หลิงอวี๋ไม่เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นางมาที่ใดกัน?นางหันไปมองรอบ ๆ ก็มองเห็นสมุนไพรหลายชนิดที่เติบโตในหมู่วัชพืช ด้านบนนั้นยังมีดอกไม้เล็ก ๆ สีม่วงอยู่สองสามดอกสมุนไพรเหล่านั้นดูคุ้นตา…หลิงอวี๋ปีนขึ้นไปอย่างยากลำบากไม่ผิดแน่ เป็นที่แห่งนั้นที่นางและปู่ไปขุดค้นหญ้าวานรมาจากทางตอนใต้!ว่ากันว่า ลิงจะได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จะนำสมุนไพรชนิดนี้คาบเอาไว้ในปาก สามารถเสริมสร้างกระดูก สร้างเส้นเอ็น และผิวหนังน่าเสียดายที่ในตอนนั้นพวกเขาขุดมาเพียงแค่ไม่กี่ต้นเท่านั้นเมื่อกลับมา คุณปู่เป็นเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตไปทันทีรอจนเมื่อหลิงอวี๋ฟื้นคืนจากความเจ็บปวด ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว หญ้าวานรนั่นและกระเป๋าเดินทางหายไปเพราะอุบัติเหตุ…ไม่คิดเลยว่าจะยังพบเห็นได้ที่นี่ฟ้าไม่ได้ลืมข้า!หลิงอวี๋ไม่สนใจอะไรมากนัก ดึงหญ้าวานรออกมาสองต้น ขยี้มันแล้วยัดใส่ปากหวังว่าหญ้าวานรจะมีผลชุบชีวิตขึ้นมาจริง ๆ !หลิงอวี๋เคี้ยวหญ้าวานรที่ทั้งขมและฝาด ก่อนจะผล็อยหลับไปและไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่…“ท่านแม่…”มือเล็กร้อนคู่หนึ่งลูบลงบนใบหน้าของหล
หลิงอวี๋ทำการรักษาซ่อมแซมตรงส่วนกระดูกซี่โครงให้เสี่ยวเมาอีกครั้ง นี่เป็นเพียงแค่การแก้ไขเท่านั้น นางจึงไม่ได้ใช้ยาชากับเสี่ยวเมาเสี่ยวเมาก็ทนเจ็บให้หลิงอวี๋รักษาให้อย่างว่าง่ายเขาไม่มีการร้องใด ๆ ทำเพียงแค่กัดฟันทนไป ปล่อยให้เหงื่อเย็น ๆ หยดลงมาหลิวอวี๋เห็นแล้วก็ปวดใจ แต่ก็แอบชื่นชมอยู่ด้วยเด็กผู้นี้ ยังเด็กแค่นี้ก็สามารถอดทนได้ถึงเพียงนี้ เติบโตไปจะต้องเป็นผู้ชายที่มีอนาคตที่ดีแน่นอน!“ถ้าหากเจ็บมาก เจ้าก็ร้องออกมาเถอะ แม่ไม่หัวเราะเยาะเจ้าหรอก!” นางพูดปลอบใจ“ข้าไม่เจ็บขอรับ!”เสี่ยวเมาพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ท่านแม่ต่างหากที่เจ็บ พวกเขาหวดแส้ใส่ท่านแม่ตั้งห้าสิบแซ่! ท่านแม่ไม่ร้องเลยสักแอะ! เสี่ยวเมาก็จะไม่ร้องเช่นกัน! ”“เสี่ยวเมาอยากเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ท่านลุงปี้บอกว่า ผู้ใหญ่ที่จิตใจเด็ดเดี่ยว เมื่อได้รับบาดเจ็บจะไม่มีทางร้องไห้!”หลิงอวี๋หัวเราะ เจ้าเด็กนี่ ช่างเข้มแข็งนัก!ผู้ชายเฮงซวยอย่างเซียวหลินเทียนผู้นั้น มีลูกชายเช่นนี้ไม่รู้สึกรู้จักภูมิใจ แถมยังไปใจดำสงสัยเขาอีก!ไม่ช้าก็เร็วคนเลวอย่างเซียวหลินเทียนก็จะต้องเสียใจ!ว่าแต่ท่านลุงปี้นี่คือใครกัน?
แม่นมลี่กับหลิงซินเข้าห้องมาเห็นหลิงอวี๋ดูสบายดี กำลังนอนคุยกับเสี่ยวเมาอยู่บนเตียง พวกนางก็ตกตะลึงไป“ฮือ ๆ ...สวรรค์คุ้มครองจริง ๆ ! พระชายาไม่เป็นอะไร! ประเดี๋ยวพวกบ่าวจะไปวัด ไปเพิ่มเงินค่าน้ำมันหอมเสียหน่อยเจ้าค่ะ...”ภายใต้อาการตกใจของแม่นมลี่ นางก็พนมมือ ร้องไห้ขอบพระคุณเทพเจ้าทุกองค์ไปด้วยหลิงอวี๋มองเห็นผ้าเปื้อนเลือดที่พันอยู่บนหัวของแม่นมลี่ ในตอนนั้น แม่นมลี่คำนับต่อเซียวหลินเทียนเพื่อขอร้องให้เขาปล่อยตัวเธอไป!การบาดเจ็บนี้มันเกิดขึ้นจากครั้งนั้นเพื่อนในยามทุกข์ยากนั้นคือเพื่อนแท้ แม่นมลี่ปฏิบัติต่อนางเทียบเท่าแม่แท้ ๆ ของนางได้แล้ว!“แม่นมลี่ เจ้าไม่ได้ติดแผ่นปิดแผลที่ข้าให้เจ้าไปรึ?” หลิงอวี๋จำได้ว่าตัวเองให้อผ่นปิดแผลนางไปสองอันนะติดแผ่นปิดแผลบาง ๆ หนึ่งอันก็พอแล้ว!“แผ่นปิดแผลที่เหลือถูกหลิงหลานแย่งไปให้หลิงผิงแล้วเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่บอกอย่างแค้นเคือง“นางชั้นต่ำนั่น แย่งแผ่นปิดแผลของข้าไป!”“บ่าวขอให้นางเอาอาหารให้พวกเรา แต่นางไม่ให้ ทั้งยังสาปแช่งพระชายาอีก บอกว่าไม่ช้าก็เร็วพระชายาก็ต้องตาย อย่าได้ไปสิ้นเปลืองอาหารเลย!”หลิงอวี้หรี่ตาลง อาหารที่นางได้กิน
หลิงอวี๋แย้มรอยยิ้มเย็นชา ต่อไปนี้ นางจะไม่มีทางทนพวกเขาอีกต่อไปแล้ว!ทันทีที่นางตื่นเต้นขึ้นมา ก็รู้สึกวูบวาบที่หน้าอก แล้วกลิ่นคาวเลือดก็ตีขึ้นมาในปาก ยังไม่ทันจะได้ตอบสนองอะไร ปากของนางก็กระอักเลือดสด ๆ ออกมาแม่นมลี่กับเสี่ยวเมาต่างก็ตกใจเสี่ยวเมาจับชายเสื้อของหลิงอวี๋เอาไว้แน่นทันที พลางร้องออกมาอย่างหวาดกลัว “ท่านแม่… อย่าทำให้เสี่ยวเมากลัวสิขอรับ!”แม่นมลี่เองก็รีบพุ่งเข้าไปพยุงหลิงอวี๋ไว้ ตกใจน้ำตารื้น “ทูนหัวของบ่าว! ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ!”“เจ้าเพิ่งจะบุกออกมาจากประตูมรณะ ร่างกายยังอ่อนแออยู่ รักษาตัวให้ดีก่อนไม่ได้รึ?”“พระชายา… บ่าวไม่เป็นอะไร พระชายาไม่ต้องโกรธแค้นแทนบ่าวหรอกเจ้าค่ะ!”หลิงซินเองก็ตกใจ เข้าไปพยุงหลิงอวี๋คนละข้างกับแม่นมลี่“พระชายาสบายใจเถิดเจ้าค่ะ! ขอเพียงพระชายาสบายดี บ่าวจะได้รับความคับข้องใจบ้างก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ!”ที่หน้าอกของหลิงอวี๋ยังคงวูบไหวเจ็บปวดอยู่บ้าง ที่มุมปากก็ยังมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง นางพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงปล่อยให้ทั้งสองคนกดให้นอนลง เสี่ยวเมาใช้มือเล็ก ๆ ดึงนางเอาไว้อย่างกังวล น้ำตาก็ซึมออกมาด้วยความตกใจแต่ก็ค้างอยู่
“ไม่เป็นไร ข้าก็มิได้มีชื่อเสียงอันใดอยู่แล้ว ยังจะต้องกลัวใครหัวเราะเยาะอีกรึ?”หลิงอวี๋ตำหนิ หากจะอายคนที่ต้องอายคือ เซียวหลินเจียน ที่ทำให้พระชายาของตัวเองอับจนถึงขั้นต้องเอาชุดไปขาย!เขาเป็นอ๋องยังไม่กลัวจะอับอายเลย นางจะกลัวทำไมเล่า!“ท่านแม่ ภายภาคหน้าข้าโตแล้ว จะหาเงินให้ได้มาก ๆ มาให้ท่านแม่ซื้อชุดใหม่ ๆ เองขอรับ!”เสี่ยวเมาลูบที่มือของหลิงอวี๋เพื่อปลอบโยนนางหลิงอวี๋ยิ้ม เห็นหลิงซินดูลำบากใจจึงเอ่ย “ไปเถอะ! เชื่อข้า หลังจากผ่านพ้นสองสามวันนี้ไป ข้าจะทำให้ชีวิตของพวกเจ้าดีขึ้นเรื่อย ๆ เอง!”แม่นมลี่ไม่ได้ห้ามอีก นางมองท่าทางที่หลิงอวี๋พูดจายังดูอ่อนแรงอยู่ ก็ยอม ๆ ไปพระชายาเกือบจะสิ้นชีวิตไปแล้ว ยังจะต้องไปสนใจเรื่องของนอกกายกับชื่อเสียงไปทำไมเล่า!แม่นมลี่และหลิงซินเลือกเสื้อผ้าที่มีราคาแพง เมื่อห่อเรียบร้อยแล้วก็ให้หลิงซินเอาออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์“พระชายา พักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะไปล้างครัวเสียหน่อย ข้างในนั้นฝุ่นเขรอะนัก!”แม่นมลี่เดินงก ๆ เงิ่น ๆ ออกไปหลิงอวี๋มองแผ่นหลังของแม่นมอย่างปวดใจ แต่ร่างกายนางอ่อนแอ ไม่สามารถไปช่วยได้จึงทำได้เพียงให้แม่นมลี่ทำไปก
หลิงอวี๋มองไปทางแม่นมลี่แม่นมลี่ยิ้มขมขื่น “หลิงซินขายเสื้อผ้า ความจริงแล้วขายได้สิบตำลึงเจ้าค่ะ!”“ตอนที่นางออกไป ถูกหลิงหลานพบเข้า หลิงหลานเห็นว่านางกลับมามือเปล่า จึงบีบบังคับเอาเงินจากนางไปเจ้าค่ะ!”“พอหลิงซินไม่ให้ ก็ถูกหลิงหลานเอาตะบองตีไปหลายที!”“นางยังใส่ร้ายหลิงซินด้วยว่า เอาของของตำหนักอ๋องอี้ออกมาขาย จะลากตัวหลิงซินไปร้องเรียน!”“เด็กผู้นี้เป็นคนซื่อมาก ก็เลยตกใจ! แล้วก็กลัวว่าบอกอะไรให้ชัดเจนไม่ได้ จึงทำได้เพียงให้เงินนางไปห้าตำลึงเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋หลับตาลง ลอบกัดฟัน หลิงหลาน ไอ้คนที่อาศัยบารมีนายมารังแกคนอื่นี่มัน!คนอย่างพวกเขา เห็นว่าตัวนางตกอับ ถึงได้กล้ารังแกคนของนางอยู่ทุกครั้งไปเช่นนี้!ตัวนางในฐานะที่เป็นพระชายา ก็ไม่สามารถขจัดความอยุติธรรมนี้ต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้!หลิงซินผู้เป็นสาวใช้คนหนึ่ง จะกลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา!เรื่องนี้พูดไปพูดมา ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ชายเลว ๆ อย่างเซียวหลินเทียนสร้างขึ้น!เพราะว่าเซียวหลินเทียนดูถูกนาง พวกลูกน้องที่อาศัยบารมีเขามารังแกผู้อื่นถึงได้ดูถูกตัวนางเช่นเดียวกัน!แม่นมลี่เห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กลัวว่
เงินห้าตำลึงซื้อสิ่งใดได้บ้าง?ในฐานะที่เป็นเจ้าแม่แพทยศาสตร์ยุคปัจจุบันมีภูมิหลังสกุลหลิงอวี๋เรืองอำนาจ ทั้งชั่วชีวิตก่อนนางยังมิเคยขัดสนเงินทอง!แต่เมื่อมาถึงแคว้นซีฉิน หลิงอวี๋ถึงได้รู้แจ้งถึงคุณค่าของเงิน!เงินที่หลิงซินได้จากขายเสื้อผ้าก็เอาไปซื้อข้าวกินประทังและซื้อที่นอนหมอนมุ้งให้นางกับหลิงเยว่ ก็เหลือไม่เท่าไรแล้วโดยเฉพาะหลิงซินกับแม่นมลี่ พวกเขาไม่มีเครื่องนอน สองวันมานี้ใช้เสื้อผ้าคลุมนอนบนเตียงแก้ขัดแทนไปก่อนหลิงอวี๋ไม่ได้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก นั่นเป็นหลิงเยว่แอบบอกแก่นางหลิงเยว่พูดถึงเรื่องนี้ด้วยน้ำตาเปี่ยมล้นทั้งสองข้างพร้อมรั้งแขนเสื้อของหลิงอวี๋ไว้พร้อมกล่าวว่า“ท่านแม่ เรายังมีอะไรที่ขายได้อีกหรือไม่ขอรับ? เยว่เยว่อยากซื้อผ้านวมให้แม่นมกับพี่หลิงซิน!”หลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เหตุใดซื้อผ้านวม?”หยาดน้ำตาน้อยเนื้อต่ำใจของหลิงเยว่ไหลริน “เราถูกขับไล่ไปเรือนบุหงา นอกจากเครื่องเรือนแตกหักเหล่านั้นแล้วก็ไม่มีอะไรเลย!”“เครื่องนอนอันก่อนของแม่นมกับพี่หลิงซิน หลิงผิงบอกว่า เป็นของตำหนักอ๋องเลยไม่ยอมให้พวกนางนำมาด้วย!”หลิงอวี๋นึกถึงผ้านวมผืนใหม่ที่ต
หลิงซินกำลังมองหลิงอวี๋อย่างเหม่อลอย เนื่องถูกคำพูดครานี้ทำให้รู้สึกสะเทือนอารมณ์ และนึกถึงทุกสิ่งอย่างที่หลิงอวี๋ประสบมาทันใดนั้นนางก็เข้าใจความเหนื่อยยากของคุณหนูตัวเองแล้วใช่ หากคนผู้หนึ่งแม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วยังจะกลัวอะไรอีกเล่า!“คุณหนู เป็นหลิงหลานตีเจ้าค่ะ! หลิงหลานเคยเรียกบ่าวไปสอบถาม… นางถามว่าคุณหนูตายแล้วหรือยัง!”“หลิงหลาน นางกล่าว… ว่าให้ข้าจับตาดูพระชายา! หากพระชายามีการเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานนางทันทีเจ้าค่ะ!”“นาง… นางกล่าวว่าตราบใดที่บ่าวเชื่อฟังจะขอให้ชิวเหวินซวงย้ายบ่าวไปเป็นนางรับใช้ของท่านอ๋องเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋มองนางอย่างเงียบ ๆ ไม่กล่าวคำทว่าแม่นมลี่กลับอดด่าขึ้นไม่ไหว “พระชายายังทรมาน พวกเจ้าทุกคนทรยศเจ้านาย ไยสวรรค์ไม่สาดอสนีบาตฟาดพวกเจ้าให้ตายไปเสีย! ”หลิงซินส่ายหน้าลนลาน “แม่นม มิใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ! ข้ามิได้รับปากนาง!”“พระชายาเคยช่วยชีวิตบ่าวในปีนั้น! หากไม่มีพระชายาบ่าวคงสิ้นชีพไปนานแล้ว! บ่าวจะไม่มีวันทรยศพระชายาไปชั่วชีวี”“เพราะเจ้าไม่ยินยอม นางจึงตีเจ้ารึ?”หลิงอวี๋ดูออกว่าหากหลิงซินสาวน้อยผู้นี้รับสินบนจากหลิงหลานจริง ๆ ก็คงไม่ถูกทุบต
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ
เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของเก๋อเฟิ่งฉิง ในใจกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเก๋อเฟิ่งฉิงเสี่ยงตายช่วยตนไว้ ยามนี้ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เมื่อครู่ตนคิดเพียงแค่ให้นางออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับมิได้คิดว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเซียวหลินเทียนลังเล มิได้ยื่นแผ่นป้ายไม้ออกไป กล่าวว่า “ซูจู๋พูดถูก เจ้าออกไปเช่นนี้จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอลองคิดหาวิธีอื่นดูก่อน!”เก๋อเฟิ่งฉิงร้อนใจ ยื่นมือออกไปคว้าแผ่นป้ายไม้ในมือของเซียวหลินเทียนมาทันที“พี่ใหญ่ ยามนี้พวกเราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หากมิร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ ก็คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ทั้งนั้น!”“ท่านอย่าคิดมากเลย ต่อให้ไม่มีพวกท่าน มิช้าก็เร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์อยู่ดี ยามนี้แค่ก้าวล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้น มินับว่าถูกพวกท่านทำให้เดือดร้อนหรอก!”“ข้าไปก่อน! พวกท่านรอข่าวดีจากข้าเถิด”เก๋อเฟิ่งฉิงถือแผ่นป้ายไม้ ตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไปในใจของหลิงอวี๋รู้สึกหลากหลายปนเป การขอความช่วยเหลือจากภายนอกอาจจะเป็นทางรอดทางหนึ่ง แต่การกระทำขอ
ยาฉีดกระตุ้นหัวใจเพิ่งฉีดเข้าไปได้เพียงมิกี่นาที เซียวหลินเทียนก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ข้างเตียง ในใจของเซียวหลินเทียนก็พลันยินดี อาอวี๋อยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยหรือ?“เซียวหลินเทียน คนของเจ้าแห่งทะเลล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เผยอวี้ได้ให้คนของหลงเพ่ยเพ่ยไปรายงานเจ้าแห่งทิศใต้แล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าตอนนี้จะยังมิใช่เวลาฝ่าวงล้อม แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งเฉยมิเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!”“เส้นชีพจรหัวใจของท่านขาดสะบั้น ข้าให้ยาท่านแล้ว ท่านหมุนเวียนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เตรียมความพร้อมที่จะหลบหนีไปพร้อมพวกเรา!”เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูสิง พี่ใหญ่ของข้ายังเคลื่อนไหวหนัก ๆ มิได้ การออกไปจากที่นี่อาจจะคร่าชีวิตเขา! ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าเป็นหมอ จะมิรู้สถานการณ์ของเขาได้อย่างไร?”“ข้าก็มิต้องการให้คนไข้ตายเช่นกัน แต่มหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลจะยอมให้เขานอนพักรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ หรือไร?”“คุณหนูใหญ่เก๋อ ข้าไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงแดนเทพเช่นเจ้า หากเจ้าแห่งทิศใต้ช่วยมิได้ บางทีเจ้าอาจจะคิ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้หานอวี้ตกใจจนมิกล้าพูดอะไรอีก รับยามาอย่างว่าง่ายแล้วมองหลิงอวี๋เดินจากไปอย่างมิแยแสแย่แล้ว คุณหนูโกรธ ๆ จริงแล้ว!คราวนี้องค์จักรพรรดิยิ่งอธิบายความสัมพันธ์กับเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยากขึ้นไปอีก!หานอวี้เริ่มเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างสุดซึ้งแต่หลิงอวี๋ยังมิทันเดินพ้นลานเรือนของเซียวหลินเทียน ก็เห็นเผยอวี้และจ้าวซวนรีบร้อนวิ่งเข้ามา“พี่หญิงหลิงหลิง เกิดเรื่องแล้ว กองทหารกลุ่มหนึ่งล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เป็นคนของจวนเจ้าแห่งทะเล!”“ว่ากระไรนะ?”หลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยนไป รีบถามทันที “แจ้งคนของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง?”“ข้าบอกพวกเขาแล้ว มู่ตงบอกว่าเขาได้ส่งคนไปรายงานท่านหญิง และบอกให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก!”“มู่ตงและองครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลายคนไปเจรจากับแม่ทัพที่นำกองกำลังมาแล้ว!”เผยอวี้รายงานหลิงอวี๋รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที สภาพของเซียวหลินเทียนยามนี้มิสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย นับประสาอะไรกับการหนีเอาชีวิตรอด นั่นจะทำให้เขาตายได้ทันที!ส่วนเผยอวี้และหวงฝู่หลินต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากต้องบุกฝ่าออกไป ย่อมมิสามารถหนีพ้นจากเมืองหลวงแดนเทพไปได้แน่นอนยามน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ