“สกปรก… ข้าจะล้างให้...”อ่างน้ำเย็นราดบนร่างของหลิงอวี๋อย่างกะทันหัน และนางก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างประหลาดนั้นอีกครั้ง"หนาว...”นางทั้งหิวทั้งหนาว ม้วนขดตัวเข้าโดยไม่รู้ตัว"พระ...ชายา… ข้าไม่คิดเลยว่าข้า...ข้าจะยังมี… วาส… วาสนาเช่นนี้!"ปากเบี้ยวเดินเข้ามาหาหลิงอวี๋พร้อมน้ำลายไหลฟันที่ดำสนิทของเขากระจายกลิ่นเหม็นจากปาก ทำให้หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมา!นางยังคงอยู่ในสถานที่บ้าบอแห่งนี้!นางยังไม่ตาย!“ท่านอ๋องมอบ… ท่านเป็นราง… วัลให้กับข้า!”ปากเบี้ยวหรี่ตาลงยิ้มชั่วร้ายให้กับหลิงอวี๋“ขอเพียงแค่ท่าน.. .เชื่อฟังข้า ข้า… ข้าก็จะไม่ฆ่าท่าน!”ก่อนที่หลิงอวี๋จะสลบไปนั้น จำได้เพียงว่า ชิวเฮ่าไม่หยุดที่จะกดตนเข้าไปยังถาดอาหารหมู...เมื่อได้ยินคำนี้เข้า นางก็คิดว่าเซียวหลินเทียนมอบตนเองเป็นรางวัลให้กับชายอุจาดนี้จริง ๆ !หลิงอวี๋โมโหเสียจนเลือดเดือดพล่านอารมณ์โศกเศร้าเสียใจปะทุเข้ามาในใจ!คนเราจะสามารถเลวร้ายถึงขั้นนี้ได้เชียวหรือ?หลิงอวี๋อย่างไรแล้วก็เป็นชายาของเซียวหลินเทียน!เป็นภรรยาของเขา!เขาจะมอบเป็นรางวัลให้คนรับใช้เช่นนี้ได้อย่างไร?อีกทั้งยังเป็นสัตว์ประหลา
ไม่ทันแล้ว!หลิงอวี๋ไม่สนใจว่าใครบอกว่าหยุด!นางใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ นำกิ่งไม้ที่เพิ่งจะคว้าเอาไว้ได้กระแทกเข้าไปในดวงตาของปากเบี้ยวอย่างแรงแทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน มีดทำครัวในมือของปากเบี้ยวเองก็ฟันลงมาเช่นกันเพียงแต่ว่าหลิงอวี๋จะเร็วกว่าอยู่สองสามวินาที!ปากเบี้ยวรู้สึกเจ็บตาอย่างแรงจนมือสั่น มีดในมือจึงเบี่ยงออกเล็กน้อย ใช้แรงเหวี่ยงลงไปข้างหูของหลิงอวี๋ผมยาวที่คลอเคลียอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋ถูกตัดออก!เซียวหลินเทียนเข้ามา มองเห็นภาพฉากนี้เข้าได้พอดิบพอดีเขามาไม่ทันได้พุ่งเข้าไป ทำได้เพียงแค่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “หยุด!”มีดก็ยังคงเหวี่ยงลงไป!ทันใดนั้นหัวใจของเซียวหลินเทียนแทบจะพุ่งออกมาจากคอ!เขามาช้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ?“อ๊าก… ตาข้า...”วินาทีต่อมา ปากเบี้ยวก็ปิดตาพร้อมร้องครวญครางออกมาหลิงอวี๋ไม่ขยับเขยื้อนใด ดวงตาไร้เรี่ยวแรงจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่ขาวโพลนทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ นั้นดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากขอบฟ้า...เซียวหลินเทียนจ้องมองนางด้วยความอึ้งตะลึงเสื้อผ้าขาดวิ่นของหลิงอวี๋เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ขาเรียวยาวถูกเผยออกมาไร้ซึ่งยางอาย… สี่คำนี้ เขาไม่แม
เรือนบุหงาแม่นมลี่และหลิงซินช่วยกันเช็ดทำความสะอาดคราบเลือด และอาหารหมูที่อยู่บนกายของหลิงอวี๋แม่นมลี่เมื่อมองเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหลิงอวี๋แล้ว ปวดใจเสียจนน้ำตาร่วงอย่างมิอาจควบคุมได้“พระชายา.... ท่านไปช่วยเฮยจื่อหรอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ? เฮยจื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว! แต่เหตุใดท่านถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้เจ้าคะ?”หลิงอวี๋กึ่งหลับกึ่งฝัน นางได้ยินคำของแม่นมลี่ แต่ไม่อาจตอบกลับได้นางเหนื่อยเกินไป แค่อยากจะนอนหลับให้สบาย“ท่านแม่ ข้าจะเป่าให้ท่านขอรับ!”เสี่ยวเมาน้ำตาไหลริน คลานมายังขอบเตียงแล้วจ้องมองหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนยังไม่เข้าไปในห้อง นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์จ้องมองยังพวกเขาไป๋สือเอ่ยออกมาเสียงเบา “กระหม่อมได้จัดยารักษาภายนอกให้กับหลิงอวี๋แล้ว และเขียนใบเทียบยาไว้ให้ อีกประเดี๋ยวให้หลิงผิงต้มยาให้นาง… นางจะไม่ตายพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า นำลู่หนานจากไปเสี่ยวเมาจ้องยังเบื้องหลังของพวกเขาอย่างเกลียดชัง มือเล็กกำหมัดแน่นท่านแม่ถูกพวกคนร้ายเหล่านี้ทุบตีจนกลายเป็นเช่นนี้ เมื่อเติบใหญ่จะต้องแก้แค้นให้กับท่านแม่ให้จงได้!……ชิวเฮ่าคุกเข่าอยู่ในเรือนข
"น่องไก่เคเอฟซี แฮมเบอร์เกอร์แมคโดนัล... อยากกินทั้งหมดเลย!"หลิงอวี๋หิวท้องร้อง ในฝันกำลังกดโทรศัพท์มือถือสั่งอาหารเดลิเวอรีจู่ ๆ รู้สึกเจ็บที่กราม เจ็บจนรู้สึกตัวขึ้นมาเสียใจจนอยากจะร้องไห้!ทั้งเบอร์เกอร์และน่องไก่ของเธอกำลังบินจากไปแล้ว...“พระชายา ทาสผู้นี้รอให้ท่านกินยาอยู่นะเจ้าคะ!”มือที่เอื้อมมาบีบคางอย่างแรงเจ็บจนหลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาชามดินเผาที่มีน้ำแกงยาถูกกรอกใส่ปากของนาง และยาถูกเทเข้าปากของนางอย่างแรงหลิงอวี๋เห็นใบหน้ายิ้มแปลกๆ ของหลิงผิงได้อย่างชัดเจน และในขณะเดียวกัน ประสาทรับรสที่เฉียบแหลมของนางก็ตรวจพบบางอย่างผิดปกติในยา...มันมีสารหนูอยู่ในนั้น!นางยกมือปัดชามยาทิ้งโดยสัญชาตญาณ และคายน้ำแกงยาออกมาเพล้ง!ชามยาตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยง ๆจู่ ๆ สีหน้าของหลิงผิงก็เปลี่ยนไป นางจิกผมของหลิงอวี๋อย่างโหดเหี้ยมและตะคอกว่า“เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นพระชายาผู้สูงส่งอยู่งั้นรึ?”“ข้าป้อนยาเจ้า แต่เจ้าไม่สำนึกบุญคุณ ยังกล้าทำชามยาตกแตก!”“วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย หญิงสารเลวมิรู้จักบุญคุณคน”หลิงผิงตบหน้าหลิงอวี๋ จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ยกมือขึ้นไปคว้าข้อมือของนางทันท
"ท่านแม่!"“ปล่อยเขาซะ!”เสียงของหลินอวี๋และเสี่ยวเมาที่ดังขึ้นพร้อมกันแตกต่างกันก็คือเสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวเมาที่ยังมึนงงอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แต่น้ำเสียงของหลิงอวี๋นั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาทำให้แม่นมที่อยู่ใกล้นางตัวสั่นไปหมดโดยไม่รู้ตัว“เสี่ยวเมาไม่ต้องกลัว!”เมื่อเห็นเสี่ยวเมาจ้องมองมาที่นาง หลิงอวี๋ก็ลดรังสีอมหิตลงไปได้บ้างนางยิ้มให้เสี่ยวเมาอย่างอ่อนโยน "พวกเรามาเล่นเกมกันนะ ปิดหู หลับตาไว้ จบเกมแล้วค่อยลืมตานะ!"“ขอรับ ข้าจะเชื่อฟังท่านแม่!”หลิงอวี๋ไม่เคยยิ้มให้เสี่ยวเมาอย่างอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน เสี่ยวเมาหลับตา และเอามือเล็ก ๆ ปิดหูของเขาไว้อย่างเชื่อฟังเชื่อฟังจริง ๆ !หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างชื่นชมเมื่อนางหันหน้ากลับไป รอยแผลที่บนใบหน้าน่าเกลียดดูน่ากลัวเป็นพิเศษ และแผ่บรรยากาศเย็นเยียบกดดันออกมา“ข้าบอกให้ปล่อย ไม่ได้ยินรึ?”หลิงอวี๋ยื่นมือชี้ไปที่แม่นมที่กำลังอุ้มเสี่ยวเมา น้ำเสียงของนางเย็นชาราวกับยมทูตจากนรก!"ได้สิ ถ้าเจ้าอยากให้พวกเราปล่อยเสี่ยวเมาไป ก็แค่คุกเข่าลงคำนับให้พวกเราสามครั้ง ไม่สิ... สาม
หลิงอวี๋มองพวกเขาทั้งสามด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เก็บมีดผ่าตัดเหน็บซ่อนไว้ที่เข็มขัดคาดเอวนางฉวยโอกาสหยิบมีดขึ้นมาตอนที่เข้าไปแย่งตัวเสี่ยวเมาไม่ทัน!สำหรับเรื่องเจ้าปากเบี้ยวนั่นถือว่าบทเรียนที่แสนเข็ดหลาบ!ต่อไปต้องพกของสิ่งนี้ติดตัวไว้ตลอด!เพิ่งตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าของพวกนางรับใช้และแม่นมสายตาสั้นพวกนั้นไป"ในห้องถูกพวกนางทำสกปรกไปหมด พวกเราออกไปสูดอากาศข้างนอกกันเถอะ..."กลิ่นเลือดและปัสสาวะคละคลุ้งไปทั่วห้อง ซึ่งทำให้หลิงอวี๋อึดอัดมากนางเดินออกไปพร้อมกับอุ้มเสี่ยวเมาไว้ในอ้อมแขนดวงอาทิตย์ที่สาดแสงเจิดจ้าในลานบ้าน หลิงอวี๋หรี่ตา แสงแดดช่างอบอุ่นมาก!นางรู้ว่าการทำร้ายหลินผิงและพวกแม่นม จะดึงดูดให้เซียวหลินเทียน หรือพี่น้องตระกูลชิวมาที่นี่ในไม่ช้าแต่หลิงอวี๋ไม่เสียใจเลยสักนิด!ในยุคที่แปลกประหลาดนี้ นางอยากมีชีวิตรอด มีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป!นางไม่อยากถูกลากไปอีกรอบ!หากนางต้องการปกป้องเสี่ยวเมาและคนรอบข้าง นางต้องยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง...“หลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนที่องครักษ์พาเข้ามา เขาเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ใต้ชายคาและอุ้มเสี่ยวเมาเอาไว้เสี่ยวเมาที่อยู่ในอ้อมแข
แม่นมลี่โขกหัวคำนับขอร้องจนเลือดกระเด็นออกมา เลือดไหลหยดลงมาที่หน้าผากของนาง!นี่ทำให้เสี่ยวเมาทั้งเศร้าและหวาดกลัว!ขอบตาของหลิงอวี๋แดงรื้นไปด้วยน้ำตา และนางตะโกนอย่างทรมานใจว่า "แม่นมลี่ ลุกขึ้น อย่าขอร้องเขา!""มาถึงวันนี้แล้ว ข้าอยากดูสิว่า เซียวหลินเทียนจะตัดเส้นเอ็นข้ายังไง!"แม่นมลี่ยิ่งกระวนกระวายใจ กลัวว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธ ดังนั้นนางจึงยังคงก้มหน้าและขอร้องต่อไป“เสี่ยวเมา ไม่ต้องกลัว ไปช่วยพยุงแม่นมลุกขึ้นมา!”หลิงอวี๋ดันตัวเสี่ยวเมาเบา ๆเมื่อเห็นว่า ชิวเฮ่ากำลังเข้ามาใกล้ เสี่ยวเมาก็วิ่งไปด้านหน้า และยืนขวางอยู่ข้างหน้าหลิงอวี๋เขาพยายามปกป้องหลิงอวี๋ด้วยร่างกายเล็ก ๆ ของเขา!เขาตะโกนว่า "ในเมื่อท่านแม่ต้องตาย เสี่ยวเมาและแม่นมก็จะไปตายพร้อมกับท่านแม่!"หัวใจที่หนาวเหน็บของหลิงอวี๋รู้สึกอบอุ่นทันทีจากสิ่งเสี่ยวเมาได้กระทำ!อดีตหลิงอวี๋เมินเฉยต่อเด็กที่น่ารักขนาดนี้ได้อย่างไร!แทนที่จะปฏิบัติต่อเซียวหลินเทียนด้วยความจริงใจ ควรใช้ความรักนี้กับเสี่ยวเมาแทนมากกว่าบุตรที่มีน้ำใจและกตัญญูเช่นนี้ หลิงอวี๋ควรจะเป็นแม่ที่มีความสุขที่สุดในโลก!ไม่ใช่เอาความรักไปทุ่ม
ไป่สือออกมาหลังจากที่เขาเข้าไปได้สักพักด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่มากโดยไม่ทันให้เซียวหลินเทียนถาม เขารีบบอกด้วยตัวเอง "ถวายบังคมทูลท่านอ๋อง ในยามีสารหนูอยู่พ่ะย่ะค่ะ!"“ท่านอ๋อง กระหม่อมสาบานต่อสวรรค์ ยาที่กระหม่อมสั่งไม่มีสารหนูพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนโบกมือ "เอาเถอะ ข้าเชื่อในตัวท่าน!"ชิวเฮ่ากลอกตาไปทางหลินผิง รีบวิ่งไปคว้ามือนางแล้วตะคอกถาม "บ่าวชั่ว บอกมา ทำไมถึงมีสารหนูในยาได้"“เจ้าคิดใส่ร้ายท่านไป๋รึ?”หลิงผิงถูกเขาบีบไหล่อย่างแรง เจ็บมากยิ่งนักนางรู้ว่าชิวเฮ่ากำลังเตือนนางว่าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ!“ท่านอ๋อง! บ่าวผิดไปแล้ว!” หลิงผิงคุกเข่าอ้อนวอน"บ่าวไม่รู้ว่าสารหนูมาจากที่ใด บ่าวสาบานต่อสวรรค์ บ่าวไม่มีเจตนาจะทำร้ายพระชายาเพคะ!""แล้วสารหนูมาจากที่ใด?"ชิวเฮ่าพูดด้วยความโกรธ "มันมีขาวิ่งเข้าไปเองงั้นรึ?"หลิงผิงก้มหน้าลงและสะอื้นไห้ "บ่าวไปที่คลังเพื่อรับยาตามเทียบยาที่ท่านไป๋สั่ง บ่าวจัดการต้มยาเองทั้งหมด!"“ตอนที่บ่าวต้มยา พ่อครัวทุกคนในครัวล้วนเห็นอยู่ด้วยกันทั้งหมด บ่าวจะเอาโอกาสที่ไหนลงมือได้เพคะ!”“หลังจากต้มยาเสร็จแล้ว บ่าวและแม่นมหลี่นำมาส่งยาด้วยกัน พวกนางเ
หลิงอวี๋เดินตามจางอิ๋งมาถึงห้องโถง ซึ่งบัณฑิตใหม่ทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นี่ทั้งสองชั้นเรียนได้คัดเลือกบัณฑิตที่คุณสมบัติผ่านเกณฑ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้เข้าสอบที่ถูกคัดออกคนอื่น ๆ จะมิสามารถเข้ามาได้หลิงอวี๋เดินตามจางอิ๋งไปยืนในชั้นเรียนของเย่ซื่อฝาน เหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยสายตาแปลก ๆทั้งสองคาดมิถึงว่าหลิงอวี๋จะมีความสามารถโดดเด่นและทำคะแนนออกมาได้ดี ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงจนบัณฑิตในรอบเกือบสิบปีนี้เทียบมิติด และสุดท้ายนางก็ได้กลายมาเป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝานส่วนพวกนางนั้นเป็นเพียงบัณฑิตธรรมดา แม้จะได้รับการสั่งสอนจากเย่ซื่อฝาน แต่ก็เรียกเย่ซื่อฝานว่าท่านครูได้เท่านั้น ในขณะที่หลิงอวี๋กลับสามารถเรียกเย่ซื่อฝานว่า ท่านอาจารย์การเป็นศิษย์กับการเป็นบัณฑิตมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด“เสี่ยวอวี๋ ยินดีด้วยนะ!”เหลยเหวินยังมีทัศนคติที่ดี รู้จักตนเอง และพอใจที่ได้เป็นบัณฑิตของเย่ซื่อฝานแล้ว มิได้ฝันถึงสิ่งที่เกินตัวไปมากนักคำแสดงความยินดีนี้จึงเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจงเจิ้งเฟยกลับรู้สึกจิตใจมิมั่นคง แต่ก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นางรู้ดีว่าวิชาปรุงโอสถมิได้ขึ้
หลิงอวี๋มิรู้เลยว่าโอสถสองเม็ดที่นางกลั่นได้มีอัตราความสำเร็จสูงกว่าของคนอื่น ๆ มาก ดังนั้นนางและหลงอิงจึงกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสำนักศึกษาชิงหลงตั้งแต่ยังมิออกมาจากค่ายกลด้วยซ้ำ“ครั้งนี้มีอัจฉริยะปรากฏตัวในหอปรุงโอสถ อัตราความสำเร็จของโอสถทั้งสองเตาแซงหน้าปรมาจารย์เย่และปรมาจารย์ไป่หลี่ไปแล้ว ไป ไปดูกันว่าอัจฉริยะผู้นั้นคือใคร!”ทางด้านของเซียวหลินเทียนที่ผ่านการประเมินได้มารวมกลุ่มกับเผยอวี้อีกครั้งและกำลังจะออกไปรอกลุ่มของเถาจื่อ เขาก็ได้ยินเสียงของบรรดาบัณฑิตโห่ร้องกันอย่างตื่นเต้น“นางลงทะเบียนชั้นเรียนของปรมาจารย์ท่านไหนรึ?”“ชั้นเรียนของปรมาจารย์เย่!”“โอ้โห เช่นนี้มิใช่ว่าหอโอสถซ่างกู่แย่งสมบัติล้ำค่าไปแล้วหรอกรึ! แล้วคนผู้นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรเล่า?”“มิรู้สิ มิเคยได้ยินชื่อนางมาก่อนเลย!”เซียวหลินเทียนคิดว่ามันคงไร้ประโยชน์ที่จะรออยู่ข้างนอก สู้ไปดูกับพวกเขาดีกว่า จะได้ตามหาหลิงอวี๋ไปด้วย“ไป ไปดูกันเถอะ!”เซียวหลินเทียนพาคนสองคนเดินตามฝูงชนไปที่หอปรุงโอสถบรรดาบัณฑิตที่อยู่ข้างหน้ายังคงสนทนากันอย่างกระตือรือร้นในขณะที่เซียวหลินเทียนและอีกสองคนฟังอยู่เงียบ ๆ
“เปิดเตาเลย!”หลงอิงที่อยู่ในค่ายกลตะโกนด้วยความตื่นเต้นหลิงอวี๋เปิดเตาและเทโอสถออกมาโอสถจำนวนมากหล่นลงบนจานทีละเม็ดเสียงดังขลุก ๆ โอสถแต่ละเม็ดที่เด้งขึ้นมาทำให้ทุกคนกลั้นหายใจนับจำนวนอย่างเงียบ ๆ“ยี่สิบ… ยี่สิบห้า… ยี่สิบเจ็ด!”โอสถทั้งหมดถูกเทลงบนจาน หลังจากทุกคนนับเสร็จก็พากันมองไปที่หลิงอวี๋ด้วยความมิอยากเชื่อ“เหมียวหยาง ยี่สิบเจ็ดเม็ดรึ? ข้ามิได้นับผิดใช่หรือไม่?”ไป่หลี่ไห่ถามด้วยเสียงสั่นเครือนี่คือสิ่งที่เย่ซื่อฝานอยากจะถามเช่นกันเมื่อพิจารณาจากขนาดของเตากลั่นและจำนวนเครื่องยาสมุนไพร หากอัตราความสำเร็จของโอสถเตานี้มีถึงสิบส่วน ก็จะมีโอสถทั้งหมดสามสิบเม็ดขณะนี้หลิงอวี๋กลั่นโอสถออกมาได้ยี่สิบเจ็ดเม็ด ดังนั้นอัตราความสำเร็จจึงอยู่ที่เก้าในสิบ!นี่เป็น… เป็นอัตราความสำเร็จที่น่าตกใจยิ่งนัก!แม้แต่ปรมาจารย์ปรุงโอสถอย่างเย่ซื่อฝานและไป่หลี่ไห่ หากอยากได้อัตราความสำเร็จสูงถึงขั้นนี้ก็มีแต่ต้องกลั่นโอสถระดับต้นเท่านั้น แทบจะเป็นไปมิได้เลยที่โอสถระดับกลางจะบรรลุอัตราความสำเร็จถึงเก้าในสิบ“ช้าก่อน พวกเจ้าดูสิว่านั่นอะไร?”จู่ ๆ เย่ซื่อฝานก็พูดขึ้นทุกคนมองตามสายตา
ทุกคนที่อยู่ข้างนอกมีอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน พวกเขาก็เห็นหลิงอวี๋นำเครื่องยาสมุนไพรอีกกองหนึ่งมาให้หลงอิงมิเพียงเย่ซื่อฝานเท่านั้น แต่ไป่หลี่ไห่และคนอื่น ๆ ก็จ้องมองการกระทำของหลิงอวี๋ด้วยเช่นกัน พวกเขาเห็นว่าหลิงอวี๋หยิบสมุนไพรขึ้นมาโดยมิได้ใช้ตาชั่งยาในการตวงเลย ทุกอย่างล้วนถูกหยิบขึ้นมาด้วยมือเปล่าทั้งสิ้นนางหยิบนั่นหยิบนี่โยนลงไป ราวกับเด็กที่กำลังเล่นซนเหมียวหยางอดมิได้ที่จะพูดจาดูแคลน “การที่นางกลั่นยาเตาแรกออกมาได้นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีนัก ให้นางทำอีกครั้งดูสิ นางไม่มีทางทำสำเร็จหรอก!”ปริมาณของโอสถแต่ละชนิดจะมีตัวเลขที่แน่นอน ซึ่งเป็นผลที่ได้มาจากบรรพบุรุษมากมายที่ประสบกับความล้มเหลวมานับมิถ้วนหลิงอวี๋หยิบเครื่องยาสมุนไพรขึ้นมาอย่างลวก ๆ นางคงมิรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเก็บมาได้เท่าไรแล้วหากปรุงอีกรอบแล้วกะปริมาณมิถูกต้อง โอสถที่กลั่นออกมาอาจจะมิเป็นไปตามต้องการเย่ซื่อฝานเองก็รู้ความจริงข้อนี้ แต่เขากลับมิได้มองหลิงอวี๋เช่นนั้นเขารู้ว่าปรมาจารย์ที่แท้จริงนั้น เมื่อสั่งสมประสบการณ์มาหลายสิบปี ก็จะสามารถกะปริมาณเครื่องยาสมุนไพรที่หยิบมาได้เพียง
ในห้องปรุงโอสถมิได้มีเพียงเครื่องยาสมุนไพร แต่ยังมีน้ำหลายชนิดที่สามารถเติมลงไปเพื่อผสมเครื่องยาสมุนไพรเข้ากัน น้ำเหล่านี้เป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่ใช้ในการปรุงโอสถในชีวิตประจำวันน้ำแต่ละชนิดที่ผสมกับเครื่องยาสมุนไพรให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่หลิงอวี๋เติมเข้าไปคืออะไร“อาจารย์ ข้าเห็นแล้ว มันคือน้ำเปล่าขอรับ!”เหมียวหยางพูดอย่างดูแคลนน้ำเปล่ารึ?เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋หลี่ไห่ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขามองไปที่เย่ซื่อฝานแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เย่ ข้าว่าครั้งนี้ว่าที่ศิษย์ของท่านจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”“หากนางเติมน้ำชนิดอื่นลงไปก็อาจทำให้อัตราความสำเร็จสูงขึ้นได้บ้าง แต่นี่น้ำเปล่า… มีเพียงคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการปรุงโอสถเท่านั้นที่จะเติมน้ำชนิดนี้ลงไป!”เมื่อจางอิ๋งได้ยินคำพูดของเหมียวหยาง นางก็รู้สึกเป็นกังวลแทนหลิงอวี๋ขึ้นมา และคิดว่าตนกำลังจะเสียเงินสองหมื่นไปโดยเปล่าประโยชน์!แต่เย่ซื่อฝานกลับกล่าวอย่างมิรีบร้อน “สิ่งที่พวกเราต้องการคือผลลัพธ์ ไยต้องสนใจกระบวนการด้วยเล่า!”“ข้าว่าว่าที่ศิษย์ของข้าผู้นี้มีความคิดที่ดีทีเดีย
มิเพียงเย่ซื่อฝานเท่านั้นที่ให้ความสนใจหลิงอวี๋ แม้แต่ต่งเฉิงและไป่หลี่ไห่ก็จ้องมองไปที่หลิงอวี๋ด้วยเช่นกันเมื่อเห็นหลิงอวี๋เลือกสมุนไพรเหล่านี้ ต่งเฉิงก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “มิรู้ว่าเด็กคนนี้มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำหรือว่ามีความสามารถจริง ๆ ?”ไป่หลี่ไห่รู้เรื่องที่เหมียวหยางพยายามโน้มน้าวหลิงอวี๋ให้มาเข้าร่วมกับเขามิสำเร็จแล้ว ด้วยเหตุนี้ วันนี้ตอนที่เขาไปถึงสำนักศึกษาชิงหลง ต่งเฉิงจึงเรียกเขาไปตำหนิอยู่ครู่หนึ่งแม้ไป่หลี่ไห่จะได้รับการสนับสนุนจากเจ้าแห่งทะเล แต่ต่งเฉิงกลับมิไว้หน้าซ้ำยังกล่าวตำหนิเขาที่ปล่อยให้ศิษย์ของตนประพฤติตัวมิเหมาะสมและทำลายชื่อเสียงของสำนักศึกษาชิงหลงต่งเฉิงเตือนไป่หลี่ไห่อย่างเด็ดขาดว่า หากมีครั้งต่อไปเขาจะมิยอมปล่อยเหมียวหยางไปง่าย ๆ แน่ไป่หลี่ไห่ทั้งอายทั้งโกรธ แต่ความอาวุโสของต่งเฉิงทำให้เขามิสามารถโต้แย้งอย่างไร้มารยาทได้ เขาจึงทำได้แค่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนไปไป่หลี่ไห่เป็นนักปรุงโอสถที่ผู้คนให้การยกย่องมากที่สุดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา บางคนถึงกับบอกว่าความสำเร็จในภายภาคหน้าของไป่หลี่ไห่จะต้องแซงหน้าเย่ซงเฉิงอย่างแน่นอนด้วยเหตุนี้ หลายปีที่ผ่านม
หลงอิงและจงเจิ้งเฟยต่างมีข้อมูลภายใน และการคาดการณ์ของพวกนางก็แม่นยำ การสอบแข่งขันในวันนี้คือการจับคู่เครื่องยาสมุนไพรเพื่อกลั่นโอสถ และผู้ชนะจะถูกตัดสินจากคุณภาพของเม็ดยาเหลยเหวินพูดกับหลิงอวี๋ด้วยความรู้สึกผิด “เสี่ยวอวี๋ ข้าอยู่กลุ่มเดียวกับเฟยเฟย เจ้าไปหาคู่เองก็แล้วกัน! ต้องขอโทษด้วย พอดีพวกเรานัดกันไว้แล้ว!”“มิเป็นไร ข้าจะไปหาคู่เอง!”ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ก็มีบัณฑิตหลายคนพากันเดินเข้ามาหานางพวกนางทุกคนคิดว่าหากได้คู่กับหลิงอวี๋ที่ได้คะแนนสูงในการสอบจำแนกสมุนไพรและการสอบเขียนตำรับยา พวกนางก็จะได้เปรียบ“สิงอวี๋ เจ้ามาคู่กับข้าเถิด!”“สิงอวี๋ คู่กับข้าสิ คะแนนของข้ามิแย่หนา หากคู่กับข้าพวกเราจะต้องชนะแน่นอน!”บัณฑิตหลายคนพากันยื้อแย่งหลิงอวี๋เข้ากลุ่มหลงอิงเองก็เดินเข้ามาหาและพูดพร้อมกับยิ้มตาหยี “สิงอวี๋ พวกเรามาคู่กันเถอะ!”บัณฑิตหลายคนที่มาก่อนต่างมองหน้ากัน มิกล้าแย่งชิงกันอีก แต่กลับจ้องหลิงอวี๋ตาปริบ ๆ ด้วยหวังว่าหลิงอวี๋จะเลือกตน“ข้าจับคู่กับหลงอิงก็แล้วกัน!”หลิงอวี๋รับเงินห้าหมื่นจากหลงอิงมาแล้ว แน่นอนว่าต้องเลือกเพียงหลงอิงเท่านั้นบัณฑิตหลายคนที่มิ
หลิงอวี๋ตกตะลึงไปชั่วขณะ มิรู้เลยว่าควรจะต้องพูดอะไรเหตุใดหลงอิงถึงอยากเอาชนะจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้ได้?ด้วยความสามารถของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว แม้นางจะพ่ายแพ้นางก็ยังได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาชิงหลง“ห้าหมื่นมิพอ เช่นนั้นข้าให้หนึ่งแสนไปเลย! ข้าจะต้องเอาชนะจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้ได้!”หลงอิงกล่าวอย่างดุดัน“เหตุใดกันหรือ? มีความหมายอะไรสำคัญหรือไม่?”หลิงอวี๋ถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย“จะบอกความจริงให้ก็แล้วกัน ตระกูลเฉียวกำลังมองหาคู่แต่งงานให้กับผู้นำตระกูลคนใหม่ แล้วข้า… ข้าก็ชื่นชอบนายน้อยตระกูลเฉียว หากข้าได้ที่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวก็จะมองข้าต่างออกไป!”หลงอิงทำท่าทางเขินอายนายน้อยตระกูลเฉียว?นั่นเฉียวไป๋มิใช่หรือ?เขาจะแต่งงานแล้วรึ?หลิงอวี๋ตกตะลึง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้ตอนที่หลงอิงทะเลาะกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ในตอนนั้นหลงอิงทีท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก็เพราะต้องการล้างแค้นให้ศิษย์พี่ของนางหลิงอวี๋นึกว่าหลงอิงรักเฉียวเค่อ แต่คาดมิถึงว่าตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นเฉียวไป๋แล้ว!นอกจากนี้เหลยเหวินยังเคยพูดไว้ว่า พี่ชายของนางเป็นหนี้เพราะหลงอิงมากกว่าหนึ่งแสน…หลิงอวี๋พูดมิออก หรือว
อาศัยอยู่ที่ตระกูลเฉียวรึ?เซียวหลินเทียนครุ่นคิด หากนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลเฉียวก็คงเข้าไปจับตัวได้ยากว่ากันว่านายน้อยตระกูลเฉียวเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหลิงอวี๋ ตระกูลเฉียวจึงเกลียดหลิงอวี๋มากถึงขนาดเสนอรางวัลค่าหัวของนางเป็นจำนวนเงินสูงถึงห้าล้านตระกูลเฉียวรับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาอาศัยด้วยเช่นนี้ หรือว่าพวกเขาคิดจะตามหาหลิงอวี๋ผ่านทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?“คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลเฉียวและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไว้ให้ดี!”เซียวหลินเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจว่าจะมิทำอะไรจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นการชั่วคราว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าหลิงอวี๋หนีไปจากนางได้อย่างไร และนางจะมิยอมแพ้ในการตามหาหลิงอวี๋อย่างแน่นอนหากใช้นาง เซียวหลินเทียนก็จะสามารถหาตัวหลิงอวี๋เจอได้เร็วขึ้น“ยังไม่มีข่าวคราวอะไรจากทางหวงฝู่หมิงจูอีกรึ?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเรื่องที่เขาเคยสัญญากับหวงฝู่หลินเอาไว้ว่าจะตามหาลูกสาวให้ จึงได้ถามขึ้นมา“ตอนนี้ยังขอรับ ข้าน้อยสั่งให้คนเร่งค้นหาแล้ว อีกทั้งยังได้ส่งคนไปจับตาดูตระกูลจงเจิ้งด้วย แต่จงเจิ้งหลินและเสวี่ยเหมยยังมิกลับไปยังตระกูลจงเจิ้ง ตอนนี้มิทราบว่าทั้งสามค