หลิงอวี๋มองไปทางแม่นมลี่แม่นมลี่ยิ้มขมขื่น “หลิงซินขายเสื้อผ้า ความจริงแล้วขายได้สิบตำลึงเจ้าค่ะ!”“ตอนที่นางออกไป ถูกหลิงหลานพบเข้า หลิงหลานเห็นว่านางกลับมามือเปล่า จึงบีบบังคับเอาเงินจากนางไปเจ้าค่ะ!”“พอหลิงซินไม่ให้ ก็ถูกหลิงหลานเอาตะบองตีไปหลายที!”“นางยังใส่ร้ายหลิงซินด้วยว่า เอาของของตำหนักอ๋องอี้ออกมาขาย จะลากตัวหลิงซินไปร้องเรียน!”“เด็กผู้นี้เป็นคนซื่อมาก ก็เลยตกใจ! แล้วก็กลัวว่าบอกอะไรให้ชัดเจนไม่ได้ จึงทำได้เพียงให้เงินนางไปห้าตำลึงเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋หลับตาลง ลอบกัดฟัน หลิงหลาน ไอ้คนที่อาศัยบารมีนายมารังแกคนอื่นี่มัน!คนอย่างพวกเขา เห็นว่าตัวนางตกอับ ถึงได้กล้ารังแกคนของนางอยู่ทุกครั้งไปเช่นนี้!ตัวนางในฐานะที่เป็นพระชายา ก็ไม่สามารถขจัดความอยุติธรรมนี้ต่อหน้าเซียวหลินเทียนได้!หลิงซินผู้เป็นสาวใช้คนหนึ่ง จะกลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา!เรื่องนี้พูดไปพูดมา ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ชายเลว ๆ อย่างเซียวหลินเทียนสร้างขึ้น!เพราะว่าเซียวหลินเทียนดูถูกนาง พวกลูกน้องที่อาศัยบารมีเขามารังแกผู้อื่นถึงได้ดูถูกตัวนางเช่นเดียวกัน!แม่นมลี่เห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา กลัวว่
เงินห้าตำลึงซื้อสิ่งใดได้บ้าง?ในฐานะที่เป็นเจ้าแม่แพทยศาสตร์ยุคปัจจุบันมีภูมิหลังสกุลหลิงอวี๋เรืองอำนาจ ทั้งชั่วชีวิตก่อนนางยังมิเคยขัดสนเงินทอง!แต่เมื่อมาถึงแคว้นซีฉิน หลิงอวี๋ถึงได้รู้แจ้งถึงคุณค่าของเงิน!เงินที่หลิงซินได้จากขายเสื้อผ้าก็เอาไปซื้อข้าวกินประทังและซื้อที่นอนหมอนมุ้งให้นางกับหลิงเยว่ ก็เหลือไม่เท่าไรแล้วโดยเฉพาะหลิงซินกับแม่นมลี่ พวกเขาไม่มีเครื่องนอน สองวันมานี้ใช้เสื้อผ้าคลุมนอนบนเตียงแก้ขัดแทนไปก่อนหลิงอวี๋ไม่ได้รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก นั่นเป็นหลิงเยว่แอบบอกแก่นางหลิงเยว่พูดถึงเรื่องนี้ด้วยน้ำตาเปี่ยมล้นทั้งสองข้างพร้อมรั้งแขนเสื้อของหลิงอวี๋ไว้พร้อมกล่าวว่า“ท่านแม่ เรายังมีอะไรที่ขายได้อีกหรือไม่ขอรับ? เยว่เยว่อยากซื้อผ้านวมให้แม่นมกับพี่หลิงซิน!”หลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เหตุใดซื้อผ้านวม?”หยาดน้ำตาน้อยเนื้อต่ำใจของหลิงเยว่ไหลริน “เราถูกขับไล่ไปเรือนบุหงา นอกจากเครื่องเรือนแตกหักเหล่านั้นแล้วก็ไม่มีอะไรเลย!”“เครื่องนอนอันก่อนของแม่นมกับพี่หลิงซิน หลิงผิงบอกว่า เป็นของตำหนักอ๋องเลยไม่ยอมให้พวกนางนำมาด้วย!”หลิงอวี๋นึกถึงผ้านวมผืนใหม่ที่ต
หลิงซินกำลังมองหลิงอวี๋อย่างเหม่อลอย เนื่องถูกคำพูดครานี้ทำให้รู้สึกสะเทือนอารมณ์ และนึกถึงทุกสิ่งอย่างที่หลิงอวี๋ประสบมาทันใดนั้นนางก็เข้าใจความเหนื่อยยากของคุณหนูตัวเองแล้วใช่ หากคนผู้หนึ่งแม้แต่ความตายก็ไม่กลัว แล้วยังจะกลัวอะไรอีกเล่า!“คุณหนู เป็นหลิงหลานตีเจ้าค่ะ! หลิงหลานเคยเรียกบ่าวไปสอบถาม… นางถามว่าคุณหนูตายแล้วหรือยัง!”“หลิงหลาน นางกล่าว… ว่าให้ข้าจับตาดูพระชายา! หากพระชายามีการเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานนางทันทีเจ้าค่ะ!”“นาง… นางกล่าวว่าตราบใดที่บ่าวเชื่อฟังจะขอให้ชิวเหวินซวงย้ายบ่าวไปเป็นนางรับใช้ของท่านอ๋องเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋มองนางอย่างเงียบ ๆ ไม่กล่าวคำทว่าแม่นมลี่กลับอดด่าขึ้นไม่ไหว “พระชายายังทรมาน พวกเจ้าทุกคนทรยศเจ้านาย ไยสวรรค์ไม่สาดอสนีบาตฟาดพวกเจ้าให้ตายไปเสีย! ”หลิงซินส่ายหน้าลนลาน “แม่นม มิใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ! ข้ามิได้รับปากนาง!”“พระชายาเคยช่วยชีวิตบ่าวในปีนั้น! หากไม่มีพระชายาบ่าวคงสิ้นชีพไปนานแล้ว! บ่าวจะไม่มีวันทรยศพระชายาไปชั่วชีวี”“เพราะเจ้าไม่ยินยอม นางจึงตีเจ้ารึ?”หลิงอวี๋ดูออกว่าหากหลิงซินสาวน้อยผู้นี้รับสินบนจากหลิงหลานจริง ๆ ก็คงไม่ถูกทุบต
พอเท่านี้หลิงอวี๋ก็ถือตะบองโบกนำทั้งสามคนเดินออกจากเรือนบุหงาอย่างลำพองแน่นอนว่าแม่นมลี่ไม่ได้ถือไปด้วย ใบหน้านางชราเหี่ยวย่น กำลังจูงมือหลิงเยว่เดินตามด้านหลังแม่นมลี่สิ้นวิธีเกลี้ยกล่อมหลิงอวี๋ แต่นางไม่อาจขัดขวางคุณหนูของตนได้ เลยทำตามความคิดเผชิญความยากลำบากร่วมกันหลิงอวี๋ยังมีรอยแผลเป็นอัปลักษณ์บนหน้าอยู่ แม้แผลจะสมานแล้ว แต่รอยก็ยังไม่หายไป มองไปแล้วยิ่งดูน่าเกลียดยิ่งนัก!เหล่าคนรับใช้เห็นพวกนางสี่คนปรากฏตัวพร้อมกับไม้ตะบองด้วยอิริยาบถกำลังมองหาคนที่จะประมือด้วย ก็ตกใจกลัวจนพูดไม่ออกหลิงอวี๋เห็นสีหน้าประหลาดใจของพวกเขา ก็นึกถึงประโยคยอดฮิตในยุคปัจจุบันอย่างรู้สึกขบขันเป็นคนอัปลักษณ์ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ออกมาทำให้คนตกใจกลัวนั้นเป็นความผิดของคุณ!เพียงแต่พวกนางยังไม่ได้ไปถึงครัว ความโกลาหลก็ได้แพร่กระจายไปหลังเรือนอย่างเร็วรี่และเรือนริมวารีที่เซียวหลินเทียนกำลังพำนักอยู่“เป็นไปไม่ได้… เส้นลมปราณหัวใจของพระชายาล้วนสูญสิ้นไปหมดแล้วนี่ มีชีวิตเดินออกมาได้เยี่ยงไร!”หลังไป่สือได้ฟังองครักษ์แจ้งให้ทราบ ก็รุดออกไปพร้อมกับเสียงตื่นตระหนกเซียวหลินเทียนสีหน้าผันเปลี่ยนเ
มือของไป๋สือเพิ่งเอื้อมออกไปผลัวะ!ไม้ตะบองในมือหลิงอวี๋ไร้ความปรานีแม้แต่น้อย ฟาดลงหลังมือไป่สือเน้น ๆไป่สือชักมือกลับเนื่องถูกตี แหงนหน้ามองก็เห็นหลิงอวี๋มองเขาด้วยใบหน้าเยาะหยัน“จะจับอะไรหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่เหมาะสมที่บุรุษสตรีจะใกล้ชิดกัน?”“กระ… กระผมแค่อยากตรวจชีพจรท่าน กระผมไม่มีความหมายอื่น!” ไป่สืออธิบายตะกุกตะกัก“ข้ารักษาอาการป่วยของตัวเองได้! ยิ่งกว่านั้นข้าก็มิต้องคำนับอ้อนวอนให้พวกเจ้ารักษาข้าด้วยซ้ำ ฉะนั้นไม่ต้องลำบากสอดมือ!”หลิงอวี๋เหน็บแนมแม่นมลี่ได้บอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางสลบไสลมาหมดแล้ว!ในครั้นนั้น แม่นมลี่อุ้มหลิงเยว่ไปขอร้องไป่สือแม่นมลี่โขกศีรษะกับพื้นไปหลายหน และอ้อนวอนอย่างขมขื่นอยู่นอกเรือนไปครึ่งค่อนวันไป่สือถึงมอบโอสถเม็ดกลม ๆ ให้อย่างไม่เต็มใจ เขาไม่สนใจออกมาตรวจอาาการของเสี่ยวเมาด้วยซ้ำตาต่อตา ฟันต่อฟัน!นี่คือหลักการของหลิงอวี๋ตั้งไว้เมื่อครั้นที่ตัวเองก้าวเข้าเรือนบุหงา!ตั้งแต่วันนี้ไป คนในจวนอ๋องอี้จะมิมีผู้ใดคิดรังแกนางกับคนของนางอีก!“หลิงอวี๋ ท่านอ๋องทรงห้ามให้เจ้าย่างกรายออกเรือนบุหงาแล้ว เจ้ายังขวัญกล้าออกมา
หลิงอวี๋คลี่ยิ้ม ตะบองในมือจงใจทุ่มลงพื้น“ท่านอ๋องทรงชอบประมือนัก! อย่างนั้นตัวหม่อมฉันผู้เป็นคุณหนูคนนี้ก็จะสละชีวิตเป็นเพื่อนสุภาพชนอย่างท่าน!”ลู่หนานกับองครักษ์ตามมาต่างก็มองหลิงอวี๋ราวกับนางบ้องตื้อก็มิปานหลิงอวี๋ไม่ได้ลิ้มรสความเก่งฉกาจของเซียวหลินเทียนในคราก่อนแล้วหรอกหรือ?คราก่อนเซียวหลินเทียนก็ไม่ได้อยากฆ่านางจากใจจริง ไม่เช่นนั้นถึงหลิงอวี๋จะมีอีกหลายชีวิตก็ต้านเซียวหลินเทียนลงมือได้มิพอ!พวกเขาเหล่าองครักษ์ล้วนมีฝีมือวรยุทธทั้งสิ้น รวมถึงจ้าวซวนที่ไปเยี่ยมญาติยังไม่กลับมา แต่อย่างไรเสียหากเพิ่มพวกเขามาหมดก็ล้วนลงมือเซียวหลินเทียนได้ไม่เกินสองสามครั้งเท่านั้นหลิงอวี๋สตรีน้อยที่ออกเรือนแล้วผู้นี้ไม่ได้มีฝีมือวรยุทธ มิคาดว่าจะกล้าคุยโวยั่วยุเซียวหลินเทียนอย่างไม่กระดากอาย!เสียสติไปแล้วจริง ๆ !“เซียวหลินเทียน ไม่เช่นนั้นเรามาเดิมพันกันดีหรือไม่? ข้าเดิมพันได้เลยว่า เจ้าต้านการลงมือของช้าไม่ได้เลยสักหนเดียว! เจ้าเชื่อหรือไม่?”ประโยคที่หลิงอวี๋กล่าวออกมายิ่งทำให้ลู่หนานและคนอื่น ๆ ตะลึง!คน… คนผู้นี้ไร้ยางอายเสียจริง!ลู่หนานยืนยันเลยว่า หลิงอวี๋เสียสติไปแล้วจริง
พวกของลู่หนานได้ยินเสียงคำรามนั้นก็ตกใจ ต่างก็รีบเงยหน้าไปมองเห็นหลิงอวี๋หัวเราะเยาะ โยนตะบองไม้ในมือนั้นไปอีกด้าน แล้วยกมือขึ้น ยกนาฬิกาข้อมือแบบพิเศษตรงข้อมือที่เอาออกมาจากมิติขึ้นนางกดที่ปุ่มกดบนนาฬิกาข้อมือ แล้วแสงสีเงินก็สาดส่องไปที่เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้ดาบแทงไปตามสัญชาตญาณ แต่แสงสีเงินนั้นกลับระเบิดออกกลางอากาศ แล้วกลายเป็นตาข่ายคลุมลงมา...เซียวหลินเทียนและรถเข็นต่างถูกตาข่ายคลุมเอาไว้ แล้วดึงขึ้นไปในอากาศ ในชั่วพริบตาก็ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ ทุกคนที่อยู่ในเรือนต่างเบิกตาโพลง เกือบจะอ้าปากค้างอย่างตกใจนี่มันคือของอะไรกัน?วรยุทธของเซียวหลนเทียนอยู่ในระดับสูงมาก แม้ว่าขาทั้งสองข้างของเขาจะพิการ แต่วรยุทธก็ยังอยู่!แต่เซียวหลินเทียนที่มีวรยุทธแข็งแกร่ง ยังไม่ทันได้เข้าใกล้หลิงอวี๋ ยังไม่ทันได้ออกกำลังทำอะไรเลย ก็ถูกตาข่ายนี่คลุมเขาไว้แล้วหรือ?คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นต่างไม่รู้ สิ่งที่หลิงอวี๋ปล่อยออกไปมันไม่ใช่ตาข่ายธรรมดา แต่เป็นตาข่ายลวดที่ทำขึ้นมาจากวัสดุพิเศษตาข่ายลวดชนิดนี้ไม่สามารถตัดขาดได้ นอกเสียจากว่าจะใช้เลเซอร์ตัดมัน มิฉะนั้น ดาบทั่วไปก็
เซียวหลินเทียนสงบลงทันทีเพราะว่าเขาเคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพมาก่อน เขารู้ว่าเมื่อกองทัพสองฝ่ายต่อสู้กัน สิ่งต้องห้ามที่สุดคือ ความใจร้อนความโกรธและการใช้กำลังไม่ได้แก้ปัญหาได้จริง ๆ !เขามองหลิงอวี๋ที่อยู่ข้างล่าง!นางกล้าที่จะสู้สายตา!นางกล้าที่จะท้าทายการต่อสู้ระหว่างแม่นมกับหลิงผิง!นางกล้ากระทั่งยกดาบขึ้นมาทำให้เขาพินาศไปด้วยกัน!หลิงอวี๋ผู้นี้ ไม่ใช่ผู้หญิงคนที่โง่เขลาที่คิดหาทุกวิถีทางเพื่อเอาใจเขาอีกต่อไปแล้ว!จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็พบว่า...เขาหาความชื่นชมตัวเองในแววตาของหลิงอวี๋ไม่เจอแม้เพียงสักนิดแล้วสายตาที่หลงใหลในตัวเขาของหลิงอวี๋ ดูเหมือนว่าจะหายไปหลังจากที่นางถูกโบย!หลิงอวี๋...คนที่กล้าจ่อมีดกับตัวเขา!นางไม่ได้มีเขาอยู่สายตาอีกต่อไปแล้ว!นางกล้าที่พาคนของนางออกจากเรือนหลานย่วน มิใช่เรื่องง่ายที่จะส่งตัวเองมาถึงที่เพื่อให้โดนสังหาร!เซียวหลินเทียนน่าจะคิดถึงจุดนี้นานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เข้าใจหลิงอวี๋ผิดไป!เขาก็เหมือนกับทุก ๆ คน ไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของหลิงอวี๋!ดังนั้นชิวเฮ่าถึงได้เสียเปรียบเช่นนี้!เขาถึงได้ประมาทแล้วตกลงในหลุมพรางของนาง!