แชร์

บทที่ 7 ชางซิงเยียน

ผู้แต่ง: พริมริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-21 11:39:31

บทที่ 7 ชางซิงเยียน

ปลายหน้าฝนใกล้หน้าหนาวเช่นนี้  ยิ่งทำให้อากาศยามเช้าเย็นยะเยือก  ไป๋หลินเอ๋อร์ขยับเปลือกตาทีละน้อยกระทั่งตื่นเต็มตาในวันรุ่งขึ้น  นางยกมือจับศีรษะและจับแผ่นหลังเอี้ยวตัวตะแคงลุกแต่ไร้แรง มองห้องเล็กด้วยความสงสัย

“โอ๊ย! เจ็บจัง”

“เจ้าอย่าเพิ่งลุกขึ้น”

เสียงหวานนุ่มทว่าหางเสียงแข็งเอ่ยสั่งอยู่มุมห้อง ไป๋หลินเอ๋อร์เหลียวมองจึงได้เห็นหญิงนางหนึ่งกำลังนั่งริมหน้าต่างรินชา

“ข้า เจ็บ”

“สมควรอยู่ที่เจ้าจะเจ็บ นึกอย่างไรกระโดดขวางรถม้าหากไม่ตายคงพิการ”

“พิการ!”

“โชคยังดีเจ้าไม่เป็นอะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าโชคจะเข้าข้างเจ้าได้ถึงเมื่อไร รอนายท่านกลับมาสะสางเจ้าแล้วจะรู้ว่าตายเสียยังดีกว่า”

“ท่านพูด ... ขู่ข้า”

“ฮึ แล้วแต่เจ้าจะคิด อ๋อ ข้าชื่อชางซิงเยียน เรียกข้าว่านายน้อยหญิง เจ้าล่ะ”

“ข้า ไป๋หลินเอ๋อร์”

“ไป๋หลินเอ๋อร์ ข้าจะบอกกฎสำนักเสวี่ยจงให้เจ้าฟัง ฟังแล้วจำให้ขึ้นใจ หากเจ้าทำผิดกฎไม่มีใครช่วยเจ้าได้”

ไป๋หลินเอ๋อร์มองร่างแม่นางตรงหน้าอายุราวยี่สิบกว่าปี ใบหน้างดงามราวนางฟ้าแต่ทว่ากร้าวแกร่ง คำพูดคำจายังคล้ายเด็กแต่เมื่อจ้องเข้าไปในนัยน์ตาพบว่าประสบการณ์โชกโชน นางสวมชุดเช่นเดียวกับคนอื่นในสำนัก เพียงแต่เป็นสีแดง

“ข้อแรก ตอนนี้เจ้าอยู่ชั้นห้า ห้ามผู้ชายขึ้น ฉะนั้นถ้าเจ้าพาผู้ชายขึ้นมาโทษคือเฆี่ยนสิบไม้และตัดมือทิ้ง” นางยกน้ำชาจิบหนึ่งอึก

“ชั้นห้ามีเพียงข้า เจ้าและแม่นางอวี้เจียวที่อาศัยอยู่ ส่วนพวกคนรับใช้จะลงจากหอในยามโหย่ว[1] ขึ้นมาทำงานอีกครั้งวันต่อไปในยามเหม่า[2]”

“แม่นางอวี้เจียว” ไป๋หลินเอ๋อร์ทวนคำเสียงเบา

“เจ้าจงเคารพนางให้มาก นางเป็น เออ... เรียกว่าอะไรดี นางเป็นหญิงใต้อาณัตินายท่าน”

“ถ้าภาษาชาวบ้านอย่างข้าคงเรียกว่าสาวใช้อุ่นเตียง”

“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นไป  นางมิใช่คนอุ่นเตียงธรรมดา  แม้แต่ข้ายังต้องเกรงใจถึงห้าส่วน”  ชางซิงเยียนหยิบจอกชาแล้วเดินมาทางเตียงนั่งลงเก้าอี้ด้านข้าง  ยกเท้าเหยียบขอบเตียงอย่างเสียมารยาทด้วยรอยยิ้มกริ่ม

“อยู่ไปเจ้าจะรู้เอง กฎระเบียบมากมายค่อยเรียนรู้ไป ข้าเพียงบอกในส่วนสำคัญ ลานฝึกคือที่ต้องห้ามรวมไปถึงห้องใต้ดินหอเสวี่ยจง”

“ห้องใต้ดิน...”

“เป็นที่คุมขังนักโทษสำคัญ”

“แล้วนักโทษคนอื่นเล่า”

“อยู่เรือนด้านนอกไกลออกไป ไว้ทำงานหนักแบกหาม ก่อสร้าง”

“โหดร้าย” ไป๋หลินเอ๋อร์เผลอบ่นเสียงดัง แต่แม่นางชางซิงเยียนกลับหัวเราะ

“ไม่มีใครโหดร้ายเท่านายท่าน รู้จักอยู่ให้เป็นแล้วเจ้าจะได้ดี ข้าไม่รู้ว่านายท่านคิดอย่างไรถึงได้ให้เจ้ามาอยู่ชั้นห้าแทนที่จะอยู่เรือนเล็ก แต่ในเมื่อเจ้าได้ขึ้นมาถึงนี่ ฉะนั้นน้ำหนักของเจ้าย่อมมีมากแน่นอน”

“แล้วกฎข้ออื่น  ข้าสามารถไปไหนมาไหนที่จวนได้หรือไม่ ข้าถามเพราะข้ามีน้องสาวคนรู้จักมาด้วยคนหนึ่ง  นางแยกไปอยู่ในเรือนยิ่งตี้ชื่อ จางอวี้”

“ข้าจะสอบถามให้ แต่ช่วงนี้ยิ่งตี้ไม่ต้องทำอันใดจนกว่าฮูหยินของนายน้อยจะตั้งครรภ์”

“มีกฎอื่นอีกไหม”

“ตอนนี้ไม่มี อ๋อ อีกเรื่อง หากวันที่นายท่านเรียกใช้อวี้เจียว เจ้าควรอยู่แต่ในห้อง”

ไป๋หลินเอ๋อร์ขมวดคิ้วแปลกใจไม่ทันได้เอ่ยถาม ชางซิงเยียนชิงพูดเสียก่อน

“เจ้าไม่ต้องถาม ถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง ข้าเตือนเพราะหวังดี เจ้าอย่าได้สอดรู้สอดเห็นจะนำภัยมาสู่ตัว จำไว้!”

“ข้าจะจดจำไว้” ไป๋หลินเอ๋อร์รับคำไปเช่นนั้น อย่างไรภารกิจตามหาคนรักแล้วพาหนีย่อมต้องมาก่อน นางหายดีเมื่อไรควรรีบลงมือก่อนที่นายท่านจะกลับมา

อาการเจ็บป่วยของนางคราแรกเหมือนไม่เป็นอะไร แต่พอนานวันไปกลับเจ็บปวดมากขึ้น นางแทบไม่อาจลุกจากเตียงได้ต้องมีคนช่วยประคองทำธุระส่วนตัว หรือกินข้าว สิ่งที่ทำให้นางหายเบื่อในแต่ละวันคือแม่นางชางซิงเยียน เทียวหมั่นมาหาไม่ได้ขาดเช้าเย็น เล่าเรื่องชวนหัวร่อจนนางคิดไม่ถึงว่าแม่นางคนนี้จะเป็นถึงนายน้อยหญิงของสำนักคุ้มภัย

เสียแค่ว่าเรื่องน่าหัวร่อของนางนั่นช่างเป็นเรื่องน่าขนลุกยิ่งสำหรับนาง

“หลินเอ๋อร์” ชางซิงเยียนเอ่ยเรียกตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาจนไป๋หลินเอ๋อร์อมยิ้ม นี่พวกนางสนิทกันตั้งแต่เมื่อไรถึงขนาดเรียกชื่อกันแล้ว

“ซิงเยียน”

“วันนี้เจ้าดูดีนะ”

ชางซิงเยียนเข้ามาได้นั่งเก้าอี้ริมหน้าต่างแล้วผลักออกกว้างก่อนหยิบขนมของว่างเข้าปาก

“ข้าดีขึ้นมาก อยากออกไปเดินเล่นบ้าง”

“ท่านหมอว่ายังไงล่ะ เจ้าลองขอหรือยัง”

“ท่านหมอสุยฉวูบอกว่าข้าออกไปเดินได้แล้ว แต่อย่าให้นานนัก”

“งั้นข้าพาไปเอง ช่วงเย็นแล้วกันเพราะเดี๋ยวข้าต้องไปดูนักโทษท้ายจวน”

“อ๋อ ที่เจ้าบอกมีหน้าที่แบกหามก่อสร้าง”

“อือ มีเหตุจลาจล นักโทษแหกคุกวุ่นวายพอสมควร แต่จับได้ทั้งหมดแล้ว ข้าต้องลงไปสั่งลงโทษ”

“ลงโทษ?”

“กฎมีให้เลือกไม่มาก ข้าเลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะลงโทษพวกเขาเช่นไรดี”

“กฎ มีกฎลงโทษด้วยเหรอ”

“หนึ่งฟันคอให้ตายเสียเดียวนั้น สองปล่อยเข้าป่าหลังจวนเป็นอาหารของสุนัขป่า สามโยนให้จระเข้ในทะเลสาบกิน”

ไป๋หลินเอ๋อร์ลอบกลืนน้ำลายเมื่อได้ยิน สีหน้าของชางซิงเยียนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มีแค่แววครุ่นคิดไม่ตกว่าจะจัดการเช่นไร

“ที่สำคัญข้าต้องรายงานนายท่าน เฮ้อ ไม่พ้นโดนลงโทษเช่นกัน”

“เจ้าก็โดนงั้นหรือ”

“ไม่มากหรอก อาจโดนเฆี่ยนไม่กี่ครั้ง ชินเสียแล้ว แต่ข้ากลุ้มใจเรื่องนักโทษมากกว่า เดาใจไม่ถูกเลยว่านายท่านจะให้ลงโทษเช่นไร เฉียน ฟานก็ไม่อยู่”

นางกลืนน้ำลายอีกครั้งกำลังจะเอ่ยถาม ชางซิงเยียนดีดนิ้วหัวเราะออกมาเสียก่อน

เปาะ..

“ข้ารู้แล้ว นายท่านต้องชอบแน่  โยนให้จระเข้มันกินเสียเลย ฮ่า ฮ่า ไปก่อนนะหลินเอ๋อร์ แล้วกลับมาจะเล่าให้ฟังว่ามันน่าสนุกขนาดไหน”

ไป๋หลินเอ๋อร์ตะลึงตาค้าง นางมองร่างแม่นางชางซิงเยียนหัวเราะพลางวิ่งอย่างชอบใจออกไปด้วยจิตใจชื่นบาน ส่วนนางนั่งพะอืดพะอมเพียงคิดภาพนักโทษเหล่านั้นถูกจระเข้กัดกินฉีกเนื้อขาด ช่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

ฉะนั้นพอตกเย็นนางจึงแกล้งทำเป็นหลับแต่หัววัน เพื่อไม่ให้ชางซิงเยียนเข้ามาเล่าเรื่องการลงโทษให้ฟังอีก

[1] 17.00 - 18.59 น.

[2] 05.00 - 06.59 น.

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 8 จางอวี้

    บทที่ 8 จางอวี้“จางอวี้”“พี่หลินเอ๋อร์”ไป๋หลินเอ๋อร์ยิ้มอ่อนหวานเมื่อจางอวี้วิ่งตรงมาทางนางทันทีพลางสวมกอด“ข้า ข้านึกว่าพี่โดนขายไปซ่องเสียแล้ว” จางอวี้เป็นคนบ่อน้ำตาตื้น แค่เห็นไป๋หลินเอ๋อร์ก็รื้นชื้นน้ำเต็มสองตาใกล้ไหลเต็มทน“ไม่ต้องร้องไห้ มานั่งก่อน ไม่เจอกันเดือนกว่าเป็นเช่นไรบ้าง”ไป๋หลินเอ๋อร์ดึงตัวจางอวี้ออกห่างแล้วจูงไปนั่งยังสวนกลางเรือนเล็กของยิ่งตี้ ติดกับเรือนหลัก“ข้าสบายดียิ่ง แต่ทำไมพี่ถึงรอดมาได้ พวกเขาลือกันหนาหูว่าคนที่โดนขายไปซ่องครานั้นตายเสียเกือบครึ่งจนข้านั่งภาวนาให้ท่านอยู่หลายวัน”“ตาย!!”“ใช่พี่หลินเอ๋อร์ ซ่องที่ยิ่งตี้ถูกนำไปขายโหดร้ายทารุณ มีแต่พวกทหารรับจ้างและโจรป่า ร่างของพวกนางบอบบางนักมิอาจทานทนต่อแรงชาย ป่วยบาดเจ็บ บ้างปลิดชีพหนีความทรมาน”ไป๋หลินเอ๋อร์นิ่งอึ้งพูดไม่ออก ยิ่งนางอยู่ที่นี่ยิ่งเห็นความโหดร้าย ไม่รู้ว่าจะมีสิ่งใดเลวร้ายป่าเถื่อนอีกมากขนาดไหน“น่ากลัว”“แต่ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ข้าดีใจยิ่ง”“แล้วเจ้าล่ะจางอวี้ นายน้อยหญิงบอกว่าพวกเจ้ายังไม่ต้องทำอะไร ต้องรอให้ฮูหยินนายน้อยตั้งครรภ์เสียก่อนถึงได้ขึ้นรับใช้”“คงใกล้แล้ว ข้าเห็นท่านหมอ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 9 นายท่าน

    บทที่ 9 นายท่านครืด...แกร้ง...โจวหมิงเจ๋อลากเก้าอี้ไปใกล้กรงขัง นั่งคร่อมแล้วจ้องมองร่างนักโทษโจรภูเขาดูดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับสามเดือนก่อน ยิ้มมุมปากคล้ายพอใจ“ดูท่าคุกนี่เหมาะกับเจ้า จงไห่”“ขาก...ถุย!!”ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมถ่มน้ำลายสาดออกเป็นก้อนใหญ่ พ่นหล่นแทบเท้านายท่านสำนักเสวี่ยจง“เจ้า!!” เฉียนฟานตกใจรีบยกมือขึ้นหมายจะฟาดแต่โจวหมิงเจ๋อยกมือห้ามเสียก่อน เฉียนฟานจึงขยับถอยหลังไปเช่นเดิม“คราแรกว่าจะไม่เล่าให้ฟัง แต่ปากข้ามันอดไม่ได้ ฮึ! ข้าเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองนั้นปากมากยิ่งนัก” เขาหยุดพูดอึดใจ “เจ้ามีคนรัก”โจวหมิงเจ๋อเอนกายพิงพนักพอใจยามเห็นสีหน้านักโทษเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคาดว่ามาถูกทางแล้ว“ชื่อจงไห่ในแผ่นดินแคว้นฉินมีน้อยนัก หมู่บ้านที่เจ้าอยู่ติดเมืองหลวงห่างไปไม่ไกลเลย ครอบครัวเจ้าตายหมดเหลือเพียงลุงและป้า ซึ่งไม่ได้ไยดีเจ้าสักเท่าไร ฉะนั้นสำหรับข้าแล้ว เจ้าถือว่าไม่มีค่า”โจวหมิงเจ๋อเพิ่มความกวนอารมณ์นักโทษด้วยการยกขาพาดหัวเข่าซ้ายไว้เอนกาย มือถือแส้ม้าลูบเล่นขณะเอ่ยเสียงกระเซ้า“เฉียนฟาน ข้าพูดมากเกินไป ขอน้ำชา”เจ้าสำนักนอกจากเป็นคนเย็นชา เฉียบคม โหดร้าย ในบางคราวมักมีอา

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 10 ปลางับเหยื่อ

    บทที่ 10 ปลางับเหยื่อไป๋หลินเอ๋อร์มิรู้แน่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นภายในห้องเจ้าสำนักเสวี่ยจง ร่างของนางสะดุ้งขึ้นทุกครายามได้ยินเสียงกระทบสิ่งของบางอย่างและเสียงหวีดร้องของอวี้เจียว ประหนึ่งแม่นางร่างอ้อนแอ้นกำลังถูกนายท่านลงโทษ เพียงแต่เสียงหวีดร้องครวญครางดั่งเสียงหญิงสาวถูกเล้าโลมด้วยชายคนรักนางคิดว่าพวงแก้มตนเองคงแดงก่ำเพราะความรู้สึกร้อนผ่าวลวกลามถึงใบหูยามนี้พระอาทิตย์เพิ่งจะเริ่มลับขอบฟ้า ไม่ทันมืดลงแต่การลงโทษของสองหนุ่มสาวบนชั้นเก้ายังดำเนินต่อราวไม่วันสิ้นสุดนางมองลอดประตูชั้นห้าว่างเปล่าไร้ผู้คน นั่นคงเพราะชางซิงเยียนเองมิอาจทนเสียงนั่นได้เช่นกันนางเดินกลับไปหยิบหญ้าท้องเสีย สมุนไพรที่น้อยคนนักจะรู้จัก หากแต่นางเป็นชาวบ้าน การหาของป่าขายเลี้ยงหยั่งชีพทำให้นางรู้จักสมุนไพรหลายชนิดไป๋หลินเอ๋อร์แอบลอบเด็ดมาเมื่อตอนนอนเล่นหมากกระดานกับจางอวี้ หย่อนใส่กาน้ำชาแล้วจึงตั้งไฟน้อยในห้องอุ่นกา เม็ดเหงื่อหยดลงโต๊ะไม้ ดวงตาไหวระริกตื่นเต้นทั้งหวาดกลัวโดนจับได้อันที่จริงสมุนไพรชนิดนี้จำต้องใช้ไฟแรงเคี่ยวนานเสียหน่อยจึงจักได้ผลดี นางไม่เคยทำด้วยวิธีนี้มาก่อน ไฟอ่อนและใช้เวลาไม่นาน หากไม่ส

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 11 สามสิ่งที่เกลียด

    บทที่ 11 สามสิ่งที่เกลียด“นางลงมาด้านล่างกำลังหาวิธีดึงโซ่ตรวนออก เจ้าพวกด้านนอกพยายามรั้งนางไว้แต่พลาดจนนางล้มลงหัวฟาดพื้นสลบไปเองขอรับ” เฉียนฟานรายงานอย่างรู้ใจก่อนขยับหลบไปด้านหลังสองก้าว“เอาน้ำสาด”ตัวเขาเฉียนฟานพอรับรู้มาบ้างว่าแม่นางน้อยเป็นคนดี จึงชะงักงันไปจะขยับตัวหยิบถังน้ำกลับไม่ทำ จะหันไปหาท่านเจ้าสำนักก็กลัว“เฉียนฟาน” โจวหมิงเจ๋อเอ่ยเสียงเย็น เพียงเท่านั้นเฉียนฟานถึงกับสะดุ้งก้มลงหยิบถังน้ำเย็นสาดเข้าที่ดวงหน้างดงามของยิ่งตี้สาวรอยยิ้มหยันมุมปากผุดขึ้นขณะค่อยนั่งลงยังเก้าอี้กลางห้อง ปลดกระบี่วางโต๊ะเล็กแล้วยกจอกชาขึ้นจิบ เพ่งพิศดวงหน้าหวานงดงามอย่างสาวชาวบ้านสะดุ้งเฮือกเบิกตากว้างโจวหมิงเจ๋อกำจอกชาแน่นจนขึ้นเอ็นปูด ขณะจ้องเข้าไปยังดวงตาดอกท้อ แม้ไม่งามซึ้งรื้นน้ำตาดั่งหญิงสูงศักดิ์ แต่เขากลับพบว่าดวงตาคู่นี้กำลังทำเขาปั่นป่วนทั้ง ๆ ที่ตัวเขายังไม่ทันได้ลงมือทรมาน จิตวิญญาณที่เคยกล้าแกร่งถูกกระชากจนต้องยืดแผ่นหลังเหยียดตรง“แค่ก ๆ อืออ อะไรกัน”ไป๋หลินเอ๋อร์ขยับเปลือกตางุนงง สลัดหยดน้ำออกจากใบหน้า เจ็บร้าวข้อมือเพราะโซ่ตรวนเหล็กโยงนางมัดกับขื่อคานด้านบน เท้าลอยไม่ติ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 12 จงไห่

    บทที่ 12 จงไห่โจวหมิงเจ๋อหอบหายใจชีพจรรัวแรง ผละร่างออกห่างหลุบตามองด้ามกระบี่ “เจ้าเลือดออกแล้ว”ไป๋หลินเอ๋อร์ตาเบิกโพลง ท่านเจ้าสำนักยกสันด้ามขึ้นหาปากขยับปลายลิ้นชิมรสชาติโลหิตนาง“ทะ ท่าน ... ท่านมันปีศาจร้าย” นางส่งเสียงกระท่อนกระแท่นหวาดกลัว เหลือบไปทางจงไห่กำลังฟื้นขึ้นมาแล้ว “จงไห่ จงไห่”“คนรักเจ้าฟื้นแล้ว ดียิ่ง” โจวหมิงเจ๋อขยับร่างออกเก็บกระบี่เข้าฝัก พาร่างสูงใหญ่กลับไปนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม เฝ้ามองคนรักสองคนที่ส่งสายตาห่วงหาอาลัยให้แก่กันหนึ่งหนุ่มดวงตาเบิกกว้างตระหนกตกใจระคนตื่นกลัว ตวัดตากลับมายังโจวหมิงเจ๋อ ส่วนหนึ่งสาวแม้ดูท่าทีต้องการช่วยเหลือคนรัก แต่มองไปแล้วไม่ใคร่มีความรักให้มากพอเท่าคนหนุ่ม“พวกเจ้าตกลงกันหรือยังว่าใครจะเป็นคนบอกที่ซ่อน ทางขึ้นซ่องโจรภูเขา” โจวหมิงเจ๋อเป่าชารอจังหวะ“จงไห่ ที่เจ้าชาติชั่วผู้นี้พูดมาคือเรื่องอะไร เจ้าเป็นโจรป่าเช่นนั้นหรือ”“หลินเอ๋อร์ ข้า เหตุใดเจ้าถึงโดนจับมาได้”“ข้าลอบเข้ามากับขบวนยิ่งตี้ เพื่อมาตามหาท่าน ข้าไม่รู้ว่าท่านโดนจับมาด้วยเรื่องอะไร”“เหตุใดเจ้าถึงได้โง่งมเช่นนี้หลินเอ๋อร์!!” น้ำเสียงจงไห่ร้อนรนแหบพร่าคล้ายหมดสิ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 13 nc

    บทที่ 13 ncโจวหมิงเจ๋อสะบัดร่างเล็กลงกลางเตียงแล้วตามติด กดทับนางไว้ด้วยท่อนขา อีกมือรวบข้อมือเล็กไว้ทั้งสองข้างยกสูงเหนือศีรษะ แววตากระหายหิวชัดแจ้งแควก....เขาวางมือลงบนแยกสาบเสื้อใช้แรงชายฉีกดึงกระชากจนขาด แล้วเปิดออก ส่งมือกอบทรวงอกขึ้นดวงตาดอกท้อไหวระริกมองสีหน้าท่านเจ้าสำนักในยามนี้น่ากลัวยิ่งกว่ายามอยู่ในคุกใต้ดิน โจวหมิงเจ๋อกำลังกระหายบางสิ่งกับร่างของนางอย่างที่เขาไม่ควบคุมตนเองได้“ยะ อย่า อย่าทำข้า” นางเปล่งเสียงสะอื้นออกมาลอดลำคอโจวหมิงเจ๋อความปรารถนาพุ่งทะยานสูง ดวงตาแดงฉานมืดมัว เขาทึ้งอาภรณ์นางออกฉีกกระชากโยนลงพื้น มองร่างสวยงามงดงามบนเตียง ไม่สนใจแววตาตื่นตระหนกยามนี้ความกระหายหิวด้านมืดทำลมปรารณแตกซ่าน ยิ่งมองเห็นร่างเล็กใต้ตัวดิ้นรนถูกรัดรึงด้วยโซ่ตรวนยิ่งชวนให้มึนเมาเขาโน้มศีรษะลงต่ำเคลื่อนเข้าหาต้องการปิดปากแต่นางบิดหน้าหนีจึงทำได้เพียงพรมจูบลงพวงแก้ม เลื่อนริมฝีปากลงซอกคอ นางมีกลิ่นหอมดั่งสาวรุ่น กลิ่นอับของคุกใต้ดินที่เขาคุ้นเคย และกลิ่นของเลือด“อย่าทำข้า โจวหมิงเจ๋อ ข้าขอร้อง” เสียงเบาเปล่งกระซิบ ทว่าโจวหมิงเจ๋อยังคงพรมจุมพิตต่อไป แม้ว่าตัวเขากระหายครอบคร

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 14 nc

    บทที่ 14 ncมือแกร่งจับข้อเท้าทั้งสองข้างถ่างออกโน้มหน้าลงหาเปิดปากด้วยลิ้นชำนาญสอดใส่พร้อมเขยื้อนลำร้อนยาวใหญ่ครูดผนังอ่อนนุ่มโพรงสวาท“อื้ออออ อือออ”ไป๋หลินเอ๋อร์ดิ้นหนีร่างใหญ่โตเสียดแทรกชำแรกนาง เจ็บร้าว อึดอัดและเปียกชื้น นางสะบัดหน้าให้ริมฝีปากร้อนเลื่อนผ่านลงสู่ลำคอ เขาขย่มลงแรงด้วยการโหย่งตัวไม่ปราณี ส่งเสียงครางในลำคอแล้วยึดกายขึ้นคุกเข่าเลื่อนมือจับเอวเล็กไว้แน่นดึงร่างบอบบางกระแทกเข้าหาท่อนเนื้อที่เขาเสือกกายเข้าใส่ ยกร่างบางขึ้นสูงสู้แรงชาย ทำจนร่างของนางกระดอนกระเพื่อมไหวเคร้ง เคร้ง ตับ ตับ มือรั้งโซ่ตรวจส่งเสียงกระทบพื้นพร้อมเสียงเนื้อกระทบกันบนพื้นห้องนอน ตะวันลับขอบฟ้านานแล้ว แว่วเสียงคนในสำนักกำลังเดินจุดโคมไฟโถงบันได แต่ภายในห้องยังมืดมิดมีเพียงแสงจันทร์คืนวันเพ็ญสาดส่องโจวหมิงเจ๋อกระทุ้งหยกเข้าโพรงนุ่มยาวนานต่อเนื่อง เขาตรึงนางไว้ให้จ้องมองเพียงเขา อสูรร้ายในร่างชายรูปงามราวเทพเซียน ขยับสะโพกตอกใส่นางด้วยรอยยิ้มมุมปากเขาคว้าโซ่ตรวนเหล็กกระชากดึงขึ้นจนลำแขนนางยกสูง มือยังจับต้นขาดันเปิดอ้า โจนจ้วงแรงชายท่อนหยกเข้าหาโพรงสวาทไม่ออมแรง“โซ่นี้จะเป็นดั่งตัวข้า หลิน

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 15 nc  เป็นตายพรากจาก ผูกสัญญาสองเราชั่วนิจนิรันดร์

    บทที่ 15 nc เป็นตายพรากจาก ผูกสัญญาสองเราชั่วนิจนิรันดร์“คนในสำนักต้องถูกประทับทั้งสิ้น บ่งบอกว่าเป็นคนของเสวี่ยจงโหลว ทว่าตราประทับจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่ง”โจวหมิงเจ๋อคุกเข่าบนเตียงด้านหลังนาง กระชากเสื้อคลุมออกกดร่างนางลง ให้ดวงหน้าแนบฟูก ใช้ลำตัวแสนหนักอึ้งพาดตัวไว้กันนางดิ้นหนี“หากเจ้าดิ้น ยามแผลแห้งมันจะไม่สวยเท่าไร” คำขู่นี้ไม่เป็นผลเพราะยิ่งทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าเขาหมายใจกดแผ่นเหล็กนี้จนลึก“เจ้าคนชั่วช้า ข้าเกลียดท่าน!!” เสียงหวานเอ่ยลอดไรฟัน แนบใบหน้านอนนิ่ง หลับตาขณะที่กระไอร้อนของตราประทับใกล้เข้ามา“ตรานี้ เป็นรูปเสือ ซึ่งจะมีเจ้าเพียงคนเดียวที่มีสัญลักษณ์นี้” พูดจบมือแกร่งกดแท่นตราลงผิวเนื้อช่า....“อ๊า.....อ่า........ ข้าเกลียดท่านนนนน” ไป๋หลินเอ๋อร์ตะโกนสุดเสียงแข่งกันเสียงเผาไหม้เนื้อนุ่มยามแท่นร้อนกดลงนางเจ็บแสบจนน้ำตาไหลริน ได้กลิ่นเนื้อ กลิ่นควันโชยบนแผ่นหลัง ได้ยินเสียงสูดลมหายใจหนักหน่วงของชายด้านบน“ส่วนข้าเป็นตรามังกร ซึ่งมีเพียงข้าเท่านั้นที่มีสัญลักษณ์นี้” เขายกแท่งเหล็กออกแล้วโยนทิ้ง เคร้ง!!โน้มหน้าลงใกล้ ถลกชายผ้าคลุมนางขึ้นจนกองบั้นเอว ดึงสะโพกนางจ

บทล่าสุด

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 29 บทพิเศษ จบบริบูรณ์

    บทที่ 29 บทพิเศษยามเหม่าในทุกวัน โจวหมิงเจ๋อมักลุกขึ้นเพื่อลงไปฝึกยุทธิ์กับคนของสำนักคุ้มภัยด้วยตนเองไป๋หลินเอ๋อร์พลิกกายโอบลำแขนอ่อนนุ่มรัดเขาไว้เอ่ยเสียงเบา“ท่านพี่ ยามเหม่าแล้ว”โจวหมิงเจ๋อตวัดรัดท่อนแขนให้ร่างเล็กบอบบางเกยขึ้นมานอนบนแผ่นอก ลูบฝ่ามือร้อนลงแผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์“เนื้อเจ้านุ่มมือ” ฝ่ามือใหญ่กางออกลูบแผ่นหลังรั้งนางให้ถดขึ้นกระทั่งริมฝีปากจดกันขยับแผ่วเบา“ป่านนี้เด็ก ๆ คงตื่นกันหมดแล้ว”“แล้วอย่างไร ตื่นแล้วก็ให้ยืนรอหน้าห้องไปก่อน”“ท่านพี่”“ยามเช้าเช่นนี้ ควรอยู่กันแต่ในผ้าห่มดีหรือไม่ กกกอดก่ายรัดร่าง”“ฮะ ฮ่า ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ลูกสามแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากท้องอีก”“ถ้าเช่นนั้น พี่จะไม่หลั่งน้ำพิสุทธิ์ข้างในเจ้า เช่นนี้หลินเอ๋อร์ยินยอมหรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากดันร่างตนเองออกแต่ถูกรั้งลงใต้ร่างทันควัน จับนางพลิกคว่ำ จูบขบลงฟันบนแผลเป็นรูปเสือ“คำกล่าวนี้ ท่านพี่บอกข้าเป็นพันครั้ง จนข้าขี้เกียจจดจำจะใส่ใจ”“ฮึ ในเมื่อหลินเอ๋อร์ไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพี่จะถือว่าเจ้าอนุญาต” โจวหมิงเจ๋ออมยิ้มขณะพรมจูบไต่ลงแผ่นหลังนวลเนียน มือก่อกวนวนเวียนไม่ห่างทั้งลูบคลำ ทั้งล้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 28 ความลับ

    บทที่ 28 ความลับไป๋หลินเอ๋อร์ดีดตัวออกจากโจวจางหมิ่นทันทีแล้วโผเข้าหาบุรุษตรงหน้า ให้เขาโอบรัดนางไว้ด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ซบดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำลงอกกระเพื่อมไหวจากแรงสูดลมหายใจไร้เสียงร้องใด ๆ จากโจวจางหมิ่น คมลูกธนูปักลงหัวไหล่ขวาที่รัดลำคอนางไว้ สีหน้าโจวจางหมิ่นปวดร้าว มองโจวหมิงเจ๋อด้วยดวงตากล่าวหา มาดร้าย และคล้ายไม่ต้องการเชื่อในที่โจวหมิ่งเจ๋อทำลงไปนางโอบร่างแกร่งไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปใกล้โจวจางหมิ่น“จางหมิ่น...” น้ำเสียงระห้อยโหยแรงเอ่ยชื่อในลำคอ ดวงตาแสบร้อนแดงก่ำ แต่ไร้น้ำตา เขามองร่างสูงเกร็งคล้ายเขาถอยหลังไปอีกสองก้าวในยามนี้โจวจางหมิ่นสีหน้าสงบลงแล้วราวกับว่ายอมรับบางอย่าง ริมฝีปากบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มก่อนจะทิ้งร่างลงเหวลึกด้วยป่ารกทึบด้านล่าง“จางหมิ่น จางหมิ่น!!! จางหมิ่นนน”บุรุษแกร่งเช่นโจวหมิงเจ๋อ ชั่วชีวิตกระทำการทารุณคน สังหาร มองเลือดและความตายด้วยความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่มาบัดนี้โจวจางหมิ่นที่เขาอุ้มชูเลี้ยงมากับมือทิ้งร่างอัตวิบากกรรมต่อหน้าเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงคุกเข่าเท้าฝ่ามือลงพื้นท่ามกลางใบไม้ร่วงหล่นสีส้มแดงในต้นฤดูหนาว“

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 27 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 27 โจวจางหมิ่น“เข้าใจผิด!! ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกับเจ้า ยิ่งตี้หรือฮูหยินท่านเจ้าสำนัก” โจวจางหมิ่นเดินเข้าใกล้โน้มหน้าลงต่ำ กระชากผมจนดวงหน้าของนางแหงนขึ้น“เจ้าไม่มีสิ่งใดผิด ผิดแค่ว่าเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง ท่านพ่อต่างหากที่ข้าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาน และข้ารู้ว่าท่านพ่อรักเจ้า”“โจวหมิงเจ๋อไม่ได้รักข้า ท่านเข้าใจผิด”“เจ้าไม่รู้จักนิสัยของพ่อข้าดี ท่านพ่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ อวี้เจียวจงรักภักดีรับใช้มาเนิ่นนาน เขายังยกให้เฉียนฟานโดยง่ายดาย แต่กับเจ้า..”มือนุ่มดั่งหญิงสาวเชยปลายคางนางขึ้นแล้วบีบ“พบเพียงไม่กี่หนกับยกย่องร่วมชีวิต สัญญาผูกพันนิจนิรันดร์ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีดีอะไร หน้าตาไม่ได้สะสวย ทั้งรูปร่างไม่ได้เสี้ยวหญิงงามเมือง แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเจ้าต้องตาย”โจวจางหมิ่นกดริมฝีปากนางล้วงนิ้วเข้า แล้วเผยอปากตัวเองคล้ายแสยะยิ้ม “ให้เขาได้ทุกข์ทนเช่นแม่ข้า ลุกขึ้น บอกลาชีวิตของเจ้าได้แล้ว”แรงบุรุษกระชากดึงนางขึ้นจากพื้น สาบเสื้อหลุดรุ่ยจนพ้นเนินทรวงหนึ่งข้าง โจวจางหมิ่นหลุบตามองก่อนใช้มือบีบขยำลงแรง“ทว่า เจ้าเองก็น่าลิ้มลอง บางคราวข้าก็เคยคิดว่าถ้าได้ร่วมเ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 26 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 26 โจวจางหมิ่นยามเว่ยในช่วงต้นฤดูหนาวชานเมืองหลวงของสำนักคุ้มกันภัยเสวี่ยจง ที่โอบล้อมด้วยป่าไผ่ ยิ่งพาให้อากาศเย็นขึ้นอีกหลายเท่าตัวไป๋หลินเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุมตัวยาวที่ชางซิงเยียนกำชับเป็นหนักหนาให้นางสวมมาด้วย แม้ว่านางบอกแล้วว่ามาแค่เรือนหลักเท่านั้นนางเดินผ่านสวนกลางเรื่อยจนมาถึงเรือนหลัก ไม่ทันได้เอ่ยแจ้งเด็กในเรือนพลันเห็นโจวจางหมิ่นยืนนิ่งตรงโค้งประตูวงเดือนทางออกสวนด้านหลังทุกคราที่นางพบหน้าโจวจางหมิ่น ขนแขนนางมักลุกชันอย่างน่าประหลาด และยามนี้ก็เช่นกัน นางมองสีหน้ากระหยิ่มและมุมปากโค้งขึ้นละม้ายโจวหมิงเจ๋อ แต่ก็แค่ละม้าย เพราะส่วนใหญ่บนใบหน้าของชายร่างเกร็งคนนี้ไม่เหมือนโจวหมิงเจ๋อแม้แต่น้อยนางขยับเข้าไปใกล้วางสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ใจเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความแตกต่าง โจวหมิงเจ๋อแม้ว่าการกระทำเย็นชารุนแรง ทว่ากลับมีความเมตตาต่อผู้อื่น ผิดไปจากบุตรชายที่แผ่กลิ่นอายโฉดชั่วทวีคูณ ยิ่งเห็นรอยแผลบนร่างฮุ่ยหรู ยิ่งรับรู้ว่าชายผู้นี้กระทำต่อสตรีเพศราวกับเป็นสัตว์สิ่งของ“ท่านแม่”นางมองร่างสูงของโจวจางหมิ่นโค้งลงคำนับนางราวกับว่าเป็นบุตรชายแท้จริงของนาง ทว

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 25 ฮุ่ยหรู

    บทที่ 25 ฮุ่ยหรูเพียะ เพียะ!!ฮุ่ยหรูล้มคว่ำลงทันทีเมื่อฝ่ามือของโจวจางหมิ่นกระทบใบหน้าเป็นครั้งที่สอง ร่างอ่อนแออย่างหญิงตั้งครรภ์สามเดือนกองบนพื้นน้ำตานองหน้า“ข้าบอกเจ้าให้ทำเช่นไรฮุ่ยหรู”“ฮื้ออ ขะ ข้า ข้ายัง พบ นางไม่ได้”เพล้ง!!โจวจางหมิ่นปัดกระถางกำยานล้มคว่ำเฉียดใบหน้าฮุ่ยหรูจนนางผงะออก ดวงตาหวาดกลัวไหวระริก เหลือบมองสามีที่นางแต่งเข้ามายังตระกูลโจวอันร่ำรวยและมากยศฐา“ยามนี้นางอยู่แต่บนหอ ท่านพ่อไม่ยอมให้นางลงมา อร้าย!! อย่า ข้ากลัวแล้ว”ฮุ่ยหรูยกมือไหว้ประลก ๆ น้ำตาไหลนองจนมองไม่เห็นสีหน้าสามี แต่นางรู้ว่าใบหน้าหล่อราวหยกกำลังบิดเบี้ยวจากแรงโกรธ เขากระชากผมนางดึงขึ้นมาจากพื้นเพียะ!!ใช้หลังฝ่ามือฟาดลงใบหน้าอีกครั้งแล้วผลักนางให้ล้มลงกับพื้น ยกเท้าเหยียบนางไว้“เวลาข้าสั่ง ไม่มีข้ออ้างฝ่าฝืน เข้าใจหรือไม่ภรรยารัก”นางพยักหน้ารับ ดวงหน้าแนบพื้นเย็นเยียบ สะอื้นขึ้นแรงก่อนที่โจวจางหมิ่นจะประคองนางขึ้นมาโอบกอดแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนผิดไปจากคราแรก“วันพรุ่ง เจ้าจงไปหานาง คุยกับนางให้นางคลายใจ ชักชวนนางดั่งที่ข้าบอกไว้ เข้าใจหรือไม่ฮุ่ยหรู”มือร้อนลูบผมนางประคองนางไปนั่งที่เตียง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 24 nc

    บทที่ 24 nc“แผลหายสนิทแล้ว”“หายแค่ภายนอก แต่จิตใจข้าไม่”นางกระชากเสียงใส่ ดึงดันจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่รวบนางไว้ให้นั่งลงซ้อนด้านหน้า“ไหน จิตใจเจ้าที่ตรงใดกัน ข้าจะทำความสะอาดให้หมดจด ขจัดความขุ่นมัวออกไปให้เอง”ไม่เพียงเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า มือรั้งร่างเล็กพร้อมผ้าในมือ เช็ดถูแผ่นหน้าท้อง ซบหน้าลงหัวไหล่ เลื่อนผ้านุ่มขึ้นหาทรวงอก นางสะดุ้งทันที“ข้ามือหนักไปหรือ?”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปาก มือจับขอบอ่างไว้ไม่กล้าขยับตัว ผ้านุ่มค่อยถูทำความสะอาดเนื้อนุ่มอวบอิ่มแผ่วเบา ในยามนี้นางรู้ตัวแล้วว่าคงหนีไม่พ้นบุรุษด้านหลังเป็นแน่ หากยังขืนตัวไม่อ่อนลงคงเป็นนางเองที่เจ็บตัว“ท่าน จะเบามือกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่”โจวหมิงเจ๋อชะงักไปครู่ เอียงหน้าไปมองดวงหน้างาม ปากกระจับเม้มแน่น พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ นางเอี้ยวกลับมาจ้องตอบ“เหตุใดไม่ตอบข้า”“ไม่ได้”ไป๋หลินเอ๋อร์สะอึกแล้วนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยถามอีก “ถ้าเช่นนั้น สอนข้าให้ ... ให้ข้าเจ็บน้อยที่สุด”โจวหมิงเจ๋อปล่อยผ้าออกจากมือ แล้วแทนที่ด้วยฝ่ามือร้อนจัดกอบกุมเนินทรวง “เจ้าอาจเริ่มจากผ่อนคลาย และสนุกกับสิ่งที่ข้าทำ”“สนุกงั้นหรือ”“ใช่แล้ว ถ้าข้าทำเช่นนี้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 23 อาบน้ำ

    บทที่ 23 อาบน้ำ“เจ้ามันคนบ้า”ถ้อยคำแรกที่ไป๋หลินเอ๋อร์ได้ยินจากเสียงทุ้มก้องต่ำและดวงหน้าแกร่งคมสันหน้าบึงตึ้งจ้องนางราวกินเลือดกินเนื้อ“ข้าชนะแล้วใช่ไหม” เสียงที่เคยหวานนุ่มแหบเครือ ยิ้มมุมปาก ดวงตาดอกท้อขยับปิดอีกครั้ง“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียงก่อนจะขยับผ้าห่มขึ้นให้จนมิดถึงคอ “ท่านหมอสุยฉวูเพิ่งจะกลับไป โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”นางจับมือเขาไว้ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ส่งรอยยิ้มอ่อนระโหย“ข้า..ขอบคุณท่าน โจวหมิงเจ๋อ”บุรุษปีศาจตรงหน้านางกำลังใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย“รอไว้ให้ข้าอยู่เฝ้าไข้เจ้าเองก่อนเถิด แล้วเจ้าจะถอนคำพูด”“หมายความว่าอะไร”“ท่านหมอสุยฉวูกำชับให้เจ้าพักผ่อนให้มาก และข้าไม่ไว้ใจใครให้เฝ้าไข้เจ้าอีกแล้ว จึงอาสาตนเองมาเป็นทาสรับใช้เจ้าไง”“ทาสรับใช้?”“อย่ามัวพูดมาก นอนเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าข้าสั่งโจ๊กปลาไว้แล้ว”โจวหมิงเจ๋อดึงมือออกแล้วเดินไปดับเทียนในห้องจนเหลือเพียงหนึ่งดวง ยังไม่ทันเดินกลับมาไป๋หลินเอ๋อร์ก็หลับสนิทไปแล้ว จึงนั่งลงขอบเตียงดั่งเก่า ใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมออก“เจ้ามันคนบ้า หลินเอ๋อร์” เสียงทุ้มกระซิบในลำคอ นัยน์ตาล้ำลึกมองดวงหน้าหวานที่มีร่อง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้ว

    บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้วซ่า...โครม!! เฮือก!!“อะไรกัน!!”ไป๋หลินเอ๋อร์สะดุ้งเฮือกสุดตัวลืมตาเบิกโพลงตกตะลึงยามแหงนดวงหน้าเปียกโชกด้วยน้ำเห็นนายท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยยืนค้ำร่างดวงตาวาวแสงลุกโชนด้วยไฟโทสะ“มัดพวกนาง ลากกลับสำนัก”สิ้นเสียงพลันข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกรวบพร้อมถูกกระชากร่างขึ้นจากพื้น ดวงตาดอกท้อเหลียวมองจางอวี้ บัดนี้สีหน้าซีดเผือดตื่นกลัว ดวงตาเบิกกว้างระคนสับสน“ไม่ต้องกลัวจางอวี้”“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียง “เก็บไว้ปลอบใจตัวเองดีกว่า ฮูหยิน”นางตวัดสายตากลับมา แล้วผงะถอยหลัง นัยน์ตาสีเข้มยามโพล้เพล้แดงฉานวาวโรจน์ส่องประกายดั่งปีศาจ ขมึงทึงและบิดเบี้ยว“จางอวี้ไม่มีส่วน หากท่านต้องการลงโทษ ลงโทษข้า” นางโผเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ โจวหมิงเจ๋อขยับร่างหนีจนนางเกือบล้มลงตรงหน้า แต่ชางซิงเยียนคว้านางไว้ได้ทัน“เจ้าคงไม่รู้ว่ายามใดควรทำสิ่งใด หากเจ้ายังเข้าใกล้ข้าในตอนนี้ ข้าคงไม่อาจยับยั้งใจไว้ได้ฮูหยิน” โจวหมิงเจ๋อหันหลังกลับ ทั่วร่างกายคุกรุ่นด้วยความโกรธ“ท่านจะทำอะไร ทำกับข้าอย่างที่ทำกับสตรีในบ้านร้าง!! ใช่หรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์ตะโกนถามเสียงดัง แล้วจึงสะดุ้งสุดตัวถอยฉากหนีถึง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 21 โจวหนิงเหมย

    บทที่ 21 โจวหนิงเหมยไม่ทันสิ้นคำพลันเสียงร้องหวีดโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งยาวนาน จนพวกนางต้องยกมืออุดหู“แม่นางในนั้นอาจป่วย”“ไม่พี่หลินเอ๋อร์ ข้าว่านางเป็นบ้า”“อย่างไรเราควรเข้าไปดู”จางอวี้ดึงรั้งมือไป๋หลินเอ๋อร์ไว้ จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่อาจหยุดยั้งพี่สาวคนนี้ได้จึงเดินตามติดด้านหลังแบบจมูกแนบแผ่นหลังเรือนหลังเล็กนี้รูปทรงคล้ายกระท่อมบ้านของไป๋หลินเอ๋อร์ บ้านชาวบ้านสร้างง่าย ๆ มีเพียงห้องเดียวรวมทั้งหมด ครัว ห้องนอน กินข้าว นางค่อยเดินแผ่วเบาไปยังขอบหน้าต่างก้มลงต่ำ แล้วโผล่ขึ้นมาแค่พ้นขอบลูกตา“อื้อออออ กรี๊ดดดด อ๊าชชชช์”หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างผอบบางมากอายุราวสามสิบกว่าปลายสี่สิบหรืออาจมากกว่านั้น ไป๋หลินเอ๋อร์ประมาณไม่ได้เพราะผมขาวแล้วเกือบทั้งศีรษะ นางนั่งก้มหน้าร้องไห้ ปล่อยผมกระเซอะกระเซิง แม้ว่าภายในกระท่อมจะเก่าและโทรม ทว่าการแต่งกายกลับสะอาดสะอ้าน คล้ายกับว่ามีคนคอยดูแล ทั้งเนื้อตัวไม่ได้เปื้อนมอมแมมคลุกฝุ่นไป๋หลินเอ๋อร์และจางอวี้มองหน้ากัน ก่อนที่ไป๋หลินเอ๋อร์จะตัดสินลุกขึ้นยืน“แม่นาง”หญิงสาวคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงคนแปลกหน้าพลันผุดลุกขึ้นทันที กวาดมองไปรอบห้อง“กรี๊ดดดดดดด

DMCA.com Protection Status