Share

บทที่ 5

Author: กานเฟย
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ

ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น!

หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้!

หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง

ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก

น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!”

หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!”

“ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถูกฝังลงไปพร้อมกับคุณชายแน่!”

“แม่นมลี่ตายไปก็ดี ตายเร็วก็ไปเกิดใหม่เร็ว!”

อย่างไรแล้ว หลิงซินยังคงเด็ก อายุเพิ่งจะครบสิบสองปีเท่านั้น นางจะเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาได้อย่างไรกัน

หลิงซินหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมา “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”

หลิงซินส่งเสียงร้องดังออกมา “คงต้องยอมรับความโชคร้ายแล้ว คนอื่นติดตามเจ้านายมีปลามีเนื้อให้ได้เพลิดเพลิน พวกเราติดตามเจ้าหมูโง่นี้ แม้แต่ความโชคดียังไม่เคยได้รับ แต่เรื่องร้ายกลับไหลมาไม่หยุดหย่อน!”

"หากว่ารู้แต่เนิ่นก็คงจะเรียนรู้ที่จะประจบประแจงชิวเหวินซวงอย่างหลิงผิงแล้ว คงจะดีกว่าติดตามเจ้าหมูโง่นี้...”

หลิงอวี๋เมื่อเห็นว่าประตูปิดลง เธอก็คอยระมัดระวังความเคลื่อนไหวของทั้งสองคนด้านนอก พลางตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเสี่ยวเมา

หลังจากที่หลิงอวี๋ค้นหายาบางส่วนที่จำเป็นในห้องวิจัยแล้ว ก็ออกมารักษาให้กับเสี่ยวเมา

หลิงอวี๋ฉีดยาลดไข้ให้กับเสี่ยวเมาก่อน ก่อนที่จะจัดการกระดูกให้กับเขา

หลิงอวี๋มองเห็นรอยบาดแผลจากแส้ที่พาดผ่านตรงหน้าอกของเสี่ยวเมา จนไปถึงกรามล่าง

บนหน้าอกนั้น ยังมีรอยช้ำที่ดูดำเขียวคล้ำ นั่นคือรอยที่องครักษ์เตะเข้า

เมื่อครู่นี้หลิงอวี๋ตรวจสอบอย่างเร่งรีบ ไม่ได้มองเห็นอย่างชัดเจน

ในเวลานี้เมื่อมองเห็นแล้ว ในใจของหลิงอวี๋ก็รู้สึกบีบรัดแน่น จะต้องใช้แรงมากขนาดไหนกัน!

องครักษ์นั่นต้องการจะฆ่าเจ้าเสี่ยวหลัวโปอย่างนั้นหรือ?

ลงมือกับเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เป็นเพราะว่ามีความแค้นความคับข้องใจอะไรกันอย่างนั้นหรือ?

ขณะที่หลิงอวี๋กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็พบว่าจู่ ๆ ร่างกายของเจ้าเสี่ยวหลัวโปสั่นสะท้านขึ้นมา อ้าปากกว้างแล้วกระอักเลือดออกมา...

ความเกลียดชังที่หลิงอวี๋มีก็เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในทันที

กล้าทำเสี่ยวเมาบาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้ หากว่าความแค้นนี้มิได้แก้แค้น สาบานเลยว่า เธอจะไม่ใช่คนอีกต่อไป!

ก่อนหน้านั้นหลิงอวี๋ไม่สนใจเสี่ยวเมา ไม่ถามไม่ไถ่เขา

แต่ในเมื่อเธอเข้ามาอาศัยในร่างนี้แล้ว ก็จะไม่เป็นดังเช่นก่อนหน้านั้นอีก!

เธอจะถือว่าเด็กที่คอยปกป้องเธอคนนี้ เป็นคนที่ใกล้ชิดของเธอ!

หลังจากที่จัดกระดูกให้กับเสี่ยวเมาแล้ว หลิงอวี๋ถึงได้นั่งลงบนเตียงพร้อมเหงื่อซ่กร่าง

ตอนนี้ร่างกายนี้เสียหายมากจนเกินไปแล้ว หลังจากที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้แล้ว เธอถึงได้รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงไปทั้งตัว อีกทั้งยังหิวมาก

นางรับใช้ทั้งสองคนด้านนอกนั้นไม่ส่งเสียงใดออกมาแล้ว และไม่รู้ว่าหนีหายไปที่ใดกัน

หลิงอวี๋พักผ่อนชั่วครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีแม่นมลี่ที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จึงได้หยิบยาขี้ผึ้งและยาชนิดพิเศษสำหรับอาการบาดเจ็บภายในแล้วเดินออกมา

หลิงอวี๋เพิ่งจะเปิดประตูออกมา ก็พบกับหลิงซินที่ประคองแม่นมลี่เดินเข้ามาช้า ๆ

“พระชายา บ่าวเพิ่งจะไปสืบข่าวมา ได้ยินมาว่าเฮยจื่อได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส กระดูกซี่โครงหักทะลุเข้าไปในปอด กระอักเลือดออกมาตลอดเวลา...”

แม่นมลี่หอบหายใจอย่างหนัก พักอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยออกมาต่อ

“ท่านอ๋องเชิญท่านหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาก พวกเขาต่างก็บอกว่า… ต่างก็บอกว่าเฮยจื่อคงจะทนอยู่ไม่ถึงฟ้าสว่างนี้แล้ว!”

“ท่านอ๋องโมโหมาก ยังโบยท่านหมอตายไปถึงสองคน… พระชายา ท่านรีบคิดหาวิธีการ หากว่าเฮยจื่อตายไป พวกเราก็ต้องถูกฝังไปด้วยกัน!” หลิงซินเสริมอย่างขลาดกลัว

“ตอนนี้กี่ยามแล้ว?”

หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าจะนับเวลาในโบราณอย่างไร

“ตอนนี้เป็นยามหรงแล้วเจ้าค่ะ หากว่ายังกระอักเลือดออกมาเช่นนี้ เกรงว่ากลางดึกก็อาจจะไม่อยู่แล้ว!”

แม่นมลี่เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน “พระชายา ท่านรีบนำคุณชายน้อยหลบหนีไปเถิดเจ้าค่ะ!”

ยามหรงก็คือเวลาสิบนาฬิกาช่วงค่ำในยุคสมัยปัจจุบัน หลิงอวี๋คำนวณเวลาอยู่ครู่หนึ่ง กว่าจะฟ้าสว่างยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง!

แม่นมลี่เมื่อเห็นว่า นางยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา ก็คิดว่านางถูกทำให้ตื่นตกใจเข้า ก็เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน

“พระชายา ท่านฟังคำเกลี้ยกล่อมของบ่าว รีบหนีไปทางด้านหลังเถิดเจ้าค่ะ!”

“กำแพงทางด้านหลังของเรือนบุหงาไม่สูงมากนัก บ่าวและหลิงซินจะผลักท่านขึ้นไป จะต้องกระโดดหนีไปได้แน่!”

“ข้าและเสี่ยวเมามีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย จะกระโดดไปได้ไกลรึ?”

หลิงอวี๋ส่ายศีรษะออกมา เอ่ยอย่างอดทน “แล้วยังมีพวกเจ้า ข้าหนีไป เซียวหลินเทียนจะต้องตีพวกเจ้าจนตายไป! ข้าทิ้งพวกเจ้าไปมิได้หรอก!”

สำหรับหลิงอวี๋คนก่อนหน้านั้นแล้ว แม่นมลี่ก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้เท่านั้น!

แต่สำหรับหลิงอวี๋ที่ได้รับการสั่งสอนของปัจจุบันมาแล้ว กลับไม่มีการแบ่งแยกระหว่างนายบ่าว!

แม่นมลี่ปกป้องตนเองเช่นนี้ นางจึงไม่อาจทอดทิ้งพวกนางไปได้!

แม่นมลี่ได้ยินคำพูดนั้น ก็แข็งทื่อไป

หลิงอวี๋นำยาทาและยารักษาอาการบาดเจ็บภายในสองเม็ดส่งให้กับหลิงซิน

นางเพิ่งจะใช้ความสามารถทางการรับรู้ของนางตรวจสอบดูแม่นมลี่ ก็พบว่านางมีรอยแผลบางส่วนจากแส้และยังได้รับบาดเจ็บภายใน ยาทั้งสองชนิดนี้มีผลพิเศษต่อทั้งสองอาการ

“ใช้ยาทาลงไปบนรอยบาดแผลจากแส้ให้กับแม่นม อีกสองเม็ดให้กินลงไป!”

แม่นมลี่และหลิงซินมองสบตากัน เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย “พระชายา ยานี่...”

หลิงอวี๋มองเห็นสายตาที่แปลกประหลาดของทั้งสองคน ก็เดาได้ว่าพวกนางกำลังสงสัยตนเองอยู่

ดูเหมือนว่า คงจะต้องหาคำอธิบายที่เหมาะสม ถึงจะสามารถเปิดเผยทักษะการแพทย์ของตนได้อย่างผ่าเผย

นางคิดคำอธิบายออกมาอย่างมีไหวพริบ “เมื่อครู่นี้ ข้าเพิ่งพบเข้าจากการค้นหาในกล่อง!”

“ในปีนั้น ท่านปู่ของข้าช่วยชีวิตคนประหลาดคนหนึ่งเอาไว้ และนี่เป็นสิ่งที่เขามอบให้เพื่อแสดงความขอบคุณ”

"ชายแปลกหน้ายังให้ตำราแพทย์แก่เขาเอาไว้ ด้านในนั้นมีวิธีการรักษาโรคและช่วยชีวิตมากมาย ข้าพบวิธีช่วยเฮยจื่อจากในนั้นแล้ว!"

แม่นมลี่และหลิงซินได้ยินก็เชื่อทันที

ท่านเสนาบดีต่อสู้อยู่ภายนอกทั้งทางใต้และเหนือเป็นเวลาหลายปี จะรู้จักคนที่มีความสามารถบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา!

“แม่นม ก่อนหน้านี้ข้าโง่เขลางี่เง่า เชื่อคำของหลิงผิงจนทำเรื่องเลวร้ายไปมิน้อย… ครั้งนี้ข้าถือว่าเข้าใจใบหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว! ต่อไปข้าจะมิฟังคำของนางอีก...”

หลิงอวี๋ไม่ได้มองเห็นหลิงหลาน คิดว่าเมื่อนางรับใช้เห็นตนเองตกต่ำ จะต้องหนีหายไปทางซิวเหวินซวงกันแล้ว!

“พวกท่านในเมื่อติดตามข้า จะต้องเชื่อใจข้า!”

“ขอเพียงข้าช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ พวกเราก็ไม่ต้องถูกฝังไปด้วยกันแล้ว! ต่อไปข้าหลิงอวี๋กินอะไร ก็จะต้องมีพวกเจ้าอยู่ด้วย!”

หลิงอวี๋มองไปยังในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ แม่นมลี่และหลิงซินก็ยังมิทอดทิ้งนาง ในใจก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

นางแอบสาบาน ต่อไปจะต้องให้พวกนางมีชีวิตที่ดีขึ้น ให้หลิงผิงและหลิงหลานเสียใจไปจนตาย

แม่นมลี่และหลิงซินจ้องมองนางอย่างอึ้งตะลึง รู้สึกเหมือนว่าหลิงอวี๋จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น!

พระชายาก่อนหน้านั้น จะเอ่ยถ้อยคำที่อบอุ่นหัวใจคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

พระชายาที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะยังคงเป็นใบหน้านั้น ทว่า ดวงตากลับดูสดใสกว่าก่อนหน้า ตนเองก็ดูเหมือนว่าจะมีพลังมากขึ้น!

หรือว่าการถูกโบยด้วยแส้ในคราวนี้ จะโบยเสียจนพระชายาที่สับสนได้สติขึ้นมาแล้วจริง ๆ ?

Comments (1)
goodnovel comment avatar
Aoi Rata
สนุกมาก แปลดีมากค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 6

    “ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 7

    เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 8

    “หลิงผิง เจ้าติดตามคุณหนูของเจ้ามากว่าสิบปี สิ่งที่เจ้าเอ่ยน่าเชื่อถือที่สุด เจ้าบอกมาว่าหลิงอวี๋มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่?” ชิวเหวินซวงดึงหลิงผิงที่ตามมาข้างหลังตนเองออกมา หลิงผิงแสร้งทำเป็นไม่สบายใจนัก ก้าวไปข้างหน้าเอ่ยอย่างลังเล “กราบบังคมทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ติดตามหลิงอวี๋ตั้งแต่เล็ก นางโง่เขลาเหมือนหมู หมากล้อม เขียนพู่กัน วาดภาพก็ไม่ได้ นับประสาอะไรกับทักษะทางการแพทย์ ท่านอ๋องทรงอย่าได้เชื่อคำพูดของนางเพคะ!” หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา นางรับใช้คนนี้ขายนางจนหมดสิ้นจริง ๆ ! ทว่าหลิงอวี๋จะไม่มีทางหวาดกลัว ตราบใดที่เธอช่วยเฮยจื่อได้ ใครจะจริงจังกับคำพูดของนางรับใช้! เซียวหลินเทียนจ้องมองยังหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่านางมิได้รู้สึกตื่นตระหนกใดที่ถูกเปิดเผยความลับออกมา ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หญิงผู้นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้หากว่านางรับใช้กล้าพูดเรื่องลับหลังของเจ้านายเช่นนี้ นางจะต้องรีบร้องตะโกนอธิบายให้กับตนเอง! เซียวหลินเทียนไม่เอ่ยวาจาใด ชิวเฮ่ากลับทนไม่ได้จนร้องคำรามออกมา “คนชั้นต่ำ นางรับใช้ของเจ้าพูดความจริงออกมาแล้ว เจ้ายังจะกล้ามาหลอกท่านอ๋องของข้าอีกรึ?

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 9

    “นำนางเข้าไป!” ถึงแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าหลิงอวี๋วันนี้ดูประหลาดไป แต่ถ้าไม่ช่วย เฮยจื่อก็คงจะตาย เขาทำได้เพียงแค่เดิมพันกับมัน หลิงอวี๋เหลือบมองเขา นางเดินเข้าไปอุ้มเสี่ยวเมาออกมาส่งให้แม่นมลี่พากลับไปดูแลบาดแผล จากนั้นก็เอ่ยกับลู่หนานใบหน้าเคร่งคนนั้นว่า “เตรียมห้องสะอาดให้ข้าห้องหนึ่ง น้ำร้อน เหล้า ผ้าปูที่นอนสะอาด… เจ้า ทหารทั้งสองนาย!” สิ่งที่เอ่ยออกมาก่อนหน้านั้นลู่หนานสามารถฟังเข้าใจได้ แต่ทหารสองคน และตนเองนั้นมันคืออะไรกัน? หลิงอวี๋เมื่อเห็นว่าเขาดูประหลาดใจ ก็เอ่ยเสียงขรึมออกมา “ตอนที่ข้าจัดการบาดแผลให้กับเฮยจื่อนั้น ต้องการคนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ห้ามมิให้ใครเข้ามารบกวนข้า!” นางมองไปยังชิวเฮ่าอย่างยั่วยุ แล้วจงใจเอ่ย “โดยเฉพาะคนบางคน ข้าเกรงว่าจะมีคนจงใจทำให้เฮยจื่อต้องตาย แล้วมาใส่ร้ายข้า!” ชิวเฮ่าโมโหเสียจนเส้นเอ็นตรงหน้าผากกระตุกเต้น มือของเขาวางอยู่บนด้ามของดาบ เกลียดที่ไม่อาจพุ่งเข้าไปฟันหญิงผู้นี้ให้ตายได้! เมื่อถูกคนชั้นต่ำเปิดเผยออกมาเช่นนี้ ต่อไปหากว่าเหวินซวงเข้าใกล้ท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าจะถูกคนมากมายเท่าไหร่ที่จับจ้อง! หญิงผู้นี้จะต้องเป็นอุปส

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 10

    หลิงอวี๋เข้าใกล้เซียวหลินเทียน แต่กลับดูเงอะงะ กระโปรงของนางพันกันโดยไม่ได้ตั้งใจ นางเซถลาทิ้งตัวลงบนเท้าของเขา คิดที่จะส่งตัวเองเข้าในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง? หลิงอวี๋ใช้อุบายนี้หลายครั้งตั้งแต่เซียวหลินเทียนกลับมาเมืองหลวง! พฤติกรรมของนางผู้นี้ทำให้เขาคิดว่านางเปลี่ยนไปแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่านางจะยังน่าขยะแขยง! เขาไม่ควรเชื่อเลยว่า นางจะช่วยเฮยจื่อได้จริง! เซียวหลินเทียนโกรธจนอยากจะเตะนางออกไป ทว่าเขาไม่สามารถขยับเท้าได้เลย เขากำลังจะเรียกชิวเฮ่าเข้ามา ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของหลิงอวี๋เอ่ยออกมา “ท่านอ๋อง ท่านเหนื่อยเกินไปแล้ว พักผ่อนเถอะ...” สองขาของเซียวหลินเทียนนั้นไม่มีความรู้สึก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าตอนที่หลิงอวี๋แกล้งล้มลง เข็มฉีดยาในมือได้ฉีดยาสลบเข้าที่ขาของเขาแล้ว จนรู้สึกว่าการมองเห็นค่อย ๆ มัวลง…“คนชั้นต่ำ เจ้าทำอะไรข้า...” เซียวหลินเทียนตระหนักได้ทันทีว่า มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว ประมาทเกินไปจนตกลงไปในแผนของคนชั้นต่ำนี้! วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็ตกอยู่ในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด... เซียวหลินเทียนหมดสติ หลิงอวี๋ช่วยพยุงเขาขึ้นรถเข็น

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 11

    “เข้ามา...” เซียวหลินเทียนเมื่อเห็นหลิงอวี๋กระอักเป็นเลือดออกมาก็ไม่ได้หายโกรธ! คนชั้นต่ำนี่ท้าทายความอำนาจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาจะไม่ให้โอกาสนางอีกต่อไป! เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเซียวหลินเทียน ลู่หนานและชิวเฮ่าที่อยู่ด้านนอกก็เตะเปิดประตูเข้ามา “จับนางไว้ ลงโทษให้ตาย!” เซียวหลินเทียนจ้องไปที่หลิงอวี๋ด้วยดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ชิวเฮ่าคิดว่าเฮยจื่อถูกหลิงอวี๋รักษาจนตายแล้ว ดังนั้นเขาจึงชักมีดออกมาแล้วพุ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธ “ท่านอ๋อง กระหม่อมบอกแล้วว่าไว้ใจนางไม่ได้… กระหม่อมพูดถูกแล้ว! กระหม่อมจะฆ่านางเพื่อล้างแค้นให้เฮยจื่อ!” “เฮยจื่อตายแล้วหรือ?” เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น กัดฟันแล้วเอ่ยออกมา "เช่นนั้นก็สับนางให้เป็นชิ้นซะ!" นี่คือราคาที่เขาต้องจ่ายจากการเชื่อคำโป้ปดของหลิงอวี๋... เฮยจื่อถูกผู้หญิงคนนี้ฆ่าตายแล้ว! “ช้าก่อน... ใครบอกว่าเฮยจื่อตายแล้ว” หลิงอวี๋กระอักเลือดออกมา แล้วตะโกนอย่างร้อนรน น่าเสียดายที่เซียวหลินเทียนกำลังโกรธจัด และเมื่อเขาได้ยินเสียงที่น่าเกลียดของนางแล้ว เขาก็อยากจะหั่นนางให้เป็นชิ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 12

    แต่ความอัปยศอดสูนี้ยังไม่หมดสิ้นไป ดูเหมือนว่า แม่นมสอพลอนั่นจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับชิวเฮ่า เมื่อครู่นี้ชิวเฮ่าถูกหลิงอวี๋เยาะเย้ยมาหลายครั้ง เขาเต็มไปด้วยความโกรธจนไม่มีโอกาสระบายออกมา บัดนี้โอกาสมาถึงแล้ว! "แม่นมเกา มีอะไรให้กินบ้าง เอาออกมาหน่อย!" ชิวเฮ่ายิ้มออกมาอย่างมุ่งร้าย "พวกเราใจดี ก่อนที่จะส่งนางไปนั้น จะต้องให้นางได้เป็นผีที่กินอิ่มแล้ว!” "ได้สิ!" แม่นมเกาบิดเอวอ้วนของนางเดินไป หลังจากนั้นไม่นาน นางก็นำหม้ออาหารหมูมาวางตรงหน้าหลิงอวี๋ สิ่งที่ดำ มัน มีกลิ่นเน่า ทำให้หลิงอวี๋อยากจะอาเจียนเมื่อเห็นมัน... ทว่าวินาทีต่อมาชิวเฮ่า ก็จับผมของนางแล้วกดหน้านางลงในหม้อ "กินสิ! กินเข้าไป!" ชิวเฮ่ากดใบหน้าของนางลงไปอย่างโหดเหี้ยม หลิงอวี๋รู้สึกได้เพียงกลิ่นเหม็นเน่าโชยเข้ามาที่ปลายจมูก นางรีบปิดปากแน่น ใบกะหล่ำปลีเน่าและอาหารหมูเปื้อนเลอะเทอะไปทั่วหน้า "อร่อยหรือไม่?" ชิวเฮ่าดึงผมของนางขึ้นมา ใบหน้าของหลิงอวี๋ในตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารหมู คาดว่าแม้แต่ท่านเสนาบดีก็จำบุตรตนมิได้! "ฮ่าฮ่า… น่าขันนัก! นี่มันสัตว์ประหลาดน่าเกลียดจากที่ใดกัน!" คนรับใช้ทั้งหม

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 13

    “สกปรก… ข้าจะล้างให้...”อ่างน้ำเย็นราดบนร่างของหลิงอวี๋อย่างกะทันหัน และนางก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างประหลาดนั้นอีกครั้ง"หนาว...”นางทั้งหิวทั้งหนาว ม้วนขดตัวเข้าโดยไม่รู้ตัว"พระ...ชายา… ข้าไม่คิดเลยว่าข้า...ข้าจะยังมี… วาส… วาสนาเช่นนี้!"ปากเบี้ยวเดินเข้ามาหาหลิงอวี๋พร้อมน้ำลายไหลฟันที่ดำสนิทของเขากระจายกลิ่นเหม็นจากปาก ทำให้หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมา!นางยังคงอยู่ในสถานที่บ้าบอแห่งนี้!นางยังไม่ตาย!“ท่านอ๋องมอบ… ท่านเป็นราง… วัลให้กับข้า!”ปากเบี้ยวหรี่ตาลงยิ้มชั่วร้ายให้กับหลิงอวี๋“ขอเพียงแค่ท่าน.. .เชื่อฟังข้า ข้า… ข้าก็จะไม่ฆ่าท่าน!”ก่อนที่หลิงอวี๋จะสลบไปนั้น จำได้เพียงว่า ชิวเฮ่าไม่หยุดที่จะกดตนเข้าไปยังถาดอาหารหมู...เมื่อได้ยินคำนี้เข้า นางก็คิดว่าเซียวหลินเทียนมอบตนเองเป็นรางวัลให้กับชายอุจาดนี้จริง ๆ !หลิงอวี๋โมโหเสียจนเลือดเดือดพล่านอารมณ์โศกเศร้าเสียใจปะทุเข้ามาในใจ!คนเราจะสามารถเลวร้ายถึงขั้นนี้ได้เชียวหรือ?หลิงอวี๋อย่างไรแล้วก็เป็นชายาของเซียวหลินเทียน!เป็นภรรยาของเขา!เขาจะมอบเป็นรางวัลให้คนรับใช้เช่นนี้ได้อย่างไร?อีกทั้งยังเป็นสัตว์ประหลา

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1878

    หลิงอวี๋ยังคงซ่อนตัวอยู่ในน้ำลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงคงถูกพิษของหลิงอวี๋จนตาบอดไปแล้ว ดังนั้นเก๋อฮุ่ยหนิงจะยิ่งไม่มีทางปล่อยตนไปแต่เก๋อฮุ่ยหนิงมิสามารถอยู่ที่ท่าเรือได้นานนัก ข้าหลวงเก๋อต้องรีบกลับไปรับตำแหน่งที่เมืองหลวงแดนเทพ จะเดินทางล่าช้าไปเพราะมาตามหาตนมิได้ขอเพียงตนซ่อนตัวอยู่จนถึงตอนค่ำ ก็จะขึ้นฝั่งโดยที่รอดพ้นจากสายตาของทุกคนได้ แล้ววันพรุ่งค่อยไปตามหาป้าวซวนเก๋อฮุ่ยหนิงมิสามารถอยู่ที่ท่าเรือได้นานดังเช่นที่หลิงอวี๋บอกไว้จริง ๆ นางพาลุงของนางไปหาหมอ แต่หมอทั่วไปที่ท่าเรือเหล่านี้ก็ไม่มีใครสามารถรักษาดวงตาของท่านลุงให้หายดีได้ลูกพี่ลูกน้องคนโตได้ยินข่าวก็รีบมาทันที เขาทั้งโกรธทั้งเคืองเก๋อฮุ่ยหนิง แต่ติดที่อำนาจของตระกูลเก๋อ ทำให้เขามิกล้าบ่นมากเกินไป“พี่ใหญ่ เป็นข้าเองที่ทำให้ท่านลุงลำบาก แต่ผู้ร้ายคือหมอเจียง ข้าจะให้ภาพเหมือนของนางกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องสังหารนางล้างแค้นให้ท่านลุงให้จงได้นะ!”เก๋อฮุ่ยหนิงรีบวาดรูปหลิงอวี๋มอบให้ลูกพี่ลูกน้องคนโตของนาง และสุดท้ายนางก็มอบเงินส่วนตัวทั้งหมดให้กับลูกพี่ลูกน้องคนโตไป เพื่อให้เขาไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาดวงตาของท่านลุงหล

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1877

    “ตา… ตาของข้า!”ผู้ดูแลหลัวลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงยกมือทั้งสองขึ้นปิดตาไว้อย่างเจ็บปวดเก๋อฮุ่ยหนิงทั้งโกรธทั้งกังวล นางจึงตะโกนบอกลูกหาบที่ตามมา “รีบไปจับตัวสตรีผู้นั้นไว้ อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้!”เมื่อคนพวกนั้นเห็นว่าผู้ดูแลถูกหลิงอวี๋ทำให้บาดเจ็บ พวกเขาจึงพากันกระโดดลงน้ำไปจับตัวหลิงอวี๋ ตามคำสั่งของเก๋อฮุ่ยหนิงส่วนเก๋อฮุ่ยหนิงก็ประคองผู้ดูแลหลัว “ท่านลุง ข้าจะพาท่านไปหาหมอ!”หลิงอวี๋กระโดดลงไปในน้ำ แล้วนางก็ว่ายน้ำไปที่เรือเหล่านั้นเรือบรรทุกสินค้าจอดเทียบกันอยู่สะเปะสะปะ และกระจายกันอยู่เต็มบริเวณโดยรอบหลิงอวี๋ว่ายน้ำออกไปไกลภายในลมหายใจเดียว แล้วจึงกล้าโผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำอย่างเงียบ ๆ โดยอาศัยเรือบังเอาไว้ จากนั้นก็ว่ายน้ำต่อไปเนื่องด้วยการอาศัยเรือเหล่านั้นบดบังไว้ ทำให้หลิงอวี๋สามารถหลบเลี่ยงพวกลูกหาบที่ลงน้ำมาได้ชั่วคราวแต่นางมิสามารถขึ้นฝั่งได้ ตอนนี้เป็นตอนกลางวัน หากนางขึ้นฝั่งไป ด้วยเนื้อตัวเปียกโชกเช่นนี้ จะต้องดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างแน่นอน แล้วลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงก็จะจับตัวนางได้หลิงอวี๋เกาะเชือกของเรือลำหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำไว้ชั่วคราว ใจของนางเป็นห่ว

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1876

    “น้องหญิง!”ในเวลาเพียงชั่วพริบตานั้น หลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ นางจึงดึงป้าวซวนเอาไว้ “เราไปดูที่ริมแม่น้ำกันเถิด เรือพวกนั้นกำลังบรรทุกสินค้ากันอยู่ ดูน่าสนใจยิ่งนัก!”เมื่อป้าวซวนถูกหลิงอวี๋ดึงตัวไปเช่นนั้น นางก็ตามไปอย่างมิอาจยื้อตนเองไว้ได้“น้องหญิง เก๋อฮุ่ยหนิงจะทำร้ายพวกเรา!”หลิงอวี๋เดินไปพลางกระซิบไปด้วย “เจ้าอย่าได้หันไปดู ทำเป็นว่ามิรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และเมื่อไปถึงเรือเหล่านั้น ข้าจะวิ่งไปด้านหนึ่ง ส่วนเจ้าก็วิ่งไปอีกด้านหนึ่ง พยายามวิ่งไปในที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากเข้าไว้!”“พี่หญิง เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”ป้าวซวนตกใจกลัวจนสีหน้าเปลี่ยน “เก๋อฮุ่ยหนิงจะทำร้ายพวกเราด้วยเหตุใด? ท่านพ่อของนางยังต้องการเจ้าอยู่มิใช่หรือ?”“ข้าเล่าให้ฟังมิทันแล้ว หลังจากที่เจ้าหนีออกไปให้พยายามหลีกเลี่ยงพวกนาง แล้วซ่อนตัวจนถึงวันพรุ่ง จากนั้นค่อยมาหาข้าที่ใต้หอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุดของท่าเรือ!”“หากว่าข้ามิมา เจ้าก็มิต้องรอ หาทางกลับไปหาครอบครัวด้วยตนเองเสีย!”หลิงอวี๋หันไปมอง แล้วก็เห็นว่าลูกหาบเหล่านั้นมิเดินอย่างเชื่องช้าแล้ว แต่กลับวิ่งมาทางพวกนางอย่างรวดเร็ว ดั

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1875

    สองวันต่อมา เรือก็มาถึงท่าเรือฟู่จี๋ตามกำหนดการเดินทาง แล้วก็เป็นไปตามที่จื่ออวิ๋นบอก เมื่อเรือจอดเทียบท่า ผู้คุมเรือก็ให้ทุกคนลงจากเรือไปพักผ่อนครึ่งวันเหล่าสตรีของตระกูลเก๋ออยู่บนเรือกันมาหลายวันแล้ว เมื่อสามารถขึ้นไปเดินบนบกกันได้ทุกคนก็ต่างลงจากเรือกันอย่างกระตือรือร้น แม้แต่ฮูหยินเก๋อเองก็รอมิไหวที่จะลงจากเรือไปสูดอากาศบริสุทธิ์เช่นกันข้าหลวงเก๋อก็เชิญเฉียวไป๋ไปดื่มสุราและกินอาหารที่ภัตตาคาร เฉียวไป๋ก็พร่ำบ่นกับตระกูลเก๋อมาหลายวันแล้ว จึงยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญแล้วตามเขาไปเก๋อฮุ่ยหนิงเห็นว่าเฉียวไป๋ไปแล้ว นางก็แอบยิ้ม นางให้จื่ออวิ๋นไปแจ้งท่านลุงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่เหลือก็คือนางต้องหลอกล่อหลิงอวี๋ไปยังถิ่นของท่านลุง“หมอเจียง พวกเราก็ลงไปเดินเล่นกันเถิด ข้าได้ยินมาว่าท่าเรือฟู่จี๋แห่งนี้คึกคักมาก และสามารถเลือกหาของดี ๆ ได้มากมายทีเดียว!”แม้ว่าป้าวซวนจะมิได้เมาเรือแล้ว แต่นางก็ยังคงมิชอบความรู้สึกที่ต้องอยู่บนเรืออยู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงดึงหลิงอวี๋แล้วออดอ้อน “พี่หญิง เราก็ลงไปเดินเล่นกันเถิด!”หลิงอวี๋เห็นว่าทุกคนไปกันหมดแล้ว นางก็มิอยากอยู่บนเรือเช่นกัน ดั

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1874

    ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1873

    “เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1872

    กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1871

    หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1870

    เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status