หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจโล่งอกพลางเอ่ย “เรากำลังตรวจสอบว่าตำรับยาใดที่ใช้ได้ผลกับโรคระบาดนี้ ขอเพียงได้ผล ก็จะเร่งผลักดันโดยเร็วที่สุด!”“อืม! เจ้าพยายามทำให้ดีที่สุดก็พอ! อย่าให้ตัวเองเหนื่อยล้ามากนัก ดูแลสุขภาพด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใส่ใจหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้นมองเขา นางคุ้นเคยกับเซียวหลินเทียนที่นั่งอยู่บนรถเข็น พอลุกขึ้นได้เช่นนี้ นางถึงได้พบว่าเขาสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรเลย กดความสูงของตนไปหมดสิ้นเลยทีเดียว!ชุดเกราะสีดำของเซียวหลินเทียนดูสง่างามมาก แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก แต่คิ้วหล่อเหลาของเขาที่พ้นออกมานอกหน้ากากก็ดูดีจับตามาก ๆหลิงอวี๋ยกกำปั้นขึ้น พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านก็สุขภาพของตัวเองด้วย! เรามาสู้ไปด้วยกันแล้วกำจัดโรคระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุดกันเถิดเพคะ!”“ท่าทางเช่นนี้หมายถึงการให้กำลังใจหรือ?”เซียวหลินเทียนมองเห็นเพียงดวงตาของหลิงอวี๋ เขาจึงคาดเดาสีหน้าของนางภายใต้หน้ากาก คิ้วโค้งงอนั่น คงกำลังยิ้มอยู่สินะ!“เพคะ! แล้วก็ท่านี้… หมายถึงชัยชนะ!”หลิงอวี๋ทำสัญลักษณ์ชูสองนิ้วมุมปากของเซียวหลินเทียนยกขึ้น คิดว่าน่าสนใจมาก จึงทำตามหลิงอวี๋อีกครั้ง“เช่นนั้นเรา
“ขอแสดงความยินดีกับหมอเฝิงด้วย…”หมอหานกับหมอหลี่ต่างก็แสดงความยินดีกับหมอเฝิงหลังจากได้รับคำชมไปเล็กน้อย หมอเฝิงก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที พลางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ“ข้าก็บอกแล้วว่า ตำรับของข้าได้รับการยกย่องจากถังถีเตี่ยนแต่มีบางคนมิเชื่อ!”“เรียนทักษะการแพทย์ได้สองสามวันก็ไม่เห็นหัวใครแล้ว องค์จักรพรรดิเองก็ถูกนางหลอกเช่นกัน จึงแต่งตั้งนางให้เป็นหัวหน้า!”แม้ว่าหมอเฝิงจะมิได้เอ่ยชื่อ แต่หมอหานกับคนอื่น ๆ ก็รู้ว่าเขากำลังเอ่ยถึงพระชายาอ๋องอี้หลิงอวี๋เดินออกมาพอดี ได้ยินดังนั้นก็มิได้โกรธทั้งยังเอ่ยอย่างสุภาพอีกด้วย“ทุกท่านไปที่ห้องรักษาก่อนเถิด! เรามาหารือเรื่องตำรับยาและวิธีการรักษาของหมอเฝิงกัน หากได้ผลจริง จะได้ให้ท่านอ๋องอี้ช่วยผลักดัน!”“เหตุใดจะมิได้ผลเล่า? ผู้ป่วยเหล่านั้นคือตัวอย่างที่มีชีวิต!”หมอเฝิงยิ้มอย่างเย็นชา พลางเอ่ยด้วยท่าทีแปลก ๆ“พระชายาอ๋องอี้มิยอมรับหรือว่าทักษะทางการแพทย์ของข้าดีกว่าของท่าน? ในฐานะแพทย์ท่านควรจะใจกว้าง และถ่อมตัวพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะได้ไปได้ไกล!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “หมอเฝิงกังวลเกินไปแล้ว! หลิงอวี๋ได้รับคำสั่งให้มารักษ
หมอเฝิงเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ข้ารู้ว่านางตั้งครรภ์! แต่ตำรับยานี้มิเป็นอันตรายต่อนาง เมื่อครู่ข้าไปตรวจนางแล้ว ตุ่มน้ำของนางก็หายพองแล้ว…”“เลอะเทอะ! ในตำรับยานี้มีชาดอยู่ หากใช้กับผู้ป่วยโรคระบาดทั่วไป มันสามารถขจัดอาการบวม แผลที่ผิวหนัง และล้างพิษได้จริง!”“แต่ชาดเป็นพิษ หากใช้กับสตรีมีครรภ์ ในกรณีที่ไม่รุนแรงอาจทำให้แท้งได้ แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้!”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ท่านก็รู้อยู่ว่าแม่นางหยางเป็นสตรีมีครรภ์ เหตุใดจึงกล้าให้นางใช้ยาเช่นนี้!"แต่หมอเฝิงยิ้มอย่างดูหมิ่นคำพูดของหลิงอวี๋พลางเอ่ย “จะเป็นไปได้เยี่ยงไร! ชาดมีฤทธิ์ในการทำให้จิตใจสงบ ขจัดความร้อนและล้างพิษ และช่วยในการมองเห็น! เราใช้มันมาหลายปีแล้วมิเคยได้ยินว่ามันมีพิษเลย!”“พระชายาอ๋องอี้ หากท่านมิอยากเสียตำแหน่งก็พูดมาตามตรง เหตุใดถึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย?”“ข้าตื่นตระหนกหรือ?”หลิงอวี๋โกรธมากพลางเอ่ย “ท่านรู้เพียงแค่ขนของชาดเท่านั้นกลับกล้าใช้ส่งเดช… ข้าจะบอกท่านเองว่าแท้จริงแล้วควรจะใช้ชาดเยี่ยงไร…”ยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ผู้ช่วยของหมอเฝิงก็วิ่งเข้ามา พลางตะโกนด้วยความตื่น
“รู้สึกดีจริง ๆ ที่ยืนได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มให้หลิงอวี๋พลางเอ่ย "เมื่อก่อนข้านั่งอยู่บนรถเข็น เวลาอยากจะตีใครก็มิค่อยสะดวก! ตอนนี้มิต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว..."หลิงอวี๋หัวเราะ แต่ไม่มีเวลาที่จะยกย่องเซียวหลินเทียน นางจับชีพจรของแม่นางหยางอย่างตั้งใจ พลางเขียนตำรับยา“หลิงซวน ไปเอายานี้ที่ร้านยา! เตรียมยาสามชามให้เป็นชามเดียวแล้วนำมา!”หลิงซวนรีบรับตำรับยาแล้วออกไปส่งให้เถาจื่อหมอเฝิงยืนอยู่ตรงลานอย่างมิพอใจ เขาถูกเซียวหลินเทียนโยนออกมาทำให้รู้สึกอับอายมาก ๆ เขามิกล้าดุด่าเซียวหลินเทียนทำได้เพียงแค่รอให้หลิงอวี๋ออกมาแล้วตำหนิหลิงอวี๋หมอหานจากโรงไป๋เฉ่ากับหมอเฉินจากโรงหุยชุนยืนเงียบ ๆ อยู่ที่หน้าประตู พลางมองหลิงอวี๋รักษาแม่นางหยางเมื่อเห็นเข็มฉีดยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในมือของหลิงอวี๋ ดวงตาของหมอเฉินกะพริบเล็กน้อยส่วนหมอหานดูงุนงง พลางครุ่นคิด...ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากที่ฉีดยาเข้าไป ท้องของแม่นางหยางก็ไม่เจ็บแล้ว เลือดก็หยุดไหลแล้วด้วยนางยังคงมองหลิงอวี๋ด้วยความตื่นตระหนกพลางเอ่ยถาม “พระชายาอ๋องอี้ ลูกของข้าเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”“ตอนนี้เด็กไม่เป็นอะไร! เจ้าฟังข้าให้
หมอเฝิงตกใจกับความโกรธอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียน เสียงของเขาจึงเบาลงเล็กน้อยแต่ก็ยังยืนกรานแก้ต่างอยู่“ท่านอ๋องอี้ เราพูดกันแบบมีเหตุผลเถิดพ่ะย่ะค่ะ… พวกหมอหานต่างก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ผู้ป่วยของกระหม่อมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้กลับแย่ลง นี่ต้องมีคนเล่นมิซื่อเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านจะเห็นแก่นางเพียงเพราะว่านางเป็นพระชายาของท่านมิได้พ่ะย่ะค่ะ!”“พระชายาอ๋องอี้ดูแลหออักษรนี้อยู่ นางอยากจะทำการใดก็ง่ายนัก! ท่านให้พระชายาอ๋องอี้แสดงหลักฐานมาพิสูจน์ว่านางมิได้ทำ แล้วเราก็จะเชื่อนางพ่ะย่ะค่ะ!”“มิเช่นนั้น… เรามิยอมรับ!”หมอเฝิงดึงพวกหมอหานเข้ามาในฝั่งของตนอย่างชาญฉลาดหลิงอวี๋โกรธ จากนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ย “เดิมทีแล้วผู้ใดอ้างหลักฐานผู้นั้นต้องเป็นคนหาหลักฐาน! ท่านบอกว่าข้าเล่นมิซื่อ ท่านก็ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์สิ!”“แต่หมอเฝิง มิใช่ว่าข้าดูถูกท่านหรือไร แต่จนถึงตอนนี้ท่านยังมิรู้ว่าตนเองผิดที่ใด หากให้ท่านไปหาหลักฐานมันคงจะยากเกินไปสำหรับท่าน!”“ข้าจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ท่านเห็นเองแล้วกัน!”หลิงอวี๋พูดขณะที่หยิบตำรับยาหมอเฝิงออกมา พลางเอ่ยกับพวกหมอหาน“เมื่อวานตอนที่ข้าคุยกั
หมอหลี่จากเขตหลินก็กลัวว่าตำรับยาของหมอเฝิงจะไม่ถูกและตนจะเข้าไปพัวพันด้วย จึงช่วยเอ่ย“หมอเฉินพูดถูก โรคระบาดมันอันตรายถึงเพียงนี้ หมอเฝิงจะมาจัดการกับโรคระบาดโดยมิคำนึงถึงความปลอดภัยส่วนบุคคลได้เยี่ยงไร ถึงไม่มีความดีความชอบก็ยังมีความดีที่ทำงานหนัก! ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ โปรดไว้ชีวิตเขาในครั้งนี้ด้วยเถิด!”หมอหานพยักหน้าเล็กน้อย พลางเอ่ยอย่างเห็นด้วย “พระชายาอ๋องอี้ ท่านมีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม หมอเฝิงมิได้เก่งเท่าท่าน ก็ให้เขาเรียนได้เรียนรู้อย่างดีไปด้วยเถิด!”หมอเฝิงคุกเข่าลงทันทีพลางร้องขอความเมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ทักษะการแพทย์ของท่านยอดเยี่ยมมาก! ข้าเข้าใจท่านผิดไปแล้ว!”“ข้าขออภัย พระชายาอ๋องอี้โปรดจำไว้ว่า ข้าก็ใส่ใจผู้ป่วยเช่นกัน อย่าเอาความข้าเลย!”“และพระชายาอ๋องอี้โปรดคิดตำรับยาที่ได้ผล พวกเราจะทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อกำจัดโรคระบาดโดยเร็วที่สุด!”เซียวหลินเทียนมองหมอเฝิงอย่างเย็นชา ชายผู้นี้สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้เยี่ยมมากเขามองไปที่หลิงอวี๋ที่ส่ายหัวให้เขา“ท่านอ๋อง พวกเขาพูดถูก เวลานี้ต้องใช้กำลังคน ในเมื่อหมอเฝิงรู้ข้อผิดพลาดของตนเองแล้ว
หลิงอวี๋รีบไปตรวจดูแล้วพบว่าเขามีตุ่มน้ำแผลพุพองที่คอด้วยหลิงอวี๋ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด หลี่เฉียงผู้นี้ นางบอกให้เขามาหานางทันทีที่รู้สึกไม่สบาย แต่เขากลับไม่ฟังและยืนกรานจนทำให้อาการป่วยแย่ลงคนเช่นนี้มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตาจริง ๆ!แม้ว่านางจะโกรธ แต่ก็ยังให้หลู่ชิ่งนำยามาป้อนเขาอยู่ดีหลี่เฉียงเพิ่งป่วยวันนี้ บางทีตำรับยาของตนอาจได้ผลกับเขาด้านนอก หมอเฉินจากโรงหุยชุนกำลังปรึกษาเรื่องตำรับยากับหมอหานและหมอเฝิง จู่ ๆ ลูกศิษย์ของหมอเฉินก็เข้ามาพร้อมซองยา พลางลากหมอเฉินไปด้านข้างลูกศิษย์กระซิบอะไรบางอย่าง แล้วจู่ ๆ คำว่ายาปลอมก็เข้ามาในหูของหมอเฝิง ใจของเขาก็สั่นทันที พลางตะโกน “หมอเฉิน เขาบอกอะไรกับเจ้า?”“เหตุใดข้าได้ยินว่ามียาปลอม… หรือเครื่องยาสมุนไพรจะเป็นของปลอมหรือ?”หมอเฝิงพูดแล้วเดินเข้ามา จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแย่งยาจากมือลูกศิษย์เขาพอหมอเฉินเห็นเช่นนี้ ก็รีบเอื้อมมือออกไปแย่ง พลางเอ่ยอย่างปิดบัง “หมอเฝิง เจ้าได้ยินผิดแล้ว มิได้เป็นเช่นนั้น!”หมอเฝิงมีหรือจะปล่อยให้เขาแย่งกลับไป เขาหลบหลีกมือนั้นแล้วเปิดห่อยาในมือเพื่อตรวจสอบแล้วก็ได้เห็นว่าพวกยาในนั้นเป็นของปลอมทั
หลังจากที่เผยอวี้ส่งเครื่องยาสมุนไพรถึงที่แล้ว เขาก็ร่วมมือกับฉินซานและหลี่ว์จงเจ๋อในงานป้องกันโรคระบาด พาทหารไปฆ่าเชื้อตามบ้านเรือนหมอเฝิงถามทหารจนรู้ว่าเผยอวี้อยู่ที่ใดแล้วลากหมอหานออกไป เมื่อเห็นเผยอวี้ก็ดึงเขาไปข้าง ๆเผยอวี้ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “หมอเฝิงมิได้รักษาผู้ป่วยอยู่ในหออักษรหรือ มาทำกระไรที่นี่กัน!”“แม่ทัพเผย เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! หากเรามิมาตามหาท่าน จะให้รอจนเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วถูกตัดหัวหรือ?”เมื่อเห็นฉินซานกับหลี่ว์จงเจ๋อ หมอเฝิงก็จงใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่หันกลับมามองและเดินเข้ามา“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ฉินซานรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัย ได้ยินเข้าก็ตกใจมาก คิดว่าตนประมาทจนทำผิดพลาดใหญ่โต“พวกเครื่องยาสมุนไพรนี้เป็นของปลอม…”หมอเฝิงเอาห่อยาให้พวกเขาดูแล้วแสร้งทำทีลำบากใจ พลางเอ่ยอย่างกังวล“ท่านแม่ทัพทั้งสาม นี่มิใช่เรื่องใหญ่หรือ? เรามากำจัดโรคระบาด หากยานี้ปลอม จะรักษาโรคได้หรือ?”“โดยเฉพาะแม่ทัพเผย! ท่านเป็นผู้ขนส่งเครื่องยาสมุนไพร หากเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านจะเป็นคนแรกที่ถูกลงโทษ!”เผยอวี้ได้ยินแล้วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เหงื่อเย็น ๆ ไหล
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต