หลังจากนั้นไม่นาน นิ้วของนางผดุงครรภ์อ้วนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางตกใจจนหน้าซีด พลางตะโกนลั่น“พระชายาอ๋องอี้ นี่เป็นการกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรมเลย บ่าวมิเคยแตะต้องดอกคำฝอยด้วยซ้ำ…”ยังมิทันที่นางผดุงครรภ์อ้วนจะพูดจบ หลิงซวนก็ตบหน้าอ้วน ๆ ของนางอย่างแรง พลางตะคอกด้วยความโกรธ“เจ้ามิเคยแตะต้องเลยหรือ? เช่นนั้นเหตุใดมือเจ้าถึงเปลี่ยนเป็นสีแดง? แล้วไฉนมือของนางถึงมิเปลี่ยนเล่า?”“ที่แท้คนที่คิดจะวางยาพิษท่านชายน้อยก็คือทาสชั่วเช่นเจ้า!”องค์ชายเย่ควบคุมตัวเองมิได้อีกต่อไป เขาชักดาบขององครักษ์ออกมาแล้วเดินเข้าไปอย่างดุร้าย “วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า ทาสชั่ว!”นางผดุงครรภ์อ้วนตกใจจนปัสสาวะแทบรั่ว พลางร้องออกมาเสียงสั่น “องค์ชายเย่ บ่าวถูกใส่ร้ายเพคะ แม้ว่าบ่าวจะเผลอใส่ดอกคำฝอยลงในน้ำแกงกระตุ้นการคลอด แต่ดอกคำฝอยนั้นหาได้เป็นพิษไม่เพคะ!”“พระชายาอ๋องอี้ ในเมื่อท่านเป็นแพทย์ชั้นเซียน ท่านก็ควรรู้ว่าดอกคำฝอยสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและขจัดภาวะเลือดคั่งเท่านั้น มิได้เป็นพิษจริง ๆ!”แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับพระชายาเว่ย แต่เมื่อได้ยินสิ่งนี้ก็อดมิได้ที่จะเอ่ยแทรก “น้องสะใภ้สี่ เจ้าดูผิดไปหรือ
องค์ชายเย่ถูกพี่ภรรยาดุเข้าก็หน้าแดง พลางรีบเอ่ย “ข้ามิได้เอามานะ สิ่งนี้พระชายาคังมอบให้หลานหลาน!”“ช่วงก่อนหน้านี้หลานหลานไปที่ตำหนักองค์ชายคังแล้วเห็นดอกไม้นี้สวยงาม นางจึงเอ่ยชมแล้วพระชายาคังก็ให้ดอกไม้นี้มา!”เมื่อพระชายาเว่ยได้ยินสิ่งนี้ก็ยิ้มอย่างเย็นชา พลางมองไปที่นางผดุงครรภ์ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสืบสวนแล้ว ต้องเป็นจ้าวเจินเจินแน่ ๆ ที่ให้ชะเอมเทศที่มีสารพิษนี้กับจูหลานตอนนี้ยังจะส่งนางผดุงครรภ์มาให้จูหลานกินดอกคำฝอยเพื่อกระตุ้นพิษอีก เมื่อทั้งสองอย่างรวมกัน จูหลานจะคลอดลูกอย่างราบรื่นได้เยี่ยงไรเล่า!ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวเจินเจินยังวางแผนให้รถม้าของตนชนกับรถม้าของจูหลาน และหากจูหลานตายไปเช่นนี้ ตนก็จะต้องถูกตราหน้า!แผนของจ้าวเจินเจินเป็นแผนการชั่วร้ายที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย!ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยระวังมาก่อนเลย จึงส่งแม่นางซือมาทำร้ายจูหลาน มันไม่จำเป็นเอาเสียเลย!สิ่งที่พระชายาเว่ยนึกถึง หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเองก็นึกถึงเช่นกันทั้งสองต่างมองไปทางองค์ชายเย่ จูหลานชอบดอกไม้นี้เอง แต่จ้าวเจินเจินเองก็สามารถพูดได้ว่านางไม่รู้เลยว่าดอกไม้นั้นมีพิษ!นางให้จูหลานด้ว
ทุกคนเห็นนางผดุงครรภ์อ้วนกระอักเลือดสีดำออกจากปากของนางมากขึ้นอีก แล้วดวงตาของนางก็เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาหลิงอวี๋เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไป นางได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวในเลือด จึงส่ายหัวพลางเอ่ย“ช่วยไม่ได้แล้ว นางกินยาพิษ!”องค์ชายเย่ตะลึงไปทันที หากพยานตายแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไปร้องต่อองค์จักรพรรดิว่าพระชายาคังวางแผนสังหารหลานหลานมิได้แล้วสิ?ทำได้เพียงอาศัยเอาชะเอมเทศไปกล่าวหาว่าจ้าวเจินเจินทำร้ายคน เขาก็ไม่มีทางชนะหรอก!เซียวหลินเทียนเห็นแล้วพูดไม่ออก จ้าวเจินเจินใช้สติปัญญาไปกับเรื่องพวกนี้ มันทำให้เขาทั้งรังเกียจและเสียดายมาก!เหตุใดสตรีที่มีความสามารถในวันเก่า ๆ ถึงได้กลายเป็นคนแปลกหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ กันนะ!“พระชายาอ๋องอี้ เรื่องพวกนี้ให้พวกเขาจัดการเถิด! หลานหลานฟื้นแล้ว ช่วยไปดูให้ข้าทีว่าจะต้องดูแลนางอย่างไร!”ฮูหยินจูได้ยินจูหลานขยับตัวก็หันกลับไปมองแล้วเห็นจูหลานลืมตาขึ้น จึงรีบเรียกหลิงอวี๋“พระชายาอ๋องอี้ หลานหลานสูดดมละอองเกสรดอกไม้มาเป็นเวลานาน นางจะถูกพิษด้วยหรือไม่? มันจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของนางใช่หรือไม่!”“ท่านชายน้อยจะไม่กลายเป็นคนโง่จริง ๆ ใช่หรือไม่?”
จะเป็นคนดีก็ต้องเป็นให้ถึงที่สุด!ท่านชายน้อยผู้นี้เป็นเด็กคนแรกที่หลิงอวี๋ทำคลอดตั้งแต่มาถึงฉินตะวันตก หลิงอวี๋จึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเขาสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ หลิงอวี๋ก็มองออกว่าองค์ชายเย่ไม่มีแผนอะไร กลัวว่าเขาจะประมาทอีกแล้วให้คนอื่นอาศัยช่องโหว่มาสังหารท่านชายน้อยเข้าหลิงอวี๋อธิบายรายละเอียดการดูแลแม่ลูกจูหลานให้กับฮูหยินจูฟังสองครั้งอย่างใจเย็น หลังจากแน่ใจแล้วว่าฮูหยินจูจำได้ นางก็เอายาแก้พิษไว้ให้ท่านชายน้อย“ให้ยาสองขวดนี้ครั้งละหนึ่งช้อน… แล้วให้น้ำเยอะ ๆ!”"ตอนป้อนยาจะต้องคอยสังเกตปัสสาวะของเขา หากเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนก็มิต้องให้ยาเขาแล้ว!"“สองวันนี้หลานหลานจะไม่สามารถให้นมลูกได้ เจ้าจะต้องกินยารักษาก่อน หลังจากกินยาไปสามวันแล้ว หากปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ก็ให้กินยากระตุ้นน้ำนม…”หลิงอวี๋สั่งยาสามชนิดให้จูหลาน และสุดท้ายก็คือเพิ่มเลือดหลังจากสั่งยาแล้ว หลิงอวี๋ก็กำชับจูหลาน “หากยังอยากมีลูกต้องเชื่อฟังข้า หลังจากนี้ไปอีกหนึ่งปีเจ้าค่อยมี!”“ตอนเกือบ ๆ ครบปีให้มาหาข้า ข้าจะสั่งยาให้ตามสภาพร่างกายของเจ้า เมื่อทำเช่นนี้คราวหน้าเจ้าจะมีลูกที่แข็งแรงสมบูร
หลิงอวี๋เห็นท่าทีงุนงงของเซียวหลินเทียน ก็รู้สึกว่าว่ามันตลกดีนางดื่มน้ำจากในมิติ ความสามารถในการดมกลิ่น การได้ยิน และการรับรู้ของนางจึงเหนือกว่าคนทั่วไปทั้งหมดพวกเซียวหลินเทียนไม่มีทางเป็นได้เหมือนตนที่แม้แต่กลิ่นที่หอมอ่อน ๆ ก็ได้กลิ่น!“หม่อมฉันต้องขอบพระทัยท่านด้วยเพคะ… ที่เชื่อมั่นในตัวหม่อมฉันและสนับสนุนหม่อมฉันอย่างไม่มีเงื่อนไข!”หลิงอวี๋ยิ้มพลางเอ่ย “หม่อมฉันได้ยินหลิงซวนบอกว่าตอนนั้นข้างนอกเสียงดังวุ่นวายกันมาก และองค์ชายห้าก็อยู่ในห้องคลอดด้วย!”“แต่ท่านก็บังคับทุกคนให้อยู่ที่นั่นเพียงเพราะคำพูดของหม่อมฉัน นี่เป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่นักเพคะ! พระชายาเว่ยมิได้ทำให้ท่านลำบากใจใช่หรือไม่เพคะ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างไม่สนใจ “การข่มขู่สตรีไม่กี่คนจะไปยากกระไรเล่า! แค่ช่วยเจ้าได้ก็ดีแล้ว!”ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในหัวใจของหลิงอวี๋ ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกไว้ว่า ต่อไปเขาจะใช้หัวใจมอง และจะพยายามทำความรู้จักกับตนใหม่อีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าเซียวหลินเทียนจะทำมันได้จริง ๆ!นางคิดถึงหลิงเยวี่ย เซียวหลินเทียนรังเกียจหลิงเยวี่ยมาโดยตลอด และไม่ยอมรับตัวตนของหลิงเยวี่ย!
เช้าวันรุ่งขึ้นเซียวหลินเทียนให้จ้าวซวนเตรียมรถม้าหลายคันและรอที่ลานหน้าตำหนักอ๋องอี้ในตอนเช้าตรู่ตอนหลิงอวี๋พาหลิงเยวี่ยมา นางตั้งใจสังเกตสีหน้าของเซียวหลินเทียน เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนแค่รู้สึกตะลึง แต่ไม่แสดงท่าทีรังเกียจใด ๆ ก็รู้สึกโล่งใจไปครึ่งหนึ่งกระทั่งตอนขึ้นรถม้า หลิงอวี๋อุ้มหลิงเยวี่ยขึ้นรถม้าก็เห็นว่าเซียวหลินเทียนไม่ได้เปลี่ยนรถม้าและตามขึ้นมานั่งด้วย นางก็รู้สึกโล่งใจได้เต็มที่ไม่ว่าเซียวหลินเทียนจะยอมรับหลิงเยวี่ยหรือไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่หลิงอวี๋จะตัดสินใจได้!แต่ตราบใดที่เซียวหลินเทียนสามารถเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้ นางก็เชื่อว่าวันหนึ่งนางจะทำให้เซียวหลินเทียนยอมรับหลิงเยวี่ยอย่างหมดใจได้หลิงเยวี่ยรู้สึกทำตัวไม่ถูกแล้วพิงติดหลิงอวี๋เขายังคงกลัวเซียวหลินเทียนอยู่เล็กน้อย ภาพที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีหลิงอวี๋ทิ้งเงาลึกไว้ในหัวใจของเด็กชายตัวน้อยเขากังวลว่าความใจดีของเซียวหลินเทียนจะกลายเป็นความชั่วร้ายในพริบตา“ท่านแม่ ข้าควรเรียกเขาว่าอะไร?”หลิงเยวี่ยกระซิบถามเบา ๆ ที่หูของหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนเป็นผู้ฝึกวรยุทธ แม้ว่ารถม้าจะกว้างขวาง แต่เขาก็ยังได้ย
หลิงเยวี่ยถือเม็ดหมากล้อมอย่างประหม่า นึกถึงสิ่งที่หลิงอวี๋บอกตนตอนออกไปข้างนอก จากนั้นก็รวบรวมความกล้าเอ่ย“ท่านอ๋อง... เยวี่ยเยวี่ยยังเด็ก ท่านต้องให้เยวี่ยเยวี่ยห้าเม็ด ท่านแม่ของกระหม่อมก็ทำเช่นนี้เช่นกัน!”หลิงอวี๋บอกว่า...“วันนี้อยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะสนับสนุนเจ้าเอง!”“ใครก็ตามที่กล้ารังแกเยวี่ยเยวี่ย แม่จะทุบตีเขาจนกว่าเขาจะรู้ว่าเหตุใดดอกไม้ถึงแดงเช่นนี้เลย!”ด้วยการสนับสนุนจากท่านแม่ของเขา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เซียวหลินเทียนถูกท่านแม่ของตนแขวนไว้บนต้นไม้ หลิงเยวี่ยจึงมั่นใจมากขึ้นท่านอ๋องผู้ดุร้ายนี้ไม่น่ากลัวถึงเพียงนั้นในสายตาของเขาอีกต่อไปแล้ว!“ได้ ข้าจะให้เจ้าห้าเม็ด!”เซียวหลินเทียนย่อมไม่โต้เถียงกับเด็กอยู่แล้วจึงพยักหน้าหลิงเยวี่ยวางห้าเม็ดบนกระดานหมากล้อมพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านอ๋อง ถึงตาของท่านแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นการเคลื่อนไหวบนกระดานหมากล้อม มุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างชื่นชมทันทีสมกับที่เป็นลูกของหลิงอวี๋ผู้ชนะทักษะหมากล้อม การเดินเกมของเด็กน้อยผู้นี้น่าประทับใจทีเดียวเขาลงไปหนึ่งเม็ด หลิงเยวี่ยครุ่นคิดแล้วลงหน
“ท่านอ๋อง พระชายามาแล้วหรือ!”ลัวซินผู้ดูแลไร่นาเป็นผู้ชายอายุประมาณห้าสิบปีเขาเป็นคนรับใช้ที่ตระกูลเสิ่นให้ติดตามพระสนมอวิ๋นมา และเป็นสามีของแม่นมเซียวหลินเทียน ดูซื่อสัตย์ภักดีเขากับแม่นมลัวออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ย“ท่านอ๋อง บ่าวได้เตรียมอาหารให้ท่านตามที่องครักษ์จ้าวสั่งไว้แล้วเพคะ พวกท่านพักผ่อนสักประเดี๋ยวก็เสวยพระกระยาหารกันได้เลยเพคะ!”หลิงอวี๋ไม่เคยมาที่ไร่นามาก่อน เคยได้ยินแม่นมลี่แนะนำว่าสามีภรรยาคู่นี้เป็นคนจริงใจ จึงยิ้มและพยักหน้าแสดงความขอบคุณระหว่างรออาหารเย็น เซียวหลินเทียนก็พาหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยไปดูรอบ ๆ สักพักหนึ่ง แล้วแนะนำสถานการณ์ทั่วไปของไร่นาให้พวกเขาฟังไร่นาของเซียวหลินเทียนครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของหมู่บ้านตระกูลเฉิน มีชาวบ้านอยู่กว่าร้อยคนและผู้คุ้มกันอีกหลายสิบคนโดยปกติแล้วไร่นาไม่จำเป็นต้องมีผู้คุ้มกันจำนวนมากเช่นนี้ หลิงอวี๋เดาจากวิธีที่ผู้คุ้มกันเหล่านั้นเดินไปมาว่าพวกเขาไม่ใช่แค่ผู้คุ้มกัน แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นองครักษ์เงาและผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวหลินเทียนมากกว่านางไม่ได้พูดอะไรออกไป เซียวหลินเทียนสามารถบอกความลับของเขากับตนได
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป
ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทีละก้าว หลิงอวี๋ก็มองพิจารณาฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวไปอย่างเงียบ ๆฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียวเป็นเสาหลักของตระกูลเฉียว เฉียวต้าลูกชายของนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเฉียวตายไปแล้ว และเฉียวเค่อหลานชายที่เป็นที่รักมาโดยตลอดก็ตายไปแล้วเช่นกันฮูหยินผู้เฒ่าที่อายุหกสิบกว่าผู้นี้แก่ตัวลงมากภายในชั่วข้ามคืน และในช่วงนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายตายไปนางแต่งตัวเรียบหรูสุภาพเช่นเดียวกับฮูหยินเฉียว และเนื่องจากนางกินโอสถชะลอวัยมาหลายปี ดังนั้นแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวจะอายุหกสิบแล้ว แต่บนใบหน้าของนางก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ดูแล้วคล้ายกับเป็นพี่น้องกับฮูหยินเฉียวเลยทีเดียวผมของนางก็เป็นสีดำสนิททั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะอาการป่วย จึงทำให้สีผิวดูขาวซีดไปเล็กน้อยรูปร่างของฮูหยินเฉียวสูงใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นางสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร กระดูกก็ใหญ่เช่นกัน ดูมีความสามารถมาก และระหว่างคิ้วกับตาของนางนั้นก็ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียว ฮูหยินเฉียว...”จงเจิ้งเฟยพาเหลยเหวินกั
น่าสนใจ!เซียวหลินเทียนเห็นกระบวนการทั้งหมดนั้น แล้วก็รู้สึกว่าการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่น่าเบื่อในวันนี้ ก็มิได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้นแล้วเขาหันไปหาเถาจื่อแล้วเอ่ยออกไป “ศิษย์พี่หญิงของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก เจ้าจงเข้าใกล้นางเข้าไว้!”เถาจื่อดูท่าทีสับสน “นายท่านอู่ ท่านแน่ใจว่านางมิใช่คุณหนูมิใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงต้องเสียเวลาไปกับนางด้วยเจ้าคะ?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ไม่ ข้ามิอาจแน่ใจได้หรอก! คุณหนูของพวกเจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น หากนางตั้งใจจะซ่อนตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็มีวิธีมากมายนัก!”“ข่าวล่าสุดที่สือหรงส่งมาก็คือ คุณหนูของพวกเจ้าติดตามฮูหยินเว่ยมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ขอเพียงนางอยู่ในสังคมเมืองหลวงแดนเทพนี้ นางจะต้องมาศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงอย่างแน่นอน!”“สิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญก็คือสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้ เราจะต้องตรวจสอบพวกนางทีละคน จนกว่าจะพบคุณหนูของเจ้า!”เซียวหลินเทียนเชื่อว่า ด้วยความฉลาดของหลิงอวี๋แล้ว นางไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน ขอเพียงคอยจับตามองสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้เข้าไว้ เขาจะต้องหาหลิงอวี๋พบได้อย่างแน่นอน“ฉินซาน เจ้ากลับไปบอกให้สือหรงสืบประวัติของส
หลิวซานและเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พากันตำหนิหลิงอวี๋หลิวซานเป็นผู้นำดุด่าขึ้นมา “ใช่แล้ว ตนเองสร้างปัญหาไปทั่ว เมื่อถูกคนมาทำลายบ้านยังจะมาใส่ร้ายศิษย์พี่ของพวกเราอีก คงมิใช่ว่าเจ้ายากจนไม่มีเงิน จึงคิดจะขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่งไปสร้างบ้านใหม่ใช่หรือไม่!”บัณฑิตคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างดูถูกเช่นกัน “ดูจากอาภรณ์ที่นางใส่แล้ว ก็คงมิได้อยู่อาศัยในที่ที่ดีนักหรอก คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าจึงถูกทุบน่ะสิ!”“ใช่แล้ว ที่อยู่ของพวกเรามีความปลอดภัยดี ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”“สิงอวี๋ เจ้าช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เมื่อครู่ศิษย์พี่ของเราล้อเล่นจึงพูดเช่นนั้นออกไป คาดมิถึงเลยว่าจะถูกเจ้าใส่ร้าย! เช่นนั้นหากเป็นข้าที่พูดเช่นนั้นออกไป เจ้าก็จะบอกว่าข้าทำลายบ้านเจ้าใช่หรือไม่?”จงเจิ้งเฟยกับเหลยเหวินจึงดึงหลิงอวี๋ไปถามด้วยความเป็นห่วง “บ้านของเจ้าถูกทุบจริงหรือ?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านที่เห็นท่ามกลางสายฝนเมื่อวานนี้ แล้วพยักหน้าอย่างแน่วแน่นางมองเหมียวหยางอย่างเย็นชา เขายังคงหัวเราะอย่างมิกลัวเกรง พร้อมกับทำท่าทางท้าทายราวกับว่า ‘เจ้าทำอะไรข้ามิไ
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ
ใต้หล้านี้มีสตรีที่งดงามอยู่มากมาย!บางคนก็พึ่งการแต่งตัวให้ตนดูงดงาม!และบางคนก็พึ่งความเข้มแข็งภายในจิตใจทำให้งดงาม!และในชั่วขณะนี้ เหลยเหวินรู้สึกว่าสหายของตนผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ก็มิได้ด้อยไปกว่าสตรีที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย“เสี่ยวอวี๋ เจ้าจะต้องได้สิ่งที่เจ้าต้องการอย่างแน่นอน!”เหลยเหวินเอ่ยออกมาอย่างจริงใจหลิงอวี๋มีจิตใจที่แน่วแน่เช่นนี้ ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นโอสถอีก ในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด นางจะต้องไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างแน่นอนทั้งสองยิ้มให้กันแล้วออกไปรอจงเจิ้งเฟยและเมื่อมาถึงที่หน้าประตู รถม้าของตระกูลจงเจิ้งก็มาถึงเนื่องจากเป็นตระกูลใหญ่ จึงเป็นรถม้าที่มีม้าลากสี่ตัวที่ดูหรูหรามาก พวกนางทั้งสามคนยิ้มแย้มพูดคุยกันไปขณะที่มุ่งหน้าไปที่บ้านของหลงอิง“เสี่ยวอวี๋ ตระกูลของหลงอิงเป็นสายข้างเคียงของตระกูลหลง ดังนั้นที่ที่พวกเราจะไปกันจึงมิใช่คฤหาสน์ต้นตระกูล แต่เป็นคฤหาสน์ของครอบครัวนางเอง”เหลยเหวินแนะนำหลิงอวี๋อย่างกระตือรือร้น “แม้ว่าจะเป็นเพียงสายข้างเคียง แต่ครอบครัวหลงอิงก็ใหญ่โตมากเช่นกัน ต้องจัดงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ประจำ
“เสี่ยวชี เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่งเจ้า!”เย่หรงรู้สึกว่าคุยกับหลิงอวี๋ถูกคอมาก จึงรู้สึกว่ายังมิพอ“โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ!”ในเมื่อหลิงอวี๋ตัดสินใจที่จะสร้างพันธมิตรกับเย่หรงแล้ว นางจึงมิลังเลที่จะบอกเรื่องของตนให้เขารู้เย่หรงจึงเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ “เจ้าสอบเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงได้แล้วนี่ เหตุใดยังพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมอีกเล่า? โรงเตี๊ยมในเมืองหลวงแดนเทพราคามิใช่ถูก ๆ เจ้าทำเช่นนี้มิสู้ซื้อเรือนสักหลังน่าจะคุ้มค่ากว่าหรือ!”หลิงอวี๋จึงยิ้มอย่างเย็นชา “เดิมทีข้ามีบ้านอยู่ แต่ถูกคนทำลายไปเสียแล้ว!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? เจ้าเป็นศิษย์น้อยของอาสาม ใครกันที่ตาไร้แววกล้ามาทำลายเรือนของเจ้า?”เย่หรงยิ่งก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีกหลิงอวี๋จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟัง และสุดท้ายก็เอ่ยออกไป “เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเหมียวหยางเป็นแน่ ข้าไม่มีศัตรูอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ และนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครที่จะทำเรื่องเช่นนี้กับข้าด้วย!”เย่หรงได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมาก “ไป่หลี่ไห่กับหอโอสถไป๋เป่าอาศัยว่ามีการสนับสนุนของเจ้าแห่งทะเล จึงได้กล้าทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้!”“เสี่ยวช
แหกคุกหรือ?เหมือนว่าจะไม่มีใครเคยพูดเช่นนี้กับเย่หรงมาก่อนเลย เย่หรงเองก็ถูกการศึกษาที่แสนยาวนานยับยั้งเอาไว้ คิดมิถึงเลยว่าจะมีวิธีเช่นนี้ที่สามารถใช้ได้ด้วย!เขาประหลาดใจขึ้นมาในทันที แล้วก็มองหลิงอวี๋อย่างเหลือเชื่อเช่นนี้ก็ได้เช่นกันนี่?เพราะว่าเย่หรงเองก็เป็นคนที่มิทำตามกฎอยู่แล้ว หลังจากที่ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาก็คิดออกแล้วคำโน้มนำที่หลิงอวี๋ขว้างมาตรงหน้าตนนั้นเป็นราวกับต้นกล้าเล็ก ๆ ที่ทะลุผ่านดินขึ้นมาในชั่วพริบตา และเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ!ใครบอกว่ามิได้เล่า?ความผิดที่มารดาของเขาทำนั้นมิใช่ความผิดร้ายแรง ตระกูลหลงและตระกูลเย่ก็มิแม้แต่จะผ่านการพิจารณาคดีด้วยซ้ำ พวกเขาแค่ขังนางไว้ในคุกน้ำอันมืดมิดมาเป็นเวลานานสิบกว่าปีแล้วพวกเขาสามารถเพิกเฉยกฎเกณฑ์ได้ และทำตามอำเภอใจกันได้ เช่นนั้นเหตุใดตนจึงต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเขาด้วยเล่า?มิรู้ว่าท่านแม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนั้นจะถูกทรมานอย่างไรบ้าง เขาในฐานะลูกชายจะสามารถมองดูมารดาต้องทนทุกข์ต่อไปได้อย่างไรกัน?หากเขามิช่วยท่านแม่ออกมาจากสถานที่เลวร้ายนั้น เขาจะต้องสูญเสียท่านแม่ไปแน่“เสี่ยวชี ข้าจะหาช่องโหว่ได้
ก็มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน!เป็นเพราะได้ยินหยางหงหนิงบอกว่าเย่หรงชอบหลิงอวี๋หรือ?หรือเป็นเพราะเมื่อครู่ได้ยินเย่หรงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเขาไร้ประโยชน์ และไม่มีอะไรดี?หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเคยได้ยินผู้รอบรู้เล่าเรื่องภูมิหลังของเย่หรง เมื่อหลิงอวี๋เห็นเย่หรงจึงไม่มีความระแวดระวังดังเช่นก่อนหน้านี้นี่คือคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างประหม่า “คุณชายเย่ ข้ามิได้ตั้งใจจะแอบฟัง ข้าแค่ผ่านมา… แค่ผ่านมาเท่านั้นเอง!”เย่หรงจ้องมองนางอย่างดุร้าย และเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของศิษย์น้อยของเย่ซื่อฝาน ดูมิคล้ายกับพูดโกหกอยู่ เขาก็เอ่ยถามอย่างมิคาดคิด “เจ้าดื่มสุราเป็นหรือไม่?”เอ๊ะ นี่คือคำถามอะไรกัน?“มินับว่าดื่มเป็นเจ้าค่ะ!” หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเขินอายนางมิรู้ด้วยซ้ำว่าตนสามารถดื่มได้มากแค่ไหน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าดื่มเป็นหรือไม่“ไป ข้าจะเลี้ยงสุราเจ้าเอง!”เย่หรงมิพูดพร่ำทำเพลง แล้วเดินเข้ามาคว้าแขนของหลิงอวี๋เดินไป“คุณชายเย่ ข้าไปดื่มกับท่านมิได้เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกใจ แล้วก็ดิ้นรนพลางเอ่ยออกมาแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองเห็นชัดเจนว่