“ท่านอ๋อง พระชายามาแล้วหรือ!”ลัวซินผู้ดูแลไร่นาเป็นผู้ชายอายุประมาณห้าสิบปีเขาเป็นคนรับใช้ที่ตระกูลเสิ่นให้ติดตามพระสนมอวิ๋นมา และเป็นสามีของแม่นมเซียวหลินเทียน ดูซื่อสัตย์ภักดีเขากับแม่นมลัวออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ย“ท่านอ๋อง บ่าวได้เตรียมอาหารให้ท่านตามที่องครักษ์จ้าวสั่งไว้แล้วเพคะ พวกท่านพักผ่อนสักประเดี๋ยวก็เสวยพระกระยาหารกันได้เลยเพคะ!”หลิงอวี๋ไม่เคยมาที่ไร่นามาก่อน เคยได้ยินแม่นมลี่แนะนำว่าสามีภรรยาคู่นี้เป็นคนจริงใจ จึงยิ้มและพยักหน้าแสดงความขอบคุณระหว่างรออาหารเย็น เซียวหลินเทียนก็พาหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยไปดูรอบ ๆ สักพักหนึ่ง แล้วแนะนำสถานการณ์ทั่วไปของไร่นาให้พวกเขาฟังไร่นาของเซียวหลินเทียนครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของหมู่บ้านตระกูลเฉิน มีชาวบ้านอยู่กว่าร้อยคนและผู้คุ้มกันอีกหลายสิบคนโดยปกติแล้วไร่นาไม่จำเป็นต้องมีผู้คุ้มกันจำนวนมากเช่นนี้ หลิงอวี๋เดาจากวิธีที่ผู้คุ้มกันเหล่านั้นเดินไปมาว่าพวกเขาไม่ใช่แค่ผู้คุ้มกัน แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นองครักษ์เงาและผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวหลินเทียนมากกว่านางไม่ได้พูดอะไรออกไป เซียวหลินเทียนสามารถบอกความลับของเขากับตนได
หลิงอวี๋ไม่สนใจว่าทั้งสองคนคิดเยี่ยงไร นางคุกเข่าลงพลางเอ่ยกับหลิงเยวี่ยอย่างจริงจัง“แม่นมลี่และพี่ฉีเต๋อต้องดูแลเจ้าทุกวันก็ลำบากมากแล้ว หากเจ้าอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เจ้าก็ต้องรับผิดชอบดูแลมันเอง! เจ้าไม่สามารถเพิ่มภาระให้พวกเขาเพียงเพราะความชอบของเจ้าได้!”หลิงเยวี่ยกะพริบตาปริบ ๆ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ท่านแม่ ตกลง ข้าจะดูแลกระต่ายน้อยเองขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้าพลางเอ่ย “กระต่ายน้อยเป็นสมบัติของท่านอ๋อง หากเจ้าอยากได้กระต่ายน้อยเจ้าต้องขอท่านอ๋อง หากท่านอ๋องเห็นด้วย จึงจะสามารถเอามันไปได้!”หลิงเยวี่ยพยักหน้า พลางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างมีความหวัง “ท่านอ๋อง… ท่านมอบกระต่ายน้อยให้กับเยวี่ยเยวี่ยตัวหนึ่งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนตะลึงไปอีกครั้ง แค่กระต่ายน้อยที่ไม่ได้สำคัญอะไร หลิงอวี๋จริงจังถึงขั้นให้หลิงเยวี่ยขอเลยหรือ?แต่เมื่อเห็นท่าทางสุภาพของหลิงเยวี่ย เซียวหลินเทียนก็พูดไม่ออกก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นเด็กจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจมาไม่น้อย เวลาอยากได้สิ่งใดก็จะร้องไห้โวยวายขอสิ่งที่ตนต้องการแต่หลิงเยวี่ยไม่ได้ประพฤติตนเอาแต่ใจและก้าวร้าวเช่นนั้น หลิงอว
“ข้ารับปากกับเยวี่ยเยวี่ยไว้ว่าจะให้ของเล่นสนุก ๆ กับเขาชิ้นหนึ่ง ในไร่นาของท่านพอจะหาแม่เหล็กกับแผ่นเหล็กได้หรือไม่เพคะ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยโดยไม่ต้องคิด “ง่ายมาก ลู่หนาน เจ้าไปหามาให้พระชายาหน่อย!”ลู่หนานรีบส่งองครักษ์ไปหามาให้ทันทีหลิงอวี๋เอ่ยถามอีกครั้ง “เซียวหลินเทียน ผู้ใดเป็นคนทำล้อรถเข็นของท่านหรือ วันหลังท่านให้เขาทำให้หม่อมฉันสามล้อได้หรือไม่ เดี๋ยวหม่อมฉันจะบอกขนาดกับท่านเอง”“ไม่ใช่เรื่องยาก! เจ้าต้องการอะไรอีกหรือไม่?”แผนของหลิงอวี๋คือการสร้างรถสามล้อคันเล็ก ๆ ให้หลิงเยวี่ยแทนม้าตัวเล็ก แต่ไม่รู้ว่าทักษะของช่างเหล็กในฉินตะวันตกอยู่ในระดับไหนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็รีบเอาภาพวาดที่ตนเองวาดอยู่ข้ามคืนให้เซียวหลินเทียนดู“ท่านดูนี่ มีช่างเหล็กคนใดที่ทำตรงส่วนที่จับกับส่วนที่นั่งเช่นนี้ได้บ้าง…”นางเข้าไปใกล้เซียวหลินเทียน พลางอธิบายการใช้การของแต่ละส่วนให้เซียวหลินเทียนฟังสุดท้ายหลิงอวี๋ก็เอ่ย “ท่านอย่าคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ของเล่นนะ ของชิ้นนี้จะต้องทำตามสัดส่วนปกติเลย ตรงด้านหลังยังสามารถต่อรถลากไว้ขนของได้ด้วยเพคะ!”เซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อ
หลิงอวี๋ตั้งสติได้ทันทีจึงยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยอย่างเร่งรีบ “ไม่รู้ว่าเยวี่ยเยวี่ยตื่นแล้วหรือยัง หม่อมฉันขอตัวไปดูก่อน!”แล้วหลิงอวี๋ก็วิ่งออกไปอย่างลนลานเซียวหลินเทียนก็รู้สึกจิตใจว่างเปล่าขึ้นมาทันที เขาอ้าปากจะเรียกหลิงอวี๋ไว้ ปากของเขาขยับแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปล่งเสียงเรียกออกไปกระทั่งเซียวหลินเทียนสงบอารมณ์ของตนเองแล้วเดินออกมา หลิงอวี๋ก็หายตัวไปแล้ว“ท่านอ๋อง... พระชายาบอกว่าจะพาพวกเยวี่ยเยวี่ยไปเก็บลูกท้อให้ท่านอดีตเสนาบดีที่ภูเขาด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ!”“รัฐทายาทอันกับแม่ทัพเผยได้ยินว่าเรามาเที่ยวที่ไร่นาจึงมาหา กระหม่อมบอกไปว่าท่านอ๋องมีเรื่องต้องทำ ให้พวกเขาไปตกปลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานก้าวไปข้างหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาไม่กล้ามองเซียวหลินเทียน เมื่อครู่นับว่าตนทำลายบรรยากาศดี ๆ ของท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่นะ?แม้ว่าตอนนี้หลิงอวี๋จะเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่พวกลู่หนานต่างก็รู้ว่าตัวตนของหลิงเยวี่ยนั้นเป็นเหมือนก้างปลาที่ติดอยู่ระหว่างเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋พวกเขาหวังว่าท่านอ๋องจะมีความสุข แต่ก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องเลี้ยงลูกให้คนอื่นดังนั้นลู่หนานจึงไม่รู้ว่าจะต้องเผชิ
เผยอวี้ถอนหายใจ ส่ายหัวพลางเปลี่ยนหัวข้อ“กรมกลาโหมให้ข้าไปรักษาการณ์ทางตะวันตกเฉียงใต้ จะออกเดินทางในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว”“ข้าไปครั้งนี้จะไม่ได้กลับมาอีกสองสามปี ดังนั้นข้าจึงไม่มีแผนที่จะแต่งงานหรอก!”อันเจ๋อฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างกังวล “เจ้าแก่ถึงเพียงนี้แล้วยังมิได้แต่งงานอีกรึ? แม่ของเจ้าไม่เร่งแย่หรือไร!”“เจ้ารีบหาใครสักคนแต่งงานเถิด! บางทีเมื่อเจ้ากลับมา ลูก ๆ อาจจะโตแล้วก็ได้!”เผยอวี้กลอกตาใส่อันเจ๋อพลางเอ่ยอย่างหนักใจ“ช่างเถอะ ข้าไม่ทำร้ายฝ่ายหญิงจะดีกว่า! ข้าแต่งงานแล้วไปประจำการทางตะวันตกเฉียงใต้ ทิ้งให้ภรรยาคลอดและเลี้ยงลูกที่บ้านด้วยตนเอง เช่นนั้นจะต่างอะไรกับการเป็นหม้ายเล่า!”เซียวหลินเทียนนั่งข้าง ๆ มองเพื่อนสนิทสองคนคุยกันเรื่องแต่งงานแล้วก็ยิ้มเล็ก ๆตอนเขาอายุสิบห้าหรือสิบหก เขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ อยากแค่เข้าร่วมกองทัพและสร้างความสำเร็จเท่านั้น!กระทั่งโตขึ้น ถึงได้พบว่าหลาย ๆ อย่างไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดในตอนแรกเลย!เขาอิจฉามากที่อันเจ๋อและเผยอวี้ไม่ต้องเกิดมาในราชวงศ์ ไม่ต้องเผชิญกับแผนการกลอุบายมากมาย!พวกเขาทั้งสามพูดคุยกันอยู่ จากนั้นก
ขณะที่ทั้งสามกำลังออกไปดูว่าหลิงอวี๋จะช่วยชีวิตคนอย่างไร ก็เห็นเถาจื่ออุ้มเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้ามามีคู่สามีภรรยาและเด็กชายร่างผอมบางคนหนึ่งตามหลังมาด้วยหลิงอวี๋วิ่งไปข้างหน้า ผลักโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ตรงหลุมไปไว้ข้าง ๆ แล้วให้เถาจื่อวางเด็กหญิงลงบนหลุมเซียวหลินเทียนเห็นว่าใบหน้าของเด็กหญิงคนนั้นสกปรก ผมเผ้าตัดสั้นเหลือเพียงไม่กี่นิ้ว หากหลิงซวนไม่ได้บอกก่อนว่าเป็นเด็กผู้หญิง เขาคงคิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย“เถาจื่อ ไปเอาน้ำร้อนมา!”หลิงอวี๋สั่งพลางตรวจชีพจรของเด็ก จากนั้นหลิงซวนก็ยื่นเครื่องวัดไข้ให้หลิงอวี๋อย่างให้ความร่วมมืออันเจ๋อหันไปเห็นรูปร่างหน้าตาของเด็กหญิงก็ตกตะลึงทันทีเด็กคนนี้อายุพอ ๆ กับหลิงเยวี่ย ใบหน้าซีดเซียวและผอมบาง เบ้าตาก็โบ๋ลึกลงไปด้วยเสื้อผ้าที่นางสวมน่าจะเป็นของผู้ใหญ่ เป็นเสื้อตัวยาวที่มีรอยปะอยู่มากมายจนมองรูปแบบเดิมของเสื้อไม่ออกแล้วแขนและขาเล็ก ๆ ของเด็กหญิงที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมา ราวกับกิ่งก้านของต้นไม้ที่บอบบาง ซึ่งดูเหมือนจะหักได้ทุกเมื่อเถาจื่อไปเอาน้ำมาแล้วร่วมมือกับหลิงซวนเช็ดหน้าของเด็กหญิงกระทั่งตอนที่ถอดรองเท้าฟางของเด็กหญิงออก เซียวหล
เสี่ยวฮวาสูดหายใจเข้าแล้วมองหลิงอวี๋อย่างอ่อนแรง พลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา“พระชายา… ข้าไม่เจ็บ ข้าทนได้... ข้าไม่ต้องกินยาด้วยเจ้าค่ะ! ท่านไม่ต้องรักษาข้าหรอก!”“น้องชายของข้ายังเด็ก เงินของท่านแม่ต้องเก็บไว้ซื้ออาหารให้เขา… และต้องเก็บไว้เป็นค่ารักษาท่านพ่อด้วย! ข้าทนได้เจ้าค่ะ!”หลิงซวนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินสิ่งนี้ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้วร้องไห้ออกมานี่เด็กอายุเท่าไหร่เอง!ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ แต่ยังคิดถึงน้องชายกับพ่อของตน ไม่ยอมให้แม่ใช้เงินรักษาตนอีก!รู้ความมากเสียจนทำให้คนที่เห็นต้องปวดใจ!เมื่อแม่เผิงได้ยินคำพูดของบุตรสาวตน ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาอีกพลางเอ่ย“ไม่ ๆ… อาการป่วยของพ่อนางยังเลื่อนออกไปได้อีกเจ้าค่ะ… เสี่ยวฮวายังเด็กมากเช่นนี้ อยู่กับพวกเราไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลย… นางยังตายมิได้นะเจ้าคะ!”“ข้ายอมแลกชีวิตของข้าเพื่อให้นางมีชีวิตอยู่… พระชายา โปรดช่วยนางให้ได้เถิดหนาเจ้าคะ…”พ่อเผิงทิ้งไม้ค้ำยันแล้วคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบหน้าพลางเอ่ย“เสี่ยวฮวา พ่อขอโทษ… หากมิใช่เพราะพ่อไร้ความสามารถ ก็ไม่มีทางให้เจ้าออกไปขอทานตั้งแต่อายุยังน
ลุงเผิงเป็นผู้ใหญ่ แต่พูดแล้วน้ำตาก็พลางไหลลงมา“ท่านอ๋องอี้ ท่านดูครอบครัวใหญ่ของเราเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากหางานดี ๆ มิได้แล้วจะเลี้ยงดูครอบครัวพวกเขาได้เยี่ยงไรเล่า!”“หากทั้งครอบครัวแข็งแรงดีจะทนลำบากสักหน่อยก็หาได้เป็นไรไม่ แต่พ่อกระหม่อมทนมิไหวล้มป่วย เราใช้เงินรักษาเขาไปหมดแล้ว!”“เผิงเอ้อร์ก็อยากไปช่วยคนขุดลอกคลอง แต่ไม่คาดคิดว่าโชคร้ายจะมาไม่หยุดหย่อน เขาไปได้ไม่นานก็ถูกหินหล่นลงมาทับจนได้รับบาดเจ็บที่ขา… นี่มิใช่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือ?”เมื่อเห็นสิ่งนี้แม่เผิงก็ช่วยพูดด้วย “ท่านอ๋องอี้ พวกผู้หญิงกับลุงป้าของหม่อมฉันรวมถึงหลานสาวคนโตทำงานเย็บปักถักร้อยได้ ก็อยากจะเย็บผ้า ปักผ้าและซักผ้าเพื่อเสริมรายได้ของครอบครัวเพคะ!”“แต่เราไม่มีที่อยู่อาศัยที่แน่นอน ผู้ใดจะไว้ใจให้เราดูแลเสื้อผ้าเล่าเพคะ!”ลูกชายของลุงเผิงก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธเช่นกัน “แม้ว่าเราจะยากจน แต่เราไม่เคยทำเรื่องผิด ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“แค่เพียงเพราะเรายากจน พอเราเข้าใกล้บ้านคนรวยพวกนั้น เขากลับทำเหมือนเราเป็นขอทานแล้วกล่าวหาว่าเราขโมย! ถึงกับปล่อยสุนัขมากัดเราด้วยซ้ำ...”อันเจ๋อหน้าแดง นึกถึงอคติของเขาที่มีต่อผู้ลี้