หลิงอวี๋ค่อย ๆ เดินไปข้าง ๆ เซียวหลินเทียนนางเห็นใบหน้าด้านข้างเซียวหลินเทียนสันกรามคมชัดคิ้วที่เฉียงตรงของเขา ดวงตาสีดำที่เฉียบคม ริมฝีปากบางและเม้มเล็กน้อย ล้วนแสดงถึงความสง่างามและสูงศักดิ์!เหมือนอินทรีในยามราตรี เย็นชาและหยิ่งยโส!ชายผู้นี้รูปหล่อยิ่ง!และเย็นชามากด้วย!เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ พร้อมกับขมวดคิ้วแสดงท่าทีรังเกียจ เขาไม่ชอบให้นางอยู่ใกล้เขามากนักหลิงอวี๋พูดอย่างไม่รีบร้อนอะไร "ท่านอ๋อง คิดว่าหลิงผิงพูดความจริงหรือไม่?"เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาและไม่พูดหลิงอวี๋ยิ้ม "หม่อมฉันเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้! และท่านอ๋องเองก็เป็นผู้ตัดสิน!"“ในเมื่อท่านอ๋องไม่เชื่อหม่อมฉัน ดังนั้นหม่อมฉันพูดไปท่านก็คงไม่ฟัง!”“งั้นท่านอ๋องก็ตัดสินซะสิ!”คิ้วของเซียวหลินเทียนกระตุกหลิงอวี๋หาว่าเขาจะตัดเอ็นของนางโดยไม่ถามอะไรเลยงั้นหรือ?“ท่านอ๋อง สิ่งที่บ่าวพูดนั้นเป็นความจริง! ท่านอ๋องจะเข้าข้างพระชายาเพียงเพราะบ่าวมีฐานะต่ำต้อยหรือเพคะ!”หลิงผิงร้องไห้ "พระชายาตัดเส้นเอ็นบ่าวขาดแล้ว ท่านยังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ?"“ท่านยังอยากจะเอาชีวิตบ่าวอีก ทำไมท่านถึงเลวทรามเ
หลิงอวี๋คิดว่ามันมีค่าสองร้อยตำลึง แต่นางกลับไม่รู้อะไรเลย!เซียวหลินเทียนจำได้ว่าในสมัยก่อน ตอนที่พระสนมผู้เป็นมารดาได้ความโปรดปรานจากจักรพรรดิ จักรพรรดิหวู่อันประทานต่างหูคู่หนึ่งที่ทำโดยเหลียนหมิงครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนรู้เกี่ยวกับเหลียนหมิงคือ ตอนที่พระสนมอธิบายที่มาของต่างหูให้เขาฟัง“หลิงอวี๋ พูดต่อไป!”ชิวเฮ่ามองไปที่ปิ่นปักผมด้วยความประหลาดใจ และถามอย่างไม่แน่ใจว่า "ท่านอ๋อง ปิ่นนี้มีมูลค่าสองร้อยตำลึงจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?"เซียวหลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อยชิวเฮ่าจ้องไปที่หลินผิงอย่างดุดัน แม้ว่าหลินผิงจะคุกเข่า แต่นางก็กลัวมากจนร่างกายของนางซวนเซไปหมด!แย่แล้ว! บอกไม่ได้จริง ๆ !แต่นางกลอกตาแอบพูดในใจ ถ้าบอกไม่ได้ นางตายแน่!อย่างไรก็ตาม ชิวเฮ่าและชิวเหวินซวงอยู่ข้างนาง พวกเขาย่อมจะปกป้องตน!หลินผิงยังยืนกราน "บ่าวมิรู้ว่ามันมีค่าเท่าไหร่! บ่าวกล้าสาบานต่อสวรรค์ นี่เป็นสิ่งที่พระชายาประทานให้จริง ๆ!"เมื่อเห็นว่านางยังคงดื้อดึงอยู่ในตอนนี้ หลิงอวี๋ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“สวรรค์คงยุ่งเกินกว่าจะดูแลเจ้าแล้ว!”“เจ้าต้องเลิกนิสัยสาบานพร่ำเพรื่อซะนะ ถ้าพูดมากไปมันจะไม
"ไม่งั้นรึ?"เซียวหลินเทียนขมวดคิ้วทันที และมองไปที่หลิงอวี๋อย่างประหลาดใจผู้หญิงคนนี้? ผู้ใดมอบความกล้าให้นางบอกว่าไม่?เมื่อก่อนเมื่อเขาขมวดคิ้ว นางก็จะตัวสั่นด้วยความตกใจพูดตะกุกตะกักไปหมด!ตอนนี้กลับกล้าพูดเองว่าไม่งั้นหรือ?“สมเหตุสมผลแล้ว! ในเมื่อท่านกำลังตัดสินอย่างเป็นธรรมอยู่ ท่านอ๋องในฐานะที่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มันเกินไปหรือไม่ที่หม่อมจะขอความเป็นธรรม?”หลิงอวี๋ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด และยังเผชิญหน้ากับเขาอย่างตรงไปตรงมา"ใครก็ตามที่มีตา ก็เห็นอยู่มิใช่รึสิ่งที่ชิวเฮ่าทำกับข้า!"“ท่านอ๋อง ท่านเชื่อเขา แต่ท่านทรงบังคับให้หม่อมฉันเชื่อเขาด้วยมิได้หรอกเพคะ!”เซียวหลินเทียนกัดฟันแน่น แต่เขาไม่สามารถเถียงสิ่งที่หลิงอวี๋พูดได้!หลิงอวี๋ถูกชิวเฮ่าลากไปทุบตี และเกือบถูกเจ้าปากเบี้ยวทำการหยามเกียรตินาง!นางจะเกลียดแค้นชิวเฮ่าก็ถือเป็นเรื่องปกติ!“ท่านอ๋อง! หรือว่าให้บ่าวไปดีไหมขอรับ!”พ่อบ้านฟั่นเพิ่งมาที่นี่ได้สักพักหนึ่ง เห็นเซียวหลินเทียนเงียบไป เขาก็เลยออกมาพูดขึ้นหลิงอวี๋ไม่รู้ว่าพ่อบ้านฟั่นมาที่นี่เพื่อล้างแค้นแทนเจ้าปากเบี้ยวของเขา!เจ้าปากเบี้ยวเป็นล
เสี่ยวเมาเข้าไปได้ไม่นาน พ่อบ้านฟั่นก็นำแม่นมคนหนึ่งถือถุงใส่ของเอาไว้ “กราบบังคมทูลท่านอ๋อง นี่คือของที่หาพบในห้องของหลิงผิงเพคะ!” พ่อบ้านฟั่นส่งสัญญาณให้แม่นมนำห่อของนั้นมาด้านหน้าของเซียวหลินเทียน แม่นมเปิดออกมา ด้านในนั้นมีเครื่องประดับเรียบง่าย และยังมีชุดอีกสองสามชุด เซียวหลินเทียนเพียงแต่กวาดตามอง แล้วเอ่ยออกมา “หลิงอวี๋ เข้ามาดูเองว่าชิ้นใดเป็นของเจ้า?” หลิวอวี๋ยังไม่คุ้นเคยกับของตนเองมากนัก จึงเอ่ยออกมา “แม่นมลี่จัดการของของข้ามาโดยตลอด แม่นมลี่ ท่านไปดู!” แม่นมลี่เดินเข้ามา มองอย่างละเอียดแล้ว ก็ชี้ไปยังเครื่องประดับเอ่ยออกมา “ทั้งหลายชิ้นนี้ล้วนแต่ไม่ใช่ของพระชายา มีเพียงแค่กระโปรงสองตัวนี้ที่เป็นของพระชายาเพคะ!” หลิงผิงมองไปยังชิวเหวินซวงด้วยความประหลาดใจ นางยังคิดว่าพ่อบ้านฟั่นไปค้นหานั้น จะต้องยืนอยู่ข้างตนเอง ช่วยนางเก็บของแอบซ่อนเอาไว้ ไหนเลยจะคิดว่าพ่อบ้านฟั่นกลับนำชุดของหลิงอวี๋ที่นางนำติดมือไปด้วยกลับมา! ชิวเหวินซวงลอบทำท่าทางให้นางสงบลง หลิงผิงจึงวางใจลงได้ครึ่งหนึ่ง แล้วมองไปยังเครื่องประดับอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นว่าในนั้นมีหยกแขวนแปลกตาอยู่ชิ้นหน
“ท่านอ๋องชี้แนะด้วย! เงินเดือนของบ่าว พระชายาค้างมาหลายเดือนแล้ว! บ่าวจะมีเงินที่ไหนไปซื้อหยกแขวนเพคะ!” หลิงผิงฉวยโอกาสนี้ ร้องไห้คร่ำครวญออกมา “ท่านอ๋อง นี่เป็นของพระชายาจริง ๆ เพคะ! แม่นมลี่ปกป้องพระชายา แน่นอนว่าต้องช่วยพระชายาพูด!” “บ่าวรู้ว่าหยกแขวนนี้เป็นของพระชายา นั่นก็เป็นเพราะว่าพระชายาหยิบมันออกมาเล่นอยู่บ่อยครั้ง บ่าวเห็น!” “หากท่านอ๋องมิทรงเชื่อแล้ว ก็สามารถถามหลิงหลานได้ นางเองก็เคยเห็น!” หลิงหลานได้ยินคำนี้เข้า ก็รู้ว่าถึงเวลาที่ตนต้องออกมาแล้ว นางแสร้งทำเป็นขลาดกลัว ก้าวเดินมาเบื้องหน้า มองไปยังหลิงอวี๋อย่างหวาดกลัว ก่อนจะทำท่าทีเอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มใจ “กราบบังคมทูลท่านอ๋อง นี่เป็นของพระชายาจริง ๆ เพคะ บ่าวเองก็เคยพบนางเล่นมันมาก่อน! บ่าวมิกล้าปด!” “ดี! แต่ละคนต่างจงรักภักดีกันจริง ๆ !” หลิงอวี๋ตบมือ นางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้านายถูกทุบตี พวกเจ้าสองคนก็แทบจะทนรอมิได้ที่จะพุ่งไปหาผู้อื่น!” “เจ้านายถูกใส่ร้าย พวกเจ้าแทบจะทนรอมิไหวที่จะใส่ร้าย!” “เฮ่อ แม่เลี้ยงของข้าช่างเลือกคนที่ภักดีให้กับข้า ช่างซื่อสัตย์จริง ๆ !” หลิงอวี๋ที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาอีกด้
หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าฉินซานเป็นแม่ทัพตั้งแต่เมื่อใด! กลับรู้มาจากความทรงจำว่า ฉินซานนั้นหลงรักหลิงอวี๋ เขาเต็มใจจะแต่งงานกับหลิงอวี๋! ทว่าเขาและหลิงอวี๋ไม่เคยทำเรื่องที่เกินเลย! เซียวหลินเทียนยิ่งฟัง สีหน้าก็ยิ่งไม่น่ามอง! หลิงอวี๋ตั้งครรภ์เพียงแค่แปดเดือนก็คลอดเสี่ยวเมาออกมา เขาก็สงสัยแล้งว่าเด็กนั้นมิใช่บุตรของตน! ทว่าเขาลอบให้คนตรวจสอบ กลับไม่พบหลักฐานใด! เซียวหลินเทียนนำกำลังพลสู้รบอยู่ด้านนอกจึงไม่มีเวลาไปตรวจสอบให้ละเอียด ในเวลานี้ถูกหลิงผิงเปิดเผยออกมา และก็นึกถึงฉินซานที่มาถึงแม่ทัพทหารม้า ดูแลองครักษ์ติดอาวุธของกองทัพหลวงแล้ว ความคับข้องใจนี้เซียวหลินเทียนกลืนมันลงไปได้แล้ว ฉินซานมีหน้าตาหล่อเหลา ครั้งนี้ออกรบสังหารศัตรูไปอย่างหาญกล้า แม่ทัพทั้งหลายต่างก็ชื่นชมเขา บอกว่าเขามีอนาคตไกล ชายชู้ของหลิงอวี๋กลับกลายเป็นเขา? เช่นนั้นแล้วเสี่ยวเมาเป็นลูกของฉินซานอย่างนั้นหรือ? “หลิงอวี๋ เจ้ายังมีอะไรให้เอ่ยอีกหรือไม่?” เซียวหลินเทียนบีบอัดคำพูดอันเย็นชาลอดไรฟันมา หลิงอวี๋ยิ้มออกมาอย่างเรียบเฉย รู้สึกได้ว่าเซียวหลินเทียนมีความคืบหน้าแล้ว ไม่ได้ฟังคำของหลิงผิงแล้ว
ชิวเหวินซวงที่ฟังอยู่ด้านข้างคอยสังเกตท่าทีของเซียวหลินเทียน เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของเซียวหลินเทียน ชิวเหวินซวงก็สังหรณ์ใจได้ว่าไม่ดีแล้ว! นางมองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความตื่นตกใจ! หญิงผู้นี้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป! ก่อนหน้านั้นหลิงอวี๋จะมีคารมคมคายดีอย่างนี้ได้อย่างไรกัน! ชิวเหวินซวงอาศัยที่เซียวหลินเทียนมิได้สังเกตเห็นตน รีบขยิบตาให้กับหลิงหลานและหลิงผิง หลิงผิงถูกคำพูดของหลิงอวี๋ที่ให้ตื่นตะลึงเข้า! นางติดตามหลิงอวี๋มานานถึงเพียงนี้ มิเคยพบว่าหลิงอวี๋จะสามารถเอ่ยออกมาเช่นนี้ได้! นางไม่รู้เลยว่าจะต้องหักล้างหลิงอวี๋กลับจากที่ใด! หลิงหลานสามารถอดกลั้นได้มากกว่าหลิงผิง นางฟังไป พลางทั้งคิดวิธีตอบโต้กลับ เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกำลังจะล่าถอยไป ในใจของหลิงหลานก็เคลื่อนไหวขึ้นมา นึกออกแล้ว! หลิงหลานแสร้งหวาดกลัวเอ่ยออกมา “พระชายา ทำไมท่านถึงได้พูดจาได้เก่งกาจ พวกเราฝีปากไม่ดีสู้ท่านไม่ได้!” “ทว่าความจริงอย่างไรเสียก็คือความจริง! ต่อให้ท่านจะเอ่ยออกมาได้น่าฟังเพียงใด ก็มิอาจปิดบังความจริงที่ท่านทรยศท่านอ๋องไปได้!” “ท่านอ๋อง… พวกบ่าววันนี้ต่อให้จะต้องออกไป!” “เพื่อไ
อย่ารังแกเด็กและคนจน! อย่าบีบบังคับผู้คนขึ้นเขาเหลียงซาน!(1) เพราะว่าเจ้าจะไม่มีทางรู้เลยว่า คนที่สิ้นหวังหมดหนทางแล้วจะระเบิดพลังอันน่าตื่นตกใจเพียงใดออกมา หลิงอวี๋ได้ยินเสียงร้องเรียกเสียดแทงหัวใจของเสี่ยวเมา ก็เหมือนราวกับถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง นางจ้องมองไปยังเซียวหลินเทียนอย่างดุร้าย ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเข้มที่นั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าหล่อเหลาสูงส่งราวกับเทพเจ้า ผู้ควบคุมอำนาจแห่งความเป็นตายเอาไว้! ต่อให้เขาจะใช้แรงเพิ่มมากขึ้น นางหลิงอวี๋ก็จะสู้จนสุดแรงจนกว่าจะตายไป! หลิงอวี๋คนก่อนหน้านั้นตายไปในมือของเซียวหลินเทียนแล้วครั้งหนึ่ง! หรือว่าครั้งนี้ ชีวิตของนางเองก็จะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเขาอีกครั้ง! ไม่! ไม่ควรจะมีจุดจบเช่นนี้! ดวงตาคู่งามของหลิงอวี๋ระเบิดความดื้อรั้นของนางในชาติที่แล้วออกมา! ชายสารเลว เจ้าไม่ยอมให้ข้าได้มีชีวิตดี ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นนั้นก่อนที่ข้าจะตาย ก็จะต้องลากเจ้าลงนรกไปด้วย! หลิงอวี๋คลำมีดผ่าตัดที่แอบเอาไว้ตรงช่วงเอว ไม่สนใจแส้ที่พันอยู่ตรงลำคอ กระโจนไปยังเบื้องหน้าอย่างแรง... ปลายมีดที่แหลมคมตกลงบนลำคอของเซียวหลินเทียน นางกร
เก๋อฮุ่ยหนิงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากที่จื่ออวิ๋นเล่ามา เนื้อตัวของเฉียวไป๋เต็มไปด้วยบาดแผล และหมอเจียงก็เป็นหมอ ดังนั้นบางทีนางอาจจะช่วยชีวิตเฉียวไป๋เอาไว้ก็ได้เฉียวไป๋อยู่ที่นี่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแดนเทพเกือบพันลี้ ดังนั้นขอเพียงตนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้เฉียวไป๋จดจำความดีของตนเอาไว้ แล้วค่อยยุให้ท่านย่าออกหน้า การแต่งงานครั้งนี้ก็จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จถึงแปดหรือเก้าในสิบแล้วแต่จะเข้าใกล้เฉียวไป๋ได้อย่างไรกัน?เก๋อฮุ่ยหนิงมิคิดว่า หากตนเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเฉียวไป๋ก่อน เขาก็คงจะสนใจนางปกติแล้วคุณชายตระกูลขุนนางเหล่านี้มักจะมิเห็นใครอยู่ในสายตาทั้งนั้น หากมิใช่คนพิเศษสักหน่อย เฉียวไป๋ไม่มีทางยอมให้ตนเข้าใกล้เขาเป็นอันขาด!“จื่ออวิ๋น เจ้าไปสืบมาทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลเฉียว เหตุใดคุณชายเฉียวจึงมาลำบากอยู่ที่นี่ได้!”“และหากสืบมาได้ว่าคุณชายเฉียวชอบอะไรก็จะยิ่งดี!”เก๋อฮุ่ยหนิงรู้สึกว่า เมื่อก่อนนั้นตนยอมรับความลำบากมาโดยตลอด จึงได้ถูกเก๋อฮุ่ยซินแย่งชิงเรื่องการแต่งงานไป แต่ครั้งนี้มิว่าอย่างไรนางก็จะต่อสู้เพื่อตนเองให้ได้หากว่ามิสำเร็จ นางค่อยยอมรับชะตากรรมก็ได้
จื่ออวิ๋นติดตามเก๋อฮุ่ยหนิงมาตั้งแต่เด็ก เมื่อสามปีก่อนตระกูลเก๋อได้เดินทางไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองอายุครบร้อยปีที่ตระกูลหลงจัดขึ้นที่เมืองหลวงแดนเทพตอนนั้นจื่ออวิ๋นได้ติดตามเก๋อฮุ่ยหนิงไปที่เมืองหลวงแดนเทพ เดิมทีท่านย่าของตระกูลเก๋อจะใช้โอกาสนี้พูดคุยเรื่องแต่งงานให้กับเหล่าคุณหนูตระกูลเก๋อ นางจึงพาเหล่าคุณหนูไปด้วยดังนั้นจื่ออวิ๋นจึงเคยพบกับพวกคุณชายจากตระกูลที่มีชื่อเสียงที่ยังมิได้แต่งงาน ในงานเลี้ยงชมบุปผาที่ทางด้านตระกูลเก๋อเป็นผู้จัดขึ้น เฉียวไป๋ก็มาเช่นกัน จื่ออวิ๋นเคยได้พบกับเขาแล้วในเวลานั้นจื่ออวิ๋นยังเคยบอกเก๋อฮุ่ยหนิงด้วยว่า เฉียวไป๋เหมาะกับเก๋อฮุ่ยหนิงมาก ทั้งคู่อายุใกล้เคียงกัน และเฉียวไป๋ก็หน้าตาหล่อเหลาด้วยเพียงแต่เมื่อดูจากภูมิหลังทางครอบครัวของตระกูลเก๋อแล้ว แม้แต่คุณหนูที่เป็นลูกสาวถูกต้องตามกฎหมายก็มิอาจเอื้อมถึงตระกูลเฉียวได้ ยิ่งมิต้องพูดถึงเก๋อฮุ่ยหนิงที่เป็นลูกสาวของอนุภรรยาเลยในตอนนั้นแม้ว่าเก๋อฮุ่ยหนิงจะชื่นชอบเฉียวไป๋เช่นกัน แต่ด้วยฐานะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว จึงมิอาจเอื้อม และมิได้เอามาใส่ใจแต่จื่ออวิ๋นไหนเลยจะคาดคิดว่า เฉียวไป๋คุณชายตระกูลขุน
เงื่อนไขที่เก๋อฮุ่ยหนิงต่อรองกับหลิงอวี๋คือ หลังจากที่หลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้กระต่ายแล้ว หากว่ากระต่ายตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ ข้าหลวงเก๋อก็จะต้องปล่อยลูกชายของหมอเถาไป“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว! แต่ท่านพ่อบอกว่าเขาจะต้องได้เห็นกระต่ายมีชีวิตอยู่เท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่มีทางปล่อยตัวคนไปแน่!”เก๋อฮุ่ยหนิงกลับมาแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋ “ถึงอย่างไรเจ้าก็มั่นใจในทักษะการแพทย์ของเจ้าเองมากอยู่แล้วมิใช่หรือ เช่นนั้นรออีกสักวันก็มิเป็นอะไรหรอก!”หลิงอวี๋มองออกว่าเก๋อฮุ่ยหนิงพยายามเต็มที่แล้ว นางจึงพยักหน้ากระทั่งเก๋อฮุ่ยหนิงให้นางรับใช้ไปหากระต่ายมา หลิงอวี๋กับเสี่ยวซิ่งก็นำอุปกรณ์ที่ต้องการออกมา แล้วผ่าท้องกระต่ายต่อหน้าเก๋อฮุ่ยหนิงกระต่ายถูกโอสถหมาฝู่ส่านทำให้สลบไป และทักษะที่ชำนาญของหลิงอวี๋ก็ทำให้เก๋อฮุ่ยหนิงยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น นางรู้สึกว่าหลิงอวี๋จะต้องรักษาท่านย่าของตนได้อย่างแน่นอนกระทั่งหลิงอวี๋เย็บท้องของกระต่ายเรียบร้อยแล้ว และฤทธิ์ของโอสถหมาฝู่ส่านหมดลง เมื่อเก๋อฮุ่ยหนิงเห็นกระต่ายฟื้นขึ้นมา นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็อยากจะรีบไปบอกข่าวนี้กับท่านย่า“คุณหนูสาม มันดึกแล้ว ค
ทันทีที่เก๋อฮุ่ยซินได้ยินว่า เก๋อฮุ่ยหนิงคิดจะสะสางให้ตนใสสะอาด นางก็ตะโกนขึ้นมา “เจ้าอย่าได้พูดให้น่าฟังไปหน่อยเลย ใคร ๆ ก็รู้ความในใจของเจ้ากันทั้งนั้นว่าเจ้าชื่นชอบคุณชายจ้าว…”“พอแล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นการที่สองพี่น้องแย่งสามีคนเดียวกันเช่นนี้ จะปกปิดก็ยังมิทัน แต่เก๋อฮุ่ยซินกลับตะโกนออกมาต่อหน้าคนนอก นี่ยังน่าอับอายมิพออีกหรือ?“เก๋อฮุ่ยซิน เจ้าออกไปเสีย!”ฮูหยินผู้เฒ่าดุด้วยความโกรธ “เจ้าถูกกักบริเวณหนึ่งเดือน หากเจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้า สินสอดของเจ้าจะลดลงกึ่งหนึ่ง!”เก๋อฮุ่ยซินรู้สึกว่าชีวิตของนางกำลังถูกบีบขึ้นมาทันที นางจึงตะโกนออกไปด้วยความร้อนรน “ท่านย่า ข้าทำเพื่อท่านจริง ๆ ท่านจะเชื่อคำพูดของเก๋อฮุ่ยหนิงกับหมอหญิงผู้นี้มิได้เป็นอันขาดนะเจ้าคะ!”ฮูหยินผู้เฒ่าก็จ้องมองนางอย่างเย็นชา “หากเจ้าพูดออกมาอีกคำ สินสอดของเจ้าจะหายไปทั้งหมด!”เก๋อฮุ่ยซินตกใจจนต้องปิดปากไว้พลันน้ำตาคลอ และวิ่งออกไปร้องไห้ด้วยความคับข้องใจเก๋อฮุ่ยหนิงแอบรู้สึกยินดีอยู่ในใจ แต่นางมิกล้าแสดงท่าทีใด ๆ ออกไป จึงยังคงเช็ดน้ำตาอย่างเสียใจต่อไป“หนิงเอ๋อร์ ย
หลิงอวี๋มิรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเคยถามคำถามเดียวกันนี้กับหมอคนอื่นมาก่อนแล้ว และทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิเหมาะที่จะเดินทางไกลไปรับการรักษาที่เมืองหลวงแดนเทพหมอเถาถึงกับเคยบอกอ้อม ๆ ว่าฮูหยินผู้เฒ่านั้นอาจจะตายระหว่างทางก็เป็นได้ส่วนข้าหลวงเก๋อแม้ว่าจะมีอำนาจและอิทธิพล แต่ก็มิสามารถเชิญหมอที่มีชื่อเสียงจากเมืองหลวงแดนเทพมาได้เนื่องจากหมอที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นก็เป็นดังที่เก๋อฮุ่ยหนิงบอก พวกเขาล้วนสูงส่ง จำเป็นต้องไปขอร้องถึงหน้าประตูและจ่ายเงินก้อนโตก่อนจึงจะยอมรักษาหากมิให้หลิงอวี๋รักษานาง ในเมืองจงกวนจะไม่มีใครที่สามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่านี้ได้ และหากเป็นเช่นนั้นก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้นฮูหยินผู้เฒ่ายังใช้ชีวิตอยู่มิเพียงพอ แล้วจะทำใจจากไปเช่นนี้ได้อย่างไรแต่จะให้หลิงอวี๋ผ่าท้องของตน ฮูหยินผู้เฒ่าก็กลัวอีกหลิงอวี๋มองออกถึงความขัดแย้งในใจของฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงเอ่ยออกไป “ฮูหยินผู้เฒ่า ยังมีวิธีที่ประนีประนอมกันได้เจ้าค่ะ…”เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินดังนั้น นางก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที “หมอเจียง วิธีประนีประนอมอย่างไร เจ้าบอกมาเร็วเข้า!”หลิงอวี๋
“มีอาการเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้วหรือเจ้าคะ?”หลิงอวี๋มิได้สนใจนาง แล้วกดต่อพลางเอ่ยถามไปด้วย“ประมาณครึ่งปีแล้ว! แรกเริ่มก็คิดว่าน้ำหนักขึ้นจึงมิได้สนใจนัก แต่หลัง ๆ พุงก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกดไปก็เจ็บจึงได้สนใจขึ้นมา!”แม่นมหลี่ก็มองฮูหยินผู้เฒ่าอย่างปวดใจเช่นกัน นางกังวลว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเจ็บปวดจนหมดสติไปโชคดีที่หลิงอวี๋ตรวจเสร็จแล้ว นางจึงรับผ้าที่นางรับใช้ส่งให้มาเช็ดมือ จากนั้นก็นั่งลงที่ข้างเตียงของฮูหยินผู้เฒ่า“หมอเจียง เจ้ามีวิธีรักษาโรคเช่นนี้ของข้าหรือไม่?”ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปทางหลิงอวี๋อย่างกระวนกระวายหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “โรคของฮูหยินผู้เฒ่านั้น หากได้พบข้าตั้งแต่ป่วยช่วงเดือนสองเดือนแรก กินยาไปมิกี่ชุดก็หายแล้ว!”“แต่ตอนนี้ถุงน้ำในร่างกายโตขึ้นแล้ว หากคิดจะรักษาก็มิใช่ว่าจะทำมิได้ แต่ท่านจะต้องลำบากสักหน่อย!”ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วนางก็เอ่ยอย่างกระวนกระวาย “ลำบากก็ลำบากเถิด ข้าทนความเจ็บปวดได้ แล้วจะทนความยากลำบากมิได้ได้อย่างไร?”หลิงอวี๋ยิ้ม แล้วเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น “ฮูหยินผู้เฒ่า ความยากลำบากที่ข้าบอกนั้น อาจจ
ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด ไม่มีใครคาดคิดว่าหมอหญิงผู้นี้จะมีอารมณ์ร้ายถึงเพียงนี้ อีกทั้งมิคิดว่าเมื่อคุยมิถูกคอกันก็จะเดินจากไปในทันที“น้องสาม เจ้าดูเถิดว่าเจ้าหาหมออะไรมา วางท่าเย่อหยิ่งยิ่งกว่าพวกเราเสียอีก!”เก๋อฮุ่ยซินรู้สึกเหมือนตนเองโดนตบหน้า จึงโกรธจนไปใส่อารมณ์กับเก๋อฮุ่ยหนิงเก๋อฮุ่ยหนิงเหลือบมองหลิงอวี๋ แม้ว่านางจะแปลกใจเล็กน้อยว่า เหตุใดสตรีผู้นี้จึงกล้าเช่นนี้ แต่เมื่อคิดดูอีกที หากเปลี่ยนเป็นตนแล้วต้องมาเผชิญกับความก้าวร้าวของเก๋อฮุ่ยซินเช่นนี้ ตนก็คงทนมิได้เช่นกันนางจึงเอ่ยอย่างใจเย็น “พี่รอง มิแปลกหรอกที่นางจะโกรธ ท่านจะมิทบทวนทัศนคติของท่านสักหน่อยหรือ?”“หมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพเหล่านั้น ผู้ป่วยจะต้องไปขอร้องถึงที่ให้พวกเขาช่วยรักษาให้มิใช่หรือ? หากท่านได้เผชิญหน้ากับหมอที่มีชื่อเสียงเหล่านั้น ท่านจะยังกล้าทำท่าทีก้าวร้าวกับพวกเขาเช่นนี้หรือ?”เก๋อฮุ่ยซินยิ้มเยาะออกมา “ก็พวกเขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว แต่สตรีผู้นี้มิได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ยังจะกล้าหยิบยกขึ้นมาพูดรวมกับหมอที่มีชื่อเสียงได้หรือ?”หลิงอวี๋ถ
ยังมิทันที่เก๋อฮุ่ยซินจะได้เอ่ยคำหวานออดอ้อนให้ฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อมีความสุขอีกครั้ง เก๋อฮุ่ยหนิงก็ยกม่านประตูขึ้นแล้วเดินเข้าไปข้างในเสียงของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนโยนในทันที นางเอ่ยเบา ๆ “ท่านย่า หนิงเอ๋อร์กำลังจะออกไปข้างนอกแล้วก็ได้พบกับหมอเถาเข้า เขาพาหมอมีชื่อเสียงสกุลเจียงมาตรวจรักษาท่านเจ้าค่ะ!”“ท่านย่า หนิงเอ๋อร์เห็นว่าสตรีผู้นั้นดูท่าทางมีความสามารถ จึงตั้งใจที่จะพานางมาให้ท่านย่าดูสักหน่อย...”เก๋อฮุ่ยหนิงยังพูดมิทันจบ เก๋อฮุ่ยซินก็ขัดจังหวะนางขึ้นมาก่อน “น้องสาม นี่เจ้าหมดปัญญาจนไร้หนทางแล้วหรือไร?”“หมอเถามีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยมยังจนปัญญากับโรคของท่านย่าเลย นี่เจ้ากลับไปหาหมอหญิงที่ชื่อเสียงมิเป็นที่รู้จักมา แล้วก็บอกว่านางเป็นหมอที่มีชื่อเสียง ท่านย่ายังมิได้แก่เลอะเลือนดสียหน่อย เจ้าจะหลอกนางได้หรือไร?”เก๋อฮุ่ยหนิงจึงเอ่ยออกไปอย่างมิพอใจ “ท่านย่า พี่รอง มิได้เป็นเช่นนั้นนะเจ้าคะ!”“หนิงเอ๋อร์เห็นว่าท่านย่าเจ็บปวดมากก็รู้สึกแย่ที่มิอาจเจ็บปวดแทนได้! อีกทั้งมีคำกล่าวที่ว่า หากมีคนสามคนเดินมา หนึ่งในนั้นต้องมีคนที่เป็นอาจารย์ของเราได้ แม้ว่าหมอเถาจะเป็นหมอที่มีชื่อ
พวกคนรับใช้หลายคนจึงพุ่งเข้าไปหาหมอเถากันอย่างดุร้าย หลิงอวี๋จึงรีบดึงหมอเถาไปไว้ด้านหลังของนาง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ“พ่อบ้านผิง อย่าได้รังแกกันมากเกินไปนักเลย! หมอเถาครุ่นคิดเรื่องอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหนักหนา หากเขามีสูตรลับจริง ๆ เขาจะมินำออกมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าหรือ?”“ลูกชายของเขาก็ยังอยู่ในกำมือของพวกท่าน ท่านลองคิดอย่างใจเขาใจเราดูเถิดว่า เขาจะคิดว่าสูตรลับสำคัญกว่าลูกชายของตนเองได้หรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหลวงเก๋อยังกำหนดเวลากับหมอเถาไว้สิบวัน ซึ่งตอนนี้ยังมิถึงเวลา เหตุใดเขาจะหาคนมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เล่า!”พ่อบ้านผิงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างโหดร้าย แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “สตรีเช่นเจ้าช่างคารมคมคายและหยิ่งยโสนัก จะมีความสามารถใดมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้กันเชียว!”“ไสหัวไปเสีย อย่ามาถ่วงเวลาพวกเราอยู่ที่นี่!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างมิรีบมิร้อน “พ่อบ้านผิง ข้าจะรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือไม่นั้น ท่านยังมิได้ตรวจสอบก็ปฏิเสธข้าเสียแล้ว หรือว่าใจจริงแล้วท่านมิอยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าหาย จึงได้ขัดขวางทุกวิถีทางเช่นนี้?”สีหน้าของพ่อบ้านผิงเปลี่ยนไปทันที และเขาก็กำลั