หน้าหลัก / โรแมนติก / ยิ้งตี้ตระกูลโจว / บทที่ 29 บทพิเศษ จบบริบูรณ์

แชร์

บทที่ 29 บทพิเศษ จบบริบูรณ์

ผู้แต่ง: พริมริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-21 11:39:31

บทที่ 29 บทพิเศษ

ยามเหม่าในทุกวัน โจวหมิงเจ๋อมักลุกขึ้นเพื่อลงไปฝึกยุทธิ์กับคนของสำนักคุ้มภัยด้วยตนเอง

ไป๋หลินเอ๋อร์พลิกกายโอบลำแขนอ่อนนุ่มรัดเขาไว้เอ่ยเสียงเบา

“ท่านพี่ ยามเหม่าแล้ว”

โจวหมิงเจ๋อตวัดรัดท่อนแขนให้ร่างเล็กบอบบางเกยขึ้นมานอนบนแผ่นอก ลูบฝ่ามือร้อนลงแผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์

“เนื้อเจ้านุ่มมือ” ฝ่ามือใหญ่กางออกลูบแผ่นหลังรั้งนางให้ถดขึ้นกระทั่งริมฝีปากจดกันขยับแผ่วเบา

“ป่านนี้เด็ก ๆ คงตื่นกันหมดแล้ว”

“แล้วอย่างไร ตื่นแล้วก็ให้ยืนรอหน้าห้องไปก่อน”

“ท่านพี่”

“ยามเช้าเช่นนี้ ควรอยู่กันแต่ในผ้าห่มดีหรือไม่ กกกอดก่ายรัดร่าง”

“ฮะ ฮ่า ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ลูกสามแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากท้องอีก”

“ถ้าเช่นนั้น พี่จะไม่หลั่งน้ำพิสุทธิ์ข้างในเจ้า เช่นนี้หลินเอ๋อร์ยินยอมหรือไม่”

ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากดันร่างตนเองออกแต่ถูกรั้งลงใต้ร่างทันควัน จับนางพลิกคว่ำ จูบขบลงฟันบนแผลเป็นรูปเสือ

“คำกล่าวนี้ ท่านพี่บอกข้าเป็นพันครั้ง จนข้าขี้เกียจจดจำจะใส่ใจ”

“ฮึ ในเมื่อหลินเอ๋อร์ไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพี่จะถือว่าเจ้าอนุญาต”  

โจวหมิงเจ๋ออมยิ้มขณะพรมจูบไต่ลงแผ่นหลังนวลเนียน มือก่อกวนวนเวียนไม่ห่างทั้งลูบคลำ ทั้งล้วงลึก ลงเนินสวาทใต้ร่าง

“ท่านพี่...ช่างไร้หัวใจ ไม่เห็นใจข้าบ้างหรือไร ห้าปีที่ผ่านมา ข้าตั้งครรภ์มีลูกให้ท่านแล้วสามคน”

“หลินเอ๋อร์ไม่ชอบหรือ มีลูกยิ่งมากสกุลเราจะได้ยิ่งใหญ่”

ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากนิ่งเงียบ เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อคนด้านบนกายนางหมายมั่นจะเสียบแทงนางให้ได้ในเช้านี้

“ถ้างั้นท่านพี่จงอย่าชักช้า รีบเร่งแล้วกัน”

ปากหนาชะงักหยุด แล้วชะโงกตัวด้านบนซุกซอกคอ

“พูดเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร หลินเอ๋อร์ไม่ต้องการพี่แล้ว”

ไป๋หลินเอ๋อร์ผงกศีรษะขึ้นเอี้ยวหน้ากลับไปมองสีหน้าน้อยใจของท่านเจ้าสำนัก เส้นผมสีดอกเลามากขึ้นกว่าห้าปีที่แล้ว ทั้งมีริ้วรอยตีนกา แต่โจวหมิงเจ๋อยังงดงามราวเทพเซียน

“ท่านพี่พูดแบบนี้อีกแล้ว”

“อยู่มาห้าปี ข้าไม่ได้ยินเจ้าบอกรักข้าแม้แต่น้อย” ปีศาจร้ายยังย้ำความน้อยเนื้อต่ำใจลงไปอีกด้วยเสียงสั่นพร่า

“พูดคำว่ารักมันช่างง่ายดาย แค่พ่นลมออกมา”

“งั้น พูดสิเมียรัก บอกรักพี่”

“ข้ารักท่านพี่ พอใจหรือยัง”

ร่างแกร่งชะโงกตัวขึ้นมองทันที หรี่ตาเหยี่ยวลงมอง

“จริงใจหรือไม่”

“จริงใจ๊ หลินเอ๋อร์ย่อมจริงใจอยู่แล้ว พูดจริงรักจริง”

โจวหมิงเจ๋อเริ่มไม่แน่ใจพลิกตัวกลับนอนหงาย เพ่งมองเพียงม่านบังตารอบเตียง

“เจ้าโกหก”

“ท่านพี่” ไป๋หลินเอ๋อร์ใช้น้ำเสียงอ่อนใจก่อนตะกายขึ้นไปนั่งบนร่างงดงาม “ท่านอย่ามาเล่นตัวอยู่เลย ท่านรู้ว่าหลินเอ๋อร์รักท่าน ไม่เช่นนั้นจะยอมตั้งท้องให้ตั้งสามคนหรือไร”

“แสดงให้พี่ดูที”

“แสดง?”

“เป็นต้นว่า หลินเอ๋อร์รักมากขนาดไหน”

นางจ้องใบหน้าคมสันราวหยกเจ้าเล่ห์  ริมฝีปากยกมุมโค้งขึ้นจึงได้เข้าใจ

“ทีแท้ก็เพียงหลอกหลินเอ๋อร์ ให้หลินเอ๋อร์เป็นฝ่ายออกแรงใช่หรือไม่”

โจวหมิงเจ๋อยิ้มกริ่มยกร่างนางขึ้นแล้วจึงจับท่อนเนื้อร้ายสอดใส่ ดันร่างอ่อนบางลงครอบกายแกร่งจนหมดสิ้น ทิ้งศีรษะหลับตาครางลึกในลำคอ

“พี่รู้ว่าหลินเอ๋อร์รักพี่ พี่ดีเยี่ยงนี้ เจ้าอดใจไม่ไหวหรอก”

นางกลั้นยิ้มยามเริ่มโยกกายชุ่มฉ่ำ ขยับสูงขึ้นปลายหัวแล้วกดลงหาแท่งร้อนพลางบดคลึง วางฝ่ามือเล็กบนอกแกร่งด้านล่าง โน้มหน้าเข้าหา

“ไม่เห็นจะดีที่ตรงไหน ท่านตีข้าเกือบทุกวัน”

“หลินเอ๋อร์ ... เจ้าไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า อืม....” บุรุษหน้าด้านหยุดไปครู่หนึ่งด้วยอาการเสียวซ่านวาบขึ้น “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี”

นางเบิกตาตกตะลึงแล้วพลันหวีดร้องเพราะลำร้อนกระทุ้งขึ้นเร็วถี่ นางแอ่นร่างรับท่อนเนื้อกระหน่ำภายในโพรงสวาท

“ทะ ท่านมัน หน้าด้าน พูดจาเลอะเลือน มีที่ไหนใช้สุภาษิตนี้กับข้า”

โจวหมิงเจ๋อพลิกร่างเล็กลงนอนคว่ำหน้า แล้วขยับดึงสะโพกนางขึ้น ส่วนตนเองยืนเข่าก่อนจะสอดใส่พุ่งแท่งหยกสอดใส่ ไม่ทันให้นางตั้งตัวออกแรงกระทุ้งจนนางไม่อาจพูดต่อว่าได้อีก

“อ่า อ๊า”

แรงรักโรมรันโจนจ้วงโผนทะยาน ทั้งเสียดแทงเน้นย้ำจุดที่ควรเน้น โจวหมิงเจ๋อบดแน่นให้ท่อนเนื้อยาวใหญ่จมมิดโคน ดึงเส้นผมของนางขึ้นแล้วฟาดลงบั้นท้าย

เพียะ เพียะ!

“พี่ตีเจ้าเช่นนี้ แรงดีไหม หรือจะแรงกว่านี้”

“อือออ”

เพียะ เพียะ!

รอยยิ้มกริ่มผุดมุมปากมองรอยแดงรูปฝ่ามือบนสะโพกงามแล้วลูบไล้หลงใหล

“ท่าน .. อือออ ทำข้าแบบธรรมดาไม่ได้หรือ อ่า อ๊า”

“ธรรมดา?”

โจวหมิงเจ๋อชะงักหยุดแรงกระทั้น มองหาของบางสิ่ง เมื่อเห็นจึงยิ่งโค้งมุมปากสูงขึ้น ถอนกายแกร่งออก หยิบเชือกมัดผมขึ้นมาเดินไปด้านหน้าเตียง รวบข้อมือเล็กไว้ทั้งสองข้าง

“ไม่ ไม่มัดแล้ววว”

“ไม่นานหรอกหลินเอ๋อร์”

“ท่านมัดข้าแล้วก็ตีข้า”

โจวหมิงเจ๋อผูกโยงเมียรักเข้ากับขื่อด้านบนให้นางยืนขึ้นข้างเตียง

“วันนี้พี่ไม่ตีเจ้าแล้วนะ”

มือแกร่งยกขานางขึ้นวางขอบเตียง ขยับตัวไปยืนแทรกกลาง จับลำร้อนตั้งชันมุดหาทางเข้าจนเจอแล้วย่อเข่าก่อนกระทุ้งขึ้น

“อื้อออ เบามือ อ่า”

ปัก ปัก ปัก

ดูเหมือนว่าไป๋หลินเอ๋อร์ยิ่งห้ามปราม แรงรักของโจวหมิงเจ๋อจะยิ่งแรง เขาย่อเข่าลงแล้วกระทุ้งร่างใหญ่โตขึ้นในทางรักจนนางกระดอนเป็นจังหวะ

กายแกร่งภายในร้อนเร่าถูกทางรักกระชับรัดแน่น โจวหมิงเจ๋อแอ่นตัวตอกลำรักผ่านทางสวาท มือโอบเอวนางไว้อีกมือรั้งต้นขาให้นางยกสูง เคลื่อนท่อนเนื้อกระหน่ำเข้าใส่อย่างหนักหน่วง

โน้มศีรษะลงหาปากเล็กกระจับ เปิดนางสอดลิ้นชอนไช เคลื่อนไหวรัวดั่งท่อนเนื้อด้านล่างพร้อมเพรียงกัน

“อือออ”

เสียงครางอู้อี้ในลำคอ มือนางถูกโยงจนเหยียดตึงปวดร้าวท่อนแขน ร่องเนื้อนิ่มถูกเสียบแทงพร้อมโพรงปากถูกรุกราน บุรุษผู้นี้กระทำต่อนางไม่เคยปราณี ซ้ำเมื่อผละปากออกกลับเลื่อนลงหายอดถัน ขบเม้มแล้วลงฟัน

“อ่า ท่านพี่ ท่าน กัด ข้า อือออ”

“อืม ข้าไม่ตีเจ้าแล้วหลินเอ๋อร์ เนื้อนิ่มน่าขบกัดมากกว่า”

บุรุษชั่วช้าเคลื่อนปากไปอีกข้างแล้วลงฟันบนยอดหัวดึงจนนางร้องลั่นแล้วพลันกระตุกเฮือกทันที

ไป๋หลินเอ๋อร์หอบหายใจหลับตาแน่นขณะที่นางถึงสวรรค์ สุขสมทันที สายธารสวาทหลั่งรินมากกว่าเดิมจนเกินเสียงเฉอะแฉะ

“ข้าใกล้แล้ว หลินเอ๋อร์”

“ดี ดี ให้เร็ว”

โจวหมิงเจ๋อหัวเราะในลำคอ รัดร่างนางจนแอ่นโค้งกระทุ้งลำร้อนเข้าใส่รุนแรง โน้มหน้าคลุกเคล้าเนินทรวงลงฟันจนทั่ว เนื้อนุ่มใสขึ้นรอยแดงจนทั่วทันที

“อืออ อ่า หลินเอ๋อร์ อ๊า”

กายแกร่งสอดใส่ถูกทางรักรัดบีบจนแน่น ตาเริ่มพร่าเลือนเสียวซ่านท่อนปลายหัวทู่ มือกำสะโพกเล็กบีบจนเนื้อปลิ้นเพราะอาการสะท้านท่อนเอ็น

“ข้า อ่า อ๊าชช์ หลินเอ๋อร์”

ร่างเล็กกระเด้งกระดอนตามแรงกระทุ้งใส่ โจวหมิงเจ๋อออกแรงโจนจ้วงไม่นานพลันถอนลำรักออกจากฝักร้อน ปีนขึ้นไปยืนบนเตียง ดึงผมนางให้หันหน้าเข้าหากายแกร่ง

“ใช้ลิ้น อ่า อ๊าชช์”

ไป๋หลินเอ๋อร์เหลือบตามองอ่อนใจชั่วครู่ก่อนจะยินยอมทำตาม ตวัดเลียปลายหัวแล้วครอบปากลง ปล่อยให้บุรุษชั่วกระทำต่อปากนางราวกับว่าโพรงปากนี้คือทางรักนุ่มนิ่ม เขากระทุ้งเข้าใส่บังคับให้นางรับท่อนเนื้อเข้าไปจนหมด

“อัก อัก อัก”

นางเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ปากบวมช้ำเพราะลำยาวไร้ปราณี ดันกระแทกลำคอจนแสบร้อน

“หลินเอ๋อร์!! อ๊าชชช์”

โจวหมิงเจ๋อส่งเสียงเรียกชื่อภรรยารักกระเส่าแรง กระแทกลำร้อนจนมิดก่อนจะปลดปล่อยให้ตนเองได้พบความสุขสม ตาพร่าเลือนยามปลายหัวกระดกพวยพุ่มน้ำพิสุทธิ์สีขาวเข้าสู่ลำคออ่อนระหงจนหมดสิ้น ค่อยถอนลำรักออกจ่อให้นางช่วยปลอบประโลมด้วยลิ้นเล็กจนสะอาดสะอ้าน

“ทำเช่นนี้ หลินเอ๋อร์จะไม่ท้อง”

นางค้อนขวับเบือนหน้าหนี สะบัดมือให้รู้ว่านางเมื่อย โจวหมิงเจ๋อจึงยอมปลดปล่อยนางแต่โดยดี ไม่ทันได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เสียงเจี้ยวจ้าวพลันดังขึ้นหน้าห้อง

“ลูกมากันแล้ว เพราะท่านเลยชักช้า”

ไป๋หลินเอ๋อร์ต่อว่าแล้วคว้าเสื้อที่ร่วงบนพื้นตั้งแต่เมื่อคืนจับสวมทันที ส่วนคนร่างโตกลับนอนหงายใช้เพียงผ้าห่มพันกายไว้

“ท่านพ่อ ท่านแม่”

เสียงลูกคนโตนำดังขึ้นมาก่อนจะตามด้วยเสียงเล็ก ๆ อีกสองเสียง จากนั้นประตูพลันถูกเปิดผลัวะ ใบหน้ากลมยุ้ยบุตรธิดาโผล่หน้าพร้อมตัวอ้วนอวบน่ารัก

โจวหมิงเจ๋อหัวเราะออกมาขณะนอนหงายมองภาพสวยงามตรงหน้า ความรู้สึกเต็มตื้นในทุกคราวที่เขามองลูก ๆ และภรรยาสุดที่รัก เลื่อนมือขึ้นลูบแผ่นหลังไป๋หลินเอ๋อร์จนนางหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ

“พี่รักเจ้ายิ่งนัก หลินเอ๋อร์ รักยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ แม้แต่ชีวิตพี่เอง”

นางส่งรอยยิ้มระบายทั่วใบหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“ถ้าเช่นนั้น พี่จงหยุดทำร้ายข้าด้วยสารพัดวิธีที่สรรหามาได้แล้ว”

โจวหมิงเจ๋อทิ้งศีรษะลงบนหมอนหัวเราะในลำคอ ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้มและความสุข

ไม่น่าเชื่อว่าตัวเขาจะมีวันนี้ ได้พบกับสตรีที่ทำให้เขามีความสุขที่สุด เขาเอียงศีรษะมองลูก ๆ และนางอีกครั้ง

“พี่บอกรักเจ้าไปหรือยังนะหลินเอ๋อร์”

ไป๋หลินเอ๋อร์รับลูกสาวคนเล็กในวัยหกเดือนมาจากแม่นม ยิ้มอ่อนหวานยามได้ยิน

“ท่านพี่บอกข้าแล้ว แต่ข้าอยากฟังอีก”

“พี่รักเจ้าหลินเอ๋อร์ และลูก ๆ ของเราด้วย”

“เจ้าค่ะ หลินเอ๋อร์ก็รักท่านพี่ และลูก ๆ ของเราด้วย”

สำนักคุ้มภัยเสวี่ยจงในยามนี้ส่องสว่างด้วยลำแสงแรกของตะวันในยามต้นฤดูหนาวที่มาเยือนอีกครา

รวมไปถึงความรัก ความสุขที่อาบเอิบให้กับทุกคนในสำนัก โดยเฉพาะท่านเจ้าสำนักและไป๋หลินเอ๋อร์

ทั้งสองผูกพันด้วยสัจจะสัญญานิจนิรันดร์ อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า จนกว่าความตายจะพรากจากกัน

จบบริบูรณ์

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทนำ

    บทนำอว๊ากกกกส์ ..... ควับ .... ควับ .....ชายร่างสูงใหญ่ส่วนชุดเซินอีสีดำคาดผ้ารัดเอวห้อยหยกแดง เนื้อผ้ามันเงาลวดลายมังกรสลับเสือน่าเกรงขามยืนนิ่ง แผ่นหลังเหยียดตรงแม้ว่ามือกำลังขีดเขียนตัวอักษรฝึกสมาธิด้วยพู่กันขนม้าด้ามไม้กฤษณาอวลกลิ่นหอมเส้นผมสีดอกเลาแซมปะปนสีดำขลับมัดรวบขึ้นกลางศีรษะประดับด้วยสายรัดพลอยแดงเม็ดใหญ่ ดวงหน้างดงามราวเทพเซียนทว่ารอบกายกลับแผ่รังสีเย็นชาโหดเหี้ยมแปะ ... โจวหมิงเจ๋อคิ้วเรียวดุจกระบี่กำลังขมวด เพ่งมองหยดเลือดกระเซ็นออกมาจากตัวนักโทษหล่นลงบนกระดาษสาม้วนยาวเบื้องล่าง เขาเงยศีรษะขึ้นจ้องไปยังหนุ่มร่างสันทัดกรอบหน้าเหลี่ยมตาตี๋ผิวดำคล้ำซึ่งบัดนี้แดงฉานชุ่มด้วยเลือดโชกจนน่าสะอิดสะเอียน มือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยโซ่ตรวนใหญ่แขวนบนขื่อคานจนตัวลอยเท้าแทบไม่ติดพื้น“ระวังด้วย เลือดหยดลงมาบนกระดาษ” โจวหมิงเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชา อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวรวมไปถึงดวงตาสีนิลลึกล้ำจนยากหยั่งถึง ดำมืดดั่งรัตติกาล“ขอรับ” เฉียนฟานองครักษ์คนสนิทก้มศีรษะรับคำเย็นชาพอกันกับเจ้านาย แล้วรัดแส้สำหรับฟาดม้าพันรอบฝ่ามือหลายทบขึ้นอีกเพื่อลงแรงได้ถนัด สะบัดไปทิศทางตรงข้า

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 1  ยิ่งตี้

    บทที่ 1 ยิ่งตี้ในยุคสมัยชินชิวจ้านกว๋อ การแต่งงานสมรสหมู่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายคล้ายค่านิยมของบ่าวสาว กล่าวคือ หากเจ้าสาวบ้านใดมีฐานะร่ำรวยมั่งมี การแต่งงานแบบยกทีมฝ่ายหญิงขบวนจะยิ่งมากมายยาวเหยียดเมื่อชายใดพึงพอใจหญิงบ้านใด พาแม่สื่อสู่ขอตามประเพณีพิธีการมาเป็นภรรยา พ่อแม่ฝ่ายหญิงนอกจากจะยกลูกสาวตนให้ด้วยความเต็มใจแล้ว ยังใจดีแถมเมียบำเรอกามให้อีกโขยงใหญ่คล้ายสินสอดที่เจ้าสาวนำมาฝากเป็นของกำนัลฝ่ายเจ้าบ่าวยิ่งรวย ขบวนยิ่งยาว ไม่ว่าจะเป็นหลานสาว ลูกพี่ชาย น้องชาย พี่สาวน้องสาวแท้ ๆ ของเจ้าสาว หรือสาวใช้ส่วนตัวก็ตาม ยิ่งเอิกเกริก ยิ่งมีหน้ามีตา แต่หาใช่จะมีแต่หญิงสาวเท่านั้น ฝ่ายเจ้าสาวจะนำเพศชายบุรุษรูปงามรวมไปในขบวนด้วย มาเพื่อทำหน้าที่เต้นระบำ ฟันดาบ หรือแม้กระทั่งเสพสังวาส เพื่อป้องกันมิให้บุตรเขยตนเที่ยวซ่องโสเภณีชายหากเจ้าบ่าวมิชื่นชอบ ชายเหล่านี้จะถูกนำไปเป็นคนรับใช้ภายในจวน หรือขายออกไปก็ย่อมได้ซึ่งของกำนัลเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า ‘ยิ่งตี้’ไป๋หลินเอ๋อร์ นางเป็นเพียงหญิงรับใช้ซื้อมาเพื่อเสริมให้ขบวนยิ่งตี้ยิ่งใหญ่สมฐานะตระกูลฮุ่ย พ่อค้าขายผ้าแพร นางเด

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 2  ตระกูลโจว

    บทที่ 2 ตระกูลโจวงานแต่งตระกูลโจวผู้มากด้วยเงินทอง ชื่อเสียง ด้วยฐานะสำนักคุ้มภัยอันเลื่องชื่อ แม้กระทั่งผู้ครองนครแห่งรัฐฉินยังเกรงใจถึงแปดส่วน ย่อมเอิกเกริกและใหญ่โตมากด้วยผู้คน โต๊ะกินเลี้ยง และงานรื่นเริงสามวันสามคืนมิได้หยุดหย่อนแต่ทว่าเรือนนอนที่จัดไว้ในเหล่ายิ่งตี้เล็กนัก ไป๋หลินเอ๋อร์พลิกตะแคงตัวนอนเบียดเสียดแถวเรียงหนึ่งบนพื้นกระดานในห้องโถงกลาง มีเพียงฟูกนอนไร้ผ้าห่ม ซ้ำอากาศยามนี้ล่วงเข้าปลายหน้าฝนนำพาลมเย็นยะเยือกนางไม่อาจหลับได้ลงจริง ๆ จะพลิกนอนหงายยังไม่ได้ จึงพยุงกายขึ้นนั่ง “เฮ้อ...”“พี่หลินเอ๋อร์” เสียงเล็กกระซิบเรียกแล้วเอนกายขึ้นจากพื้นเรือนเช่นเดียวกัน“ยังไม่หลับอีกหรือจางอวี้”“เจ้าค่ะ ร้อนเกินไป”จริงดั่งที่จางอวี้ว่า แม้ว่าภายนอกฝนลงเม็ดพรำและเย็นยะเยือกแต่ภายในเรือนเล็กกลับอับชื้นจนเหนียวตัว“ถ้าเช่นนั้น ออกไปเดินเล่นดีหรือไม่ พี่ไม่ไหวแล้ว” ไป๋หลินเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนทันที “ออกไปเดินเล่นฟังมโหรสพหรือดูโคมไฟยังดีกว่านอนแออัดราวหมูในคอก”“คิก คิก พี่หลินเอ๋อร์เข้าใจพูดเปรียบเทียบ เจ้าค่ะ ไปก็ไป”ร่างเล็กกว่าของจางอวี้วิ่งตามร่างสูงระหงอวบอิ่มของไป๋หลินเ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 3 วันเข้าหอ

    บทที่ 3 วันเข้าหอ“รูปงามจังเลยพี่หลินเอ๋อร์” จางอวี้รำพึงรำพันแผ่วเบาในลำคอ ยามมองโจวจางหมิ่นด้วยดวงตาเพ้อฝันไป๋หลินเอ๋อร์ยกยิ้มอ่อนใจ “เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ ภายนอกรูปหยก ภายในปุยนุ่น โจวจางหมิ่นอาจมีดีแค่รูปโฉม”“พี่หลินเอ๋อร์ไม่ชอบก็ไม่เห็นแปลก ในเมื่อท่านอายุมากแล้ว”นางเบิกตากว้างเอี้ยวหน้าไปมองจางอวี้ที่บัดนี้ พวงแก้มสองข้างประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวดำ หลงรูปเจ้าบ่าวเข้าเต็มเปา“จุ๊ ๆ ๆ เจ้านี่ เห็นบุรุษเป็นไม่ได้ วาจาพลันเปลี่ยน จิตใจแตกซ่าน”“ชู่ว ... พี่หลินเอ๋อร์ อย่าเพิ่งพูดนั่นมีอีกขบวนเดินมาแล้ว”กลุ่มคนประมาณสิบห้าคนล้วนอาภรณ์สีดำเนื้อดี เดินนำหน้าด้วยบุรุษร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมคายคมสันสะดุดตายิ่ง มองจากระยะไกลยังมองเห็นความสง่าน่าเกรงขามยิ่งกว่าโจวจางหมิ่น ผมสีดอกเลาแซมอย่างชายวัยสี่สิบรวบมัดตึงผูกด้วยสายรัดประดับพลอยแดงเนื้อผ้ามันเงาลวดลายมังกรร้อยกระหวัดตัวเสืออ้าปากใส่กัน ไป๋หลินเอ๋อร์ดูแล้วคาดเดาว่าคงเป็นบุคคลสำคัญไม่ใช่น้อย คนข้างกายล้วนนอบน้อมเห็นได้ชัด“ใครกันจางอวี้”“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ให้เดาคงเป็นโจวหมิงเจ๋อ ประมุขตระกูลโจว”ไป๋หลินเอ๋อร์เผลอยกมือลูบแขนไม่รู้ตัว อ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 4 โจวหมิงเจ๋อ

    บทที่ 4 โจวหมิงเจ๋อโจวหมิงเจ๋อลงฝีเท้ามั่นคงหนักแน่นเช่นเดิมอย่างที่ทำมาตลอดทั้งชีวิต กลิ่นคาวเลือดของสาวแรกรุ่นยังกรุ่นขึ้นกระทบนาสิกเนือง ๆ ยิ่งเกิดอาการซ่านในทรวงอกไม่ว่าตำราเก่าแก่โบราณสั่งสอนให้สะกดจิตใต้สำนึกไว้เพียงไร ทว่าโจวหมิงเจ๋อคร้านจะใส่ใจ เขาถือว่าการเดินทางสายกลางย่อมดีที่สุด หากร่างกายต้องการย่อมต้องปลดปล่อย“นายท่าน”เสียงเฉียนฟานหยุดเขาไว้เสียก่อนที่เขาจะเดินขึ้นถึงชั้นสาม ชีพจรรัวกระหน่ำสะกดด้วยยุทธิ์ลมปรารณ หลับตานิ่งกำหนดจุดหันกายไปยังคนสนิท“ทางคุณหนูฮุ่ยหรูได้นำขบวนสินสอดยิ่งตี้มาด้วยขอรับ”“อืม”“เพียงแต่ว่า ...” เฉียนฟานอึ้งไปครู่ไม่รู้จะพูดเช่นไรดี“อย่าอึกอักอ้ำอึ้ง เจ้ารู้นิสัยข้าดี”“ขอรับ ขบวนยิ่งตี้เอิกเกริกยิ่งทั้งชายหญิงล้วนนับรวมได้เกือบร้อยคน”“ร้อยคนเชียวหรือ”“ทางตระกูลฮุ่ยไม่ได้แจ้งข่าวล่วงหน้า ทำให้เรือนนอนไม่พอ คืนนี้จึงจัดให้นอนเรือนเล็กด้านหลังกันไปก่อน”โจวหมิงเจ๋อมองออกไปนอกหน้าต่างชั้นสาม เสียงฝนพรำตั้งแต่ยามซวี[1] อากาศหนาวลมเหนือระลอกแรกพัดเหนือยอดหลังคาปูนปั้นเสือในทุกเช้า“แล้วฟูกนอน ผ้าห่ม”“ไม่เพียงพอขอรับ”“พรุ่งนี้จัดการแบ่งยิ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 5 ท่านเจ้าสำนักเสวี่ยจง

    บทที่ 5 ท่านเจ้าสำนักเสวี่ยจงขบวนยิ่งตี้มากมายเกือบร้อยชีวิตเดินหน้ากระดานแถวเรียงห้ายาวเหยียดจนน่าขันโจวหมิงเจ๋อมองลงมาจากชั้นเก้าเห็นเพียงกลุ่มคนตัวเล็กดั่งมดตัวน้อยค่อยเดินแถวเป็นระเบียบเข้ามายังเสวี่ยจงโหลว หอเก้าชั้น“เฉียนฟาน เจ้าให้ซิงเยียนจัดการยิ่งตี้ผู้ชาย ส่วนผู้หญิงให้แยกไปที่โถงกลาง ตั้งแถวเรียงตามอายุ”“ขอรับ”เขาวางฝ่ามือลงราวกันตก ต้นยามเฉิน[1]แสงอาทิตย์พ้นขอบฟ้ามาได้สักพักแล้วตระกูลฮุ่ยนับว่าเป็นตระกูลดีร่ำรวยมากด้วยร้านค้าแพรพรรณ ทั้งยังที่นา ไม่นับโรงจำนำตั้งอยู่ยังแคว้นฉีเสียดายเพียงตระกูลนี้เป็นตระกูลพ่อค้า คิดสิ่งใดก็คิดดั่งพ่อค้า การจัดขบวนยิ่งตี้เอิกเกริกก็เพื่อแสดงว่าตนร่ำรวยมหาศาลราวต้องการข่มตระกูลโจวแต่แล้วหางคิ้วถึงกับกระตุกเมื่อได้เห็นขบวนแปลกประหลาดด้านล่างล้มลงบัดนี้ ขบวนสาวงามยิ่งตี้แยกจากขบวนบุรุษ ทอดยาวหน้ากระดานเรียงห้าตามคำสั่ง ทุกสาวงามล้วนงดงามและดวงหน้าตื่นตระหนก ยิ่งเดินเข้าใกล้หอเสวี่ยจงสูงถึงเก้าชั้น ยิ่งพากันส่งเสียงเซ็งแซ่“เงียบ!!”ป้าลี่ผู้นำขบวนตะวาดเสียงก้อง ยิ่งตี้ทั้งหลายเงียบเสียงเชื่อฟัง ไป๋หลินเอ๋อร์มองเบื้องบนยอดสูงสุดของอ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 6 เจ็บแค่นี้คุ้มค่า

    บทที่ 6 เจ็บแค่นี้คุ้มค่าเพียงสิ้นคำแม่นางน้อยใหญ่อายุเกินสิบห้าปีดวงหน้าซีดเผือดหวีดร้อง บ้างเป็นลม บ้างวิ่งหนีจนคนสำนักคุ้มภัยต้องวิ่งไล่จับเหลือแต่ไป๋หลินเอ๋อร์ที่ยังคุกเข่า ไม่แตกตื่นเช่นคนอื่น มองตรงไปทางนายท่านซึ่งลุกยืนหันหลังเดินจากไปทันทีทำอย่างไรดีไป๋หลินเอ๋อร์ลอบสบตาตื่นตระหนกของจางอวี้ได้ไม่นานพลันถูกคนต้อนให้ออกนอกโถง แยกกันไปคนละทางพวกนางถูกกลุ่มคนต้อนออกมายืนกลางลานหน้าหอสูง ไม่ต้องรอให้พวกนางกลับไปเก็บของ เพราะห่อผ้าทั้งหมดถูกโยนมากลางลาน“ของใครให้หาเอาเอง จากนั้นเข้าแถวเรียงสองคน เดินไปทางประตูใหญ่”แต่ละนางก้มเก็บข้าวของของตนเองใบหน้านองน้ำตา ร้องไห้กระซิกสะอื้น ถูกนำมาเป็นยิ่งตี้สินสอดเจ้าบ่าวย่อมต้องเป็นคนของจวนนี้ เขาจะทำเช่นไรกับพวกนางย่อมได้ไป๋หลินเอ๋อร์หยิบห่อผ้าเล็กของตนเองขึ้นมา มีเสื้อผ้าไม่มากนัก นางเป็นเพียงลูกชาวนาแต่งกายธรรมดา หน้าตาแม้ดีกว่าคนทั่วไป แต่ให้เทียบกับแม่นางน้อยห้องหออยู่เพียงในจวนคงไม่ได้ ซ้ำมือแตกหยาบกร้านนางถูกเลี้ยงมาให้ต่อสู้อดทน ทำงานหนักได้ทุกอย่างดั่งบุรุษ นางไม่มีทางยอมแพ้ จงไห่ยังถูกจองจำอยู่ที่นี่ เป็นตายมิอาจรู้ หากนา

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 7 ชางซิงเยียน

    บทที่ 7 ชางซิงเยียนปลายหน้าฝนใกล้หน้าหนาวเช่นนี้ ยิ่งทำให้อากาศยามเช้าเย็นยะเยือก ไป๋หลินเอ๋อร์ขยับเปลือกตาทีละน้อยกระทั่งตื่นเต็มตาในวันรุ่งขึ้น นางยกมือจับศีรษะและจับแผ่นหลังเอี้ยวตัวตะแคงลุกแต่ไร้แรง มองห้องเล็กด้วยความสงสัย“โอ๊ย! เจ็บจัง”“เจ้าอย่าเพิ่งลุกขึ้น”เสียงหวานนุ่มทว่าหางเสียงแข็งเอ่ยสั่งอยู่มุมห้อง ไป๋หลินเอ๋อร์เหลียวมองจึงได้เห็นหญิงนางหนึ่งกำลังนั่งริมหน้าต่างรินชา“ข้า เจ็บ”“สมควรอยู่ที่เจ้าจะเจ็บ นึกอย่างไรกระโดดขวางรถม้าหากไม่ตายคงพิการ”“พิการ!”“โชคยังดีเจ้าไม่เป็นอะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าโชคจะเข้าข้างเจ้าได้ถึงเมื่อไร รอนายท่านกลับมาสะสางเจ้าแล้วจะรู้ว่าตายเสียยังดีกว่า”“ท่านพูด ... ขู่ข้า”“ฮึ แล้วแต่เจ้าจะคิด อ๋อ ข้าชื่อชางซิงเยียน เรียกข้าว่านายน้อยหญิง เจ้าล่ะ”“ข้า ไป๋หลินเอ๋อร์”“ไป๋หลินเอ๋อร์ ข้าจะบอกกฎสำนักเสวี่ยจงให้เจ้าฟัง ฟังแล้วจำให้ขึ้นใจ หากเจ้าทำผิดกฎไม่มีใครช่วยเจ้าได้”ไป๋หลินเอ๋อร์มองร่างแม่นางตรงหน้าอายุราวยี่สิบกว่าปี ใบหน้างดงามราวนางฟ้าแต่ทว่ากร้าวแกร่ง คำพูดคำจายังคล้ายเด็กแต่เมื่อจ้องเข้าไปในนัยน์ตาพบว่าประสบการณ์โชกโชน นางสวมชุดเช่นเดี

บทล่าสุด

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 29 บทพิเศษ จบบริบูรณ์

    บทที่ 29 บทพิเศษยามเหม่าในทุกวัน โจวหมิงเจ๋อมักลุกขึ้นเพื่อลงไปฝึกยุทธิ์กับคนของสำนักคุ้มภัยด้วยตนเองไป๋หลินเอ๋อร์พลิกกายโอบลำแขนอ่อนนุ่มรัดเขาไว้เอ่ยเสียงเบา“ท่านพี่ ยามเหม่าแล้ว”โจวหมิงเจ๋อตวัดรัดท่อนแขนให้ร่างเล็กบอบบางเกยขึ้นมานอนบนแผ่นอก ลูบฝ่ามือร้อนลงแผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์“เนื้อเจ้านุ่มมือ” ฝ่ามือใหญ่กางออกลูบแผ่นหลังรั้งนางให้ถดขึ้นกระทั่งริมฝีปากจดกันขยับแผ่วเบา“ป่านนี้เด็ก ๆ คงตื่นกันหมดแล้ว”“แล้วอย่างไร ตื่นแล้วก็ให้ยืนรอหน้าห้องไปก่อน”“ท่านพี่”“ยามเช้าเช่นนี้ ควรอยู่กันแต่ในผ้าห่มดีหรือไม่ กกกอดก่ายรัดร่าง”“ฮะ ฮ่า ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ลูกสามแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากท้องอีก”“ถ้าเช่นนั้น พี่จะไม่หลั่งน้ำพิสุทธิ์ข้างในเจ้า เช่นนี้หลินเอ๋อร์ยินยอมหรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากดันร่างตนเองออกแต่ถูกรั้งลงใต้ร่างทันควัน จับนางพลิกคว่ำ จูบขบลงฟันบนแผลเป็นรูปเสือ“คำกล่าวนี้ ท่านพี่บอกข้าเป็นพันครั้ง จนข้าขี้เกียจจดจำจะใส่ใจ”“ฮึ ในเมื่อหลินเอ๋อร์ไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพี่จะถือว่าเจ้าอนุญาต” โจวหมิงเจ๋ออมยิ้มขณะพรมจูบไต่ลงแผ่นหลังนวลเนียน มือก่อกวนวนเวียนไม่ห่างทั้งลูบคลำ ทั้งล้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 28 ความลับ

    บทที่ 28 ความลับไป๋หลินเอ๋อร์ดีดตัวออกจากโจวจางหมิ่นทันทีแล้วโผเข้าหาบุรุษตรงหน้า ให้เขาโอบรัดนางไว้ด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ซบดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำลงอกกระเพื่อมไหวจากแรงสูดลมหายใจไร้เสียงร้องใด ๆ จากโจวจางหมิ่น คมลูกธนูปักลงหัวไหล่ขวาที่รัดลำคอนางไว้ สีหน้าโจวจางหมิ่นปวดร้าว มองโจวหมิงเจ๋อด้วยดวงตากล่าวหา มาดร้าย และคล้ายไม่ต้องการเชื่อในที่โจวหมิ่งเจ๋อทำลงไปนางโอบร่างแกร่งไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปใกล้โจวจางหมิ่น“จางหมิ่น...” น้ำเสียงระห้อยโหยแรงเอ่ยชื่อในลำคอ ดวงตาแสบร้อนแดงก่ำ แต่ไร้น้ำตา เขามองร่างสูงเกร็งคล้ายเขาถอยหลังไปอีกสองก้าวในยามนี้โจวจางหมิ่นสีหน้าสงบลงแล้วราวกับว่ายอมรับบางอย่าง ริมฝีปากบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มก่อนจะทิ้งร่างลงเหวลึกด้วยป่ารกทึบด้านล่าง“จางหมิ่น จางหมิ่น!!! จางหมิ่นนน”บุรุษแกร่งเช่นโจวหมิงเจ๋อ ชั่วชีวิตกระทำการทารุณคน สังหาร มองเลือดและความตายด้วยความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่มาบัดนี้โจวจางหมิ่นที่เขาอุ้มชูเลี้ยงมากับมือทิ้งร่างอัตวิบากกรรมต่อหน้าเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงคุกเข่าเท้าฝ่ามือลงพื้นท่ามกลางใบไม้ร่วงหล่นสีส้มแดงในต้นฤดูหนาว“

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 27 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 27 โจวจางหมิ่น“เข้าใจผิด!! ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกับเจ้า ยิ่งตี้หรือฮูหยินท่านเจ้าสำนัก” โจวจางหมิ่นเดินเข้าใกล้โน้มหน้าลงต่ำ กระชากผมจนดวงหน้าของนางแหงนขึ้น“เจ้าไม่มีสิ่งใดผิด ผิดแค่ว่าเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง ท่านพ่อต่างหากที่ข้าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาน และข้ารู้ว่าท่านพ่อรักเจ้า”“โจวหมิงเจ๋อไม่ได้รักข้า ท่านเข้าใจผิด”“เจ้าไม่รู้จักนิสัยของพ่อข้าดี ท่านพ่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ อวี้เจียวจงรักภักดีรับใช้มาเนิ่นนาน เขายังยกให้เฉียนฟานโดยง่ายดาย แต่กับเจ้า..”มือนุ่มดั่งหญิงสาวเชยปลายคางนางขึ้นแล้วบีบ“พบเพียงไม่กี่หนกับยกย่องร่วมชีวิต สัญญาผูกพันนิจนิรันดร์ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีดีอะไร หน้าตาไม่ได้สะสวย ทั้งรูปร่างไม่ได้เสี้ยวหญิงงามเมือง แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเจ้าต้องตาย”โจวจางหมิ่นกดริมฝีปากนางล้วงนิ้วเข้า แล้วเผยอปากตัวเองคล้ายแสยะยิ้ม “ให้เขาได้ทุกข์ทนเช่นแม่ข้า ลุกขึ้น บอกลาชีวิตของเจ้าได้แล้ว”แรงบุรุษกระชากดึงนางขึ้นจากพื้น สาบเสื้อหลุดรุ่ยจนพ้นเนินทรวงหนึ่งข้าง โจวจางหมิ่นหลุบตามองก่อนใช้มือบีบขยำลงแรง“ทว่า เจ้าเองก็น่าลิ้มลอง บางคราวข้าก็เคยคิดว่าถ้าได้ร่วมเ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 26 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 26 โจวจางหมิ่นยามเว่ยในช่วงต้นฤดูหนาวชานเมืองหลวงของสำนักคุ้มกันภัยเสวี่ยจง ที่โอบล้อมด้วยป่าไผ่ ยิ่งพาให้อากาศเย็นขึ้นอีกหลายเท่าตัวไป๋หลินเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุมตัวยาวที่ชางซิงเยียนกำชับเป็นหนักหนาให้นางสวมมาด้วย แม้ว่านางบอกแล้วว่ามาแค่เรือนหลักเท่านั้นนางเดินผ่านสวนกลางเรื่อยจนมาถึงเรือนหลัก ไม่ทันได้เอ่ยแจ้งเด็กในเรือนพลันเห็นโจวจางหมิ่นยืนนิ่งตรงโค้งประตูวงเดือนทางออกสวนด้านหลังทุกคราที่นางพบหน้าโจวจางหมิ่น ขนแขนนางมักลุกชันอย่างน่าประหลาด และยามนี้ก็เช่นกัน นางมองสีหน้ากระหยิ่มและมุมปากโค้งขึ้นละม้ายโจวหมิงเจ๋อ แต่ก็แค่ละม้าย เพราะส่วนใหญ่บนใบหน้าของชายร่างเกร็งคนนี้ไม่เหมือนโจวหมิงเจ๋อแม้แต่น้อยนางขยับเข้าไปใกล้วางสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ใจเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความแตกต่าง โจวหมิงเจ๋อแม้ว่าการกระทำเย็นชารุนแรง ทว่ากลับมีความเมตตาต่อผู้อื่น ผิดไปจากบุตรชายที่แผ่กลิ่นอายโฉดชั่วทวีคูณ ยิ่งเห็นรอยแผลบนร่างฮุ่ยหรู ยิ่งรับรู้ว่าชายผู้นี้กระทำต่อสตรีเพศราวกับเป็นสัตว์สิ่งของ“ท่านแม่”นางมองร่างสูงของโจวจางหมิ่นโค้งลงคำนับนางราวกับว่าเป็นบุตรชายแท้จริงของนาง ทว

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 25 ฮุ่ยหรู

    บทที่ 25 ฮุ่ยหรูเพียะ เพียะ!!ฮุ่ยหรูล้มคว่ำลงทันทีเมื่อฝ่ามือของโจวจางหมิ่นกระทบใบหน้าเป็นครั้งที่สอง ร่างอ่อนแออย่างหญิงตั้งครรภ์สามเดือนกองบนพื้นน้ำตานองหน้า“ข้าบอกเจ้าให้ทำเช่นไรฮุ่ยหรู”“ฮื้ออ ขะ ข้า ข้ายัง พบ นางไม่ได้”เพล้ง!!โจวจางหมิ่นปัดกระถางกำยานล้มคว่ำเฉียดใบหน้าฮุ่ยหรูจนนางผงะออก ดวงตาหวาดกลัวไหวระริก เหลือบมองสามีที่นางแต่งเข้ามายังตระกูลโจวอันร่ำรวยและมากยศฐา“ยามนี้นางอยู่แต่บนหอ ท่านพ่อไม่ยอมให้นางลงมา อร้าย!! อย่า ข้ากลัวแล้ว”ฮุ่ยหรูยกมือไหว้ประลก ๆ น้ำตาไหลนองจนมองไม่เห็นสีหน้าสามี แต่นางรู้ว่าใบหน้าหล่อราวหยกกำลังบิดเบี้ยวจากแรงโกรธ เขากระชากผมนางดึงขึ้นมาจากพื้นเพียะ!!ใช้หลังฝ่ามือฟาดลงใบหน้าอีกครั้งแล้วผลักนางให้ล้มลงกับพื้น ยกเท้าเหยียบนางไว้“เวลาข้าสั่ง ไม่มีข้ออ้างฝ่าฝืน เข้าใจหรือไม่ภรรยารัก”นางพยักหน้ารับ ดวงหน้าแนบพื้นเย็นเยียบ สะอื้นขึ้นแรงก่อนที่โจวจางหมิ่นจะประคองนางขึ้นมาโอบกอดแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนผิดไปจากคราแรก“วันพรุ่ง เจ้าจงไปหานาง คุยกับนางให้นางคลายใจ ชักชวนนางดั่งที่ข้าบอกไว้ เข้าใจหรือไม่ฮุ่ยหรู”มือร้อนลูบผมนางประคองนางไปนั่งที่เตียง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 24 nc

    บทที่ 24 nc“แผลหายสนิทแล้ว”“หายแค่ภายนอก แต่จิตใจข้าไม่”นางกระชากเสียงใส่ ดึงดันจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่รวบนางไว้ให้นั่งลงซ้อนด้านหน้า“ไหน จิตใจเจ้าที่ตรงใดกัน ข้าจะทำความสะอาดให้หมดจด ขจัดความขุ่นมัวออกไปให้เอง”ไม่เพียงเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า มือรั้งร่างเล็กพร้อมผ้าในมือ เช็ดถูแผ่นหน้าท้อง ซบหน้าลงหัวไหล่ เลื่อนผ้านุ่มขึ้นหาทรวงอก นางสะดุ้งทันที“ข้ามือหนักไปหรือ?”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปาก มือจับขอบอ่างไว้ไม่กล้าขยับตัว ผ้านุ่มค่อยถูทำความสะอาดเนื้อนุ่มอวบอิ่มแผ่วเบา ในยามนี้นางรู้ตัวแล้วว่าคงหนีไม่พ้นบุรุษด้านหลังเป็นแน่ หากยังขืนตัวไม่อ่อนลงคงเป็นนางเองที่เจ็บตัว“ท่าน จะเบามือกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่”โจวหมิงเจ๋อชะงักไปครู่ เอียงหน้าไปมองดวงหน้างาม ปากกระจับเม้มแน่น พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ นางเอี้ยวกลับมาจ้องตอบ“เหตุใดไม่ตอบข้า”“ไม่ได้”ไป๋หลินเอ๋อร์สะอึกแล้วนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยถามอีก “ถ้าเช่นนั้น สอนข้าให้ ... ให้ข้าเจ็บน้อยที่สุด”โจวหมิงเจ๋อปล่อยผ้าออกจากมือ แล้วแทนที่ด้วยฝ่ามือร้อนจัดกอบกุมเนินทรวง “เจ้าอาจเริ่มจากผ่อนคลาย และสนุกกับสิ่งที่ข้าทำ”“สนุกงั้นหรือ”“ใช่แล้ว ถ้าข้าทำเช่นนี้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 23 อาบน้ำ

    บทที่ 23 อาบน้ำ“เจ้ามันคนบ้า”ถ้อยคำแรกที่ไป๋หลินเอ๋อร์ได้ยินจากเสียงทุ้มก้องต่ำและดวงหน้าแกร่งคมสันหน้าบึงตึ้งจ้องนางราวกินเลือดกินเนื้อ“ข้าชนะแล้วใช่ไหม” เสียงที่เคยหวานนุ่มแหบเครือ ยิ้มมุมปาก ดวงตาดอกท้อขยับปิดอีกครั้ง“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียงก่อนจะขยับผ้าห่มขึ้นให้จนมิดถึงคอ “ท่านหมอสุยฉวูเพิ่งจะกลับไป โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”นางจับมือเขาไว้ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ส่งรอยยิ้มอ่อนระโหย“ข้า..ขอบคุณท่าน โจวหมิงเจ๋อ”บุรุษปีศาจตรงหน้านางกำลังใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย“รอไว้ให้ข้าอยู่เฝ้าไข้เจ้าเองก่อนเถิด แล้วเจ้าจะถอนคำพูด”“หมายความว่าอะไร”“ท่านหมอสุยฉวูกำชับให้เจ้าพักผ่อนให้มาก และข้าไม่ไว้ใจใครให้เฝ้าไข้เจ้าอีกแล้ว จึงอาสาตนเองมาเป็นทาสรับใช้เจ้าไง”“ทาสรับใช้?”“อย่ามัวพูดมาก นอนเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าข้าสั่งโจ๊กปลาไว้แล้ว”โจวหมิงเจ๋อดึงมือออกแล้วเดินไปดับเทียนในห้องจนเหลือเพียงหนึ่งดวง ยังไม่ทันเดินกลับมาไป๋หลินเอ๋อร์ก็หลับสนิทไปแล้ว จึงนั่งลงขอบเตียงดั่งเก่า ใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมออก“เจ้ามันคนบ้า หลินเอ๋อร์” เสียงทุ้มกระซิบในลำคอ นัยน์ตาล้ำลึกมองดวงหน้าหวานที่มีร่อง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้ว

    บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้วซ่า...โครม!! เฮือก!!“อะไรกัน!!”ไป๋หลินเอ๋อร์สะดุ้งเฮือกสุดตัวลืมตาเบิกโพลงตกตะลึงยามแหงนดวงหน้าเปียกโชกด้วยน้ำเห็นนายท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยยืนค้ำร่างดวงตาวาวแสงลุกโชนด้วยไฟโทสะ“มัดพวกนาง ลากกลับสำนัก”สิ้นเสียงพลันข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกรวบพร้อมถูกกระชากร่างขึ้นจากพื้น ดวงตาดอกท้อเหลียวมองจางอวี้ บัดนี้สีหน้าซีดเผือดตื่นกลัว ดวงตาเบิกกว้างระคนสับสน“ไม่ต้องกลัวจางอวี้”“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียง “เก็บไว้ปลอบใจตัวเองดีกว่า ฮูหยิน”นางตวัดสายตากลับมา แล้วผงะถอยหลัง นัยน์ตาสีเข้มยามโพล้เพล้แดงฉานวาวโรจน์ส่องประกายดั่งปีศาจ ขมึงทึงและบิดเบี้ยว“จางอวี้ไม่มีส่วน หากท่านต้องการลงโทษ ลงโทษข้า” นางโผเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ โจวหมิงเจ๋อขยับร่างหนีจนนางเกือบล้มลงตรงหน้า แต่ชางซิงเยียนคว้านางไว้ได้ทัน“เจ้าคงไม่รู้ว่ายามใดควรทำสิ่งใด หากเจ้ายังเข้าใกล้ข้าในตอนนี้ ข้าคงไม่อาจยับยั้งใจไว้ได้ฮูหยิน” โจวหมิงเจ๋อหันหลังกลับ ทั่วร่างกายคุกรุ่นด้วยความโกรธ“ท่านจะทำอะไร ทำกับข้าอย่างที่ทำกับสตรีในบ้านร้าง!! ใช่หรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์ตะโกนถามเสียงดัง แล้วจึงสะดุ้งสุดตัวถอยฉากหนีถึง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 21 โจวหนิงเหมย

    บทที่ 21 โจวหนิงเหมยไม่ทันสิ้นคำพลันเสียงร้องหวีดโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งยาวนาน จนพวกนางต้องยกมืออุดหู“แม่นางในนั้นอาจป่วย”“ไม่พี่หลินเอ๋อร์ ข้าว่านางเป็นบ้า”“อย่างไรเราควรเข้าไปดู”จางอวี้ดึงรั้งมือไป๋หลินเอ๋อร์ไว้ จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่อาจหยุดยั้งพี่สาวคนนี้ได้จึงเดินตามติดด้านหลังแบบจมูกแนบแผ่นหลังเรือนหลังเล็กนี้รูปทรงคล้ายกระท่อมบ้านของไป๋หลินเอ๋อร์ บ้านชาวบ้านสร้างง่าย ๆ มีเพียงห้องเดียวรวมทั้งหมด ครัว ห้องนอน กินข้าว นางค่อยเดินแผ่วเบาไปยังขอบหน้าต่างก้มลงต่ำ แล้วโผล่ขึ้นมาแค่พ้นขอบลูกตา“อื้อออออ กรี๊ดดดด อ๊าชชชช์”หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างผอบบางมากอายุราวสามสิบกว่าปลายสี่สิบหรืออาจมากกว่านั้น ไป๋หลินเอ๋อร์ประมาณไม่ได้เพราะผมขาวแล้วเกือบทั้งศีรษะ นางนั่งก้มหน้าร้องไห้ ปล่อยผมกระเซอะกระเซิง แม้ว่าภายในกระท่อมจะเก่าและโทรม ทว่าการแต่งกายกลับสะอาดสะอ้าน คล้ายกับว่ามีคนคอยดูแล ทั้งเนื้อตัวไม่ได้เปื้อนมอมแมมคลุกฝุ่นไป๋หลินเอ๋อร์และจางอวี้มองหน้ากัน ก่อนที่ไป๋หลินเอ๋อร์จะตัดสินลุกขึ้นยืน“แม่นาง”หญิงสาวคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงคนแปลกหน้าพลันผุดลุกขึ้นทันที กวาดมองไปรอบห้อง“กรี๊ดดดดดดด

DMCA.com Protection Status