เซียวหลินเทียนเห็นว่าชายผู้นี้เป็นผู้นำในการขัดขวางอีกก็ทนไม่ไหวแล้ว“ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนรู้หนังสือ เช่นนั้นเจ้าน่าจะรู้ถึงเหตุผลที่ต้องอ่านหนังสือแล้วทำความเข้าใจ! ไก่เหล่านี้ ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่พวกมันวิ่งอยู่ข้างนอกตลอดทั้งวัน ติดเชื้อโรคได้มากมายเชียวล่ะ!”“เชื้อโรคเหล่านี้แพร่กระจายทางอากาศ หากพวกเจ้าสูดดมเชื้อโรคบนตัวของพวกมันเข้าไปก็จะติดโรคระบาดไปด้วย!”“พูดจาไร้สาระ กระหม่อมว่าพวกท่านแค่อยากกินเนื้อไก่เนื้อเป็ดก็เลยคิดหาเหตุผลไร้สาระขึ้นมามากกว่า!”หยางซงตะคอกด้วยความโกรธ “วันนี้กระหม่อมจะไม่มอบไก่เหล่านี้ให้ หากท่านทำได้ก็จับกระหม่อมเข้าคุกเลย!”เมื่อเห็นว่าหยางซงดื้อรั้นเช่นนี้ ความอดทนของเซียวหลินเทียนก็หายไปทันที พลางตะคอกเสียงแข็ง“เฉาอี้ เข้าไปจับให้หมด ใครกล้าขัดขวาง ให้ถือเป็นการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่!”เฉาอี้โบกมือ จากนั้นพวกองครักษ์ก็บุกเข้าไป“พวกท่านยังเห็นแก่กฎหมายกันอยู่หรือไม่? ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะไปฟ้องร้องพวกท่าน!”หยางซงรีบวิ่งเข้ามาขวางไว้ แต่แค่องครักษ์คนหนึ่งโบกมือก็ทำเอาเขากระเด็นออกไปได้แล้วหยางซงล้มลงกับพื
แต่เฉาอี้ตีลงมาอีกหลายครั้ง ร่างเล็ก ๆ ของหยางซงมีหรือจะทนไหว เขาจึงส่งเสียงร้องออกมาพอหญิงชราได้ยินเสียงร้องของลูกชาย ก็ปวดใจพลางตะโกนอย่างไม่สนใจสิ่งใดแล้ว“ท่านอ๋อง หยุดตีเถิดเพคะ… พวกท่านเอาไก่ออกไปให้หมดเลย! เราไม่ต้องการแล้ว… ได้โปรดปล่อยลูกชายของหม่อมฉันเถิด!”“หม่อมฉันจะจับไปพวกมันให้เอง...”หญิงชราพุ่งไปที่เล้าไก่และรีบจับไก่เอาไว้เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสิ่งนี้ ก็ส่งสัญญาณให้เฉาอี้หยุดเขาหันกลับไปพูดกับพวกคนที่ดูอยู่ “ชาวบ้านทุกคน ข้ารู้ว่าการเลี้ยงไก่กับเป็ดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไก่กับเป็ดเหล่านี้มีเชื้อโรคที่พวกเจ้ามองไม่เห็น หากมิฆ่าพวกมันแล้วยังใช้ชีวิตอยู่กับพวกมันต่อ ไม่ช้าก็เร็วทุกคนจะติดโรคระบาดกันหมด!”“เมื่อเทียบกับชีวิตหนึ่งชีวิตแล้ว พวกเจ้าต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าสิ่งใดสำคัญกว่า!”“หากกังวลว่ากองทัพของข้าจะเอาไก่กับเป็ดพวกนี้ไปกิน พวกเจ้าก็ตามข้าไปดูตรงทางเข้าหมู่บ้านได้ว่าข้ายักยอกพวกมันไปหรือไม่!”พวกชาวบ้านตกใจกับการกระทำของเซียวหลินเทียนจึงมิกล้าต่อต้านอีกต่อไป พวกเขาจ้องมองพวกเฉาอี้กับกลุ่มองครักษ์ขนไก่ เป็ด และหมูในครอบครัวขึ้นรถม้าไปที่ทางเข้าหมู
ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนได้ยินมาว่าหยางต้าหู่ปฏิเสธมิให้เข้าหมู่บ้านกระทั่งคนที่หลี่เจิ้งพามาเมื่อเห็นฝูงชนที่อยู่ด้านหลังหยางต้าหู่ เซียวหลินเทียนก็ยิ้มอย่างเย็นชา นี่มีการเตรียมพร้อมมาแล้ว!“หยางต้าหู่ ข้ามิใช่คนไร้เหตุผล แต่ที่พวกเจ้ามิให้เข้าไปฆ่าพวกสัตว์ปีก นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวเจ้าต้องการหรือเป็นสิ่งที่ทุกคนคิด?”หยางต้าหู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องอี้ นี่เป็นการตัดสินใจที่เราทุกคนได้หารือร่วมกันแล้ว!”เซียวหลินเทียนยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ย “หยางต้าหู่ เจ้ามีเหตุผลเช่นนี้ ช่วยข้าลดภาระงานไปได้ทีเดียว ข้ารู้สึกซาบซึ้งมาก!”“แต่ข้ามากำจัดโรคระบาดตามคำสั่งของราชสำนัก มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของข้า บางคำพูดก็จำต้องพูดให้ชัดเจน!”หยางต้าหู่เอ่ยด้วยความเคารพ “เชิญท่านอ๋องอี้บอกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพร้อมฟังแล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “ราชสำนักมีเครื่องยาสมุนไพรที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคระบาดอย่างจำกัด ข้าทำงานอย่างหนักเพราะอยากจะป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาด และลดจำนวนผู้ป่วยลง เพื่อที่เครื่องยาสมุนไพรที่มีจำกัดจะได้ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด!”“หยางต้าหู่ ข้าเข้าใจพวกเจ้า แต
วันนี้หลิงอวี๋ไม่ได้พักผ่อนสักเท่าใด นางเขียนตำรับยาให้บรรดาผู้ป่วยของตนเอง แล้วให้หลิงซวนไปต้มยาให้พวกเขาดื่มปู่หยางกับหยางต้ายาก็เป็นผู้ป่วยของหลิงอวี๋ และยังมีภรรยาของหยางซงอีกด้วยแม่นางหยางตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว ตามร่างกายมีแผลพุพอง นางเป็นไข้หวัดนก หลิงอวี๋ต้องให้ยานางอย่างระมัดระวังและรอบคอบมาก เพราะกลัวว่ายาจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ของนางหลิงอวี๋กับแม่นางหยางคุยกันเรื่องผลกระทบจากโรคระบาดที่อาจกระทบต่อเด็กในครรภ์แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “เช่นนั้นข้าไม่กินยาเจ้าค่ะ! สักพักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอดทน “โรคชนิดนี้ถึงพักไปก็มิสามารถหายได้หรอก! แม่นางหยาง หากเจ้ามิกินยา อาการก็อาจจะแย่ลง!”“ข้ากินยามิได้… กว่าจะท้องลูกคนนี้ข้าลำบากมาก ก่อนหน้านี้แม่สามีให้เจ้าอาวาสวัดทำนายให้ ลูกคนนี้ต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่นอนเจ้าค่ะ!”“ข้าจะต้องให้กำเนิดเขา!”แม่นางหยางเอ่ยอย่างกังวล “พระชายาอ๋องอี้ ท่านบอกว่าท่านเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่หรือ? ท่านไม่มียาที่ช่วยให้ลูกของข้าเกิดมาอย่างแข็งแรงหรือเจ้าคะ?”“ขึ้นชื่อว่ายาย่อมมีสามส่วนที่เป็นพิษ ข้ามิกล้าสามารถรับปร
หลิงอวี๋ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจโล่งอกพลางเอ่ย “เรากำลังตรวจสอบว่าตำรับยาใดที่ใช้ได้ผลกับโรคระบาดนี้ ขอเพียงได้ผล ก็จะเร่งผลักดันโดยเร็วที่สุด!”“อืม! เจ้าพยายามทำให้ดีที่สุดก็พอ! อย่าให้ตัวเองเหนื่อยล้ามากนัก ดูแลสุขภาพด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใส่ใจหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้นมองเขา นางคุ้นเคยกับเซียวหลินเทียนที่นั่งอยู่บนรถเข็น พอลุกขึ้นได้เช่นนี้ นางถึงได้พบว่าเขาสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรเลย กดความสูงของตนไปหมดสิ้นเลยทีเดียว!ชุดเกราะสีดำของเซียวหลินเทียนดูสง่างามมาก แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก แต่คิ้วหล่อเหลาของเขาที่พ้นออกมานอกหน้ากากก็ดูดีจับตามาก ๆหลิงอวี๋ยกกำปั้นขึ้น พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “ท่านก็สุขภาพของตัวเองด้วย! เรามาสู้ไปด้วยกันแล้วกำจัดโรคระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุดกันเถิดเพคะ!”“ท่าทางเช่นนี้หมายถึงการให้กำลังใจหรือ?”เซียวหลินเทียนมองเห็นเพียงดวงตาของหลิงอวี๋ เขาจึงคาดเดาสีหน้าของนางภายใต้หน้ากาก คิ้วโค้งงอนั่น คงกำลังยิ้มอยู่สินะ!“เพคะ! แล้วก็ท่านี้… หมายถึงชัยชนะ!”หลิงอวี๋ทำสัญลักษณ์ชูสองนิ้วมุมปากของเซียวหลินเทียนยกขึ้น คิดว่าน่าสนใจมาก จึงทำตามหลิงอวี๋อีกครั้ง“เช่นนั้นเรา
“ขอแสดงความยินดีกับหมอเฝิงด้วย…”หมอหานกับหมอหลี่ต่างก็แสดงความยินดีกับหมอเฝิงหลังจากได้รับคำชมไปเล็กน้อย หมอเฝิงก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที พลางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ“ข้าก็บอกแล้วว่า ตำรับของข้าได้รับการยกย่องจากถังถีเตี่ยนแต่มีบางคนมิเชื่อ!”“เรียนทักษะการแพทย์ได้สองสามวันก็ไม่เห็นหัวใครแล้ว องค์จักรพรรดิเองก็ถูกนางหลอกเช่นกัน จึงแต่งตั้งนางให้เป็นหัวหน้า!”แม้ว่าหมอเฝิงจะมิได้เอ่ยชื่อ แต่หมอหานกับคนอื่น ๆ ก็รู้ว่าเขากำลังเอ่ยถึงพระชายาอ๋องอี้หลิงอวี๋เดินออกมาพอดี ได้ยินดังนั้นก็มิได้โกรธทั้งยังเอ่ยอย่างสุภาพอีกด้วย“ทุกท่านไปที่ห้องรักษาก่อนเถิด! เรามาหารือเรื่องตำรับยาและวิธีการรักษาของหมอเฝิงกัน หากได้ผลจริง จะได้ให้ท่านอ๋องอี้ช่วยผลักดัน!”“เหตุใดจะมิได้ผลเล่า? ผู้ป่วยเหล่านั้นคือตัวอย่างที่มีชีวิต!”หมอเฝิงยิ้มอย่างเย็นชา พลางเอ่ยด้วยท่าทีแปลก ๆ“พระชายาอ๋องอี้มิยอมรับหรือว่าทักษะทางการแพทย์ของข้าดีกว่าของท่าน? ในฐานะแพทย์ท่านควรจะใจกว้าง และถ่อมตัวพร้อมที่จะเรียนรู้เพื่อที่จะได้ไปได้ไกล!”หลิงอวี๋ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “หมอเฝิงกังวลเกินไปแล้ว! หลิงอวี๋ได้รับคำสั่งให้มารักษ
หมอเฝิงเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ข้ารู้ว่านางตั้งครรภ์! แต่ตำรับยานี้มิเป็นอันตรายต่อนาง เมื่อครู่ข้าไปตรวจนางแล้ว ตุ่มน้ำของนางก็หายพองแล้ว…”“เลอะเทอะ! ในตำรับยานี้มีชาดอยู่ หากใช้กับผู้ป่วยโรคระบาดทั่วไป มันสามารถขจัดอาการบวม แผลที่ผิวหนัง และล้างพิษได้จริง!”“แต่ชาดเป็นพิษ หากใช้กับสตรีมีครรภ์ ในกรณีที่ไม่รุนแรงอาจทำให้แท้งได้ แต่ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้!”หลิงอวี๋ตะคอกด้วยความโกรธ “ท่านก็รู้อยู่ว่าแม่นางหยางเป็นสตรีมีครรภ์ เหตุใดจึงกล้าให้นางใช้ยาเช่นนี้!"แต่หมอเฝิงยิ้มอย่างดูหมิ่นคำพูดของหลิงอวี๋พลางเอ่ย “จะเป็นไปได้เยี่ยงไร! ชาดมีฤทธิ์ในการทำให้จิตใจสงบ ขจัดความร้อนและล้างพิษ และช่วยในการมองเห็น! เราใช้มันมาหลายปีแล้วมิเคยได้ยินว่ามันมีพิษเลย!”“พระชายาอ๋องอี้ หากท่านมิอยากเสียตำแหน่งก็พูดมาตามตรง เหตุใดถึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย?”“ข้าตื่นตระหนกหรือ?”หลิงอวี๋โกรธมากพลางเอ่ย “ท่านรู้เพียงแค่ขนของชาดเท่านั้นกลับกล้าใช้ส่งเดช… ข้าจะบอกท่านเองว่าแท้จริงแล้วควรจะใช้ชาดเยี่ยงไร…”ยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ผู้ช่วยของหมอเฝิงก็วิ่งเข้ามา พลางตะโกนด้วยความตื่น
“รู้สึกดีจริง ๆ ที่ยืนได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มให้หลิงอวี๋พลางเอ่ย "เมื่อก่อนข้านั่งอยู่บนรถเข็น เวลาอยากจะตีใครก็มิค่อยสะดวก! ตอนนี้มิต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว..."หลิงอวี๋หัวเราะ แต่ไม่มีเวลาที่จะยกย่องเซียวหลินเทียน นางจับชีพจรของแม่นางหยางอย่างตั้งใจ พลางเขียนตำรับยา“หลิงซวน ไปเอายานี้ที่ร้านยา! เตรียมยาสามชามให้เป็นชามเดียวแล้วนำมา!”หลิงซวนรีบรับตำรับยาแล้วออกไปส่งให้เถาจื่อหมอเฝิงยืนอยู่ตรงลานอย่างมิพอใจ เขาถูกเซียวหลินเทียนโยนออกมาทำให้รู้สึกอับอายมาก ๆ เขามิกล้าดุด่าเซียวหลินเทียนทำได้เพียงแค่รอให้หลิงอวี๋ออกมาแล้วตำหนิหลิงอวี๋หมอหานจากโรงไป๋เฉ่ากับหมอเฉินจากโรงหุยชุนยืนเงียบ ๆ อยู่ที่หน้าประตู พลางมองหลิงอวี๋รักษาแม่นางหยางเมื่อเห็นเข็มฉีดยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในมือของหลิงอวี๋ ดวงตาของหมอเฉินกะพริบเล็กน้อยส่วนหมอหานดูงุนงง พลางครุ่นคิด...ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากที่ฉีดยาเข้าไป ท้องของแม่นางหยางก็ไม่เจ็บแล้ว เลือดก็หยุดไหลแล้วด้วยนางยังคงมองหลิงอวี๋ด้วยความตื่นตระหนกพลางเอ่ยถาม “พระชายาอ๋องอี้ ลูกของข้าเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”“ตอนนี้เด็กไม่เป็นอะไร! เจ้าฟังข้าให้