“ท่านอ๋องชี้แนะด้วย! เงินเดือนของบ่าว พระชายาค้างมาหลายเดือนแล้ว! บ่าวจะมีเงินที่ไหนไปซื้อหยกแขวนเพคะ!” หลิงผิงฉวยโอกาสนี้ ร้องไห้คร่ำครวญออกมา “ท่านอ๋อง นี่เป็นของพระชายาจริง ๆ เพคะ! แม่นมลี่ปกป้องพระชายา แน่นอนว่าต้องช่วยพระชายาพูด!” “บ่าวรู้ว่าหยกแขวนนี้เป็นของพระชายา นั่นก็เป็นเพราะว่าพระชายาหยิบมันออกมาเล่นอยู่บ่อยครั้ง บ่าวเห็น!” “หากท่านอ๋องมิทรงเชื่อแล้ว ก็สามารถถามหลิงหลานได้ นางเองก็เคยเห็น!” หลิงหลานได้ยินคำนี้เข้า ก็รู้ว่าถึงเวลาที่ตนต้องออกมาแล้ว นางแสร้งทำเป็นขลาดกลัว ก้าวเดินมาเบื้องหน้า มองไปยังหลิงอวี๋อย่างหวาดกลัว ก่อนจะทำท่าทีเอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มใจ “กราบบังคมทูลท่านอ๋อง นี่เป็นของพระชายาจริง ๆ เพคะ บ่าวเองก็เคยพบนางเล่นมันมาก่อน! บ่าวมิกล้าปด!” “ดี! แต่ละคนต่างจงรักภักดีกันจริง ๆ !” หลิงอวี๋ตบมือ นางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้านายถูกทุบตี พวกเจ้าสองคนก็แทบจะทนรอมิได้ที่จะพุ่งไปหาผู้อื่น!” “เจ้านายถูกใส่ร้าย พวกเจ้าแทบจะทนรอมิไหวที่จะใส่ร้าย!” “เฮ่อ แม่เลี้ยงของข้าช่างเลือกคนที่ภักดีให้กับข้า ช่างซื่อสัตย์จริง ๆ !” หลิงอวี๋ที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาอีกด้
หลิงอวี๋ไม่รู้ว่าฉินซานเป็นแม่ทัพตั้งแต่เมื่อใด! กลับรู้มาจากความทรงจำว่า ฉินซานนั้นหลงรักหลิงอวี๋ เขาเต็มใจจะแต่งงานกับหลิงอวี๋! ทว่าเขาและหลิงอวี๋ไม่เคยทำเรื่องที่เกินเลย! เซียวหลินเทียนยิ่งฟัง สีหน้าก็ยิ่งไม่น่ามอง! หลิงอวี๋ตั้งครรภ์เพียงแค่แปดเดือนก็คลอดเสี่ยวเมาออกมา เขาก็สงสัยแล้งว่าเด็กนั้นมิใช่บุตรของตน! ทว่าเขาลอบให้คนตรวจสอบ กลับไม่พบหลักฐานใด! เซียวหลินเทียนนำกำลังพลสู้รบอยู่ด้านนอกจึงไม่มีเวลาไปตรวจสอบให้ละเอียด ในเวลานี้ถูกหลิงผิงเปิดเผยออกมา และก็นึกถึงฉินซานที่มาถึงแม่ทัพทหารม้า ดูแลองครักษ์ติดอาวุธของกองทัพหลวงแล้ว ความคับข้องใจนี้เซียวหลินเทียนกลืนมันลงไปได้แล้ว ฉินซานมีหน้าตาหล่อเหลา ครั้งนี้ออกรบสังหารศัตรูไปอย่างหาญกล้า แม่ทัพทั้งหลายต่างก็ชื่นชมเขา บอกว่าเขามีอนาคตไกล ชายชู้ของหลิงอวี๋กลับกลายเป็นเขา? เช่นนั้นแล้วเสี่ยวเมาเป็นลูกของฉินซานอย่างนั้นหรือ? “หลิงอวี๋ เจ้ายังมีอะไรให้เอ่ยอีกหรือไม่?” เซียวหลินเทียนบีบอัดคำพูดอันเย็นชาลอดไรฟันมา หลิงอวี๋ยิ้มออกมาอย่างเรียบเฉย รู้สึกได้ว่าเซียวหลินเทียนมีความคืบหน้าแล้ว ไม่ได้ฟังคำของหลิงผิงแล้ว
ชิวเหวินซวงที่ฟังอยู่ด้านข้างคอยสังเกตท่าทีของเซียวหลินเทียน เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของเซียวหลินเทียน ชิวเหวินซวงก็สังหรณ์ใจได้ว่าไม่ดีแล้ว! นางมองไปยังหลิงอวี๋ด้วยความตื่นตกใจ! หญิงผู้นี้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป! ก่อนหน้านั้นหลิงอวี๋จะมีคารมคมคายดีอย่างนี้ได้อย่างไรกัน! ชิวเหวินซวงอาศัยที่เซียวหลินเทียนมิได้สังเกตเห็นตน รีบขยิบตาให้กับหลิงหลานและหลิงผิง หลิงผิงถูกคำพูดของหลิงอวี๋ที่ให้ตื่นตะลึงเข้า! นางติดตามหลิงอวี๋มานานถึงเพียงนี้ มิเคยพบว่าหลิงอวี๋จะสามารถเอ่ยออกมาเช่นนี้ได้! นางไม่รู้เลยว่าจะต้องหักล้างหลิงอวี๋กลับจากที่ใด! หลิงหลานสามารถอดกลั้นได้มากกว่าหลิงผิง นางฟังไป พลางทั้งคิดวิธีตอบโต้กลับ เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกำลังจะล่าถอยไป ในใจของหลิงหลานก็เคลื่อนไหวขึ้นมา นึกออกแล้ว! หลิงหลานแสร้งหวาดกลัวเอ่ยออกมา “พระชายา ทำไมท่านถึงได้พูดจาได้เก่งกาจ พวกเราฝีปากไม่ดีสู้ท่านไม่ได้!” “ทว่าความจริงอย่างไรเสียก็คือความจริง! ต่อให้ท่านจะเอ่ยออกมาได้น่าฟังเพียงใด ก็มิอาจปิดบังความจริงที่ท่านทรยศท่านอ๋องไปได้!” “ท่านอ๋อง… พวกบ่าววันนี้ต่อให้จะต้องออกไป!” “เพื่อไ
อย่ารังแกเด็กและคนจน! อย่าบีบบังคับผู้คนขึ้นเขาเหลียงซาน!(1) เพราะว่าเจ้าจะไม่มีทางรู้เลยว่า คนที่สิ้นหวังหมดหนทางแล้วจะระเบิดพลังอันน่าตื่นตกใจเพียงใดออกมา หลิงอวี๋ได้ยินเสียงร้องเรียกเสียดแทงหัวใจของเสี่ยวเมา ก็เหมือนราวกับถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง นางจ้องมองไปยังเซียวหลินเทียนอย่างดุร้าย ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเข้มที่นั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าหล่อเหลาสูงส่งราวกับเทพเจ้า ผู้ควบคุมอำนาจแห่งความเป็นตายเอาไว้! ต่อให้เขาจะใช้แรงเพิ่มมากขึ้น นางหลิงอวี๋ก็จะสู้จนสุดแรงจนกว่าจะตายไป! หลิงอวี๋คนก่อนหน้านั้นตายไปในมือของเซียวหลินเทียนแล้วครั้งหนึ่ง! หรือว่าครั้งนี้ ชีวิตของนางเองก็จะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเขาอีกครั้ง! ไม่! ไม่ควรจะมีจุดจบเช่นนี้! ดวงตาคู่งามของหลิงอวี๋ระเบิดความดื้อรั้นของนางในชาติที่แล้วออกมา! ชายสารเลว เจ้าไม่ยอมให้ข้าได้มีชีวิตดี ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นนั้นก่อนที่ข้าจะตาย ก็จะต้องลากเจ้าลงนรกไปด้วย! หลิงอวี๋คลำมีดผ่าตัดที่แอบเอาไว้ตรงช่วงเอว ไม่สนใจแส้ที่พันอยู่ตรงลำคอ กระโจนไปยังเบื้องหน้าอย่างแรง... ปลายมีดที่แหลมคมตกลงบนลำคอของเซียวหลินเทียน นางกร
หลิงอวี๋ไม่ได้ป้องกันเลยแม้แต่น้อย ถูกทุบตีไปเช่นนี้จนกระเด็นลอยออกไป พลันพ่นเลือดออกมาพลางอากาศ “ปัง!” ร่างกายที่ผอมบางของหลิงอวี๋กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ก่อนจะกระอักเลือดสดออกมาเป็นจำนวนมาก! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างพังทลายลง ดวงตามือดำ แล้วสลบไป เรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้เร็วเกินไป เร็วจนแม้แต่เซียวหลินเทียนเองก็ไม่ทันได้คาดคิด เขาและทุกคนต่างพากันตกตะลึง มีเพียงชิวเฮ่าเท่านั้นที่คุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่ง เอ่ยยอมรับผิดอย่างสงบนิ่ง “ท่านอ๋องได้โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วย! สถานการณ์เร่งด่วน ข้าน้อยเกรงว่าหลิงอวี๋ที่คลุ้มคลั่งจะปลงพระชนม์ท่านเข้า จึงได้ฉวยโอกาสจัดการนาง! ข้าน้อยยินดีรับโทษผิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ท่านอ๋อง ท่านพี่เองก็ทำอะไรมิได้เช่นกันเพคะ! เมื่อครู่นี้ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจ...ต่างก็พากันคิดว่าพระชายาปลงพระชนม์ท่านอ๋อง!” ชิวเหวินซวงรีบวางเสี่ยวเมาลง คุกเข่าลงด้านหน้าของเซียวหลินเทียนเพื่อร้องขอชีวิต เซียวหลินเทียนเม้มริมฝีปาก ชิวเฮ่ามีใจปกป้องเจ้านาย เขาจะกล่าวโทษชิวเฮ่าได้อย่างไร! เขามองไปยังหลิงอวี๋ที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น จู่ ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ยกมือข
หลิงอวี๋ไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นางมาที่ใดกัน?นางหันไปมองรอบ ๆ ก็มองเห็นสมุนไพรหลายชนิดที่เติบโตในหมู่วัชพืช ด้านบนนั้นยังมีดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงอยู่สองสามดอกสมุนไพรเหล่านั้นดูคุ้นตา…หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปอย่างยากลำบากไม่ผิดแน่ เป็นที่แห่งนั้นที่นางและปู่ไปขุดค้นหญ้าวานรมาจากทางตอนใต้!ว่ากันว่า ลิงจะได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จะนำสมุนไพรชนิดนี้คาบเอาไว้ในปาก สามารถเสริมสร้างกระดูก สร้างเส้นเอ็น และผิวหนังน่าเสียดายที่ในตอนนั้นพวกเขาขุดมาเพียงแค่ไม่กี่ต้นเท่านั้นเมื่อกลับมา คุณปู่เป็นเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตไปทันทีรอจนเมื่อหลิงอวี๋ฟื้นคืนจากความเจ็บปวด ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว หญ้าวานรนั่นและกระเป๋าเดินทางหายไปเพราะอุบัติเหตุ…ไม่คิดเลยว่าจะยังพบเห็นได้ที่นี่ฟ้าไม่ได้ลืมข้า!หลิงอวี๋ไม่สนใจอะไรมากนัก ดึงหญ้าวานรออกมาสองต้น ขยี้มันแล้วยัดใส่ปากหวังว่าหญ้าวานรจะมีผลชุบชีวิตขึ้นมาจริง ๆ !หลิงอวี๋เคี้ยวหญ้าวานรที่ทั้งขมและฝาด ก่อนจะผล็อยหลับไปและไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่…“ท่านแม่…”มือเล็กร้อนคู่หนึ่งลูบลงบนใบหน้าของหล
หลิงอวี๋ทำการรักษาซ่อมแซมตรงส่วนกระดูกซี่โครงให้เสี่ยวเมาอีกครั้ง นี่เป็นเพียงแค่การแก้ไขเท่านั้น นางจึงไม่ได้ใช้ยาชากับเสี่ยวเมาเสี่ยวเมาก็ทนเจ็บให้หลิงอวี๋รักษาให้อย่างว่าง่ายเขาไม่มีการร้องใด ๆ ทำเพียงแค่กัดฟันทนไป ปล่อยให้เหงื่อเย็น ๆ หยดลงมาหลิวอวี๋เห็นแล้วก็ปวดใจ แต่ก็แอบชื่นชมอยู่ด้วยเด็กผู้นี้ ยังเด็กแค่นี้ก็สามารถอดทนได้ถึงเพียงนี้ เติบโตไปจะต้องเป็นผู้ชายที่มีอนาคตที่ดีแน่นอน!“ถ้าหากเจ็บมาก เจ้าก็ร้องออกมาเถอะ แม่ไม่หัวเราะเยาะเจ้าหรอก!” นางพูดปลอบใจ“ข้าไม่เจ็บขอรับ!”เสี่ยวเมาพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ท่านแม่ต่างหากที่เจ็บ พวกเขาหวดแส้ใส่ท่านแม่ตั้งห้าสิบแซ่! ท่านแม่ไม่ร้องเลยสักแอะ! เสี่ยวเมาก็จะไม่ร้องเช่นกัน! ”“เสี่ยวเมาอยากเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ท่านลุงปี้บอกว่า ผู้ใหญ่ที่จิตใจเด็ดเดี่ยว เมื่อได้รับบาดเจ็บจะไม่มีทางร้องไห้!”หลิงอวี๋หัวเราะ เจ้าเด็กนี่ ช่างเข้มแข็งนัก!ผู้ชายเฮงซวยอย่างเซียวหลินเทียนผู้นั้น มีลูกชายเช่นนี้ไม่รู้สึกรู้จักภูมิใจ แถมยังไปใจดำสงสัยเขาอีก!ไม่ช้าก็เร็วคนเลวอย่างเซียวหลินเทียนก็จะต้องเสียใจ!ว่าแต่ท่านลุงปี้นี่คือใครกัน?
แม่นมลี่กับหลิงซินเข้าห้องมาเห็นหลิงอวี๋ดูสบายดี กำลังนอนคุยกับเสี่ยวเมาอยู่บนเตียง พวกนางก็ตกตะลึงไป“ฮือ ๆ ...สวรรค์คุ้มครองจริง ๆ ! พระชายาไม่เป็นอะไร! ประเดี๋ยวพวกบ่าวจะไปวัด ไปเพิ่มเงินค่าน้ำมันหอมเสียหน่อยเจ้าค่ะ...”ภายใต้อาการตกใจของแม่นมลี่ นางก็พนมมือ ร้องไห้ขอบพระคุณเทพเจ้าทุกองค์ไปด้วยหลิงอวี๋มองเห็นผ้าเปื้อนเลือดที่พันอยู่บนหัวของแม่นมลี่ ในตอนนั้น แม่นมลี่คำนับต่อเซียวหลินเทียนเพื่อขอร้องให้เขาปล่อยตัวเธอไป!การบาดเจ็บนี้มันเกิดขึ้นจากครั้งนั้นเพื่อนในยามทุกข์ยากนั้นคือเพื่อนแท้ แม่นมลี่ปฏิบัติต่อนางเทียบเท่าแม่แท้ ๆ ของนางได้แล้ว!“แม่นมลี่ เจ้าไม่ได้ติดแผ่นปิดแผลที่ข้าให้เจ้าไปรึ?” หลิงอวี๋จำได้ว่าตัวเองให้อผ่นปิดแผลนางไปสองอันนะติดแผ่นปิดแผลบาง ๆ หนึ่งอันก็พอแล้ว!“แผ่นปิดแผลที่เหลือถูกหลิงหลานแย่งไปให้หลิงผิงแล้วเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่บอกอย่างแค้นเคือง“นางชั้นต่ำนั่น แย่งแผ่นปิดแผลของข้าไป!”“บ่าวขอให้นางเอาอาหารให้พวกเรา แต่นางไม่ให้ ทั้งยังสาปแช่งพระชายาอีก บอกว่าไม่ช้าก็เร็วพระชายาก็ต้องตาย อย่าได้ไปสิ้นเปลืองอาหารเลย!”หลิงอวี้หรี่ตาลง อาหารที่นางได้กิน
“ไปให้พ้น เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าคิดจะนำหนังสือบัญชีปลอมมาหลอกพวกเรารึ? วันนี้มีเพียงพวกเราต้องได้เห็นหนังสือบัญชีหนี้สินของพวกเรากับตาเท่านั้นจึงจะเชื่อ!”หลงจิ้งใช้บานประตูเป็นอาวุฟาดไปทางผู้ดูแลเฝิงเมื่อผู้ดูแลเฝิงเห็นว่าหลงจิ้งมีท่าทีคุกคามก็แค้นจนอยากจะฟาดเขาให้ตายในทีเดียวแต่ตัวตนของหลงจิ้งสูงส่ง อย่าว่าแต่จะสังหารเขาเลย แม้ว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บก็คาดว่ามิถึงครึ่งชั่วยามทหารจากจวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็คงจะมาล้อมบ่อนไว้แล้วผู้ดูแลเฝิงชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบให้ จากนั้นหลงจิ้งก็นำทุกคนพุ่งเข้าไปในห้องบัญชีห้องบัญชีของบ่อนพนันมิได้มีเพียงนักบัญชีคนเดียว แต่มีอยู่เจ็ดแปดคน เมื่อพวกเขาเห็นคนมากมายถึงเพียงนี้พุ่งเข้ามา ทุกคนพากันตกตะลึง นี่มันเกิดเรื่องกระไรขึ้น?“เย่หรง ประเดี๋ยวฉวยโอกาสตอนชุลมุนจุดไฟเผาไปเสีย!”หลงจิ้งสั่งการเย่หรงอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบต่อ “ข้ารู้สถานที่ที่พวกเขาเก็บขี้ผึ้งหอมไว้ เจ้าจุดไฟเผาที่นี่เสีย ส่วนข้าจะไปแอบจุดไฟเผาสถานที่เก็บขี้ผึ้งหอม!”“เช่นนี้ทุกคนก็จะไม่มีขี้ผึ้งหอมไว้สูบ แล้วก็จะรู้ถึงอันตรายของขี้ผึ้งหอม ทำเช่นนี้ได้ผลก
เมื่อเหล่าคุณชายที่มายืนดูได้ยินจำนวนนี้ ต่างก็ตกใจกันไปหมดแม้ว่าคนที่สามารถมาเล่นการพนันที่บ่อนสำนักซิงหลัวได้นั้นจะล้วนเป็นพวกที่อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย แต่มิว่าเงินของตระกูลใครก็มิได้ปลิวมาตามสายลม หากเป็นหนี้มากเกินไป จะไปอธิบายให้คนในบ้านฟังอย่างไรเล่า?“ผู้ดูแลเฝิง เจ้าคำนวณให้ข้าทีว่าข้าเป็นหนี้พวกเจ้าอยู่เท่าไร?”คุณชายคนหนึ่งเป็นผู้นำเอ่ยถามขึ้นมาก่อน จากนั้นคุณชายคนอื่น ๆ ก็พากันซักถามผู้ดูแลเฝิงผู้ดูแลเฝิงรู้สึกปวดหัวจัด เรื่องนี้จะสามารถบอกพวกเขาได้หรือ?คนมากมายถึงเพียงนี้ หากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าใด คาดว่าคืนนี้บ่อนแห่งนี้คงได้ถูกพวกเขาทำลายเป็นแน่“ไยเล่า เจ้ามิกล้าบอกรึ?”เย่หรงตะโกนออกมาเสียงดัง “ทุกคนดูท่าทางของเขาเถิด หากมิได้โกง แล้วจะทำหน้ามีพิรุธเยี่ยงนี้หาปะไร?”“ให้เจ้าสำนักของพวกเจ้าออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่า เป็นสำนักซิงหลัวที่โกง หรือว่าผู้ดูแลเฝิงปลอมแปลงบัญชีกันแน่?”เมื่อคุณชายเหล่านั้นเห็นว่าผู้ดูแลเฝิงสีหน้ามิสู้ดีก็รู้ดีแก่ใจแล้ว พวกเขาคงจะเป็นหนี้มากเกินไปจนผู้ดูแลเฝิงมิสะดวกพูดในยามนี้เป็นแน่“ผู้ดูแลเฝิง ไปเรียกเจ้าส
เย่หรงเห็นว่าหลงจิ้งยิ่งแสดงยิ่งสมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ คาดมิถึงว่าท่านชายผู้สง่างามเช่นหลงจิ้งจะมีด้านนี้ด้วย!โชคดีที่หลงจิ้งมาด้วยตนเอง มิฉะนั้นตนก็คงคิดวิธีการก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้มิออกหรอก“ไปนำหนังสือบัญชีมา มิฉะนั้นข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าหลอกลวง!”เย่หรงก็เอ่ยข่มขู่ตามไปด้วย“ผู้คุ้มกันหลิน หากไปแจ้งทางการเจ้ามิกลัวว่าคุณชายของเจ้าจะถูกเจ้าแห่งทิศใต้ลงโทษเอาหรือ?”ผู้ดูแลเฝิงเผชิญหน้ากับคำขู่ของเย่หรงแล้วหัวเราะเยาะออกมา เมื่อเห็นว่าหลงจิ้งพุ่งเข้ามาหาตนอีกครั้ง เขาก็ถอยหนีไปที่หน้าประตู“เจ้าไปเกลี้ยกล่อมคุณชายของเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า สำนักซิงหลัวของข้ากล้าเปิดบ่อนในเมืองหลวงแดนเทพเช่นนี้ก็ย่อมมิใช่คนที่จะมารังแกได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว!”ผู้ดูแลเฝิงยิ้มเย็นชา “พวกเจ้าไปพักผ่อนอยู่ในห้องก่อนเถิด รอให้คุณชายของเจ้ามีสติเต็มที่แล้วข้าค่อยมาคุยกับเขาอีกที!”หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลเฝิงก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป“จัดการมัน!”หลงจิ้งทำท่าทางให้เย่หรง จากนั้นก็เดินนำไปเตะที่ประตู“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากลับมาคุยกับข้าให้ชัดเจน อย่าแม้แแต่จะคิดหนี!”ผู้
ผู้ดูแลเฝิงยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างปลอบโยน “คุณชายสามอย่าได้ร้อนใจ พวกเราจะคิดไปรายงานกับบิดาของท่านได้อย่างไรกัน! พวกเรามีความลำบากจริง ๆ จึงได้ต้องจำกัดการจำหน่าย! หวังว่าคุณชายสามจะเข้าใจขอรับ!”หลงจิ้งมีใบหน้าเศร้าหมอง ดูคล้ายว่าจะถูกผู้ดูแลเฝิงทำให้หงุดหงิดเสียแล้ว “ข้าเองก็อยากจะรู้อยู่พอดีว่าข้าเป็นหนี้สำนักซิงหลัวอยู่เท่าไร เจ้าไปคำนวณให้ข้าก่อนแล้วกัน!”“เช่นนั้นข้าน้อยจะไปตรวจสอบที่ห้องบัญชีดูขอรับ!”ผู้ดูแลเฝิงมิอาจโต้แย้งกับหลงจิ้งได้ จึงเดินออกไปอีกครั้งหลงจิ้งมองขี้ผึ้งหอมบนโต๊ะแล้วเอ่ยกับเย่หรงอย่างสบาย ๆ “หยิบขี้ผึ้งหอมกับกล้องสูบยามาให้ข้าที!”เย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นหลงจิ้งขยิบตาให้ตน ก็เข้าใจทันทีแล้วยื่นขี้ผึ้งหอมและกล้องสูบยาให้กับเขาหลงจิ้งจุดไฟแล้วแสร้งทำเป็นสูบเข้าไปสองสามครั้ง เขามิได้สูบเข้าไปจริง ๆเมื่อได้กลิ่นของขี้ผึ้งหอม หลงจิ้งต้องใช้ความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพื่อต้านทานแรงดึงดูดของกลิ่นหอมนี้ที่มีต่อตนเขาปล่อยให้ตนจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากอาการติดยากำเริบ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา เมื่อต้องเผชิ
ในขณะที่พวกของเซียวหลินเทียนและเผยอวี้ติดอยู่ในตำหนักใต้ดิน เย่หรงและหลงจิ้งก็เข้าไปในบ่อนพนันของสำนักซิงหลัวได้อย่างราบรื่นแล้วเนื่องจากสถานะของหลงจิ้งคือแขกผู้มีเกียรติ เย่หรงที่อยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงดูราวกับว่าเป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงได้รับการต้อนรับให้เข้าไปอย่างราบรื่นก่อนหน้านี้เย่หรงก็เคยไปที่บ่อนพนันสำนักซิงหลัว ทั้งยังเคยเล่นการพนันที่นั่นอยู่สองสามครั้งด้วย แต่เนื่องจากบรรดาแขกที่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน พวกเขาจึงเป็นเช่นเดียวกับเย่ซวินที่เมื่อเจอเย่หรงก็จะเยาะเย้ยทุกครั้งหลังจากนั้นเย่หรงก็มิกลับมาอีกเลยบ่อนพนันใหญ่โตมาก และคนที่มาต้อนรับพวกเขาก็คือผู้ดูแลเฝิง เขาเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบกว่าปีเมื่อก่อนเย่หรงก็รู้จักเขาเช่นกัน บุรุษผู้ไว้หนวดจิ๋มผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเฉียบคม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นตัวตึงคนหนึ่ง“สองวันที่ผ่านมาคุณชายสามมีธุระหรือ? ไฉนมิแวะเวียนมาที่บ่อนบ้างเล่าขอรับ?”ผู้ดูแลเฝิงเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มตาหยีคำพูดเหล่านี้แฝงด้วยกับดัก ระหว่างทางที่มาหลงจิ้งก็คิดไว้แล้ว เดิมทีเมื่อวานตนควรจะต
“ฉินซาน เจ้าเห็นอะไรหรือไม่?”เซียวหลินเทียนมองไปทางฉินซานอย่างให้กำลังใจ เมื่อครู่ฉินซานค่อนข้างท้อแท้กับความสามารถของตนเอง เซียวหลินเทียนจึงอยากใช้สิ่งนี้กระตุ้นความมั่นใจของฉินซานฉินซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ชี้ไปที่แผนที่พลางเอ่ยออกมา “ในผังภาพหยินหยางมีเส้นอยู่สองเส้น เส้นหยินเริ่มจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเส้นหยางเริ่มจากทิศตะวันออก”“หากเส้นหยินเคลื่อนที่ไปตามนี้แสดงว่าหยินแข็งแกร่งหยางอ่อนแอ และหากเส้นหยางเคลื่อนที่ไปทิศทางนี้ก็แสดงว่าหยางแข็งแกร่งหยินอ่อนแอ”“กลไกที่พวกเราผ่านมาได้เมื่อครู่นี้หากอิงตามผังแปดทิศ ถูกแบ่งและเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของมัน กลไกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบของผังแปดทิศ หากพวกเราเดินไปที่กลไกในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะง่ายหน่อย ทว่าหากเป็นตำแหน่งทิศตะวันออก ก็จะมีกับดักกลไกอันตรายทุกย่างก้าว!” เมื่อเผยอวี้ ลู่หนานและคนอื่น ๆ ได้ฟังเช่นนั้นก็ต่างรู้สึกสับสนกันไปหมดลู่หนานจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ “แล้วทำอย่างไรพวกเราจึงจะแยกแยะตำแหน่งของทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออกให้ชัดเจนได้เล่า มิใช่ว่าเดินไปตามนี้หรือ? มีโอกาสเลือกได้ที่ไหนกั
ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็เคยเห็นวิชากลไกที่เจ้าตำหนักปีกเงินคนก่อนรวบรวมไว้เช่นกัน เขาได้ทำการศึกษาพร้อมกับฉินซานและผ่านไปได้หลายด่านโดยไม่มีอันตรายใด ๆแต่ก็เป็นดังเช่นที่หุ่นไม้เตือน ด่านต่อ ๆ ไปจะยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากเผยอวี้และเซียวหลินเทียนแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนจะถูกกลไกหลอกในระดับที่ต่างกันผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดก็คือจ้าวซวน เขาเกือบจะถูกกลไกตัดแขนขาดครึ่งหนึ่ง ทว่าเซียวหลินเทียนเห็นว่าสถานการณ์มิดี จึงพุ่งเข้าไปแล้วใช้กระบี่คุนอู๋ตัดกลไกได้ทันกาล สุดท้ายก็ช่วยจ้าวซวนออกมาได้แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จ้าวซวนก็ถูกเฉือนจนเนื้อหนังเปิดอย่างน่าสยดสยอง และเลือดก็ยังคงไหลมิหยุดด้วยเผยอวี้รีบหยิบโอสถสมานแผลออกมาเทลงบนมือของจ้าวซวนจนหมดขวด แต่ก็ต้องใช้โอสถสมานแผลถึงสองขวดจึงจะห้ามเลือดที่แขนของจ้าวซวนได้เซียวหลินเทียนเห็นว่ายังเดินกันมิถึงครึ่งทางของตำหนักใต้ดิน แต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ได้รับบาดเจ็บกันแล้ว ในใจจึงแอบด่าทอเจ้าสำนักซิงหลัวคนก่อนว่าช่างวิปริตเสียจริง ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วหรือไร ถึงได้ต้องมาทำของอันตรายร้ายกาจเยี่ยงนี้!แต่ก็เพราะตำหนักใต้ดินอันตราย คนชุดขาวจ
ลู่หนานไปสำรวจเส้นทางข้างหน้ามาแล้ว ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกไว้ว่า กลไกในตำหนักใต้ดินนั้นซับซ้อนมาก และบอกพวกเขาว่าอย่าไปเสี่ยงง่าย ๆลู่หนานเดินไปจนถึงทางเลี้ยว เขาทำตามคำสั่งของเซียวหลินเทียน เมื่อเขาเห็นประตูบานหนึ่งจึงมิกล้าเข้าไปเขายืนอยู่ห่างจากหน้าประตูสองสามเมตร และพยายามตรวจดูว่าบริเวณโดยรอบมีกับดักหรือไม่แต่พื้นถนนตรงหน้าประตูกับตรงที่ที่เขายืนอยู่นั้นเป็นแบบเดียวกัน ล้วนปูด้วยแผ่นหินชนวน ดูแล้วก็หาได้มีสิ่งใดผิดปกติไม่และประตูบานนั้นก็ดูคล้ายกับว่าฝังอยู่ในผนังอุโมงค์ ไม่มีช่องว่างเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งประตูที่หนักอึ้งทั้งสองบานก็ประกบเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา มิได้มีช่องว่างใดด้วยลู่หนานเคลื่อนไหวไปช้า ๆ แต่เดินไปได้เพียงหนึ่งเมตร จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าที่ใต้เท้าว่างเปล่า แล้วแผ่นหินชนวนก็แยกออกจากกัน จากนั้นลู่หนานก็รู้สึกว่าร่างกายของตนตกลงไปเขาตกใจมากจึงกระโดดขึ้นไปจนหัวกระแทกกับเพดานถ้ำ จากนั้นก็มีลูกศรลับนับมิถ้วนพุ่งออกมาจากผนังทั้งสองด้านโชคดีที่ลู่หนานเป็นคนตาไวมือไว จึงเบี่ยงตัวหลบแล้วไถลตัวกลับไปได้ทันกาลแต่ถึงกระนั้น ที่ไหล่ของลู่หนานก็ถูกลูกศรยิ
“สหายหวงฝู่ ข้าขอแนะนำว่าเจ้าเองก็อย่าได้ตกลงตามเงื่อนไขของเขา!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “แม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องพิษของลูกสาวเจ้า แต่คนที่แม้แต่ใบหน้าที่แท้จริงก็ยังมิกล้าเปิดเผยออกมาเช่นนี้ เจ้าจะเชื่อคำสัญญาของเขาได้หรือ?”“แม้ว่าเขาจะรับปากว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่เมื่อฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา เขาจะลืมความแค้นที่เมื่อนั้นบรรพบุรุษของเจ้าแช่แข็งเข้าไว้ใต้ภูเขาหิมะได้หรือ?”“จากที่ข้าเห็น เขาก็แค่มิกล้าบุกเข้ามาในตำหนักใต้ดิน ก็เลยจงใจล่อลวงเจ้า!”“สหายหวงฝู่ คนชุดขาวผู้เดียวก็เก่งกาจเช่นนี้แล้ว หากฝูไห่ถูกปล่อยตัวออกมา ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ผู้ใดกันที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้? กลัวก็แต่เมื่อถึงกาลนั้น คนที่ตายจะมิใช่เพียงแค่พวกเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราษฎรนับล้านในแดนเทพอีก!”ความเป็นความตายของคนเหล่านั้นเกี่ยวอะไรกับข้าเล่า!หวงฝู่หลินเกือบจะหลุดพูดคำนี้ออกไปแล้ว แต่เมื่อหันไปเห็นปี้ซง หวงฝู่หลินก็พูดเช่นนี้มิออกปี้ซงและเหล่าทาสในวังเทพ มีหลายคนที่อยู่กับตนมาตั้งแต่เด็ก แล้วเขาจะบอกว่ามิต้องไปสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นได้หรือ?หากเป็นเช่นนี้ ตนยังนับว่าเป