเพื่อขับไล่อาการปวดศีรษะเพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย วันนี้เธอยกหน้าที่ติดตามครองขวัญให้เจติยาไปทำแทนเนื่องจากว่าต้องรวบรวมภาพถ่ายและคลิปทั้งหมดที่ถ่ายได้มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งต้องมาเซ็นเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวกับบริษัทด้วยเพราะตลอดสองวันที่เธอไม่อยู่ มีการว่าจ้างเกี่ยวกับคดีชู้สาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดี“ไม่คิดจะมีคดีอื่นบ้างเลยรึไงเนี่ย วัน ๆ มีแต่เรื่องติดตามชู้ เฮ้อ...”หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาสองเม็ด จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง กะไว้ว่าจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมานั่งดูรูปอีกครั้งหนึ่งใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของใครบางคนผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด เมื่อคืนหลังจากที่โยนหินถามทางเรื่องเขาเป็นผู้ชายขายบริการไป คราแรกนึกว่ารชตจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขายอมรับแต่โดยดี หนำซ้ำยังถามย้ำอยู่บ่อยครั้งด้วยว่าตกลงเธอจะรับอุปการะเขาหรือเปล่าข้าวสามมื้อกับเซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...บ้าแล้ว! นี่เขาไม่คิดจะไปให้บริการผู้หญิงคนอื่นบ้างเลยหรือไร จู่ ๆ จะมาเกาะติดแต่
หญิงสาวนั่งเท้าคางมองไปเรื่อยเปื่อยด้วยความเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก ตรงกลางฟลอร์มีครองขวัญกับชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเต้นรำเข้าคู่กันอย่างสนุกสนานเพราะเป็นจังหวะเร็ว และเธอก็ไม่รู้ว่าจังหวะนี้เรียกว่าอะไร แต่ดูแล้วหากไม่ชำนาญการเต้นจังหวะนี้จริง ๆ มีหวังได้เหยียบเท้าหรือหกล้มกันแน่นอนเขาไปไหนของเขานะ...ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งอย่างรวดเร็วพลางถอนหายใจ จากนั้นร่างของเธอก็แข็งทื่อเมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเผลอตัวมองหารชตอย่างไม่น่าให้อภัย“บ้าจริง” เธอทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างแรง ก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเพื่อดับอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองที่ดันเสียสมาธิเพราะผู้ชายคนนั้นจนได้แพรพิไลยกสองมือขึ้นตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา ตอนนี้เธอกำลังทำงานอยู่จะไขว้เขวเพราะสิ่งเร้าแสนเย้ายวนอย่างรชตไม่ได้เป็นอันขาด...ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเชิญชวนเป็นอย่างยิ่งก็เถอะ“ออกไปเต้นรำไหมครับ นั่งเฉย ๆ จะเบื่อซะเปล่า” เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างตัวครั้นพอแพรพิไลหันมองตามเสียงจึงรู้ว่าเขาคือหนึ่งในครูสอนลีลาศที่เนื้อ
แพรพิไลสังเกตว่าทุกครั้งเวลาที่ชายหนุ่มคุยกับเธอ มุมปากของเขามักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอยู่เสมอ ดูมีเสน่ห์เสียจนไม่อยากถอนสายตากลับแต่ถ้าเธอไม่ถอนออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ต้องทำงานทำการกันแล้วกระมัง ผู้ชายอะไร แรงดึงดูดมากเสียจนน่าหวาดหวั่น!แพรพิไลผินหน้าไปมองครองขวัญซึ่งขณะนี้กำลังนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะโดยมีชาคริตนั่งอยู่ด้วย หญิงสาวแบ่งสมาธิของตนไปที่คู่นั้นทันที เพราะมือของสองหนุ่มสาวเกาะกุมกันอยู่ สักพักชาคริตก็ถอนมือกลับ ขณะที่ครองขวัญเอามือลากโต๊ะมาจนกระทั่งถึงกระเป๋าถือใบเล็กของตัวเองมองผิวเผินเหมือนว่าหนุ่มสาวสองคนนี้แค่จับมือกันแล้วปล่อย แต่สำหรับแพรพิไลที่ลอบมองตาแทบไม่กะพริบนั้นรู้สึกได้ว่าการจับมือกันของทั้งคู่ช่างไม่ธรรมดา ชาคริตส่งอะไรบางอย่างให้ครองขวัญ และครองขวัญเก็บสิ่งนั้นใส่กระเป๋าอีกด้วย!“โอ๊ย!” เสียงร้องเบา ๆ ของรชตเรียกสายตาของแพรพิไลกลับมาที่เขาทันที“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ เจ็บไหมคะคุณอาร์ต ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวก้มลงมองรองเท้ามันปลาบของเขาซึ่งมีรอยรองเท้าของเธอเข้าไปเต็ม ๆ รองเท้าคู่นี้มองดูก็รู้ว่า
แพรพิไลสังเกตการณ์อยู่ในรถครู่หนึ่งพร้อมทั้งหยิบกล้องปากกาออกมาเก็บภาพโดยรวมของสถานที่ไว้ เสร็จเรียบร้อยก็ขับออกมาเพื่อตั้งหลัก สำหรับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและดูมีลับลมคมในแบบนี้ เธอยอมถอยออกมาก่อนดีกว่าดันทุรังจะเข้าไป เพราะหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นคงไม่มีใครช่วยเธอได้แน่นอนหญิงสาวขับรถกลับบ้านทั้งที่ในสมองมีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ซึ่งเป็นเพียงคอนโดมิเนียมธรรมดา ๆ แต่บริเวณที่ครองขวัญเข้าไปกลับอยู่ชั้นล่างสุดซึ่งน่าจะเป็นพวกร้านค้าต่าง ๆ มากกว่า แถมยังต้องเข้าด้านหลังอาคาร ไฟก็ไม่เปิด ทำให้พื้นที่โดยรอบประตูทางเข้ามืดจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร หนำซ้ำยังมีคนยืนเฝ้าอีกสองคนเพื่อสแกนคนที่จะเข้าไปด้านในอีกด้วย“แปลกแฮะ มีแต่เรื่องไม่เข้าใจเต็มไปหมด” พรุ่งนี้เธอมีนัดต้องรายงานผลให้สุกำพลทราบในช่วงบ่าย บางทีหากเธอให้เขาดูรูปสถานที่เมื่อครู่อาจจะคิดอะไรออกก็เป็นได้ช่วงสายของวันถัดมา แพรพิไลนำรูปทั้งหมดที่ถ่ายได้เมื่อวานโอนใส่แท็บเล็ตพร้อมกับนั่งเปิดดูไปทีละรูปอย่างใจเย็น ส่วนไหนที่เป็นข้
แพรพิไลไม่ได้เล่าเรื่องคอนโดมิเนียมแห่งนั้นให้สุกำพลฟัง เพราะคิดอยู่ว่าจะหาทางไปถ่ายรูปที่นั่นให้ชัดเจนกว่านี้ และถ้าเป็นไปได้เธอจะหาวิธีเข้าไปในนั้นด้วย แต่ที่แน่ ๆ ก็คือช่วงกลางวันแบบนี้เธอจะขับรถไปดูตรงนั้นให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นในตอนกลางวันเปิดเป็นร้านอะไรสุกำพลถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับดึงตัวขึ้นมานั่งหลังตรงตามเดิม เธอมองออกว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนักเพราะหัวคิ้วขมวดกันมุ่น คงเพราะเรื่องที่เธอรายงานเป็นแน่“ถ้าอย่างนั้นแพรขอตัวก่อนดีกว่านะคะ มีอะไรต้องไปทำหลายอย่างเลย” เธอทำท่าจะลุกขึ้น แต่กลับถูกเขาคว้าข้อมือเอาไว้แน่น“เดี๋ยวก่อนสิครับ ถ้าคุณแพรไม่รังเกียจ รบกวนกินข้าวกับผมสักมื้อได้ไหม” เขาปล่อยมือออกอย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่รีบร้อนและไม่อ้อยอิ่งจนเกินไป จนแพรพิไลอดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายอย่างสุกำพลดูร้ายกาจและอันตรายยิ่งกว่ารชตเสียอีก‘บ้าจริง! นึกถึงเขาอีกแล้ว...’“ได้สิคะ แหม แพรจะรังเกียจลูกค้าได้ยังไง”เธอพูดพร้อมกับรีบไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขาทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะหาเรื่องรั้งให้นั่งอยู่ข้าง ๆ เห
หลังจากจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว แพรพิไลกับสุกำพลก็เดินออกมาจากร้านอาหาร คราแรกชายหนุ่มอาสาเดินไปส่งเธอที่รถ แต่หญิงสาวห้ามไว้เพราะเกรงใจ อีกทั้งไม่ต้องการเปิดโอกาสให้เขาทำตัวสนิทสนมเกินเลยไปกว่านายจ้างกับลูกจ้าง และเพื่อป้องกันคำครหาที่อาจตามมาภายหลังระหว่างที่เดินมาบริเวณที่จอดรถ แพรพิไลอดมองหารชตไม่ได้ เพราะตอนที่อยู่ในร้านยังเห็นเขายืนพิงเสามองมาอยู่เลย แต่พอเดินออกมาจากร้านแล้วเขากลับหายไปเฉย ๆหญิงสาวเดินไปที่รถของตัวเองพร้อมกับควานหากุญแจในกระเป๋าไปด้วย เมื่อเจอแล้วจึงหยิบขึ้นมา กำลังจะกดปลดล็อกรถก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง“คุณแพรครับ”“ว้าย!” แพรพิไลกรีดร้องเสียงดังพร้อมกับหันมองคนเรียกด้วยท่าทางหวาดระแวง ขณะที่รชตรีบกางมือออกแล้วยกขึ้นระดับอก พร้อมถอยหลังมาอีกหนึ่งก้าวเพื่อไม่ให้ดูเป็นการคุกคามเธอมากเกินไป“ผมเองครับ ขอโทษทีไม่คิดว่าคุณจะตกใจขนาดนี้”รชตพูดกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นหญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับค้อนให้เขาวงใหญ่ถึงได้เอามือลงแล้วสอดไว้ในก
แพรพิไลเดินมานั่งตรงโต๊ะที่เขาบอก ระหว่างรอก็ลอบมองรชตจากทางด้านหลังพลางขมวดคิ้วมุ่น เมื่อครู่เธอมั่นใจว่าไม่ได้หูฝาด รชตแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกเธอด้วยชื่อเล่นสั้น ๆ ว่าแพรโดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้าความจริงแล้วเธอไม่ได้ถือตัวอะไรมากมาย เพราะมันก็แค่คำเรียกขาน แต่ที่รู้สึกสะกิดใจก็เพราะถ้อยประโยคเหล่านั้นคุ้นหูคุ้นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนพี่...แพร...ที่ไหนกันนะ...“คุณแพรปวดหัวหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะ ฉุดเธอให้วิ่งออกมาจากกล่องความทรงจำแล้วลืมตามองอีกฝ่ายทันที จึงเห็นว่ากาแฟเย็นแก้วโปรดวางอยู่ตรงหน้าแล้วเรียบร้อย“เปล่าหรอกค่ะ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย ขอบคุณสำหรับกาแฟนะคะ”หญิงสาวใช้หลอดคนกาแฟในแก้วให้เข้ากันก่อนดูด กระนั้นก็ยังอดเหลือบมองเขาไม่ได้ปกติเคยเจอกันแต่ในคลับ ซึ่งแสงไฟและบรรยากาศไม่ได้สว่างจ้าเหมือนตอนกลางวัน พอได้มาเจอเขาข้างนอกแบบนี้แล้วให้ความรู้สึกแปลก ๆ และคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ ๆ เขาดูดีกว่าที่คิดตอนกลางคืนรชตก็ดูโดดเด่นกว่าผู้ชายคนอื่นในคล
“หึ ๆ ผมล้อเล่นครับ แต่ผมพูดจริง ๆ นะเรื่องที่ไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ผมคิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีเชียวละถ้าหากคุณแพรยอมรับพิจารณาผมบ้าง...เอาเป็นว่าถ้าวันไหนคุณแพรว่างก็สละเวลามาดินเนอร์กับเพื่อนอย่างผมสักมื้อนะครับ”“ยินดีค่ะคุณเบนซ์ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่วันนี้ไปไม่ได้จริงๆ” แพรพิไลลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาจะวางสาย เพราะตอนนี้หัวใจเธอโลดแล่นไปอยู่กับเม็มโมรีการ์ดที่ซุกซ่อนเอาไว้นานแล้วนั่นต่างหาก“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้เสมอ ไม่รบกวนแล้วดีกว่า ไว้วันหน้าจะโทร. มาชวนใหม่นะครับ”หญิงสาวบอกลาเขาก่อนกดวางสาย จากนั้นก็ก้มลงไปใต้โต๊ะทำงานแล้วใช้มือคลำไปบนพื้นไม้ปาร์เกต์ช้า ๆ จนกระทั่งรู้สึกสะดุดมือเพราะรอยต่อของไม้ไม่เสมอกัน เธอจึงยิ้มออกมาพลางใช้นิ้วกดลงไปที่มุมของไม้แผ่นนั้นเบา ๆไม้ปาร์เกต์แผ่นนั้นเผยอขึ้นมาจนสามารถดึงออกมาได้ เธอล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องเหล็กขนาดเท่ากล่องดินสอออกมาจากในนั้นแล้วเปิดฝาออกเพื่อดูของที่อยู่ข้างในเม็มโมรีการ์ดมากมายใส่อยู่ในถุงซิปล็อกถุงละหนึ่งอัน มีปากกาเคมีสีน้ำเงินเขียนกำก
“ใครหรือคะ พี่อาร์ตดูจากตรงไหน” แพรพิไลถามรชตที่กำลังใช้เมาส์คลิกเพื่อเล่นคลิปย้อนกลับไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบอะไร โทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็แผดเสียงดังขึ้นจนเธอถึงกับสะดุ้งแพรพิไลเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาดูชื่อคนโทร. เข้า เนื่องจากว่าโทรศัพท์เครื่องนี้จะใช้เฉพาะลูกค้าที่มาติดต่อกับสำนักงานนักสืบเท่านั้น พอเห็นชื่อของคนที่โทร. มา ตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับรีบกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะคุณวิษณุ” ปกติแล้วลูกค้ารายนี้มักจะโทร. เข้าไปที่สำนักงานมากกว่า แต่คราวนี้กลับโทร. เข้าเครื่องของเธอโดยตรง แสดงว่าน่าจะมีเรื่องด่วนอะไรสักอย่างเป็นแน่“คุณแพรครับ เมื่อคืนน้องสาวของผมพยายามกรีดข้อมือเพื่อฆ่าตัวตาย” คำบอกเล่าจากปลายสายทำให้แพรพิไลถึงกับอ้าปากค้าง“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ คุณวิษณุช่วยเล่ารายละเอียดให้แพรฟังหน่อยได้ไหม” น้องสาวของวิษณุยังไม่เสียชีวิตแน่นอน คนที่บ้านน่าจะช่วยชีวิตไว้ได้ทันเวลา วิษณุถึงได้โทร. หาเธอเวลานี้“ตอนนี้ปลอดภัยแล
‘เข็มขัดลูกเสือมั้ง’เมื่อได้ยินเขายอกย้อนมาอย่างกวนประสาท แพรพิไลก็ทำหน้ายู่ใส่‘พี่อาร์ต! ยังจะอุตส่าห์กวนอีกนะ แพรหมายถึงว่าเอามาให้แพรดูทำไม’ เธอไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาซื้อมาให้เธอ หรือซื้อให้คนอื่นแล้วแค่เอามาให้เธอดูเพื่อขอความเห็นเฉยๆ‘พี่ไม่ได้เอามาให้แพรดู แต่ซื้อมาให้แพรใส่ต่างหากละ พี่จะใส่ให้แพรนั่งนิ่ง ๆ นะเดี๋ยวตกต้นไม้’ เขาไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ รีบยื่นมือไปที่ท้ายทอยของสาวน้อยตรงหน้าเพื่อสวมสร้อยให้ทันที ติดตะขอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ผละออกมาดูของขวัญที่ตนอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจากเงินรายเดือนไปซื้อมาให้‘นึกยังไงถึงซื้อมาให้แพรล่ะ พี่ไม่ได้ล้อเล้นใช่ไหม’ แม้สร้อยเงินเส้นนี้จะถูกสวมอยู่ที่คอ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่กล้าทึกทักเอาเองว่าเขาซื้อมาให้อยู่ดีก็ใครจะเชื่อเล่าว่าหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนจะซื้อของขวัญมาให้เด็กมัธยมต้นอย่างเธอ‘เดือนหน้าพวกเราก็ต้องสอบปลายภาคและปิดเทอมใหญ่กันแล้วนะ พี่ก็ต้องไปในเรียนมหา’ลัย แพรก็ขึ้นม.ปลาย แล้ว เราอาจไม่ค่อยได้เจอก
“พี่ขอดูคลิปนั่นหน่อย แพรบอกว่าคนบงการเบื้องหลังก็อยู่ในคลิปนั่นด้วยใช่ไหม”เขาคิดว่าบิดาของแพรพิไลคงตามเรื่องสมาคมหน้ากากเช่นกัน และน่าจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหลายอย่างด้วย และที่สำคัญคงรู้แล้วว่าใครคือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังแพรพิไลเปิดคลิปวิดีโอที่ว่า “พี่อาร์ตลองช่วยแพรดูหน่อยค่ะ เพราะเท่าที่แพรดู แพรไม่เห็นว่าคุณพ่อจะถ่ายใครมาเป็นพิเศษเลย” หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆในห้องพักขนาดห้าสิบตารางเมตรย่านใจกลางเมือง ชายสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังลุกลี้ลุกลนยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ บนพื้นห้องมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัววางระเกะระกะ แต่ผู้เป็นเจ้าของกลับไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ที่เขาสนใจมีเพียงเอกสารสำคัญและของมีค่าที่สู้อุตส่าห์แลกมาด้วยแรงกายและความเสี่ยง เพราะอย่างน้อยสร้อยแหวนนาฬิการาคาแพงเหล่านี้ก็สามารถนำไปจำนำหรือขายต่อได้ในวันที่เขาสิ้นไร้ไม้ตอกชาคริตดูนาฬิกาข้อมือแล้วเม้มปากแน่น อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด ซึ่งจะมีคนพาเขาหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้านสักระยะหนึ่ง เพื่อรอจนกว่าเ
รชตจอดรถไว้ริมกำแพงบ้านของแพรพิไล ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นรถยนต์ของหญิงสาวยังคงจอดไว้หน้าบ้านเหมือนเมื่อตอนที่เขาออกไปตอนกลางดึก ก็แสดงว่าเธอยังไม่ได้ออกไปไหน แพรพิไลบอกเขาว่าวันนี้จะทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ป่านนี้เจ้าตัวคงกำลังหัวฟูอยู่กับการปัดกวาดเช็ดถูบ้านเป็นแน่ เพราะเขาโทร. หาหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่รับสายชายหนุ่มสาวเท้าไปยืนที่หน้าประตูรั้ว คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่าภายในบ้านเงียบผิดปกติ ตามหลักแล้วเขาควรจะได้ยินเสียงโทรทัศน์หรือเสียงเพลงดังออกมาจากบ้านบ้างแต่นี่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย“ตกลงอยู่หรือไม่อยู่เนี่ย” พูดพลางเพ่งมองเข้าไปในบ้านอีกครั้งก่อนก้มลงมองกุญแจที่คล้องไว้จากด้านใน จะกดออดก็ไม่ได้เพราะออดเสียยังไม่ได้ซ่อม สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาหญิงสาวเจ้าของบ้านอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิมเอาไงดี...รชตเริ่มร้อนใจ ยิ่งนึกถึงเรื่องที่คุยกับสารวัตรจุมพลก็ยิ่งเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเธอหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นเขาก็มองซ้ายมองขวา จากนั้นก็เริ่มลงมือปีนรั้ว!&nbs
และที่น่าแปลกใจก็คือสมาชิกที่เข้าร่วมในลัทธินี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในแวดวงสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น กว่าฌอนจะไขคดีนี้จนติดตามมาถึงสถานที่บูชายัญได้นั้นต้องใช้เวลาเกือบปีเพราะอุปสรรคนานัปการที่คอยขัดขวางไม่ให้เขาสืบคดีได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคเรื่องบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายแหล่ที่เป็นสมาชิกของลัทธินี้นั่นเองช่างคล้ายคลึงกับเรื่องสมาคมหน้ากากเหลือเกิน!หญิงสาวหยิบกระดาษขึ้นมาดูตัวเลขอีกครั้ง เมื่อเห็นตัวเลขที่เรียงกันสมองก็พลันคิดไปถึงเกมที่บิดาเคยสอนให้เล่นบ่อย ๆ เมื่อตอนเป็นเด็กเวลาที่เธอกลับจากโรงเรียนแล้วนั่งรอบิดาอยู่ที่สำนักงาน หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำท่านจึงคิดเกมนี้ขึ้นมาให้เล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเกมที่ว่านั่นก็คือเกมถอดรหัสตัวหนังสือจากตัวเลขในกระดาษตัวเลขแถวแรกคือเลขหน้าของหนังสือ ตัวเลขแถวที่สองคือลำดับของคำที่อยู่ในแต่ละบรรทัด เช่นแถวแรกคือเลขหนึ่งก็หมายถึงให้เปิดหน้าที่หนึ่ง ตัวเลขแถวที่สองคือสิบสามก็หมายถึงให้นับคำไปจนถึงคำที่สิบสาม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ประโยคหรือเนื้อหาที่ต้องการแพรพิไลเปิดหนังสือเล่มที่สอง ซึ่งเล
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดขี้เกียจไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะพับผ้าห่มเก็บไว้ปลายเตียง หยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น แพรพิไลคลี่ยิ้มออกมาทันทีเพราะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมา ร่างโปร่งระหงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่าน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิมอรุณสวัสดิ์ครับตัวแสบ อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะ พี่ไม่อยู่ไม่ใช่ว่านอนอุตุจนตะวันแยงก้นล่ะ“อะไรกัน ได้นอนบ้างรึยังละนั่น” เมื่อคืนรชตออกจากบ้านไปตอนเที่ยงคืนกว่า เธอเดาว่าป่านนี้เขาคงยังไม่ได้นอนเลยสักนิดกระมังหญิงสาววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ วันนี้มีอะไรมากมายหลายอย่างที่ต้องทำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปัดฝุ่นทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพราะตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกเธอก็ไม่เคยทำเลยสักครั้ง ป่านนี้บิดาที่อยู่บนสวรรค์คงกำลังนั่งบ่นลูกสาวจอมขี้เกียจอย่างเธอเป็นแน่แพรพิไลจัดการอาหารเช้าให้ตัวเองอย่างง่าย ๆ เพราะรชตสั่งนักสั่งหนาว่ามื้อเช้าสำคัญท
เสียงภาพยนตร์ต่างประเทศดังกระหึ่มอยู่ในห้องรับแขกโดยมีสองร่างกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ทว่าคนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มเท่านั้น เพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันคอยแต่มองนาฬิกาอยู่ตลอด“คืนนี้มีมีตติงใช่ไหมคะพี่อาร์ต” แพรพิไลมองนาฬิกาติดผนัง สีหน้าแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ออกภาคสนามที่สมาคมหน้ากากอีกครั้ง“ใช่ และคืนนี้เขาจะบุกค้นที่นั่นแล้วด้วย อยู่บ้านเฉย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว อย่าซ่าให้มากนักเลย” พูดจบรชตก็ล้มตัวลงหนอนหนุนตักนิ่ม ๆ ของหญิงสาวพร้อมกับคว้าแขนของเธอมากอดเอาไว้แน่น“แพรยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าอยากจะไป ก็แค่ถามเท่านั้นเอง”แพรพิไลโอดเสียงอ่อยก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ รชตก็กัดต้นขาเธอเบา ๆ “พี่อาร์ต! ทำอะไรน่ะ”“ลงโทษคนปากไม่ตรงกับใจ แล้วการที่นั่งมองนาฬิกาตลอดเวลาจนหนังแทบไม่ได้ดูนั่นยังจะเรียกว่าไม่คิดอยากไปรึไงยายตัวแสบ” เขาดีดหน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนพูดขึ้นว่า“คืนนี้พี่จะนอนเฝ้าแพรทั้งคืนเลย”แ
“อย่ามาเหมายกเข่งกันแบบนี้สิ” ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือพลางพูด“พี่จะเข้าไปออฟฟิศสักหน่อย แล้วก็คงเลยไปที่คลับด้วยเลยทีเดียว จะพยายามไม่กลับดึกมากนะ”รชตมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจจะให้เธอติดตามเขาไปด้วย เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าทิ้งเธอไว้ที่นี่ตามลำพัง แม้ว่าทางตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลให้ก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากวางใจ“พี่ว่าแพรไปกับพี่ดีกว่า พี่จะแนะนำพี่ชายกับพี่สะใภ้ให้รู้จักด้วย”แพรพิไลส่ายหน้าหวือ เพราะเธอมีแผนอยู่ในใจแล้ว“อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ วันนี้แพรกะว่าจะเข้าไปที่สำนักงานเหมือนกัน เอาเป็นว่าแพรจะอยู่รอพี่สำนักงานดีกว่า”“ตามใจ”หญิงสาววิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายซึ่งในนั้นมีฮาร์ดดิสก์ที่รชตคืนมาให้ เพื่อพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา เพราะกลัวว่ามันจะถูกขโมยไป อีกทั้งกะว่าจะนำข้อมูลในนี้ก๊อปปี้สำรองไว้อีกชุดหนึ่งแล้วฝากให้รชตเก็บเอาไว้รชตเดินเข้ามาในคลับเฮราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มดังเช่นทุกครั้ง ลูกค้าวีไอพีส่วนใหญ่ซึ่งพอเห็นเ