ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนได้ยินมาว่าหยางต้าหู่ปฏิเสธมิให้เข้าหมู่บ้านกระทั่งคนที่หลี่เจิ้งพามาเมื่อเห็นฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหยางต้าหู่ เซียวหลินเทียนก็ยิ้มอย่างเย็นชา นี่มีการเตรียมพร้อมมาแล้ว!“หยางต้าหู่ ข้ามิใช่คนไร้เหตุผล แต่ที่พวกเจ้ามิให้เข้าไปฆ่าพวกสัตว์ปีก นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวเจ้าต้องการหรือเป็นสิ่งที่ทุกคนคิด?”หยางต้าหู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องอี้ นี่เป็นการตัดสินใจที่เราทุกคนได้หารือร่วมกันแล้ว!”เซียวหลินเทียนยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ย “หยางต้าหู่ เจ้ามีเหตุผลเช่นนี้ ช่วยข้าลดภาระงานไปได้ทีเดียว ข้ารู้สึกซาบซึ้งมาก!”“แต่ข้ามากำจัดโรคระบาดตามคำสั่งของราชสำนัก มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของข้า บางคำพูดก็จำต้องพูดให้ชัดเจน!”หยางต้าหู่เอ่ยด้วยความเคารพ “เชิญท่านอ๋องอี้บอกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพร้อมฟังแล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “ราชสำนักมีเครื่องยาสมุนไพรที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคระบาดอย่างจำกัด ข้าทำงานอย่างหนักเพราะอยากจะป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาด และลดจำนวนผู้ป่วยลง เพื่อที่เครื่องยาสมุนไพรที่มีจำกัดจะได้ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด!”“หยางต้าหู่ ข้าเข้าใจพวกเจ้า แต
วันนี้หลิงอวี๋ไม่ได้พักผ่อนสักเท่าใด นางเขียนตำรับยาให้บรรดาผู้ป่วยของตนเอง แล้วให้หลิงซวนไปต้มยาให้พวกเขาดื่มปู่หยางกับหยางต้ายาก็เป็นผู้ป่วยของหลิงอวี๋ และยังมีภรรยาของหยางซงอีกด้วยแม่นางหยางตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว ตามร่างกายมีแผลพุพอง นางเป็นไข้หวัดนก หลิงอวี๋ต้องให้ยานางอย่างระมัดระวังและรอบคอบมาก เพราะกลัวว่ายาจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ของนางหลิงอวี๋กับแม่นางหยางคุยกันเรื่องผลกระทบจากโรคระบาดที่อาจกระทบต่อเด็กในครรภ์แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “เช่นนั้นข้าไม่กินยาเจ้าค่ะ! สักพักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอดทน “โรคชนิดนี้ถึงพักไปก็มิสามารถหายได้หรอก! แม่นางหยาง หากเจ้ามิกินยา อาการก็อาจจะแย่ลง!”“ข้ากินยามิได้… กว่าจะท้องลูกคนนี้ข้าลำบากมาก ก่อนหน้านี้แม่สามีให้เจ้าอาวาสวัดทำนายให้ ลูกคนนี้ต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่นอนเจ้าค่ะ!”“ข้าจะต้องให้กำเนิดเขา!”แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “พระชายาอ๋องอี้ ท่านบอกว่าท่านเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่หรือ? ท่านไม่มียาที่ช่วยให้ลูกของข้าเกิดมาอย่างแข็งแรงหรือเจ้าคะ?”“ขึ้นชื่อว่ายาย่อมมีสามส่วนที่เป็นพิษ ข้ามิกล้าสามารถรับปร
หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจโล่งอกพลางเอ่ย “เรากำลังตรวจสอบว่าตำรับยาใดที่ใช้ได้ผลกับโรคระบาดนี้ ขอเพียงได้ผล ก็จะเร่งผลักดันโดยเร็วที่สุด!”“อืม! เจ้าพยายามทำให้ดีที่สุดก็พอ! อย่าให้ตัวเองเหนื่อยล้ามากนัก ดูแลสุขภาพด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใส่ใจหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้นมองเขา นางคุ้นเคยกับเซียวหลินเทียนที่นั่งอยู่บนรถเข็น พอลุกขึ้นได้เช่นนี้ นางถึงได้พบว่าเขาสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรเลย กดความสูงของตนไปหมดสิ้นเลยทีเดียว!ชุดเกราะสีดำของเซียวหลินเทียนดูสง่างามมาก แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก แต่คิ้วหล่อเหลาของเขาที่พ้นออกมานอกหน้ากากก็ดูดีจับตามาก ๆหลิงอวี๋ยกกำปั้นขึ้น พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านก็สุขภาพของตัวเองด้วย! เรามาสู้ไปด้วยกันแล้วกำจัดโรคระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุดกันเถิดเพคะ!”“ท่าทางเช่นนี้หมายถึงการให้กำลังใจหรือ?”เซียวหลินเทียนมองเห็นเพียงดวงตาของหลิงอวี๋ เขาจึงคาดเดาสีหน้าของนางภายใต้หน้ากาก คิ้วโค้งงอนั่น คงกำลังยิ้มอยู่สินะ!“เพคะ! แล้วก็ท่านี้… หมายถึงชัยชนะ!”หลิงอวี๋ทำสัญลักษณ์ชูสองนิ้วมุมปากของเซียวหลินเทียนยกขึ้น คิดว่าน่าสนใจมาก จึงทำตามหลิงอวี๋อีกครั้ง“เช่นนั้นเรา
“ขอแสดงความยินดีกับหมอเฝิงด้วย…”หมอหานกับหมอหลี่ต่างก็แสดงความยินดีกับหมอเฝิงหลังจากได้รับคำชมไปเล็กน้อย หมอเฝิงก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที พลางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ“ข้าก็บอกแล้วว่า ตำรับของข้าได้รับการยกย่องจากถังถีเตี่ยนแต่มีบางคนมิเชื่อ!”“เรียนทักษะการแพทย์ได้สองสามวันก็ไม่เห็นหัวใครแล้ว องค์จักรพรรดิเองก็ถูกนางหลอกเช่นกัน จึงแต่งตั้งนางให้เป็นหัวหน้า!”แม้ว่าหมอเฝิงจะมิได้เอ่ยชื่อ แต่หมอหานกับคนอื่น ๆ ก็รู้ว่าเขากำลังเอ่ยถึงพระชายาอ๋องอี้หลิงอวี๋เดินออกมาพอดี ได้ยินดังนั้นก็มิได้โกรธทั้งยังเอ่ยอย่างสุภาพอีกด้วย“ทุกท่านไปที่ห้องรักษาก่อนเถิด! เรามาหารือเรื่องตำรับยาและวิธีการรักษาของหมอเฝิงกัน หากได้ผลจริง จะได้ให้ท่านอ๋องอี้ช่วยผลักดัน!”“เหตุใดจะมิได้ผลเล่า? ผู้ป่วยเหล่านั้นคือตัวอย่างที่มีชีวิต!”หมอเฝิงยิ้มอย่างเย็นชา พลางเอ่ยด้วยท่าทีแปลก ๆ“พระชายาอ๋องอี้มิยอมรับหรือว่าทักษะทางการแพทย์ของข้าดีกว่าของท่าน? ในฐานะแพทย์ท่านควรจะใจกว้าง และถ่อมตัวพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะได้ไปได้ไกล!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “หมอเฝิงกังวลเกินไปแล้ว! หลิงอวี๋ได้รับคำสั่งให้มารักษ
หมอเฝิงเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ข้ารู้ว่านางตั้งครรภ์! แต่ตำรับยานี้มิเป็นอันตรายต่อนาง เมื่อครู่ข้าไปตรวจนางแล้ว ตุ่มน้ำของนางก็หายพองแล้ว…”“เลอะเทอะ! ในตำรับยานี้มีชาดอยู่ หากใช้กับผู้ป่วยโรคระบาดทั่วไป มันสามารถขจัดอาการบวม แผลที่ผิวหนัง และล้างพิษได้จริง!”“แต่ชาดเป็นพิษ หากใช้กับสตรีมีครรภ์ ในกรณีที่ไม่รุนแรงอาจทำให้แท้งได้ แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้!”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ท่านก็รู้อยู่ว่าแม่นางหยางเป็นสตรีมีครรภ์ เหตุใดจึงกล้าให้นางใช้ยาเช่นนี้!"แต่หมอเฝิงยิ้มอย่างดูหมิ่นคำพูดของหลิงอวี๋พลางเอ่ย “จะเป็นไปได้เยี่ยงไร! ชาดมีฤทธิ์ในการทำให้จิตใจสงบ ขจัดความร้อนและล้างพิษ และช่วยในการมองเห็น! เราใช้มันมาหลายปีแล้วมิเคยได้ยินว่ามันมีพิษเลย!”“พระชายาอ๋องอี้ หากท่านมิอยากเสียตำแหน่งก็พูดมาตามตรง เหตุใดถึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย?”“ข้าตื่นตระหนกหรือ?”หลิงอวี๋โกรธมากพลางเอ่ย “ท่านรู้เพียงแค่ขนของชาดเท่านั้นกลับกล้าใช้ส่งเดช… ข้าจะบอกท่านเองว่าแท้จริงแล้วควรจะใช้ชาดเยี่ยงไร…”ยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ผู้ช่วยของหมอเฝิงก็วิ่งเข้ามา พลางตะโกนด้วยความตื่น
“รู้สึกดีจริง ๆ ที่ยืนได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มให้หลิงอวี๋พลางเอ่ย "เมื่อก่อนข้านั่งอยู่บนรถเข็น เวลาอยากจะตีใครก็มิค่อยสะดวก! ตอนนี้มิต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว..."หลิงอวี๋หัวเราะ แต่ไม่มีเวลาที่จะยกย่องเซียวหลินเทียน นางจับชีพจรของแม่นางหยางอย่างตั้งใจ พลางเขียนตำรับยา“หลิงซวน ไปเอายานี้ที่ร้านยา! เตรียมยาสามชามให้เป็นชามเดียวแล้วนำมา!”หลิงซวนรีบรับตำรับยาแล้วออกไปส่งให้เถาจื่อหมอเฝิงยืนอยู่ตรงลานอย่างมิพอใจ เขาถูกเซียวหลินเทียนโยนออกมาทำให้รู้สึกอับอายมาก ๆ เขามิกล้าดุด่าเซียวหลินเทียนทำได้เพียงแค่รอให้หลิงอวี๋ออกมาแล้วตำหนิหลิงอวี๋หมอหานจากโรงไป๋เฉ่ากับหมอเฉินจากโรงหุยชุนยืนเงียบ ๆ อยู่ที่หน้าประตู พลางมองหลิงอวี๋รักษาแม่นางหยางเมื่อเห็นเข็มฉีดยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในมือของหลิงอวี๋ ดวงตาของหมอเฉินกะพริบเล็กน้อยส่วนหมอหานดูงุนงง พลางครุ่นคิด...ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากที่ฉีดยาเข้าไป ท้องของแม่นางหยางก็ไม่เจ็บแล้ว เลือดก็หยุดไหลแล้วด้วยนางยังคงมองหลิงอวี๋ด้วยความตื่นตระหนกพลางเอ่ยถาม “พระชายาอ๋องอี้ ลูกของข้าเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”“ตอนนี้เด็กไม่เป็นอะไร! เจ้าฟังข้าให้
หมอเฝิงตกใจกับความโกรธอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียน เสียงของเขาจึงเบาลงเล็กน้อยแต่ก็ยังยืนกรานแก้ต่างอยู่“ท่านอ๋องอี้ เราพูดกันแบบมีเหตุผลเถิดพ่ะย่ะค่ะ… พวกหมอหานต่างก็เห็นว่าก่อนหน้านี้ผู้ป่วยของกระหม่อมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้กลับแย่ลง นี่ต้องมีคนเล่นมิซื่อเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านจะเห็นแก่นางเพียงเพราะว่านางเป็นพระชายาของท่านมิได้พ่ะย่ะค่ะ!”“พระชายาอ๋องอี้ดูแลหออักษรนี้อยู่ นางอยากจะทำการใดก็ง่ายนัก! ท่านให้พระชายาอ๋องอี้แสดงหลักฐานมาพิสูจน์ว่านางมิได้ทำ แล้วเราก็จะเชื่อนางพ่ะย่ะค่ะ!”“มิเช่นนั้น… เรามิยอมรับ!”หมอเฝิงดึงพวกหมอหานเข้ามาในฝั่งของตนอย่างชาญฉลาดหลิงอวี๋โกรธ จากนั้นก็ยิ้มพลางเอ่ย “เดิมทีแล้วผู้ใดอ้างหลักฐานผู้นั้นต้องเป็นคนหาหลักฐาน! ท่านบอกว่าข้าเล่นมิซื่อ ท่านก็ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์สิ!”“แต่หมอเฝิง มิใช่ว่าข้าดูถูกท่านหรือไร แต่จนถึงตอนนี้ท่านยังมิรู้ว่าตนเองผิดที่ใด หากให้ท่านไปหาหลักฐานมันคงจะยากเกินไปสำหรับท่าน!”“ข้าจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ท่านเห็นเองแล้วกัน!”หลิงอวี๋พูดขณะที่หยิบตำรับยาหมอเฝิงออกมา พลางเอ่ยกับพวกหมอหาน“เมื่อวานตอนที่ข้าคุยกั
หมอหลี่จากเขตหลินก็กลัวว่าตำรับยาของหมอเฝิงจะไม่ถูกและตนจะเข้าไปพัวพันด้วย จึงช่วยเอ่ย“หมอเฉินพูดถูก โรคระบาดมันอันตรายถึงเพียงนี้ หมอเฝิงจะมาจัดการกับโรคระบาดโดยมิคำนึงถึงความปลอดภัยส่วนบุคคลได้เยี่ยงไร ถึงไม่มีความดีความชอบก็ยังมีความดีที่ทำงานหนัก! ท่านอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ โปรดไว้ชีวิตเขาในครั้งนี้ด้วยเถิด!”หมอหานพยักหน้าเล็กน้อย พลางเอ่ยอย่างเห็นด้วย “พระชายาอ๋องอี้ ท่านมีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม หมอเฝิงมิได้เก่งเท่าท่าน ก็ให้เขาเรียนได้เรียนรู้อย่างดีไปด้วยเถิด!”หมอเฝิงคุกเข่าลงทันทีพลางร้องขอความเมตตา“พระชายาอ๋องอี้ ทักษะการแพทย์ของท่านยอดเยี่ยมมาก! ข้าเข้าใจท่านผิดไปแล้ว!”“ข้าขออภัย พระชายาอ๋องอี้โปรดจำไว้ว่า ข้าก็ใส่ใจผู้ป่วยเช่นกัน อย่าเอาความข้าเลย!”“และพระชายาอ๋องอี้โปรดคิดตำรับยาที่ได้ผล พวกเราจะทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อกำจัดโรคระบาดโดยเร็วที่สุด!”เซียวหลินเทียนมองหมอเฝิงอย่างเย็นชา ชายผู้นี้สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้เยี่ยมมากเขามองไปที่หลิงอวี๋ที่ส่ายหัวให้เขา“ท่านอ๋อง พวกเขาพูดถูก เวลานี้ต้องใช้กำลังคน ในเมื่อหมอเฝิงรู้ข้อผิดพลาดของตนเองแล้ว
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี
หยางหงหนิงยิ่งโวยวายก็ยิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดสายตาของคุณหนูคุณชายที่ยังอยู่รอบ ๆ มิได้แยกตัวออกไปให้พากันหันมามอง"ข้าบอกว่าเจ้าต่ำต้อย แต่เจ้าก็ยังบอกว่ามิต่ำต้อย! ทุกคนมาดูอันดับหนึ่งของหอปรุงโอสถผู้นี้เถิด นางคือคนต่ำต้อยไร้ยางอาย!”“นางล่อลวงเย่หรงไปดื่มสุรา และมิรู้ว่านางใช้กลอุบายอะไร จึงทำให้เย่หรงสนับสนุนนาง!”“สิงอวี๋ ข้าขอบอกไว้เลยว่า คนต่ำต้อยเช่นเจ้า ตระกูลเย่ไม่มีทางให้เจ้าเข้าไปเป็นอันขาด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้เจ้าเข้าไป เจ้าก็เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น!”เมื่อคุณหนูเหล่านั้นรวมถึงบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าได้ยินเช่นนั้น ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา“ข้าก็บอกแล้วว่านางแต่งตัวธรรมดาเช่นนั้น แล้วจะมีเงินไปศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงได้อย่างไร ที่แท้นางก็อาศัยการหลอกลวงเงินของบุรุษ!”“แต่นางก็มิได้งามอะไรนักนี่ แล้วเย่หรงจะชอบนางได้หรือ?”“เจ้ามิรู้หรอก บุรุษบางคนมิได้สนใจที่หน้าตา แต่สนใจที่รูปร่าง บางทีเย่หรงอาจจะสบายใจกับการปรนนิบัติของสตรีผู้นี้ก็เป็นได้!”คำพูดนี้เหมียวหยางเป็นคนพูด เขาพูดไปพลางยิ้มอย่างหยาบคาย ทั้งยังขยิบตาอย่างคลุมเครือให้กับพวกคุณชายที่อ
จงเจิ้งเฟยส่ายหัว “ข้าเองก็มิได้รู้แน่ชัดนัก ข้าแค่ฟังมาจากคนอื่นเท่านั้น เพราะพวกนางบอกกันว่าฉินตะวันตกเป็นคนละดินแดนกับพวกเรา!”“ข้าได้ยินมาเพียงว่า ทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อท้องใหญ่ราวกับกลอง และไม่มียาใดที่สามารถรักษาได้ แต่หลิงอวี๋เป็นคนผ่าท้องของนางแล้วนำถุงน้ำที่อยู่ในท้องของนางออกมา เช่นนี้จึงรักษาโรคประหลาดของนางหายขาดได้!”“ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเก๋อได้เดินทางติดตามข้าหลวงเก๋อมาที่เมืองหลวงแดนเทพแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมิได้ผิดปกติใด ๆ นี่คือข้อเท็จจริง!”เหลยเหวินฟังแล้วก็รู้สึกสับสน “ดูเช่นนี้แล้ว หลิงอวี๋ก็มินับว่าเป็นคนเลว แต่เหตุใดนางจึงสังหารเฉียวเค่อเล่า!”หลิงอวี๋ฟังอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ แล้วนางก็ยิ่งอยากรู้อดีตของตนมากขึ้นไปอีกตนเป็นคนแบบใดกันแน่?เหตุใดจึงมีศัตรูมากถึงเพียงนี้?ดูท่าทางจะต้องไปถามผู้รอบรู้เสียหน่อยแล้ว บางทีการรู้เรื่องในอดีตของตน อาจจะทำให้นางฟื้นความทรงจำที่หายไปได้เร็วขึ้นก็ได้ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็เห็นหยางหงหนิงพาสหายอีกสองคนเดินเข้ามา“เฟยเฟย พวกเจ้าค
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเย่หรง ก็อดมิได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยดูภายนอกเย่หรงกำลังบอกว่าตนเป็นคนขี้ขลาด แต่แท้จริงแล้วหลิงอวี๋กลับฟังออกว่าเย่หรงกำลังทำลายความเชื่อมั่นของฮูหยินเฉียวอยู่เขาใช้คำพูดของฮูหยินเฉียวมาเตือนผู้ที่คิดจะให้เบาะแสเพื่อเงิน ให้หยุดอยู่ที่ตรงนี้ลองคิดดูเถิด ฮูหยินเฉียวบอกว่าหลิงอวี๋เป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความปรานี และหลิงอวี๋ก็สามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ หากใครจะเปิดโปงหลิงอวี๋ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะทนเก็บความโกรธเอาไว้มิแก้แค้นได้หรือ?เป็นดังที่คาด คำพูดนี้ของเย่หรงทำให้คนจำนวนหนึ่งมิกล้าทำต่อไปแล้ววรยุทธ์ของเย่หรงมิได้อ่อนแอ เขาเองยังบอกว่ามิสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้ และสู้หลิงอวี๋มิได้ด้วยเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นตนเอง ตนจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้หรือ?คนที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีเช่นหลิงอวี๋นี้ อย่าได้ไปยั่วยุนางจะเป็นการดีกว่าแม้ว่าเงินห้าล้านจะน่าดึงดูดใจ ทว่าหากชีวิตหาไม่แล้ว ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!มุมปากของเซียวหลินเทียนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเช่นกัน เขาก็ฟังออกถึงความหมายของเย่
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป
ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทีละก้าว หลิงอวี๋ก็มองพิจารณาฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวไปอย่างเงียบ ๆฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียวเป็นเสาหลักของตระกูลเฉียว เฉียวต้าลูกชายของนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเฉียวตายไปแล้ว และเฉียวเค่อหลานชายที่เป็นที่รักมาโดยตลอดก็ตายไปแล้วเช่นกันฮูหยินผู้เฒ่าที่อายุหกสิบกว่าผู้นี้แก่ตัวลงมากภายในชั่วข้ามคืน และในช่วงนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายตายไปนางแต่งตัวเรียบหรูสุภาพเช่นเดียวกับฮูหยินเฉียว และเนื่องจากนางกินโอสถชะลอวัยมาหลายปี ดังนั้นแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวจะอายุหกสิบแล้ว แต่บนใบหน้าของนางก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ดูแล้วคล้ายกับเป็นพี่น้องกับฮูหยินเฉียวเลยทีเดียวผมของนางก็เป็นสีดำสนิททั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะอาการป่วย จึงทำให้สีผิวดูขาวซีดไปเล็กน้อยรูปร่างของฮูหยินเฉียวสูงใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นางสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร กระดูกก็ใหญ่เช่นกัน ดูมีความสามารถมาก และระหว่างคิ้วกับตาของนางนั้นก็ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียว ฮูหยินเฉียว...”จงเจิ้งเฟยพาเหลยเหวินกั
น่าสนใจ!เซียวหลินเทียนเห็นกระบวนการทั้งหมดนั้น แล้วก็รู้สึกว่าการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่น่าเบื่อในวันนี้ ก็มิได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้นแล้วเขาหันไปหาเถาจื่อแล้วเอ่ยออกไป “ศิษย์พี่หญิงของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก เจ้าจงเข้าใกล้นางเข้าไว้!”เถาจื่อดูท่าทีสับสน “นายท่านอู่ ท่านแน่ใจว่านางมิใช่คุณหนูมิใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงต้องเสียเวลาไปกับนางด้วยเจ้าคะ?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ไม่ ข้ามิอาจแน่ใจได้หรอก! คุณหนูของพวกเจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น หากนางตั้งใจจะซ่อนตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็มีวิธีมากมายนัก!”“ข่าวล่าสุดที่สือหรงส่งมาก็คือ คุณหนูของพวกเจ้าติดตามฮูหยินเว่ยมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ขอเพียงนางอยู่ในสังคมเมืองหลวงแดนเทพนี้ นางจะต้องมาศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงอย่างแน่นอน!”“สิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญก็คือสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้ เราจะต้องตรวจสอบพวกนางทีละคน จนกว่าจะพบคุณหนูของเจ้า!”เซียวหลินเทียนเชื่อว่า ด้วยความฉลาดของหลิงอวี๋แล้ว นางไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน ขอเพียงคอยจับตามองสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้เข้าไว้ เขาจะต้องหาหลิงอวี๋พบได้อย่างแน่นอน“ฉินซาน เจ้ากลับไปบอกให้สือหรงสืบประวัติของส
หลิวซานและเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พากันตำหนิหลิงอวี๋หลิวซานเป็นผู้นำดุด่าขึ้นมา “ใช่แล้ว ตนเองสร้างปัญหาไปทั่ว เมื่อถูกคนมาทำลายบ้านยังจะมาใส่ร้ายศิษย์พี่ของพวกเราอีก คงมิใช่ว่าเจ้ายากจนไม่มีเงิน จึงคิดจะขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่งไปสร้างบ้านใหม่ใช่หรือไม่!”บัณฑิตคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างดูถูกเช่นกัน “ดูจากอาภรณ์ที่นางใส่แล้ว ก็คงมิได้อยู่อาศัยในที่ที่ดีนักหรอก คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าจึงถูกทุบน่ะสิ!”“ใช่แล้ว ที่อยู่ของพวกเรามีความปลอดภัยดี ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”“สิงอวี๋ เจ้าช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เมื่อครู่ศิษย์พี่ของเราล้อเล่นจึงพูดเช่นนั้นออกไป คาดมิถึงเลยว่าจะถูกเจ้าใส่ร้าย! เช่นนั้นหากเป็นข้าที่พูดเช่นนั้นออกไป เจ้าก็จะบอกว่าข้าทำลายบ้านเจ้าใช่หรือไม่?”จงเจิ้งเฟยกับเหลยเหวินจึงดึงหลิงอวี๋ไปถามด้วยความเป็นห่วง “บ้านของเจ้าถูกทุบจริงหรือ?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านที่เห็นท่ามกลางสายฝนเมื่อวานนี้ แล้วพยักหน้าอย่างแน่วแน่นางมองเหมียวหยางอย่างเย็นชา เขายังคงหัวเราะอย่างมิกลัวเกรง พร้อมกับทำท่าทางท้าทายราวกับว่า ‘เจ้าทำอะไรข้ามิไ
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ