“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา
“หลิงผิง เจ้าติดตามคุณหนูของเจ้ามากว่าสิบปี สิ่งที่เจ้าเอ่ยน่าเชื่อถือที่สุด เจ้าบอกมาว่าหลิงอวี๋มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่?” ชิวเหวินซวงดึงหลิงผิงที่ตามมาข้างหลังตนเองออกมา หลิงผิงแสร้งทำเป็นไม่สบายใจนัก ก้าวไปข้างหน้าเอ่ยอย่างลังเล “กราบบังคมทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ติดตามหลิงอวี๋ตั้งแต่เล็ก นางโง่เขลาเหมือนหมู หมากล้อม เขียนพู่กัน วาดภาพก็ไม่ได้ นับประสาอะไรกับทักษะทางการแพทย์ ท่านอ๋องทรงอย่าได้เชื่อคำพูดของนางเพคะ!” หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา นางรับใช้คนนี้ขายนางจนหมดสิ้นจริง ๆ ! ทว่าหลิงอวี๋จะไม่มีทางหวาดกลัว ตราบใดที่เธอช่วยเฮยจื่อได้ ใครจะจริงจังกับคำพูดของนางรับใช้! เซียวหลินเทียนจ้องมองยังหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่านางมิได้รู้สึกตื่นตระหนกใดที่ถูกเปิดเผยความลับออกมา ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หญิงผู้นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้หากว่านางรับใช้กล้าพูดเรื่องลับหลังของเจ้านายเช่นนี้ นางจะต้องรีบร้องตะโกนอธิบายให้กับตนเอง! เซียวหลินเทียนไม่เอ่ยวาจาใด ชิวเฮ่ากลับทนไม่ได้จนร้องคำรามออกมา “คนชั้นต่ำ นางรับใช้ของเจ้าพูดความจริงออกมาแล้ว เจ้ายังจะกล้ามาหลอกท่านอ๋องของข้าอีกรึ?
“นำนางเข้าไป!” ถึงแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าหลิงอวี๋วันนี้ดูประหลาดไป แต่ถ้าไม่ช่วย เฮยจื่อก็คงจะตาย เขาทำได้เพียงแค่เดิมพันกับมัน หลิงอวี๋เหลือบมองเขา นางเดินเข้าไปอุ้มเสี่ยวเมาออกมาส่งให้แม่นมลี่พากลับไปดูแลบาดแผล จากนั้นก็เอ่ยกับลู่หนานใบหน้าเคร่งคนนั้นว่า “เตรียมห้องสะอาดให้ข้าห้องหนึ่ง น้ำร้อน เหล้า ผ้าปูที่นอนสะอาด… เจ้า ทหารทั้งสองนาย!” สิ่งที่เอ่ยออกมาก่อนหน้านั้นลู่หนานสามารถฟังเข้าใจได้ แต่ทหารสองคน และตนเองนั้นมันคืออะไรกัน? หลิงอวี๋เมื่อเห็นว่าเขาดูประหลาดใจ ก็เอ่ยเสียงขรึมออกมา “ตอนที่ข้าจัดการบาดแผลให้กับเฮยจื่อนั้น ต้องการคนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ห้ามมิให้ใครเข้ามารบกวนข้า!” นางมองไปยังชิวเฮ่าอย่างยั่วยุ แล้วจงใจเอ่ย “โดยเฉพาะคนบางคน ข้าเกรงว่าจะมีคนจงใจทำให้เฮยจื่อต้องตาย แล้วมาใส่ร้ายข้า!” ชิวเฮ่าโมโหเสียจนเส้นเอ็นตรงหน้าผากกระตุกเต้น มือของเขาวางอยู่บนด้ามของดาบ เกลียดที่ไม่อาจพุ่งเข้าไปฟันหญิงผู้นี้ให้ตายได้! เมื่อถูกคนชั้นต่ำเปิดเผยออกมาเช่นนี้ ต่อไปหากว่าเหวินซวงเข้าใกล้ท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าจะถูกคนมากมายเท่าไหร่ที่จับจ้อง! หญิงผู้นี้จะต้องเป็นอุปส
หลิงอวี๋เข้าใกล้เซียวหลินเทียน แต่กลับดูเงอะงะ กระโปรงของนางพันกันโดยไม่ได้ตั้งใจ นางเซถลาทิ้งตัวลงบนเท้าของเขา คิดที่จะส่งตัวเองเข้าในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง? หลิงอวี๋ใช้อุบายนี้หลายครั้งตั้งแต่เซียวหลินเทียนกลับมาเมืองหลวง! พฤติกรรมของนางผู้นี้ทำให้เขาคิดว่านางเปลี่ยนไปแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่านางจะยังน่าขยะแขยง! เขาไม่ควรเชื่อเลยว่า นางจะช่วยเฮยจื่อได้จริง! เซียวหลินเทียนโกรธจนอยากจะเตะนางออกไป ทว่าเขาไม่สามารถขยับเท้าได้เลย เขากำลังจะเรียกชิวเฮ่าเข้ามา ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของหลิงอวี๋เอ่ยออกมา “ท่านอ๋อง ท่านเหนื่อยเกินไปแล้ว พักผ่อนเถอะ...” สองขาของเซียวหลินเทียนนั้นไม่มีความรู้สึก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าตอนที่หลิงอวี๋แกล้งล้มลง เข็มฉีดยาในมือได้ฉีดยาสลบเข้าที่ขาของเขาแล้ว จนรู้สึกว่าการมองเห็นค่อย ๆ มัวลง…“คนชั้นต่ำ เจ้าทำอะไรข้า...” เซียวหลินเทียนตระหนักได้ทันทีว่า มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว ประมาทเกินไปจนตกลงไปในแผนของคนชั้นต่ำนี้! วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็ตกอยู่ในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด... เซียวหลินเทียนหมดสติ หลิงอวี๋ช่วยพยุงเขาขึ้นรถเข็น
“เข้ามา...” เซียวหลินเทียนเมื่อเห็นหลิงอวี๋กระอักเป็นเลือดออกมาก็ไม่ได้หายโกรธ! คนชั้นต่ำนี่ท้าทายความอำนาจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาจะไม่ให้โอกาสนางอีกต่อไป! เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเซียวหลินเทียน ลู่หนานและชิวเฮ่าที่อยู่ด้านนอกก็เตะเปิดประตูเข้ามา “จับนางไว้ ลงโทษให้ตาย!” เซียวหลินเทียนจ้องไปที่หลิงอวี๋ด้วยดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ชิวเฮ่าคิดว่าเฮยจื่อถูกหลิงอวี๋รักษาจนตายแล้ว ดังนั้นเขาจึงชักมีดออกมาแล้วพุ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธ “ท่านอ๋อง กระหม่อมบอกแล้วว่าไว้ใจนางไม่ได้… กระหม่อมพูดถูกแล้ว! กระหม่อมจะฆ่านางเพื่อล้างแค้นให้เฮยจื่อ!” “เฮยจื่อตายแล้วหรือ?” เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น กัดฟันแล้วเอ่ยออกมา "เช่นนั้นก็สับนางให้เป็นชิ้นซะ!" นี่คือราคาที่เขาต้องจ่ายจากการเชื่อคำโป้ปดของหลิงอวี๋... เฮยจื่อถูกผู้หญิงคนนี้ฆ่าตายแล้ว! “ช้าก่อน... ใครบอกว่าเฮยจื่อตายแล้ว” หลิงอวี๋กระอักเลือดออกมา แล้วตะโกนอย่างร้อนรน น่าเสียดายที่เซียวหลินเทียนกำลังโกรธจัด และเมื่อเขาได้ยินเสียงที่น่าเกลียดของนางแล้ว เขาก็อยากจะหั่นนางให้เป็นชิ
แต่ความอัปยศอดสูนี้ยังไม่หมดสิ้นไป ดูเหมือนว่า แม่นมสอพลอนั่นจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับชิวเฮ่า เมื่อครู่นี้ชิวเฮ่าถูกหลิงอวี๋เยาะเย้ยมาหลายครั้ง เขาเต็มไปด้วยความโกรธจนไม่มีโอกาสระบายออกมา บัดนี้โอกาสมาถึงแล้ว! "แม่นมเกา มีอะไรให้กินบ้าง เอาออกมาหน่อย!" ชิวเฮ่ายิ้มออกมาอย่างมุ่งร้าย "พวกเราใจดี ก่อนที่จะส่งนางไปนั้น จะต้องให้นางได้เป็นผีที่กินอิ่มแล้ว!” "ได้สิ!" แม่นมเกาบิดเอวอ้วนของนางเดินไป หลังจากนั้นไม่นาน นางก็นำหม้ออาหารหมูมาวางตรงหน้าหลิงอวี๋ สิ่งที่ดำ มัน มีกลิ่นเน่า ทำให้หลิงอวี๋อยากจะอาเจียนเมื่อเห็นมัน... ทว่าวินาทีต่อมาชิวเฮ่า ก็จับผมของนางแล้วกดหน้านางลงในหม้อ "กินสิ! กินเข้าไป!" ชิวเฮ่ากดใบหน้าของนางลงไปอย่างโหดเหี้ยม หลิงอวี๋รู้สึกได้เพียงกลิ่นเหม็นเน่าโชยเข้ามาที่ปลายจมูก นางรีบปิดปากแน่น ใบกะหล่ำปลีเน่าและอาหารหมูเปื้อนเลอะเทอะไปทั่วหน้า "อร่อยหรือไม่?" ชิวเฮ่าดึงผมของนางขึ้นมา ใบหน้าของหลิงอวี๋ในตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารหมู คาดว่าแม้แต่ท่านเสนาบดีก็จำบุตรตนมิได้! "ฮ่าฮ่า… น่าขันนัก! นี่มันสัตว์ประหลาดน่าเกลียดจากที่ใดกัน!" คนรับใช้ทั้งหม
“สกปรก… ข้าจะล้างให้...”อ่างน้ำเย็นราดบนร่างของหลิงอวี๋อย่างกะทันหัน และนางก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างประหลาดนั้นอีกครั้ง"หนาว...”นางทั้งหิวทั้งหนาว ม้วนขดตัวเข้าโดยไม่รู้ตัว"พระ...ชายา… ข้าไม่คิดเลยว่าข้า...ข้าจะยังมี… วาส… วาสนาเช่นนี้!"ปากเบี้ยวเดินเข้ามาหาหลิงอวี๋พร้อมน้ำลายไหลฟันที่ดำสนิทของเขากระจายกลิ่นเหม็นจากปาก ทำให้หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมา!นางยังคงอยู่ในสถานที่บ้าบอแห่งนี้!นางยังไม่ตาย!“ท่านอ๋องมอบ… ท่านเป็นราง… วัลให้กับข้า!”ปากเบี้ยวหรี่ตาลงยิ้มชั่วร้ายให้กับหลิงอวี๋“ขอเพียงแค่ท่าน.. .เชื่อฟังข้า ข้า… ข้าก็จะไม่ฆ่าท่าน!”ก่อนที่หลิงอวี๋จะสลบไปนั้น จำได้เพียงว่า ชิวเฮ่าไม่หยุดที่จะกดตนเข้าไปยังถาดอาหารหมู...เมื่อได้ยินคำนี้เข้า นางก็คิดว่าเซียวหลินเทียนมอบตนเองเป็นรางวัลให้กับชายอุจาดนี้จริง ๆ !หลิงอวี๋โมโหเสียจนเลือดเดือดพล่านอารมณ์โศกเศร้าเสียใจปะทุเข้ามาในใจ!คนเราจะสามารถเลวร้ายถึงขั้นนี้ได้เชียวหรือ?หลิงอวี๋อย่างไรแล้วก็เป็นชายาของเซียวหลินเทียน!เป็นภรรยาของเขา!เขาจะมอบเป็นรางวัลให้คนรับใช้เช่นนี้ได้อย่างไร?อีกทั้งยังเป็นสัตว์ประหลา
พวกคนรับใช้หลายคนจึงพุ่งเข้าไปหาหมอเถากันอย่างดุร้าย หลิงอวี๋จึงรีบดึงหมอเถาไปไว้ด้านหลังของนาง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ“พ่อบ้านผิง อย่าได้รังแกกันมากเกินไปนักเลย! หมอเถาครุ่นคิดเรื่องอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหนักหนา หากเขามีสูตรลับจริง ๆ เขาจะมินำออกมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าหรือ?”“ลูกชายของเขาก็ยังอยู่ในกำมือของพวกท่าน ท่านลองคิดอย่างใจเขาใจเราดูเถิดว่า เขาจะคิดว่าสูตรลับสำคัญกว่าลูกชายของตนเองได้หรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหลวงเก๋อยังกำหนดเวลากับหมอเถาไว้สิบวัน ซึ่งตอนนี้ยังมิถึงเวลา เหตุใดเขาจะหาคนมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เล่า!”พ่อบ้านผิงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างโหดร้าย แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “สตรีเช่นเจ้าช่างคารมคมคายและหยิ่งยโสนัก จะมีความสามารถใดมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้กันเชียว!”“ไสหัวไปเสีย อย่ามาถ่วงเวลาพวกเราอยู่ที่นี่!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างมิรีบมิร้อน “พ่อบ้านผิง ข้าจะรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือไม่นั้น ท่านยังมิได้ตรวจสอบก็ปฏิเสธข้าเสียแล้ว หรือว่าใจจริงแล้วท่านมิอยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าหาย จึงได้ขัดขวางทุกวิถีทางเช่นนี้?”สีหน้าของพ่อบ้านผิงเปลี่ยนไปทันที และเขาก็กำลั
ป้าวซวนตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุยกันของคนสองคน เมื่อนางเห็นว่าหลิงอวี๋เริ่มทำอะไรแล้วนางก็รู้สึกเกรงใจที่จะนอนต่อและรีบลุกขึ้นมาช่วยเฉียวไป๋มองทั้งสองคนกำลังยุ่งกันอยู่ แล้วตนก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยความทะเยอทะยานในอดีตของเขาดับสลายหายสิ้น ในหัวของเขามืดแปดด้านไปหมด ต่อไปตนควรจะทำอย่างไรดี!“น้องหญิง เราทำความสะอาดห้องข้าง ๆ แล้วให้เฉียวไป๋ไปอยู่ห้องนั้นกันเถิด!”หลิงอวี๋คิดว่าถึงอย่างไรเฉียวไป๋ก็เป็นบุรุษ และตนกับป้าวซวนต่างก็เป็นสตรี อีกทั้งป้าวซวนก็ยังมิได้แต่งงาน หากอยู่ห้องเดียวกันแล้ววันข้างหน้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็จะถูกคนติฉินนินทาเอาได้ป้าวซวนเองก็มิรู้ว่าจะต้องอาศัยอยู่ที่วัดเก่านี้ไปอีกนานแค่ไหน จึงไปทำความสะอาดห้องกับหลิงอวี๋กระทั่งทำความสะอาดเสร็จแล้ว หลิงอวี๋ก็รีบกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว นางจะต้องไปที่โรงฮุ่ยเฉ่าเพื่อจะไปบ้านตระกูลเก๋อกับหมอเถาอีกหลิงอวี๋ก็มิแน่ใจว่าตนจะสามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้จริงหรือไม่ ดังนั้นก่อนไปจากจึงให้เงินสามตำลึงที่เหลือไว้กับป้าวซวน“น้องหญิง หากข้ามิกลับมาก่อนฟ้ามืด เจ้าก็มิต้องรอข้าแล้ว เพราะว่าอาจจะเกิดเรื่อง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวไป๋ก็ซ่อนตัวจากท่านอาเฉียว และมิสนใจอาการบาดเจ็บของตนเลยแม้แต่น้อยเขารู้สึกโกรธเคืองตนเอง และคิดเพียงว่าตายไปเช่นนี้ก็จบแล้วต่อมาเขาได้พบกับคนของตระกูลจงเจิ้ง เฉียวไป๋อยากตายจึงไปยั่วยุพวกเขา ผลก็คือถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนมีบาดแผลทั่วทั้งตัวและในขณะที่เฉียวไป๋กำลังถูกดูถูกจนถึงขีดสุดนั้น เฉียวไป๋ก็ถูกกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดขึ้นมา เขาจึงใช้แรงที่เหลืออยู่ของตนเปิดใช้งานลูกแก้ววิญญาณ เขาจึงถูกส่งกลับมายังแดนเทพอีกทั้งช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาตกลงไปในแม่น้ำ และถูกสายน้ำพัดมาถึงแถว ๆ วัดเก่า จึงได้โชคดีพบกับหลิงอวี๋เข้า“ข้ามิได้สังหารท่านพ่อ! ท่านอาโกหกข้า! ท่านมิใช่พ่อของข้า... ท่านมิใช่!”การเพ้อกับฝันร้ายของเฉียวไป๋ทำให้หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกงุนงง แต่นางจะมิถือว่าการเพ้อของคนที่เป็นไข้เป็นเรื่องจริงหรอกเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสองชั่วยามแล้วและอุณหภูมิของเฉียวไป๋ยังมิลดลง หลิงอวี๋จึงให้ยาเขาไปอีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็ป้อนยาทุก ๆ สองชั่วโมง จนกระทั่งรุ่งสาง ในที่สุดอุณหภูมิของเฉียวไป๋ก็ลดลงแล้วหลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอกแล้วยื่นมือไปเช็ดเ
“ท่านอา...”“ท่านพ่อ…”บุรุษผู้นั้นมีไข้สูงและพูดเพ้อออกมา หลิงอวี๋เห็นว่าใบหน้ารูปงามของเขาขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางเจ็บปวด ราวกับว่าในฝันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อหลิงอวี๋เห็นเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผากของเขา นางก็ฉีกอาภรณ์ขาด ๆ ของเขามาทำเป็นผ้าเช็ดเหงื่อให้เขา“อย่า… อย่าทำเช่นนี้กับข้า!”บุรุษผู้ที่มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกายผู้นั้นก็คือ เฉียวไป๋ที่ถูกท่านอาเฉียวพาลงมาจากภูเขาหิมะนั่นเองบนร่างกายของเฉียวไป๋มีบาดแผลอยู่หลายแห่ง ในตอนนั้นเขากำลังรู้สึกสับสน แต่หลังจากที่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา เฉียวไป๋ก็จำช่วงเวลาที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลได้เขานึกขึ้นได้ว่าตนกับท่านพ่อต่างก็สู้กัน ทั้งยังจำได้ด้วยว่าตนแทงเข้าไปที่ท้องของท่านพ่อเฉียวไป๋กังวลใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็คว้าตัวท่านอาเฉียวไว้แล้วตะโกนออกมา “ท่านอา ข้า... ข้า... ข้าสังหารท่านพ่อใช่หรือไม่?”นี่มันเป็นการปิตุฆาต!เฉียวมองท่านอาเฉียวตาปริบ ๆ หวังว่าท่านอาเฉียวจะตอบปฏิเสธในคำถามของตนแต่ไหนเลยจะรู้ว่าท่านอาเฉียวจะมองเขา แล้วผ่านไปสักพักเขาก็พยักหน้าหัวใจของเฉียวไป๋จมดิ่งลงไปทันที เขาถอยหลังไปสองสามก้าว
ท้องใหญ่เท่ากลองเลยหรือ?เมื่อหลิงอวี๋ฟังหมอเถาเล่าถึงอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเสร็จแล้ว ในหัวของนางก็มีวิธีรักษาเกี่ยวกับโรคประเภทนี้หลายวิธีผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงแต่หากมิได้พบผู้ป่วย ก็มิสามารถยืนยันได้ว่าควรใช้วิธีไหนดี“หมอเถา วันพรุ่งท่านจะไปที่จวนข้าหลวงเก๋อเมื่อใดหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกมา“ก่อนยามเหม่า[footnoteRef:0]!” [0: ยามเหม่า คือ ช่วง 05.00 - 07.00 น.] หมอเถามองหลิงอวี๋อตาปริบ ๆ “แม่นาง เจ้ามีวิธีรักษาโรคประหลาดเช่นนี้นี้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “ก็มีวิธีอยู่ ทว่าหากยังมิพบผู้ป่วยก็มิอาจตัดสินได้ว่าใช้ได้จริงหรือไม่! หมอเถา วันพรุ่งตอนยามอู่[footnoteRef:1]ข้าจะมาหาท่าน แล้วไปที่ตระกูลเก๋อพร้อมกับท่าน!” [1: ยามอู่ คือ ช่วง 11.00 - 13.00 น.] เมื่อหมอเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจว่า วัยรุ่นเช่นหลิงอวี๋นี้สามารถรักษาโรคของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้หรือไม่ แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ลองดูสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย“แม่นาง เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ามิอาจรักษาได้ ต่อให้ข้าต้องทุ่มทั้งชีวิต ข้าก็จ
หมอเถาถอนหายใจออกมา แล้วโบกมือ “มิต้องพูดแล้ว ไปเถิด ๆ! หากข้าผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ในภายหน้าโรงฮุ่ยเฉ่าก็คงจะได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะกลับมาก็ค่อยกลับมากันเถิด!”หลังจากนั้นมินาน ลูกจ้างหนุ่มหลายคนก็เดินหอบห่อผ้าเข้าไปกล่าวลาหมอเถาทีละคนทั้งน้ำตาและเดินออกมาหลิงอวี๋รีบเดินเข้าไป จากนั้นเสี่ยวซิ่งลูกจ้างหนุ่มที่ยังมิไปก็เห็นนางเข้าจึงเอ่ย “ฮูหยิน ร้านเราปิดแล้ว หากท่านอยากจะตรวจรักษาก็ไปที่ร้านอื่นเถิด!”“ข้าต้องการยา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่เสี่ยวซิ่งกำลังจะพูดออกมา หมอเถาก็เอ่ย “เจ้าดูว่านางต้องการเครื่องยาสมุนไพรอันใด แล้วมอบให้นางไปเสียเถิด โรงฮุ่ยเฉ่าปิดแล้ว นางเป็นลูกค้ารายสุดท้าย ก็ถือได้ว่านางมีโชคชะตากับข้า!”เสี่ยวซิ่งจึงยื่นมือออกไป “ใบเทียบยาเล่า?”“ข้าไม่มีใบเทียบยา ข้าจะบอกให้เอง เจ้าแค่ใส่มาตามปริมาณที่ข้าบอกก็พอ!”หลิงอวี๋รีบบอกเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการออกไป แล้วเสี่ยวซิ่งก็วางห่อผ้าลง จากนั้นก็ไปเปิดกล่องและตู้เพื่อช่วยหยิบยาให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นว่าเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นเหลืออยู่มิมาก และบางอันก็ถูกห่อเอาไว้แล้
“น้องหญิง มีคนกำลังมา!”หลิงอวี๋รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ป้าวซวนก็มิได้หลับเช่นกันจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “พี่หญิงเจียง จะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาตามหาเราหรือไม่?”สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดคือการตกไปอยู่ในมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“น่าจะมิใช่!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงเบาอย่างปลอบใจ จากนั้นนางก็ย่องไปที่ข้างหน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์มองไป ก็เห็นร่างหนึ่งเดินโซเซเข้ามาในลานคนผู้นี้ดูเหมือนจะใช้แรงจนหมด จึงล้มลงกับพื้นอย่างเสียงดังโครม“พี่หญิงเจียง นั่นคือใครกัน?”ป้าวซวนก็ขยับเข้ามาข้าง ๆ หลิงอวี๋เช่นกัน แล้วนางก็มองออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็น“อย่าพูด...”หลิงอวี๋เงียบลง จากนั้นทั้งสองคนก็โน้มตัวมองไปตรงหน้าต่างอย่างเงียบ ๆแล้วก็เห็นเพียงว่าคนที่อยู่ตรงพื้นนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆหลิงอวี๋รออยู่อีกสักพักก็มิเห็นใครตามมา นางจึงพาป้าวซวนเดินออกมา“น้องหญิง เจ้าออกไปดูนอกวัดว่ามีคนอื่นหรือไม่ ส่วนข้าจะตรวจคนผู้นี้เสียหน่อย!”หลิงอวี๋สั่งออกไปแม้ว่าป้าวซวนจะกลัว แต่นางก็ยังคงฟังคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วเดินย่องออกไปหลิงอวี๋วิ่งเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ตรงพื้น จากนั้นก็อาศัยแสงจั
หม่าเปียวตอบตกลงทันที กระทั่งกินบะหมี่เสร็จแล้วเขาก็พาคนของตนกับกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางไปหลิงอวี๋กับป้าวซวนเห็นว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาผู้คุ้มกันทั้งสองออกไปตามหาพวกตนอีกครั้งแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงกินอาหารเช้าจนเสร็จอย่างใจเย็นแล้วเดินออกมา“น้องหญิง เราหาที่พักกันก่อนสักสองวันเถิด เช่นนี้แล้วข้าจะได้จัดเตรียมยาแก้พิษให้เจ้าได้ และอีกอย่างคือข้าจะได้ซ่อนตัวจากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ด้วย!”“หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิพบ นางก็คงจะไปที่เมืองหลวงแดนเทพ แล้วพวกเราค่อยออกเดินทางล่าช้าไปสักสองสามวัน ก็คงจะมิพบนางอีก!”หลิงอวี๋จับเศษเงินใต้แขนเสื้อ ของมีค่าทั้งหมดที่นางพกติดตัวมา ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแย่งชิงไปจนหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงเศษเงินมิกี่ตำลึงเท่านั้น นางยังต้องทำงานหาเงินอีก เมื่อเก็บรวบรวมค่าเดินทางได้แล้ว จึงจะสามารถเดินทางได้ป้าวซวนไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมาเลย และหากทั้งสองจะเดินทาง เมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีทางไปถึงเมืองหลวงแดนเทพได้แน่ตอนนี้ป้าวซวนทำได้เพียงติดตามหลิงอวี๋ไปเท่านั้น หลิงอวี๋ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นทั้งสองแสดงเป็นพี่น้องที่หนีภัยกันมาแล้วไปหาที่พักอาศัยแต่เมืองจงกวนนั้นใหญ่นัก
“เจ้ามิรู้หรือว่าที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?”หลิงอวี๋ยิ้มปลอบใจแล้วเอ่ยออกมา “เรากลับไปที่โรงเตี๊ยม ก็จะดูได้ด้วยว่าเมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิเจอแล้วนางจะทำอย่างไรต่อ! เจ้ามิต้องกังวล มากับข้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”ภายใต้การชักชวนของหลิงอวี๋ ป้าวซวนจึงเดินตามหลิงอวี๋กลับไปอย่างจนใจทั้งสองคนเดินเข้าไปทางประตูหลัก แสร้งทำเป็นจะรีบเดินทางแล้วมากินอาหารเช้า และนั่งลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่เรือนด้านหลังพบแล้วว่าหลิงอวี๋กับป้าวซวนหายไป นางก็โกรธมากจนอยากจะทุบโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทิ้งไปเสียแต่นางยังคงข่มความโกรธไว้ และขอความช่วยเหลือจากสำนักคุ้มภัยและกลุ่มพ่อค้าอย่างน่าสงสาร ให้พวกเขาช่วยตนตามหาจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสร้งทำเป็นจิตใจดีต่อหน้าคนเหล่านี้ นางร้องไห้และบอกว่านางรับใช้ทั้งสองของตนนั้น จะต้องถูกคนร้ายลักพาตัวไปอย่างแน่นอนพวกพ่อค้าและคนจากสำนักคุ้มภัยล้วนได้รับตำรับยาแก้ท้องเสียนั้นไปแล้ว ดังนั้นเพื่อตอบแทนกันและกัน พวกเขาจึงระดมทุกคนให้ช่วยกันตามหา และบางคนก็บอกว่าจะไปรายงานทางการ และขอให้ทางการส่งคนมาช่วยตามหาด้วยหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็