พวกของลู่หนานได้ยินเสียงคำรามนั้นก็ตกใจ ต่างก็รีบเงยหน้าไปมองเห็นหลิงอวี๋หัวเราะเยาะ โยนตะบองไม้ในมือนั้นไปอีกด้าน แล้วยกมือขึ้น ยกนาฬิกาข้อมือแบบพิเศษตรงข้อมือที่เอาออกมาจากมิติขึ้นนางกดที่ปุ่มกดบนนาฬิกาข้อมือ แล้วแสงสีเงินก็สาดส่องไปที่เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้ดาบแทงไปตามสัญชาตญาณ แต่แสงสีเงินนั้นกลับระเบิดออกกลางอากาศ แล้วกลายเป็นตาข่ายคลุมลงมา...เซียวหลินเทียนและรถเข็นต่างถูกตาข่ายคลุมเอาไว้ แล้วดึงขึ้นไปในอากาศ ในชั่วพริบตาก็ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ข้าง ๆ ทุกคนที่อยู่ในเรือนต่างเบิกตาโพลง เกือบจะอ้าปากค้างอย่างตกใจนี่มันคือของอะไรกัน?วรยุทธของเซียวหลนเทียนอยู่ในระดับสูงมาก แม้ว่าขาทั้งสองข้างของเขาจะพิการ แต่วรยุทธก็ยังอยู่!แต่เซียวหลินเทียนที่มีวรยุทธแข็งแกร่ง ยังไม่ทันได้เข้าใกล้หลิงอวี๋ ยังไม่ทันได้ออกกำลังทำอะไรเลย ก็ถูกตาข่ายนี่คลุมเขาไว้แล้วหรือ?คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นต่างไม่รู้ สิ่งที่หลิงอวี๋ปล่อยออกไปมันไม่ใช่ตาข่ายธรรมดา แต่เป็นตาข่ายลวดที่ทำขึ้นมาจากวัสดุพิเศษตาข่ายลวดชนิดนี้ไม่สามารถตัดขาดได้ นอกเสียจากว่าจะใช้เลเซอร์ตัดมัน มิฉะนั้น ดาบทั่วไปก็
เซียวหลินเทียนสงบลงทันทีเพราะว่าเขาเคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพมาก่อน เขารู้ว่าเมื่อกองทัพสองฝ่ายต่อสู้กัน สิ่งต้องห้ามที่สุดคือ ความใจร้อนความโกรธและการใช้กำลังไม่ได้แก้ปัญหาได้จริง ๆ !เขามองหลิงอวี๋ที่อยู่ข้างล่าง!นางกล้าที่จะสู้สายตา!นางกล้าที่จะท้าทายการต่อสู้ระหว่างแม่นมกับหลิงผิง!นางกล้ากระทั่งยกดาบขึ้นมาทำให้เขาพินาศไปด้วยกัน!หลิงอวี๋ผู้นี้ ไม่ใช่ผู้หญิงคนที่โง่เขลาที่คิดหาทุกวิถีทางเพื่อเอาใจเขาอีกต่อไปแล้ว!จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็พบว่า...เขาหาความชื่นชมตัวเองในแววตาของหลิงอวี๋ไม่เจอแม้เพียงสักนิดแล้วสายตาที่หลงใหลในตัวเขาของหลิงอวี๋ ดูเหมือนว่าจะหายไปหลังจากที่นางถูกโบย!หลิงอวี๋...คนที่กล้าจ่อมีดกับตัวเขา!นางไม่ได้มีเขาอยู่สายตาอีกต่อไปแล้ว!นางกล้าที่พาคนของนางออกจากเรือนหลานย่วน มิใช่เรื่องง่ายที่จะส่งตัวเองมาถึงที่เพื่อให้โดนสังหาร!เซียวหลินเทียนน่าจะคิดถึงจุดนี้นานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เข้าใจหลิงอวี๋ผิดไป!เขาก็เหมือนกับทุก ๆ คน ไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของหลิงอวี๋!ดังนั้นชิวเฮ่าถึงได้เสียเปรียบเช่นนี้!เขาถึงได้ประมาทแล้วตกลงในหลุมพรางของนาง!
หลิงอวี๋รู้ว่าเซียวหลินเทียนเป็นคนฉลาด ตัวนางเองทำตัวหน้าใหญ่ใจโตเช่นนี้ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แม้ว่าจะโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่มีทางลงมือกับตนต่อได้อีกหรอก!เซียวหลินเทียนกับทุกคนเห็นว่า หลิงอวี๋กดปุ่มที่สิ่งแปลกประหลาดบนข้อมือ แล้วตาข่ายที่อยู่บนตัวเขาก็หดตัวกลับไปเลยเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในแล้วถึงได้ร่อนลงที่พื้นอย่างช้า ๆ ทันทีที่ชิวเหวินซวงเห็น ก็รีบพุ่งตัวเข้าไป แล้วร้องอย่างปวดใจ “ไปดูท่านอ๋อง ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่!”ลู่หนานกับไป่สือรีบวิ่งเข้าไป ตอนที่กำลังคิดว่าจะตรวจสอบเซียวหลินเทียนดู เซียวหลินเทียนกลับถอยหนี พลางเอ่ยเสียงขรึม “ข้ามิได้รับบาดเจ็บอันใด!”นอกจากเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยแล้ว เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดเลยชิวเหวินซวงถึงได้สติขึ้นมา คนที่เย่อหยิ่งเช่นเซียวหลินเทียน แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่มีทางให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้ว่า เขาถูกหลิงอวี๋ทำให้บาดเจ็บหรอกเหตุใดนางจึงรีบร้อนแสดงออกเช่นนี้ จนลืมสนใจเรื่องความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนไปได้นะ!เซียวหลินเทียนมองไปทางหลิงอวี๋ แล้วใจเขาก็สงบลงระวังความใจร้อนเข้าไว้ เขาจะไม่มีวันลืมคำกล่าวนี้
“หลิงอวี๋ ยาพิษที่เจ้าวางชิวเฮ่า แน่ใจหรือว่าเขาจะไม่ถึงแก่ชีวิต?”เซียวหลินเทียนยังต้องยืนยันให้มั่นใจสักหน่อย หากว่าหลิงอวี๋แค่ลงโทษชิวเฮ่าเพียงเล็กน้อย เขาก็ยอมได้!แต่หากถึงแก่ชีวิต เช่นนั้นก็ทนรับไว้ไม่ได้!“แน่อยู่แล้ว! หากเขาตาย ข้าก็จะชดใช้เขาด้วยชีวิตดีหรือไม่?”หลิงอวี๋แสยะมุมปากอย่างเย้ยหยัน พลางมองเซียวหลินเทียนอย่างยั่วยุเซียวหลินเทียนไม่คุ้นเคยกับสีหน้าเช่นนี้ของหลิงอวี๋เอามาก ๆ ได้แต่หันหน้าหนีไป“ดี ในเมื่อวันนี้ข้าเป็นผู้ตัดสินคดี เช่นนั้นพวกเราก็มาพูดแต่ละเรื่องกันให้กระจ่างชัดกันไป! พูดเรื่องของหลิงซินก่อนแล้วกัน!”หลิงอวี๋ประเมินในใจ แล้วพูด “หลิงหลานออกมาตอบ!”หลิงหลานหลบอยู่อีกทาง ตอนที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน ในใจนางก็ลอบคิดมาตรการรับมือไว้อยู่เมื่อได้ยินหลิงอวี๋เรียกตัวเอง หลิงหลานถึงได้เดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับแสร้งทำเหมือนว่าเจ็บหนักมากไปด้วย“พระชายา… บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ!” นางทำความเคารพหลิงอวี๋มองท่าทางที่เหมือนทำไปพอเป็นพิธีของนาง แล้วก็ยิ้มเย็นชา “หลิงซินออกมา!”ในมือของหลิงซินยังคงถือตะบองไม้อยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็
หลิงอวี๋ไม่รอให้ชิวเหวินซวงได้พูดอะไรอีก นางมองหลิงหลานอย่างเย็นชา “ต่อหน้าข้าเรียกแทนตัวเองว่าข้า...?”“หลิงหลานเจ้ามีตัวตนเช่นไร พูดอยู่ต่อหน้าข้า เจ้ามีสิทธิ์เรียกแทนตัวเองว่าข้าอย่างนั้นหรือ?”นางเตะหลิงหลานไปอีกทีอย่างหยาบคาย แล้วหลิงหลานก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างมิเต็มใจนักจู่ ๆ หลิงซินก็ฉลาดเป็นกรดขึ้นมาในวินาทีนี้ นางคุกเข่าตามลงไปทันที“พระชายาพูดถูก บ่าวรับผิดเจ้าค่ะ!”นางรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ คุณหนูเปลี่ยนไปเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแล้วจริง ๆ ยกข้ออ้างนี้มาพูดถูกต้องมาก ๆ ตบตีหลิงหลานแล้วยังทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ได้ด้วย!ชิวเหวินซวงคิดที่จะติดตามเอาผิดกับหลิงซิน แต่หลิงซินเองก็ยอมรับผิดไปแล้ว ทำให้นางพูดไม่ออกทันทีชิวเหวินซวงเกลียดชังอยู่ในใจสองวันมานี้หลิงซินก็ทำอวดดีกับตัวเองขึ้นมาเช่นกัน หากทำในที่ที่เป็นส่วนตัวก็ช่างมันเถิด แต่อยู่ต่อหน้าท่านอ๋อง กลับไม่มีสายตาเคารพกันเลย!หลิงหลานรู้ว่าตัวเองพลาดท่าเสียทีเข้าแล้ว นางลอบมองหลิงอวี๋ด้วยแววตาอาฆาต แต่ปากกลับเอ่ยอย่างว่าง่าย “บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!”“เรามาตัดสินคดีกันต่อ! หลิงหลาน เจ้าบอกว่าหลิงซินขโมยของ ขโมยอะไร?”หลิงอ
“คำไหนคำนั้น!”หลิงอวี๋ก็ไม่ได้กล่าวเลอะเทอะเรียกให้ลู่หนานมาข้าง ๆ แล้วกระซิบไปสองสามประโยคแม้หลิงซินยังคุกเข่าอยู่ แต่ในใจกลับตื่นเต้นหวั่นไหวอย่างหนักหน่วงปล่อยให้หลิงหลานและแม่นมเกาจนถึงชิวเหวินซวงคำนับให้ตน ให้นางระบายความแค้น นี่ก็เป็นเรื่องที่นางไม่กล้าฝันถึงเช่นกัน!คุณหนูของพวกนางทำได้จริงหรือ?หลิงเยว่ก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน แม้เขาจะตัวเล็กแต่ก็ฉลาดยิ่งนัก!จากบทสนทนาของคนเหล่านี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า ท่านแม่อยากช่วยพี่หลิงซินให้พ้นโทษการลักทรัพย์และยังต้องการให้สตรีชั่วหลายคนนั้นคำนับยอมรับโทษด้วย!แล้วท่านแม่จะทำได้อย่างไรเล่า?ในดวงตากลมโตเปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น! แต่เขากลับจับมือแม่นมลี่อย่างน่าเอ็นดูมาก ไม่ไปรบกวนท่านแม่เซียวหลินเทียนทรงฟังหลิงอวี๋กล่าวอะไรบางอย่างกับลู่หลานไม่ชัด เห็นเพียงลู่หลานมองเขาอย่างลังเลหลังได้ยินเซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ลู่หนาน พระชายาให้เจ้าทำสิ่งใดเจ้าก็ไปทำเถอะ! ไม่ต้องมาปรึกษาความเห็นจากข้าทุกครั้งหรอก!”ลู่หนานเลยไม่ลังเลอีก และทำตามคำสั่งของหลิงอวี๋เรียกองครักษ์ผู้หนึ่งแล้วออกไปหลังเวลาหนึ่งก้านธูป(1) ลู่หนานกั
“ผู้ใดกล่าวปดผู้ใดบริสุทธิ์! นี่ยังจำเป็นต้องไต่สวนอีกอยู่หรือไม่?”หลิงอวี๋มองชิวเหวินซวงเยาะหยัน “ชิวเหวินซวง ยินดีด้วยที่เจ้าพ่ายเดิมพัน! พวกเจ้าต้องคำนับแสดงการขออภัยต่อหลิงซิน!”ใบหน้าของชิวเหวินซวงอดกลั้นจนแดงไปหมด หยาดน้ำตาไหลรินอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้า… ข้าถูกหลิงหลานและแม่นมเกาหลอกเจ้าค่ะ!”“ข้ามิสนพวกเจ้าว่าใครหลอกใคร! น้ำตาของเจ้าก็ไร้ค่าสำหรับข้าเช่นกัน!”“หลิงซินถูกกล่าวหาและทุบตี พวกเจ้าไม่มีใครเห็นใจ! เหตุใด คิดว่าหลั่งน้ำตาหยดสองหยดจะทำให้ข้าเห็นใจพวกเจ้าได้งั้นรึ?”“หรือว่าอยากร่ำไห้ให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าเห็นอีกและบอกว่าข้าหลิงอวี๋รังแกคน?”วาจาของหลิงอวี๋ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย ทำให้สีหน้าเซียวหลินเทียนแปรเปลี่ยนไปเมื่อชิวเหวินซวงพบก็รีบเช็ดน้ำตาคุกเข่าลงตุ้บ“หลิงซิน ข้าขอโทษ ข้ามิควรเชื่อและฟังความหลิงหลานและแม่นมเกาเพียงข้างเดียว ทำให้เจ้าต้องกล้ำกลืนความอยุติธรรมแล้ว!”“ข้าให้เจ้าแสดงการขอภัย!”นางคำนับสามครั้งติดต่อกันถึงจะลุกขึ้นหลิงอวี๋คลี่ยิ้ม ชิวเหวินซวงผู้นี้เป็นคนมีความสามารถเสียจริง! ปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์!หลิงหลานกับแม่นมเกาเห็นชิวเห
หลิงหลานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นนางแต่งขึ้นมาแล้วจะกล่าวให้กระจ่างได้อย่างไรกัน!แต่ครั้นพบว่าเซียวหลินเทียนกำลังมองมาอยู่ด้านข้าง หลิงหลานไฉนเลยจะบอกว่าตัวเองแต่งเรื่องเพียงจำเป็นต้องกล่าวเท่านั้น “บ่าวเองก็จำว่าเป็นสถานที่ไหนเวลาใดได้ไม่ครบถ้วนแล้วเจ้าค่ะ!”“ถูกต้อง พระชายามิใช่ไปเรือนหยกอำไพหรือเจ้าคะ? ท่านให้บ่าวคอยอยู่ข้างนอก ตัวเองเข้าไปคนเดียวหนึ่งชั่วยาม(1)ถึงออกมา!”ครั้นหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ก็หัวร่อ นางมองหลิงหลานอย่างเย้ยหยัน “การเข้าไปเรือนหยกอำไพหนึ่งชั่วยามคือไปนัดพบ? หลิงหลาน งั้นเจ้าเห็นชายชู้ออกมาหรือไม่?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่ชอบสองคำว่า “ชายชู้” นี้เลย!หลิงอวี๋ไม่รู้จักละอายเลยหรือกระไร สองคำนี้คิดกล่าวออกมาตามอำเภอใจได้หรือ?“บ่าวมิเห็นเจ้าค่ะ นั้นมิใช่เพราะพระชายาปิดบังอยู่หรอกหรือเจ้าคะ?” หลิงหลานเอ่ยอย่างช่างพูด“อือ เมื่อเดือนก่อนข้าอยู่เรือนหยกอำไพพบบุรุษหนึ่งชั่วยามจริง!”คำพูดนี้ของหลิงอวี๋พลันทำให้คิ้วรูปดาบเซียวหลินเทียนเลิกขึ้นทันทีหลิงหลานเอ่ยขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องฉับพลัน “ท่านอ๋อง ทรงทอดพระเนตรเถิดเพคะ บ่าวม
ในขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดเช่นนี้ ในหัวก็ปรากฏวิธีการรักษาเกี่ยวกับโรคตาหลากหลายวิธีขึ้นมานางมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทันที จึงก้าวไปเรียกเขา “พี่ชาย ข้ามีทักษะการแพทย์อยู่บ้าง มิทราบว่าโรคตาของฮูหยินเว่ยที่เจ้าพูดถึงมีอาการอย่างไรหรือ บางทีข้าอาจจะช่วยรักษาโรคนี้ให้นางได้!”ลูกหาบผู้นั้นมองหลิงอวี๋ และเห็นว่านางสวมอาภรณ์ธรรมดา ๆ เขาจึงส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “หากเจ้ามีทักษะการแพทย์เพียงเล็กน้อยก็ช่างเถิด โรคตาของฮูหยินเว่ยนั้นมิได้รักษาง่ายถึงเพียงนั้น นางหาหมอมาหลายคนแต่ก็ล้วนจนปัญญาที่จะรักษาทั้งสิ้น เจ้าอย่าไปให้เสียเวลาเลย!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างดื้อรั้น “หากมิลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าทำมิได้! พี่ชาย เจ้าพาข้าไปเถิด หากข้ารักษาฮูหยินเว่ยได้ เจ้าเองก็จะได้รางวัลเช่นกัน!”ลูกหาบนึกถึงเงินสิบตำลึงที่ฮูหยินเว่ยมอบให้ตน แล้วก็คิดว่าคนจิตใจดีถึงเพียงนั้นมิควรตาบอดไปเช่นนี้เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วเอ่ยออกไป “ได้ ข้าจะพาเจ้าไป!”ผู้รอบรู้รีบตามไปอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของพวกลูกหาบเช่นกันหากน้องชายที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ผู้นี้สามารถรักษาโรคตาของฮูหยินเว่ยได้จริง ๆ เช
หลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นขึ้นมา ผู้รอบรู้ผู้นี้เป็นคนมีความสามารถในการสืบข่าว บางทีตลอดการเดินทางร่วมกันนี้อาจจะช่วยดูแลกันและกันได้“พี่ชาย ท่านก็จะไปเมืองหลวงแดนเทพเช่นกันหรือ!”หลิงอวี๋เป็นฝ่ายก้าวเข้าไปทักทายเขาก่อน “เมื่อคืนข้าได้ยินท่านเล่าเรื่องที่โรงเตี๊ยม ข้าชื่นชมในการเรียนรู้ของพี่ชายยิ่งนัก!”หลิงอวี๋มิกล้าใช้ชื่อเจียงอวี๋อีกต่อไปแล้ว เฉียวไป๋รู้จักชื่อนี้ และนางต้องป้องกันเบาะแสต่าง ๆ ที่จะเปิดเผยตัวตนเอาไว้ก่อนเมื่อคืนผู้รอบรู้ดื่มหนักมาก จนมิรู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ในโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นว่าคุณชายผู้นี้รู้จักตน ก็คิดว่าเขารู้จักตนที่โรงเตี๊ยมจริง ๆ จึงยิ้มและพยักหน้าให้ผู้รอบรู้อายุราว ๆ ยี่สิบปี หน้าตาหล่อเหลา แต่สวมอาภรณ์ค่อนข้างเรียบง่าย เห็นได้ว่าเขาขัดสนเงิน“เรือใหญ่ที่จะไปเมืองหลวงแดนเทพเหล่านั้น โดยปกติแล้วล้วนเป็นเรือที่ตระกูลร่ำรวยเช่าเอาไว้ มิอนุญาตให้พวกเราโดยสารไปด้วย!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างท้อแท้ “เรือขนส่งสินค้าก็มีการป้องกันเข้มงวดมาก หากไม่มีคนคุ้นเคยที่แนะนำให้ก็มิอนุญาตให้พวกเราโดยสารเช่นกัน!”หลิงอวี๋หามานานแล้วก็เป็นอย่างที่ผู้รอบรู้พูดจริ
หลิงอวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิดหากตนสังหารเฉียวเค่อไปจริง ๆ เช่นนั้นตนก็คือศัตรูของตระกูลเฉียวส่วนเฉียวไป๋นั้น ตนจับพลัดจับผลูช่วยเหลือเอาไว้ และตอนนั้นตนก็แปลงโฉมไปแล้ว ดังนั้นเฉียวไป๋จึงมิรู้ว่าตนก็คือหลิงอวี๋!หากเขารู้ เฉียวไป๋จะปล่อยตนไปหรือ?ตนไปสร้างเรื่องกับตระกูลที่มีอำนาจเช่นนี้ จนทำให้เกิดเงินรางวัลจำนวนมหาศาล และคนจากทุกเส้นทางต่างก็กำลังตามหาตนเพื่อเงินรางวัลเช่นนั้นการไปเมืองหลวงแดนเทพครั้งนี้จะต้องระวังให้มากขึ้นแล้ว!หลิงอวี๋คิดฟุ้งซ่านอยู่นานเท่าใดก็มิรู้ กระทั่งนางเรียกสติกลับคืนมา นางก็พบว่าคนในโถงรับแขกออกไปกันจำนวนมากแล้วส่วนผู้รอบรู้ผู้นั้นยังคงดื่มสุราอยู่ผู้เดียว ดูท่าทางเศร้าหมองยิ่งนักหลิงอวี๋ครุ่นคิด แล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขา“พี่ชาย ข้ากำลังวางแผนไปตามหาญาติที่เมืองหลวงแดนเทพ เห็นว่าท่านรู้เรื่องเมืองหลวงแดนเทพอยู่มาก ข้าขอถามอะไรท่านสักหน่อยได้หรือไม่?”หลิงอวี๋ให้เสี่ยวเอ้อร์นำสุราดีและอาหารเนื้อ ๆ มาให้อีกสองสามอย่าง ผู้รอบรู้ดื่มจนมึนเล็กน้อยแล้ว เมื่อเขาได้ยินว่ามีสุราและอาหารดี ๆ มาอีก เขาก็เหลือบมองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยถามออกไป “เจ้าอยากรู้เร
หลิงอวี๋กลับมาถึงที่โรงเตี๊ยมก็เห็นว่าวันนี้โรงเตี๊ยมคลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนทุกประเภทล้วนอยู่ที่นี่หลิงอวี๋สั่งอาหารสองสามอย่างกับเสี่ยวเอ้อร์ และให้เขานำอาหารไปส่งที่ห้องของตน และขณะที่นางกำลังจะกลับห้อง ในตอนที่เดินผ่านโถงรับแขกนั้น นางก็ได้ยินชื่อที่คุ้นเคย… หลิงอวี๋!หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่มิได้รีบหันกลับไป คราวที่แล้วเป็นเพราะนางได้ยินชื่อนี้แล้วหันกลับไป นางจึงถูกแม่ทัพผู้นั้นเผยเพ่งเล็ง ทั้งยังทำให้ป้าวเฉิงเกิดความสงสัยอีกด้วยหลิงอวี๋ หรือว่านี่คือชื่อจริงของตน?ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ก็สงสัยอยู่ และในใจของนางก็คิดว่าตนคือหลิงอวี๋ไปแล้วเช่นกันดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อนี้ นางจึงเดินไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดจากนั้นก็ได้ยินว่ามีคนเอ่ยขึ้นมา “ตอนนี้ตระกูลเฉียวเสนอรางวัลก้อนโตเป็นการนำจับสตรีชื่อหลิงอวี๋ รางวัลนั้นเป็นเงินจำนวนห้าล้าน! หากสามารถจับหลิงอวี๋ได้ พวกเราก็จะมีเงินกันเป็นกอบเป็นกำแล้ว!”ที่แท้ก็มิได้เรียกตน แค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาในการสนทนาก็เท่านั้นหลิงอวี๋ใจเต้นรัว แล้วหันกลับไปเอ่ยกับเสี่ยวเอ้อร์ “หากอาหารของข้าเสร็จแล้วก็ยกมาที่นี่แล้วกัน ข้าจะกินที่โถงรับแขก!”“ขอ
หลิงอวี๋ยังคงซ่อนตัวอยู่ในน้ำลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงคงถูกพิษของหลิงอวี๋จนตาบอดไปแล้ว ดังนั้นเก๋อฮุ่ยหนิงจะยิ่งไม่มีทางปล่อยตนไปแต่เก๋อฮุ่ยหนิงมิสามารถอยู่ที่ท่าเรือได้นานนัก ข้าหลวงเก๋อต้องรีบกลับไปรับตำแหน่งที่เมืองหลวงแดนเทพ จะเดินทางล่าช้าไปเพราะมาตามหาตนมิได้ขอเพียงตนซ่อนตัวอยู่จนถึงตอนค่ำ ก็จะขึ้นฝั่งโดยที่รอดพ้นจากสายตาของทุกคนได้ แล้ววันพรุ่งค่อยไปตามหาป้าวซวนเก๋อฮุ่ยหนิงมิสามารถอยู่ที่ท่าเรือได้นานดังเช่นที่หลิงอวี๋บอกไว้จริง ๆ นางพาลุงของนางไปหาหมอ แต่หมอทั่วไปที่ท่าเรือเหล่านี้ก็ไม่มีใครสามารถรักษาดวงตาของท่านลุงให้หายดีได้ลูกพี่ลูกน้องคนโตได้ยินข่าวก็รีบมาทันที เขาทั้งโกรธทั้งเคืองเก๋อฮุ่ยหนิง แต่ติดที่อำนาจของตระกูลเก๋อ ทำให้เขามิกล้าบ่นมากเกินไป“พี่ใหญ่ เป็นข้าเองที่ทำให้ท่านลุงลำบาก แต่ผู้ร้ายคือหมอเจียง ข้าจะให้ภาพเหมือนของนางกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องสังหารนางล้างแค้นให้ท่านลุงให้จงได้นะ!”เก๋อฮุ่ยหนิงรีบวาดรูปหลิงอวี๋มอบให้ลูกพี่ลูกน้องคนโตของนาง และสุดท้ายนางก็มอบเงินส่วนตัวทั้งหมดให้กับลูกพี่ลูกน้องคนโตไป เพื่อให้เขาไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาดวงตาของท่านลุงหล
“ตา… ตาของข้า!”ผู้ดูแลหลัวลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงยกมือทั้งสองขึ้นปิดตาไว้อย่างเจ็บปวดเก๋อฮุ่ยหนิงทั้งโกรธทั้งกังวล นางจึงตะโกนบอกลูกหาบที่ตามมา “รีบไปจับตัวสตรีผู้นั้นไว้ อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้!”เมื่อคนพวกนั้นเห็นว่าผู้ดูแลถูกหลิงอวี๋ทำให้บาดเจ็บ พวกเขาจึงพากันกระโดดลงน้ำไปจับตัวหลิงอวี๋ ตามคำสั่งของเก๋อฮุ่ยหนิงส่วนเก๋อฮุ่ยหนิงก็ประคองผู้ดูแลหลัว “ท่านลุง ข้าจะพาท่านไปหาหมอ!”หลิงอวี๋กระโดดลงไปในน้ำ แล้วนางก็ว่ายน้ำไปที่เรือเหล่านั้นเรือบรรทุกสินค้าจอดเทียบกันอยู่สะเปะสะปะ และกระจายกันอยู่เต็มบริเวณโดยรอบหลิงอวี๋ว่ายน้ำออกไปไกลภายในลมหายใจเดียว แล้วจึงกล้าโผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำอย่างเงียบ ๆ โดยอาศัยเรือบังเอาไว้ จากนั้นก็ว่ายน้ำต่อไปเนื่องด้วยการอาศัยเรือเหล่านั้นบดบังไว้ ทำให้หลิงอวี๋สามารถหลบเลี่ยงพวกลูกหาบที่ลงน้ำมาได้ชั่วคราวแต่นางมิสามารถขึ้นฝั่งได้ ตอนนี้เป็นตอนกลางวัน หากนางขึ้นฝั่งไป ด้วยเนื้อตัวเปียกโชกเช่นนี้ จะต้องดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างแน่นอน แล้วลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงก็จะจับตัวนางได้หลิงอวี๋เกาะเชือกของเรือลำหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำไว้ชั่วคราว ใจของนางเป็นห่ว
“น้องหญิง!”ในเวลาเพียงชั่วพริบตานั้น หลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ นางจึงดึงป้าวซวนเอาไว้ “เราไปดูที่ริมแม่น้ำกันเถิด เรือพวกนั้นกำลังบรรทุกสินค้ากันอยู่ ดูน่าสนใจยิ่งนัก!”เมื่อป้าวซวนถูกหลิงอวี๋ดึงตัวไปเช่นนั้น นางก็ตามไปอย่างมิอาจยื้อตนเองไว้ได้“น้องหญิง เก๋อฮุ่ยหนิงจะทำร้ายพวกเรา!”หลิงอวี๋เดินไปพลางกระซิบไปด้วย “เจ้าอย่าได้หันไปดู ทำเป็นว่ามิรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และเมื่อไปถึงเรือเหล่านั้น ข้าจะวิ่งไปด้านหนึ่ง ส่วนเจ้าก็วิ่งไปอีกด้านหนึ่ง พยายามวิ่งไปในที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากเข้าไว้!”“พี่หญิง เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”ป้าวซวนตกใจกลัวจนสีหน้าเปลี่ยน “เก๋อฮุ่ยหนิงจะทำร้ายพวกเราด้วยเหตุใด? ท่านพ่อของนางยังต้องการเจ้าอยู่มิใช่หรือ?”“ข้าเล่าให้ฟังมิทันแล้ว หลังจากที่เจ้าหนีออกไปให้พยายามหลีกเลี่ยงพวกนาง แล้วซ่อนตัวจนถึงวันพรุ่ง จากนั้นค่อยมาหาข้าที่ใต้หอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุดของท่าเรือ!”“หากว่าข้ามิมา เจ้าก็มิต้องรอ หาทางกลับไปหาครอบครัวด้วยตนเองเสีย!”หลิงอวี๋หันไปมอง แล้วก็เห็นว่าลูกหาบเหล่านั้นมิเดินอย่างเชื่องช้าแล้ว แต่กลับวิ่งมาทางพวกนางอย่างรวดเร็ว ดั
สองวันต่อมา เรือก็มาถึงท่าเรือฟู่จี๋ตามกำหนดการเดินทาง แล้วก็เป็นไปตามที่จื่ออวิ๋นบอก เมื่อเรือจอดเทียบท่า ผู้คุมเรือก็ให้ทุกคนลงจากเรือไปพักผ่อนครึ่งวันเหล่าสตรีของตระกูลเก๋ออยู่บนเรือกันมาหลายวันแล้ว เมื่อสามารถขึ้นไปเดินบนบกกันได้ทุกคนก็ต่างลงจากเรือกันอย่างกระตือรือร้น แม้แต่ฮูหยินเก๋อเองก็รอมิไหวที่จะลงจากเรือไปสูดอากาศบริสุทธิ์เช่นกันข้าหลวงเก๋อก็เชิญเฉียวไป๋ไปดื่มสุราและกินอาหารที่ภัตตาคาร เฉียวไป๋ก็พร่ำบ่นกับตระกูลเก๋อมาหลายวันแล้ว จึงยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญแล้วตามเขาไปเก๋อฮุ่ยหนิงเห็นว่าเฉียวไป๋ไปแล้ว นางก็แอบยิ้ม นางให้จื่ออวิ๋นไปแจ้งท่านลุงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่เหลือก็คือนางต้องหลอกล่อหลิงอวี๋ไปยังถิ่นของท่านลุง“หมอเจียง พวกเราก็ลงไปเดินเล่นกันเถิด ข้าได้ยินมาว่าท่าเรือฟู่จี๋แห่งนี้คึกคักมาก และสามารถเลือกหาของดี ๆ ได้มากมายทีเดียว!”แม้ว่าป้าวซวนจะมิได้เมาเรือแล้ว แต่นางก็ยังคงมิชอบความรู้สึกที่ต้องอยู่บนเรืออยู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงดึงหลิงอวี๋แล้วออดอ้อน “พี่หญิง เราก็ลงไปเดินเล่นกันเถิด!”หลิงอวี๋เห็นว่าทุกคนไปกันหมดแล้ว นางก็มิอยากอยู่บนเรือเช่นกัน ดั
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง