วันนี้หลิงอวี๋ไม่ได้พักผ่อนสักเท่าใด นางเขียนตำรับยาให้บรรดาผู้ป่วยของตนเอง แล้วให้หลิงซวนไปต้มยาให้พวกเขาดื่มปู่หยางกับหยางต้ายาก็เป็นผู้ป่วยของหลิงอวี๋ และยังมีภรรยาของหยางซงอีกด้วยแม่นางหยางตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว ตามร่างกายมีแผลพุพอง นางเป็นไข้หวัดนก หลิงอวี๋ต้องให้ยานางอย่างระมัดระวังและรอบคอบมาก เพราะกลัวว่ายาจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ของนางหลิงอวี๋กับแม่นางหยางคุยกันเรื่องผลกระทบจากโรคระบาดที่อาจกระทบต่อเด็กในครรภ์แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “เช่นนั้นข้าไม่กินยาเจ้าค่ะ! สักพักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอดทน “โรคชนิดนี้ถึงพักไปก็มิสามารถหายได้หรอก! แม่นางหยาง หากเจ้ามิกินยา อาการก็อาจจะแย่ลง!”“ข้ากินยามิได้… กว่าจะท้องลูกคนนี้ข้าลำบากมาก ก่อนหน้านี้แม่สามีให้เจ้าอาวาสวัดทำนายให้ ลูกคนนี้ต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่นอนเจ้าค่ะ!”“ข้าจะต้องให้กำเนิดเขา!”แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “พระชายาอ๋องอี้ ท่านบอกว่าท่านเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่หรือ? ท่านไม่มียาที่ช่วยให้ลูกของข้าเกิดมาอย่างแข็งแรงหรือเจ้าคะ?”“ขึ้นชื่อว่ายาย่อมมีสามส่วนที่เป็นพิษ ข้ามิกล้าสามารถรับปร
หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจโล่งอกพลางเอ่ย “เรากำลังตรวจสอบว่าตำรับยาใดที่ใช้ได้ผลกับโรคระบาดนี้ ขอเพียงได้ผล ก็จะเร่งผลักดันโดยเร็วที่สุด!”“อืม! เจ้าพยายามทำให้ดีที่สุดก็พอ! อย่าให้ตัวเองเหนื่อยล้ามากนัก ดูแลสุขภาพด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใส่ใจหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้นมองเขา นางคุ้นเคยกับเซียวหลินเทียนที่นั่งอยู่บนรถเข็น พอลุกขึ้นได้เช่นนี้ นางถึงได้พบว่าเขาสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรเลย กดความสูงของตนไปหมดสิ้นเลยทีเดียว!ชุดเกราะสีดำของเซียวหลินเทียนดูสง่างามมาก แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก แต่คิ้วหล่อเหลาของเขาที่พ้นออกมานอกหน้ากากก็ดูดีจับตามาก ๆหลิงอวี๋ยกกำปั้นขึ้น พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านก็สุขภาพของตัวเองด้วย! เรามาสู้ไปด้วยกันแล้วกำจัดโรคระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุดกันเถิดเพคะ!”“ท่าทางเช่นนี้หมายถึงการให้กำลังใจหรือ?”เซียวหลินเทียนมองเห็นเพียงดวงตาของหลิงอวี๋ เขาจึงคาดเดาสีหน้าของนางภายใต้หน้ากาก คิ้วโค้งงอนั่น คงกำลังยิ้มอยู่สินะ!“เพคะ! แล้วก็ท่านี้… หมายถึงชัยชนะ!”หลิงอวี๋ทำสัญลักษณ์ชูสองนิ้วมุมปากของเซียวหลินเทียนยกขึ้น คิดว่าน่าสนใจมาก จึงทำตามหลิงอวี๋อีกครั้ง“เช่นนั้นเรา
“ขอแสดงความยินดีกับหมอเฝิงด้วย…”หมอหานกับหมอหลี่ต่างก็แสดงความยินดีกับหมอเฝิงหลังจากได้รับคำชมไปเล็กน้อย หมอเฝิงก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที พลางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ“ข้าก็บอกแล้วว่า ตำรับของข้าได้รับการยกย่องจากถังถีเตี่ยนแต่มีบางคนมิเชื่อ!”“เรียนทักษะการแพทย์ได้สองสามวันก็ไม่เห็นหัวใครแล้ว องค์จักรพรรดิเองก็ถูกนางหลอกเช่นกัน จึงแต่งตั้งนางให้เป็นหัวหน้า!”แม้ว่าหมอเฝิงจะมิได้เอ่ยชื่อ แต่หมอหานกับคนอื่น ๆ ก็รู้ว่าเขากำลังเอ่ยถึงพระชายาอ๋องอี้หลิงอวี๋เดินออกมาพอดี ได้ยินดังนั้นก็มิได้โกรธทั้งยังเอ่ยอย่างสุภาพอีกด้วย“ทุกท่านไปที่ห้องรักษาก่อนเถิด! เรามาหารือเรื่องตำรับยาและวิธีการรักษาของหมอเฝิงกัน หากได้ผลจริง จะได้ให้ท่านอ๋องอี้ช่วยผลักดัน!”“เหตุใดจะมิได้ผลเล่า? ผู้ป่วยเหล่านั้นคือตัวอย่างที่มีชีวิต!”หมอเฝิงยิ้มอย่างเย็นชา พลางเอ่ยด้วยท่าทีแปลก ๆ“พระชายาอ๋องอี้มิยอมรับหรือว่าทักษะทางการแพทย์ของข้าดีกว่าของท่าน? ในฐานะแพทย์ท่านควรจะใจกว้าง และถ่อมตัวพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะได้ไปได้ไกล!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “หมอเฝิงกังวลเกินไปแล้ว! หลิงอวี๋ได้รับคำสั่งให้มารักษ
หมอเฝิงเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ข้ารู้ว่านางตั้งครรภ์! แต่ตำรับยานี้มิเป็นอันตรายต่อนาง เมื่อครู่ข้าไปตรวจนางแล้ว ตุ่มน้ำของนางก็หายพองแล้ว…”“เลอะเทอะ! ในตำรับยานี้มีชาดอยู่ หากใช้กับผู้ป่วยโรคระบาดทั่วไป มันสามารถขจัดอาการบวม แผลที่ผิวหนัง และล้างพิษได้จริง!”“แต่ชาดเป็นพิษ หากใช้กับสตรีมีครรภ์ ในกรณีที่ไม่รุนแรงอาจทำให้แท้งได้ แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้!”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ท่านก็รู้อยู่ว่าแม่นางหยางเป็นสตรีมีครรภ์ เหตุใดจึงกล้าให้นางใช้ยาเช่นนี้!"แต่หมอเฝิงยิ้มอย่างดูหมิ่นคำพูดของหลิงอวี๋พลางเอ่ย “จะเป็นไปได้เยี่ยงไร! ชาดมีฤทธิ์ในการทำให้จิตใจสงบ ขจัดความร้อนและล้างพิษ และช่วยในการมองเห็น! เราใช้มันมาหลายปีแล้วมิเคยได้ยินว่ามันมีพิษเลย!”“พระชายาอ๋องอี้ หากท่านมิอยากเสียตำแหน่งก็พูดมาตามตรง เหตุใดถึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย?”“ข้าตื่นตระหนกหรือ?”หลิงอวี๋โกรธมากพลางเอ่ย “ท่านรู้เพียงแค่ขนของชาดเท่านั้นกลับกล้าใช้ส่งเดช… ข้าจะบอกท่านเองว่าแท้จริงแล้วควรจะใช้ชาดเยี่ยงไร…”ยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ผู้ช่วยของหมอเฝิงก็วิ่งเข้ามา พลางตะโกนด้วยความตื่น
“รู้สึกดีจริง ๆ ที่ยืนได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มให้หลิงอวี๋พลางเอ่ย "เมื่อก่อนข้านั่งอยู่บนรถเข็น เวลาอยากจะตีใครก็มิค่อยสะดวก! ตอนนี้มิต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว..."หลิงอวี๋หัวเราะ แต่ไม่มีเวลาที่จะยกย่องเซียวหลินเทียน นางจับชีพจรของแม่นางหยางอย่างตั้งใจ พลางเขียนตำรับยา“หลิงซวน ไปเอายานี้ที่ร้านยา! เตรียมยาสามชามให้เป็นชามเดียวแล้วนำมา!”หลิงซวนรีบรับตำรับยาแล้วออกไปส่งให้เถาจื่อหมอเฝิงยืนอยู่ตรงลานอย่างมิพอใจ เขาถูกเซียวหลินเทียนโยนออกมาทำให้รู้สึกอับอายมาก ๆ เขามิกล้าดุด่าเซียวหลินเทียนทำได้เพียงแค่รอให้หลิงอวี๋ออกมาแล้วตำหนิหลิงอวี๋หมอหานจากโรงไป๋เฉ่ากับหมอเฉินจากโรงหุยชุนยืนเงียบ ๆ อยู่ที่หน้าประตู พลางมองหลิงอวี๋รักษาแม่นางหยางเมื่อเห็นเข็มฉีดยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในมือของหลิงอวี๋ ดวงตาของหมอเฉินกะพริบเล็กน้อยส่วนหมอหานดูงุนงง พลางครุ่นคิด...ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากที่ฉีดยาเข้าไป ท้องของแม่นางหยางก็ไม่เจ็บแล้ว เลือดก็หยุดไหลแล้วด้วยนางยังคงมองหลิงอวี๋ด้วยความตื่นตระหนกพลางเอ่ยถาม “พระชายาอ๋องอี้ ลูกของข้าเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”“ตอนนี้เด็กไม่เป็นอะไร! เจ้าฟังข้าให้
หมอเฝิงตกใจกับความโกรธอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียน เสียงของเขาจึงเบาลงเล็กน้อยแต่ก็ยังยืนกรานแก้ต่างอยู่“ท่านอ๋องอี้ เราพูดกันแบบมีเหตุผลเถิดพ่ะย่ะค่ะ… พวกหมอหานต่างก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ผู้ป่วยของกระหม่อมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้กลับแย่ลง นี่ต้องมีคนเล่นมิซื่อเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านจะเห็นแก่นางเพียงเพราะว่านางเป็นพระชายาของท่านมิได้พ่ะย่ะค่ะ!”“พระชายาอ๋องอี้ดูแลหออักษรนี้อยู่ นางอยากจะทำการใดก็ง่ายนัก! ท่านให้พระชายาอ๋องอี้แสดงหลักฐานมาพิสูจน์ว่านางมิได้ทำ แล้วเราก็จะเชื่อนางพ่ะย่ะค่ะ!”“มิเช่นนั้น… เรามิยอมรับ!”หมอเฝิงดึงพวกหมอหานเข้ามาในฝั่งของตนอย่างชาญฉลาดหลิงอวี๋โกรธ จากนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ย “เดิมทีแล้วผู้ใดอ้างหลักฐานผู้นั้นต้องเป็นคนหาหลักฐาน! ท่านบอกว่าข้าเล่นมิซื่อ ท่านก็ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์สิ!”“แต่หมอเฝิง มิใช่ว่าข้าดูถูกท่านหรือไร แต่จนถึงตอนนี้ท่านยังมิรู้ว่าตนเองผิดที่ใด หากให้ท่านไปหาหลักฐานมันคงจะยากเกินไปสำหรับท่าน!”“ข้าจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ท่านเห็นเองแล้วกัน!”หลิงอวี๋พูดขณะที่หยิบตำรับยาหมอเฝิงออกมา พลางเอ่ยกับพวกหมอหาน“เมื่อวานตอนที่ข้าคุยกั
หมอหลี่จากเขตหลินก็กลัวว่าตำรับยาของหมอเฝิงจะไม่ถูกและตนจะเข้าไปพัวพันด้วย จึงช่วยเอ่ย“หมอเฉินพูดถูก โรคระบาดมันอันตรายถึงเพียงนี้ หมอเฝิงจะมาจัดการกับโรคระบาดโดยมิคำนึงถึงความปลอดภัยส่วนบุคคลได้เยี่ยงไร ถึงไม่มีความดีความชอบก็ยังมีความดีที่ทำงานหนัก! ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ โปรดไว้ชีวิตเขาในครั้งนี้ด้วยเถิด!”หมอหานพยักหน้าเล็กน้อย พลางเอ่ยอย่างเห็นด้วย “พระชายาอ๋องอี้ ท่านมีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม หมอเฝิงมิได้เก่งเท่าท่าน ก็ให้เขาเรียนได้เรียนรู้อย่างดีไปด้วยเถิด!”หมอเฝิงคุกเข่าลงทันทีพลางร้องขอความเมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ทักษะการแพทย์ของท่านยอดเยี่ยมมาก! ข้าเข้าใจท่านผิดไปแล้ว!”“ข้าขออภัย พระชายาอ๋องอี้โปรดจำไว้ว่า ข้าก็ใส่ใจผู้ป่วยเช่นกัน อย่าเอาความข้าเลย!”“และพระชายาอ๋องอี้โปรดคิดตำรับยาที่ได้ผล พวกเราจะทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อกำจัดโรคระบาดโดยเร็วที่สุด!”เซียวหลินเทียนมองหมอเฝิงอย่างเย็นชา ชายผู้นี้สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้เยี่ยมมากเขามองไปที่หลิงอวี๋ที่ส่ายหัวให้เขา“ท่านอ๋อง พวกเขาพูดถูก เวลานี้ต้องใช้กำลังคน ในเมื่อหมอเฝิงรู้ข้อผิดพลาดของตนเองแล้ว
หลิงอวี๋รีบไปตรวจดูแล้วพบว่าเขามีตุ่มน้ำแผลพุพองที่คอด้วยหลิงอวี๋ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด หลี่เฉียงผู้นี้ นางบอกให้เขามาหานางทันทีที่รู้สึกไม่สบาย แต่เขากลับไม่ฟังและยืนกรานจนทำให้อาการป่วยแย่ลงคนเช่นนี้มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตาจริง ๆ!แม้ว่านางจะโกรธ แต่ก็ยังให้หลู่ชิ่งนำยามาป้อนเขาอยู่ดีหลี่เฉียงเพิ่งป่วยวันนี้ บางทีตำรับยาของตนอาจได้ผลกับเขาด้านนอก หมอเฉินจากโรงหุยชุนกำลังปรึกษาเรื่องตำรับยากับหมอหานและหมอเฝิง จู่ ๆ ลูกศิษย์ของหมอเฉินก็เข้ามาพร้อมซองยา พลางลากหมอเฉินไปด้านข้างลูกศิษย์กระซิบอะไรบางอย่าง แล้วจู่ ๆ คำว่ายาปลอมก็เข้ามาในหูของหมอเฝิง ใจของเขาก็สั่นทันที พลางตะโกน “หมอเฉิน เขาบอกอะไรกับเจ้า?”“เหตุใดข้าได้ยินว่ามียาปลอม… หรือเครื่องยาสมุนไพรจะเป็นของปลอมหรือ?”หมอเฝิงพูดแล้วเดินเข้ามา จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแย่งยาจากมือลูกศิษย์เขาพอหมอเฉินเห็นเช่นนี้ ก็รีบเอื้อมมือออกไปแย่ง พลางเอ่ยอย่างปิดบัง “หมอเฝิง เจ้าได้ยินผิดแล้ว มิได้เป็นเช่นนั้น!”หมอเฝิงมีหรือจะปล่อยให้เขาแย่งกลับไป เขาหลบหลีกมือนั้นแล้วเปิดห่อยาในมือเพื่อตรวจสอบแล้วก็ได้เห็นว่าพวกยาในนั้นเป็นของปลอมทั