หลิงอวี๋ไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นางมาที่ใดกัน?นางหันไปมองรอบ ๆ ก็มองเห็นสมุนไพรหลายชนิดที่เติบโตในหมู่วัชพืช ด้านบนนั้นยังมีดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงอยู่สองสามดอกสมุนไพรเหล่านั้นดูคุ้นตา…หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปอย่างยากลำบากไม่ผิดแน่ เป็นที่แห่งนั้นที่นางและปู่ไปขุดค้นหญ้าวานรมาจากทางตอนใต้!ว่ากันว่า ลิงจะได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จะนำสมุนไพรชนิดนี้คาบเอาไว้ในปาก สามารถเสริมสร้างกระดูก สร้างเส้นเอ็น และผิวหนังน่าเสียดายที่ในตอนนั้นพวกเขาขุดมาเพียงแค่ไม่กี่ต้นเท่านั้นเมื่อกลับมา คุณปู่เป็นเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตไปทันทีรอจนเมื่อหลิงอวี๋ฟื้นคืนจากความเจ็บปวด ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว หญ้าวานรนั่นและกระเป๋าเดินทางหายไปเพราะอุบัติเหตุ…ไม่คิดเลยว่าจะยังพบเห็นได้ที่นี่ฟ้าไม่ได้ลืมข้า!หลิงอวี๋ไม่สนใจอะไรมากนัก ดึงหญ้าวานรออกมาสองต้น ขยี้มันแล้วยัดใส่ปากหวังว่าหญ้าวานรจะมีผลชุบชีวิตขึ้นมาจริง ๆ !หลิงอวี๋เคี้ยวหญ้าวานรที่ทั้งขมและฝาด ก่อนจะผล็อยหลับไปและไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่…“ท่านแม่…”มือเล็กร้อนคู่หนึ่งลูบลงบนใบหน้าของหล
หลิงอวี๋ทำการรักษาซ่อมแซมตรงส่วนกระดูกซี่โครงให้เสี่ยวเมาอีกครั้ง นี่เป็นเพียงแค่การแก้ไขเท่านั้น นางจึงไม่ได้ใช้ยาชากับเสี่ยวเมาเสี่ยวเมาก็ทนเจ็บให้หลิงอวี๋รักษาให้อย่างว่าง่ายเขาไม่มีการร้องใด ๆ ทำเพียงแค่กัดฟันทนไป ปล่อยให้เหงื่อเย็น ๆ หยดลงมาหลิวอวี๋เห็นแล้วก็ปวดใจ แต่ก็แอบชื่นชมอยู่ด้วยเด็กผู้นี้ ยังเด็กแค่นี้ก็สามารถอดทนได้ถึงเพียงนี้ เติบโตไปจะต้องเป็นผู้ชายที่มีอนาคตที่ดีแน่นอน!“ถ้าหากเจ็บมาก เจ้าก็ร้องออกมาเถอะ แม่ไม่หัวเราะเยาะเจ้าหรอก!” นางพูดปลอบใจ“ข้าไม่เจ็บขอรับ!”เสี่ยวเมาพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ท่านแม่ต่างหากที่เจ็บ พวกเขาหวดแส้ใส่ท่านแม่ตั้งห้าสิบแซ่! ท่านแม่ไม่ร้องเลยสักแอะ! เสี่ยวเมาก็จะไม่ร้องเช่นกัน! ”“เสี่ยวเมาอยากเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ท่านลุงปี้บอกว่า ผู้ใหญ่ที่จิตใจเด็ดเดี่ยว เมื่อได้รับบาดเจ็บจะไม่มีทางร้องไห้!”หลิงอวี๋หัวเราะ เจ้าเด็กนี่ ช่างเข้มแข็งนัก!ผู้ชายเฮงซวยอย่างเซียวหลินเทียนผู้นั้น มีลูกชายเช่นนี้ไม่รู้สึกรู้จักภูมิใจ แถมยังไปใจดำสงสัยเขาอีก!ไม่ช้าก็เร็วคนเลวอย่างเซียวหลินเทียนก็จะต้องเสียใจ!ว่าแต่ท่านลุงปี้นี่คือใครกัน?
แม่นมลี่กับหลิงซินเข้าห้องมาเห็นหลิงอวี๋ดูสบายดี กำลังนอนคุยกับเสี่ยวเมาอยู่บนเตียง พวกนางก็ตกตะลึงไป“ฮือ ๆ ...สวรรค์คุ้มครองจริง ๆ ! พระชายาไม่เป็นอะไร! ประเดี๋ยวพวกบ่าวจะไปวัด ไปเพิ่มเงินค่าน้ำมันหอมเสียหน่อยเจ้าค่ะ...”ภายใต้อาการตกใจของแม่นมลี่ นางก็พนมมือ ร้องไห้ขอบพระคุณเทพเจ้าทุกองค์ไปด้วยหลิงอวี๋มองเห็นผ้าเปื้อนเลือดที่พันอยู่บนหัวของแม่นมลี่ ในตอนนั้น แม่นมลี่คำนับต่อเซียวหลินเทียนเพื่อขอร้องให้เขาปล่อยตัวเธอไป!การบาดเจ็บนี้มันเกิดขึ้นจากครั้งนั้นเพื่อนในยามทุกข์ยากนั้นคือเพื่อนแท้ แม่นมลี่ปฏิบัติต่อนางเทียบเท่าแม่แท้ ๆ ของนางได้แล้ว!“แม่นมลี่ เจ้าไม่ได้ติดแผ่นปิดแผลที่ข้าให้เจ้าไปรึ?” หลิงอวี๋จำได้ว่าตัวเองให้อผ่นปิดแผลนางไปสองอันนะติดแผ่นปิดแผลบาง ๆ หนึ่งอันก็พอแล้ว!“แผ่นปิดแผลที่เหลือถูกหลิงหลานแย่งไปให้หลิงผิงแล้วเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่บอกอย่างแค้นเคือง“นางชั้นต่ำนั่น แย่งแผ่นปิดแผลของข้าไป!”“บ่าวขอให้นางเอาอาหารให้พวกเรา แต่นางไม่ให้ ทั้งยังสาปแช่งพระชายาอีก บอกว่าไม่ช้าก็เร็วพระชายาก็ต้องตาย อย่าได้ไปสิ้นเปลืองอาหารเลย!”หลิงอวี้หรี่ตาลง อาหารที่นางได้กิน
หลิงอวี๋แย้มรอยยิ้มเย็นชา ต่อไปนี้ นางจะไม่มีทางทนพวกเขาอีกต่อไปแล้ว!ทันทีที่นางตื่นเต้นขึ้นมา ก็รู้สึกวูบวาบที่หน้าอก แล้วกลิ่นคาวเลือดก็ตีขึ้นมาในปาก ยังไม่ทันจะได้ตอบสนองอะไร ปากของนางก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมาแม่นมลี่กับเสี่ยวเมาต่างก็ตกใจเสี่ยวเมาจับชายเสื้อของหลิงอวี๋เอาไว้แน่นทันที พลางร้องออกมาอย่างหวาดกลัว “ท่านแม่… อย่าทำให้เสี่ยวเมากลัวสิขอรับ!”แม่นมลี่เองก็รีบพุ่งเข้าไปพยุงหลิงอวี๋ไว้ ตกใจน้ำตารื้น “ทูนหัวของบ่าว! ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ!”“เจ้าเพิ่งจะบุกออกมาจากประตูมรณะ ร่างกายยังอ่อนแออยู่ รักษาตัวให้ดีก่อนไม่ได้รึ?”“พระชายา… บ่าวไม่เป็นอะไร พระชายาไม่ต้องโกรธแค้นแทนบ่าวหรอกเจ้าค่ะ!”หลิงซินเองก็ตกใจ เข้าไปพยุงหลิงอวี๋คนละข้างกับแม่นมลี่“พระชายาสบายใจเถิดเจ้าค่ะ! ขอเพียงพระชายาสบายดี บ่าวจะได้รับความคับข้องใจบ้างก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ!”ที่หน้าอกของหลิงอวี๋ยังคงวูบไหวเจ็บปวดอยู่บ้าง ที่มุมปากก็ยังมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง นางพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงปล่อยให้ทั้งสองคนกดให้นอนลง เสี่ยวเมาใช้มือเล็ก ๆ ดึงนางเอาไว้อย่างกังวล น้ำตาก็ซึมออกมาด้วยความตกใจแต่ก็ค้างอยู่
“ไม่เป็นไร ข้าก็มิได้มีชื่อเสียงอันใดอยู่แล้ว ยังจะต้องกลัวใครหัวเราะเยาะอีกรึ?”หลิงอวี๋ตำหนิ หากจะอายคนที่ต้องอายคือ เซียวหลินเจียน ที่ทำให้พระชายาของตัวเองอับจนถึงขั้นต้องเอาชุดไปขาย!เขาเป็นอ๋องยังไม่กลัวจะอับอายเลย นางจะกลัวทำไมเล่า!“ท่านแม่ ภายภาคหน้าข้าโตแล้ว จะหาเงินให้ได้มาก ๆ มาให้ท่านแม่ซื้อชุดใหม่ ๆ เองขอรับ!”เสี่ยวเมาลูบที่มือของหลิงอวี๋เพื่อปลอบโยนนางหลิงอวี๋ยิ้ม เห็นหลิงซินดูลำบากใจจึงเอ่ย “ไปเถอะ! เชื่อข้า หลังจากผ่านพ้นสองสามวันนี้ไป ข้าจะทำให้ชีวิตของพวกเจ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ เอง!”แม่นมลี่ไม่ได้ห้ามอีก นางมองท่าทางที่หลิงอวี๋พูดจายังดูอ่อนแรงอยู่ ก็ยอม ๆ ไปพระชายาเกือบจะสิ้นชีวิตไปแล้ว ยังจะต้องไปสนใจเรื่องของนอกกายกับชื่อเสียงไปทำไมเล่า!แม่นมลี่และหลิงซินเลือกเสื้อผ้าที่มีราคาแพง เมื่อห่อเรียบร้อยแล้วก็ให้หลิงซินเอาออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์“พระชายา พักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะไปล้างครัวเสียหน่อย ข้างในนั้นฝุ่นเขรอะนัก!”แม่นมลี่เดินงก ๆ เงิ่น ๆ ออกไปหลิงอวี๋มองแผ่นหลังของแม่นมอย่างปวดใจ แต่ร่างกายนางอ่อนแอ ไม่สามารถไปช่วยได้จึงทำได้เพียงให้แม่นมลี่ทำไปก
หลิงอวี๋มองไปทางแม่นมลี่แม่นมลี่ยิ้มขมขื่น “หลิงซินขายเสื้อผ้า ความจริงแล้วขายได้สิบตำลึงเจ้าค่ะ!”“ตอนที่นางออกไป ถูกหลิงหลานพบเข้า หลิงหลานเห็นว่านางกลับมามือเปล่า จึงบีบบังคับเอาเงินจากนางไปเจ้าค่ะ!”“พอหลิงซินไม่ให้ ก็ถูกหลิงหลานเอาตะบองตีไปหลายที!”“นางยังใส่ร้ายหลิงซินด้วยว่า เอาของของตำหนักอ๋องอี้ออกมาขาย จะลากตัวหลิงซินไปร้องเรียน!”“เด็กผู้นี้เป็นคนซื่อมาก ก็เลยตกใจ! แล้วก็กลัวว่าบอกอะไรให้ชัดเจนไม่ได้ จึงทำได้เพียงให้เงินนางไปห้าตำลึงเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋หลับตาลง ลอบกัดฟัน หลิงหลาน ไอ้คนที่อาศัยบารมีนายมารังแกคนอื่นี่มัน!คนอย่างพวกเขา เห็นว่าตัวนางตกอับ ถึงได้กล้ารังแกคนของนางอยู่ทุกครั้งไปเช่นนี้!ตัวนางในฐานะที่เป็นพระชายา ก็ไม่สามารถขจัดความอยุติธรรมนี้ต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้!หลิงซินผู้เป็นสาวใช้คนหนึ่ง จะกลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา!เรื่องนี้พูดไปพูดมา ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ชายเลว ๆ อย่างเซียวหลินเทียนสร้างขึ้น!เพราะว่าเซียวหลินเทียนดูถูกนาง พวกลูกน้องที่อาศัยบารมีเขามารังแกผู้อื่นถึงได้ดูถูกตัวนางเช่นเดียวกัน!แม่นมลี่เห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กลัวว่
เงินห้าตำลึงซื้อสิ่งใดได้บ้าง?ในฐานะที่เป็นเจ้าแม่แพทยศาสตร์ยุคปัจจุบันมีภูมิหลังสกุลหลิงอวี๋เรืองอำนาจ ทั้งชั่วชีวิตก่อนนางยังมิเคยขัดสนเงินทอง!แต่เมื่อมาถึงแคว้นซีฉิน หลิงอวี๋ถึงได้รู้แจ้งถึงคุณค่าของเงิน!เงินที่หลิงซินได้จากขายเสื้อผ้าก็เอาไปซื้อข้าวกินประทังและซื้อที่นอนหมอนมุ้งให้นางกับหลิงเยว่ ก็เหลือไม่เท่าไรแล้วโดยเฉพาะหลิงซินกับแม่นมลี่ พวกเขาไม่มีเครื่องนอน สองวันมานี้ใช้เสื้อผ้าคลุมนอนบนเตียงแก้ขัดแทนไปก่อนหลิงอวี๋ไม่ได้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก นั่นเป็นหลิงเยว่แอบบอกแก่นางหลิงเยว่พูดถึงเรื่องนี้ด้วยน้ำตาเปี่ยมล้นทั้งสองข้างพร้อมรั้งแขนเสื้อของหลิงอวี๋ไว้พร้อมกล่าวว่า“ท่านแม่ เรายังมีอะไรที่ขายได้อีกหรือไม่ขอรับ? เยว่เยว่อยากซื้อผ้านวมให้แม่นมกับพี่หลิงซิน!”หลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เหตุใดซื้อผ้านวม?”หยาดน้ำตาน้อยเนื้อต่ำใจของหลิงเยว่ไหลริน “เราถูกขับไล่ไปเรือนบุหงา นอกจากเครื่องเรือนแตกหักเหล่านั้นแล้วก็ไม่มีอะไรเลย!”“เครื่องนอนอันก่อนของแม่นมกับพี่หลิงซิน หลิงผิงบอกว่า เป็นของตำหนักอ๋องเลยไม่ยอมให้พวกนางนำมาด้วย!”หลิงอวี๋นึกถึงผ้านวมผืนใหม่ที่ต
หลิงซินกำลังมองหลิงอวี๋อย่างเหม่อลอย เนื่องถูกคำพูดครานี้ทำให้รู้สึกสะเทือนอารมณ์ และนึกถึงทุกสิ่งอย่างที่หลิงอวี๋ประสบมาทันใดนั้นนางก็เข้าใจความเหนื่อยยากของคุณหนูตัวเองแล้วใช่ หากคนผู้หนึ่งแม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วยังจะกลัวอะไรอีกเล่า!“คุณหนู เป็นหลิงหลานตีเจ้าค่ะ! หลิงหลานเคยเรียกบ่าวไปสอบถาม… นางถามว่าคุณหนูตายแล้วหรือยัง!”“หลิงหลาน นางกล่าว… ว่าให้ข้าจับตาดูพระชายา! หากพระชายามีการเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานนางทันทีเจ้าค่ะ!”“นาง… นางกล่าวว่าตราบใดที่บ่าวเชื่อฟังจะขอให้ชิวเหวินซวงย้ายบ่าวไปเป็นนางรับใช้ของท่านอ๋องเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋มองนางอย่างเงียบ ๆ ไม่กล่าวคำทว่าแม่นมลี่กลับอดด่าขึ้นไม่ไหว “พระชายายังทรมาน พวกเจ้าทุกคนทรยศเจ้านาย ไยสวรรค์ไม่สาดอสนีบาตฟาดพวกเจ้าให้ตายไปเสีย! ”หลิงซินส่ายหน้าลนลาน “แม่นม มิใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ! ข้ามิได้รับปากนาง!”“พระชายาเคยช่วยชีวิตบ่าวในปีนั้น! หากไม่มีพระชายาบ่าวคงสิ้นชีพไปนานแล้ว! บ่าวจะไม่มีวันทรยศพระชายาไปชั่วชีวี”“เพราะเจ้าไม่ยินยอม นางจึงตีเจ้ารึ?”หลิงอวี๋ดูออกว่าหากหลิงซินสาวน้อยผู้นี้รับสินบนจากหลิงหลานจริง ๆ ก็คงไม่ถูกทุบต
เย่หรงหน้าแดง พลางเอ่ยอย่างเขินอาย “ผู้อาวุโสตระกูลข้ามิปล่อยให้พวกเราแตะต้องทางที่ชั่วร้ายเหล่านี้หรอก อยากรู้อยากเห็นก็มิได้… เขากังวลว่าพวกเราจะหลงไปเข้าทางที่ผิด!”“หากเจ้าอยากรู้ก็ให้เวลาข้าสักหน่อย ข้าจะถามผู้อาวุโสตระกูลข้าให้ แล้วจะบอกเจ้าอีกที! เขารู้ทั้งเรื่องในอดีตและปัจจุบัน และมีความรู้กว้างขวางมาก จะต้องรู้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋หมดคำพูด เย่หรงมาจากแดนปีศาจ แต่กลับต้องไปถามผู้อาวุโสของเขา ทั้งไปและกลับอย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งเดือนกระมังหากรอกระทั่งเขาได้คำตอบ เช่นนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คงบรรลุเป้าหมายไปนานแล้ว คำตอบของเขาก็มิทันการแล้ว!เอาเถิด ถือเสียว่าตนมิได้ถาม หลิงอวี๋ก้มหน้าตรวจศพต่อในเวลานี้ เผยอวี้ก็กลับมา“พี่หญิงหลิงหลิง ข้าเจอที่อยู่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว! แต่นางมีผู้ช่วยมา ข้ากลัวที่จะเป็นการเผยให้นางรู้ความเคลื่อนไหว จึงมิได้ขึ้นไปตรวจสอบขอรับ!”เผยอวี้ได้ยินจากหานอวี้ว่ามีคนนอกอยู่ด้วย เมื่อเข้ามาจึงมิเรียกว่าฮองเฮาเขารายงานหลิงอวี๋ พลางใช้หางตามองพิจารณาเย่หรงไปด้วยบุรุษผู้นี้มีพลังชั่วร้ายเล็กน้อย!ความประทับใจครั้งแรกของเผยอวี้ที่มีต่อเย่หรงคือสิ่ง
“คุณหนู บ่าวตรวจดูแล้วพบว่าเด็กในท้องของสตรีมีครรภ์หายไปหมดแล้วเจ้าค่ะ!”หานอวี้เหลือบมองเย่หรงอย่างดูถูก พลางเอ่ยกับหลิงอวี๋ด้วยความโกรธ “พวกนางถูกมีดผ่าท้องแล้วเอาเด็กออกไปในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่!”เย่หรงอาเจียนเสร็จแล้วได้ยินคำพูดของหานอวี้ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอีกครั้งเขานึกมิถึงว่า การบำเพ็ญตนในทางชั่วร้ายจะเป็นเช่นนี้ สิ่งนี้ทำให้เย่หรงที่มิสนใจอะไรมาโดยตลอดรู้สึกโกรธกับการกระทำของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้อาวุโสตระกูลเย่บำเพ็ญตนในวิธีที่ถูกต้อง แม้ว่าเย่หรงจะซุกซนมาตั้งแต่เด็ก แต่ผู้อาวุโสก็สอนด้วยคำพูดและการกระทำทำให้แม้ว่าบางครั้งเย่หรงจะทำอะไรนอกกรอบไปบ้าง แต่เย่หรงก็ดูถูกและจะมิทำพฤติกรรมที่โหดร้ายเช่นนี้!เมื่อทุกคนจะทำสิ่งใดก็ควรจะมีขอบเขตของตน หากกล้าที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นนั้นจะต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานเล่า!คำพูดของผู้อาวุโสนั้นเย่หรงจดจำขึ้นใจ หลายปีมานี้เขาปฏิบัติตามคำสอนของผู้อาวุโสมาตลอด มิว่าจะกระทำการไร้เหตุผลเพียงใด ก็ยังคงยึดมั่นในขอบเขตของตนวิธีบำเพ็ญตนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถือเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับผู้บำเพ็ญตนในทางที่ถูกต้องทุกคนในแดนปีศาจ ทุกคนจะต้องลงโทษ
“หลิงอวี๋ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้เป็นใครหรือ?”ดูเหมือนว่าเย่หรงจะรู้สึกว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไป จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน“เป็นผู้บำเพ็ญตนเช่นเดียวกับเจ้า คราก่อนต่อสู้กับข้าแล้วได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงตามหาบุรุษและสตรีมีครรภ์มาบำเพ็ญวิชาลับชั่วร้ายเพื่อฟื้นฟูพลัง!”หลิงอวี๋คิดถึงเจตนาของเย่หรง แล้วก็อดมิได้ที่จะเอ่ยด้วยความโกรธและประชด “ใต้หล้านี้มีคนไร้ยางอายเช่นนี้ ความสามารถของตนมิเพียงพอ จึงไปเดินเส้นทางที่มิถูกต้อง คนเช่นนี้แม้จะมีชีวิตอยู่ได้ร้อยปีแล้วจะมีความหมายอะไร!”“ลึก ๆ แล้วพวกเขาก็คือหัวขโมย มีชีวิตอยู่หลายร้อยปีก็มิอาจชำระล้างสิ่งสกปรกในกระดูกเหล่านั้นได้!”หลิงอวี๋เอ่ยโดยนัยสองความหมาย ในทางตรงคือด่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย และในทางแฝงคือด่าตระกูลเย่กับตระกูลเฉียวที่มาสอดแนมหยกหล้าสุขาวดีของตนมิรู้ว่าเย่หรงเข้าใจหรือไม่ แต่สีหน้าของเขายังคงเป็นเช่นเดิมหลิงอวี๋ก็หมดคำพูดแล้ว รู้สึกว่าการพูดแบบแฝงนัยของตนราวกับสีซอให้ควายฟังอย่างไรก็มิสามารถปลุกคนที่แกล้งหลับได้!ในเมื่อเย่หรงทำเป็นมิเข้าใจคำพูดแฝงนัยของตน แล้วนางจะปลุกความละอายใจของเขาได้อย่างไร!เสียทีที่ขันทีโม
มีผู้ช่วยไปด้วยกัน หลิงอวี๋ย่อมยินดีอยู่แล้วอีกทั้งนางก็รู้สึกได้ว่าพลังของคุณชายหรงผู้นี้เหนือกว่าตนในเมื่อเขามิได้เป็นศัตรูกับตน ก็คงจะไม่มีทางยอมรับการบำเพ็ญตนที่ใช้คนมีชีวิตของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแน่!หลิงอวี๋พยักหน้า แล้วเดินไปเอ่ยถามไป “คุณชายหรงสกุลหรงหรือ?”“เหตุใดเจ้าพูดมากนัก? พวกเราสกุลใดแล้วเจ้าจะยุ่งอะไรด้วย?”หยางหงหนิงเห็นว่าเย่หรงมิไว้หน้าตน ตกลงที่จะไปกับหลิงอวี๋ สีหน้าของนางก็ยิ่งมิสู้ดีและมุ่งเป้าไปที่หลิงอวี๋อยู่ตลอดหลิงอวี๋เป็นฮองเฮาแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าไร้มารยาทกับตนมานานมากแล้วเมื่อเห็นหยางหงหนิงพุ่งเป้ามาที่ตนครั้งแล้วครั้งเล่าไหนเลยจะทนได้นางทำหน้านิ่งพลางตะคอกเสียงดุ “คุณหนูผู้นี้เคยเรียนหนังสือหรือไม่? อาจารย์ของเจ้ามิเคยสอนมารยาทให้เจ้าหรือ?”“เด็กอายุสามขวบยังรู้ดีว่าผู้ใหญ่พูดอยู่มิควรพูดสอด แต่เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วกลับมิเข้าใจแม้แต่มารยาทพื้นฐาน!”“คุณชายหรง นางเป็นนางรับใช้ของเจ้าหรือ? คนรับใช้เช่นนี้ต่อไปก็อย่าได้พาออกมาให้อับอายผู้คนเลย!”หยางหงหนิงถูกหลิงอวี๋ตำหนิก็หน้าแดง นางมิเคยคาดคิดเลยว่า สตรีป่าเถื่อนที่พบในภูเขาจะกล้าทำให้ตนอับอายเช่นนี้!
“ข้าคือหลิงอวี๋!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าพี่หรงเปิดเผยสถานะตนออกมา ก็มิได้ปิดบังและยอมรับตามตรง“ข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีสตรีมีครรภ์ที่สูญหายไป!”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด หลิงอวี๋จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของตนออกไปด้วยนางมองไปทางพี่หรงอย่างคาดหวัง ในใจก็หวังจริง ๆ ว่าคนผู้นี้จะเป็นหลิงหรง!แม้ว่าหลิงอวี๋จะสุขสบายอยู่ในยุคนี้ราวกับปลาได้น้ำ แต่นางก็ยังคงรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ตนเป็นคนยุคปัจจุบันเพียงผู้เดียวและกำลังดิ้นรนอยู่ในโลกที่มิได้เป็นของตน แม้ว่าจะมีคนใกล้ชิดเช่นเซียวหลินเทียนกับเซียวเยวี่ยและคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็มิอาจลบล้างความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ไปได้!เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ หลิงอวี๋ก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันมากมาย การปรากฏตัวของหลิงหรงเป็นการชดเชยความโดดเดี่ยวนี้!เย่หรงขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋ ดวงตาคู่นั้นยิ่งมองก็ยิ่งดูคุ้นเคย แต่เขาจำมิได้จริง ๆ ว่าตนเคยเจอคนผู้นี้มาก่อน!นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากแดนปีศาจมาที่ใต้หล้านี้ เขากล้ารับประกันเลยว่า เขามิเคยเห็นใบหน้านี้ในแดนปีศาจเช่นกัน“พี่หรง ท่านรู้จักนางหรือ?”หยางหงหนิงเอียงตัวมาปิดกั้นการมองของเย่หรงที่มองหลิงอว
“คุณหนูมิได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่เรือนลั่วเฟิ่งด้านบน พวกท่านรอสักครู่ ข้าจะพาพวกท่านไป!”หนานฮุ่ยวิ่งกลับไปบอกนางรับใช้อีกคนแล้ววิ่งออกมาตอนนี้หลิงอวี๋รู้แล้วว่า คนที่สี่ที่อยู่ข้างในนั้นคือคนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเฉียวเค่อก็มิได้ถามอะไร แล้วพาคนของตนตามหนานฮุ่ยขึ้นไปบนภูเขาเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าพวกเขาไปไกลแล้ว นางก็ขยับไปอยู่ตรงหน้าพี่หรงอย่างทนมิไหวแล้วเอ่ยเบา ๆ “เสี่ยวหรง นี่พี่หลิงอวี๋เอง นายก็เจอเรื่องเหมือนกับพี่ใช่ไหม?”พี่หรงก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างประหลาดใจแล้วจ้องมองหลิงอวี๋อย่างระมัดระวังหลิงอวี๋เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็รู้สึกหดหู่ในใจ หรือว่าตนคิดผิดไป คนผู้นี้มิใช่หลิงหรง!มิฉะนั้นแม้ว่าหลิงหรงจะมิรู้จักใบหน้านี้ของตน แต่ก็ไม่มีทางที่จะมิแยแสกับชื่อหลิงอวี๋!“พี่หรง เราควรตามพวกเขาไปหรือไม่? เฉียวเค่อผู้นั้นจะต้องเป็นพวก…”สตรีที่พูดก่อนหน้านี้วิ่งออกมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงต่ำแต่เมื่อพี่หรงก้าวออกไปจ้องมองนาง เสียงของนางก็หยุดชะงักไปหลังจากนั้น หลิงอวี๋ก็เดินตามออกมาจากที่ซ่อนเช่นกันหลิงอวี๋มองเห็นรูปลักษณ์ของสตรีที่พูดได้อย่างชัดเจนเห็นใบหน้ารูปไข่สี
ชั่วครู่หนึ่งหลิงอวี๋คิดจะล่าถอยไป แต่ที่ด้านหลังของนางล้วนเป็นพุ่มไม้ เป็นไปมิได้ที่นางจะล่าถอยโดยมิถูกพบบุรุษที่พุ่งเข้ามานั้นเร็วมาก เขาคือพี่หรงที่พูดจาสงบผู้นั้นทันทีที่เขาพุ่งมาถึงที่ที่หลิงอวี๋ซ่อนตัวอยู่ก็พบว่ามีคนซ่อนตัวอยู่แล้วหนึ่งคนพี่หรงยกฝ่ามือขึ้นทันที คิดจะโจมตีหลิงอวี๋ที่อยู่ในความมืดหลิงอวี๋รู้สึกถึงอันตรายอยู่ครู่หนึ่ง กำลังคิดจะลงมือโดยมิสนใจสิ่งใดแล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษผู้นั้นที่แสงจันทร์ส่องสว่างลงมาใบหน้านั้นราวกับแกะสลัก หล่อเหลาไร้ที่ติริมฝีปากบางมีความดูถูกเหยียดหยามและเยือกเย็นอยู่เล็กน้อย ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์ และมีแสงสีเขียวเข้มประหลาดสะท้อนออกมาด้วย...เหตุผลหลักที่หลิงอวี๋มิลงมือก็เพราะว่า ใบหน้าของบุรุษผู้นี้เหมือนกับหลิงหรงลูกพี่ลูกน้องของตนในยุคปัจจุบันทุกประการนอกจากปู่แล้วหลิงหรงเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด เพียงแต่หลิงหรงอายุเพียงสิบห้าก็มาหายตัวไปมิพบตัวและมิพบศพเพราะไปปีนเขาแล้วเกิดอุบัติเหตุตกลงมาจากยอดภูเขาน้ำแข็งตอนนั้นหลิงอวี๋ตามหาอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแต่ก็มิพบหลิงหรงต่อมาในเวลาว่างก็มักจะ
ท้องฟ้าเพิ่งจะมืดลง พวกหลิงอวี๋ก็รีบไปที่ภูเขาสัตตะสมบัติที่ตั้งของศาลบูรพกษัตริย์ภูเขาสัตตะสมบัติแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านและอยู่กลางภูเขาเพราะเป็นสถานที่ที่เหล่าสนมมาบำเพ็ญเพียรกันในสมัยโบราณ จึงมีขนาดใหญ่มาก แบ่งออกเป็นลานเล็ก ๆ สิบกว่าแห่ง รวมแล้วมีอยู่หลายร้อยเรือนก่อนที่หลิงอวี๋จะมาที่นี่ นางได้พบภาพวาดการก่อสร้างศาลบูรพกษัตริย์ในตอนแรก และได้ศึกษารูปแบบของศาลบูรพกษัตริย์และภูเขาสัตตะสมบัติมาแล้วนาง ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็ได้ข้อสรุปมาอย่างหนึ่งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอาศัยการปิดบังของเหล่าสนมที่ศาลบูรพกษัตริย์ทำการบำเพ็ญตนที่นี่ เช่นนั้นเพื่อมิให้พวกนางตกใจแล้วเปิดเผยเรื่องที่ตนนำคนมาบำเพ็ญตน ที่พักอาศัยของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงเลือกได้เพียงแค่เรือนที่อยู่ห่างไกลเท่านั้นลานเล็ก ๆ หลายแห่งที่อยู่ห่างไกลออกไปที่ภูเขาด้านหลังน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเมื่อพวกหลิงอวี๋มาถึงตีนเขาก็แยกกันไปสามทาง แต่ละคนก็พาคนของตนไปสำรวจตามลานเล็ก ๆ เหล่านั้นหลิงอวี๋ออกมาคราวนี้พาเถาจื่อ หานเหมย สุ่ยหลิงและหานอวี้มาด้วย นางให้หานเหมยไปกับฉินซาน หานอวี้ไปกับเผยอวี้ ส่วนตนก็พาเถาจ
หลิงอวี๋สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ “แม่นม จากที่ท่านบอก เช่นนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารคนไปมากมายถึงเพียงนี้ อาการบาดเจ็บภายในของนางก็ฟื้นตัวดีแล้วใช่หรือไม่?”“นางได้บรรลุดินแดนที่หกไปสู่ดินแดนที่เจ็ดแล้วด้วยหรือไม่?”แม่นมอูเม้มปาก “เรื่องนี้มิอาจบอกได้ บ่าวมิเข้าใจวิชาบำเพ็ญตนชั่วร้ายเหล่านั้น บางทีอาการบาดเจ็บภายในของนางอาจจะหายแล้ว! แล้วยังบรรลุดินแดนที่เจ็ดหรืออาจจะสูงกว่านั้นแล้วเพคะ!”“เหตุผลที่วิชาบำเพ็ญตนชั่วร้ายสามารถดึงดูดผู้บำเพ็ญตนให้ละทิ้งวิธีบำเพ็ญที่ถูกต้องไปได้ก็คือ มันสามารถทำให้พัฒนาการบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นจะมีคนเลือกใช้วิธีที่เสี่ยงต่อการเป็นปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร!”เหงื่อเย็นไหลออกมาที่หลังของหลิงอวี๋หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบรรลุเข้าสู่ดินแดนที่เจ็ดหรือแปดอย่างรวดเร็วดังเช่นที่แม่นมอูบอก เช่นนั้นนางกับแม่นมอูรวมถึงขันทีโม่ก็ล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย!“ข้าจะไปสอบสวนดูก่อนสักหน่อยแล้วกัน!”ในสถานการณ์ที่ยังมิรู้แน่นี้ หลิงอวี๋มิกล้าให้แม่นมอูและคนอื่น ๆ ตกอยู่ในอันตรายไปกับตนได้นางเรียกเผยอวี้กับฉินซานมาแล้วเล่าเรื่องนี้ให้พวก