“คำไหนคำนั้น!”หลิงอวี๋ก็ไม่ได้กล่าวเลอะเทอะเรียกให้ลู่หนานมาข้าง ๆ แล้วกระซิบไปสองสามประโยคแม้หลิงซินยังคุกเข่าอยู่ แต่ในใจกลับตื่นเต้นหวั่นไหวอย่างหนักหน่วงปล่อยให้หลิงหลานและแม่นมเกาจนถึงชิวเหวินซวงคำนับให้ตน ให้นางระบายความแค้น นี่ก็เป็นเรื่องที่นางไม่กล้าฝันถึงเช่นกัน!คุณหนูของพวกนางทำได้จริงหรือ?หลิงเยว่ก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน แม้เขาจะตัวเล็กแต่ก็ฉลาดยิ่งนัก!จากบทสนทนาของคนเหล่านี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า ท่านแม่อยากช่วยพี่หลิงซินให้พ้นโทษการลักทรัพย์และยังต้องการให้สตรีชั่วหลายคนนั้นคำนับยอมรับโทษด้วย!แล้วท่านแม่จะทำได้อย่างไรเล่า?ในดวงตากลมโตเปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น! แต่เขากลับจับมือแม่นมลี่อย่างน่าเอ็นดูมาก ไม่ไปรบกวนท่านแม่เซียวหลินเทียนทรงฟังหลิงอวี๋กล่าวอะไรบางอย่างกับลู่หลานไม่ชัด เห็นเพียงลู่หลานมองเขาอย่างลังเลหลังได้ยินเซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ลู่หนาน พระชายาให้เจ้าทำสิ่งใดเจ้าก็ไปทำเถอะ! ไม่ต้องมาปรึกษาความเห็นจากข้าทุกครั้งหรอก!”ลู่หนานเลยไม่ลังเลอีก และทำตามคำสั่งของหลิงอวี๋เรียกองครักษ์ผู้หนึ่งแล้วออกไปหลังเวลาหนึ่งก้านธูป(1) ลู่หนานกั
“ผู้ใดกล่าวปดผู้ใดบริสุทธิ์! นี่ยังจำเป็นต้องไต่สวนอีกอยู่หรือไม่?”หลิงอวี๋มองชิวเหวินซวงเยาะหยัน “ชิวเหวินซวง ยินดีด้วยที่เจ้าพ่ายเดิมพัน! พวกเจ้าต้องคำนับแสดงการขออภัยต่อหลิงซิน!”ใบหน้าของชิวเหวินซวงอดกลั้นจนแดงไปหมด หยาดน้ำตาไหลรินอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้า… ข้าถูกหลิงหลานและแม่นมเกาหลอกเจ้าค่ะ!”“ข้ามิสนพวกเจ้าว่าใครหลอกใคร! น้ำตาของเจ้าก็ไร้ค่าสำหรับข้าเช่นกัน!”“หลิงซินถูกกล่าวหาและทุบตี พวกเจ้าไม่มีใครเห็นใจ! เหตุใด คิดว่าหลั่งน้ำตาหยดสองหยดจะทำให้ข้าเห็นใจพวกเจ้าได้งั้นรึ?”“หรือว่าอยากร่ำไห้ให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าเห็นอีกและบอกว่าข้าหลิงอวี๋รังแกคน?”วาจาของหลิงอวี๋ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย ทำให้สีหน้าเซียวหลินเทียนแปรเปลี่ยนไปเมื่อชิวเหวินซวงพบก็รีบเช็ดน้ำตาคุกเข่าลงตุ้บ“หลิงซิน ข้าขอโทษ ข้ามิควรเชื่อและฟังความหลิงหลานและแม่นมเกาเพียงข้างเดียว ทำให้เจ้าต้องกล้ำกลืนความอยุติธรรมแล้ว!”“ข้าให้เจ้าแสดงการขอภัย!”นางคำนับสามครั้งติดต่อกันถึงจะลุกขึ้นหลิงอวี๋คลี่ยิ้ม ชิวเหวินซวงผู้นี้เป็นคนมีความสามารถเสียจริง! ปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์!หลิงหลานกับแม่นมเกาเห็นชิวเห
หลิงหลานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นนางแต่งขึ้นมาแล้วจะกล่าวให้กระจ่างได้อย่างไรกัน!แต่ครั้นพบว่าเซียวหลินเทียนกำลังมองมาอยู่ด้านข้าง หลิงหลานไฉนเลยจะบอกว่าตัวเองแต่งเรื่องเพียงจำเป็นต้องกล่าวเท่านั้น “บ่าวเองก็จำว่าเป็นสถานที่ไหนเวลาใดได้ไม่ครบถ้วนแล้วเจ้าค่ะ!”“ถูกต้อง พระชายามิใช่ไปเรือนหยกอำไพหรือเจ้าคะ? ท่านให้บ่าวคอยอยู่ข้างนอก ตัวเองเข้าไปคนเดียวหนึ่งชั่วยาม(1)ถึงออกมา!”ครั้นหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดนี้ก็หัวร่อ นางมองหลิงหลานอย่างเย้ยหยัน “การเข้าไปเรือนหยกอำไพหนึ่งชั่วยามคือไปนัดพบ? หลิงหลาน งั้นเจ้าเห็นชายชู้ออกมาหรือไม่?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว เขารู้สึกไม่ชอบสองคำว่า “ชายชู้” นี้เลย!หลิงอวี๋ไม่รู้จักละอายเลยหรือกระไร สองคำนี้คิดกล่าวออกมาตามอำเภอใจได้หรือ?“บ่าวมิเห็นเจ้าค่ะ นั้นมิใช่เพราะพระชายาปิดบังอยู่หรอกหรือเจ้าคะ?” หลิงหลานเอ่ยอย่างช่างพูด“อือ เมื่อเดือนก่อนข้าอยู่เรือนหยกอำไพพบบุรุษหนึ่งชั่วยามจริง!”คำพูดนี้ของหลิงอวี๋พลันทำให้คิ้วรูปดาบเซียวหลินเทียนเลิกขึ้นทันทีหลิงหลานเอ่ยขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องฉับพลัน “ท่านอ๋อง ทรงทอดพระเนตรเถิดเพคะ บ่าวม
“เรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยสูงนี่!”สองวันนั้นที่หลิงอวี๋เอนนอนบนเตียงก็ทวนความทรงจำในช่วงเวลาใกล้ ๆ นางจึงรู้แจ้งว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นบ้าง“หลิงหลาน เจ้าแน่ใจหรือว่าครานั้นข้าไปนัดพบ?” หลิงอวี๋กล่าวถามเวลานี้หลิงหลานหวั่นน้ำเสียงที่หลิงอวี๋ใช้กล่าวถามนางที่สุด นางมักรู้สึกว่าด้านในมีหลุมพรางกำลังรอนางทะลวงลงไป!แม้คำพูดนั้นล้วนกล่าวมาไม่เป็นความจริงก็ตาม หลิงหลานก็ยังจะยืนกระต่ายสามขาเช่นเดิม“ครานั้นพระชายาผมเผ้ายุ่งเหยิงสวมเสื้อผ้ารุ่งริ่งไม่เรียบร้อย มิใช่ไปนัดพบแล้วจะไปทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ?”คราวนี้หลิงอวี๋ก็ไม่สามารถหยิบยกกล่าวถึงเรื่องเสิ่นเจียหยินกับเสิ่นจวนได้อีก!ไฉนเลยจะไปคิดว่า หลิงอวี๋จะหัวเราะอีกแล้ว นางกวักมือเรียกเอ่ยว่า “หลิงซิน มาตบนางสิบฝ่ามือเสียก่อน!”หลิงซินทนมองหลิงหลานใส่ร้ายหลิงอวี๋ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ไหวอีก เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พรวดพราดเข้าไปแล้ว“พระชายา ท่านมีสิทธิ์อะไรมาตีบ่าว! ท่านมีคำอธิบายเรื่องนี้หรือไร!”“หากบ่าวใส่ความ ท่านจะตีบ่าวยี่สิบฝ่ามือ บ่าวก็จะยอมรับ!”หลิงหลานตะโกนขึ้น “แต่ท่านล้วนกล่าวไม่กระจ่างก็จะตีคนก่อน บ่าวไม่ยอมรับ!”“ท่านอ๋อ
การกระทำของหลิงซินทั้งรวดเร็วและดุร้าย ครั้นรอให้ตีเสร็จสามสิบฝ่ามือปรางแก้มสองข้างของหลิงหลานล้วนบวมเป่ง และนางก็ทรุดตัวลงกับพื้น“มาคุยกันต่อเถอะ! ข้ายังมีอะไรไม่อาจแพร่งพรายได้อีก! วันนี้ข้าผู้เป็นพระชายาให้โอกาสเจ้าปรึกษาพูดคุยอย่างดี!”หลิงอวี๋กล่าวถามด้วยรอยยิ้มใบหน้าหลิงหลานปูดบวม ไฉนเลยจะพูดได้!มิหนำซ้ำนางเข้าใจแล้ว วันนี้หลิงอวี๋มีเจตนากรมณ์มาแก้ข่าวให้ตัวเอง นางไม่มีหลักฐานอันเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรผลสุดท้ายก็จะคงเดิม“เหตุใดไม่กล่าวแล้วเล่า? มิใช่ว่าเจ้าเคยพูดว่า ข้าว่าท่านอ๋องไร้ประโยชน์กระทำเรื่องด้านนั้นมิได้หรอกรึ?”“วันนี้เจ้าก็กล่าวต่อข้าผู้เป็นพระชายา… ให้กระจ่าง ข้ากล่าวคำพูดนี้ที่ไหนเวลาใดรึ?”หลิงอวี๋บีบคั้นไปทีละก้าว น้ำเสียงดุดันขึ้นในแต่ละประโยค“พระชายา บ่าว… บ่าวผิดไปแล้ว… คำพูดเหล่านั้นบ่าวล้วนฟังหลิงผิงมาทั้งสิ้น บ่าวมิเคยได้ยินพระชายาเอ่ยเลยเจ้าค่ะ!”“บ่าวมิควรเชื่อหลิงผิง เรื่องนี้เป็นนางพูดทั้งนั้น พระชายาไปไต่สวนหลิงผิงเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงหลานถูกหลิงอวี๋ทำให้ประหวั่นพรั่นพรึงแล้ว นางร่ำไห้สะอึกสะอื้นและโยนให้ปัญหาหลิงผิงอย่างไรหลิงผิง
คำพูดร่ายยาวของหลิงอวี๋ทำเอาทุกคนตกตะลึงลู่หนานมองหยกห้อยเอวอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าลวดลายนี้มันจะยังมีรายละเอียดพิถีพิถันเหล่านี้ด้วย!เซียวหลินเทียนก็หมดคำพูด เขามิได้ศึกษาเกี่ยวกับของชิ้นนี้เลยจริง ๆ แต่เมื่อก่อนมักจะได้ยินอันเจ๋อเพื่อนสนิทของเขาโจมตีตัวเขาอยู่บ่อย ๆ ว่าเสื้อผ้าที่เขาใส่มันล้าสมัยแล้ว!เครื่องประดับเองก็ไม่ได้ตามสมัยเช่นกัน!เขาฟังแล้วก็ปล่อยผ่านมันไป ไม่เคยเอาคำพูดเรื่อยเปื่อยของอันเจ๋อมาใส่ใจเลยในสายตาของเขา ผู้ชายควรจะตั้งมั่นอยู่กับเป้าหมายที่สูงเข้าไว้พวกเรื่องรูปแบบเสื้อผ้าที่พิถีพิถันเหล่านี้ นั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทั่ว ๆ ไปถึงจะให้ความสนใจ!เขาไม่เคยรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่มีอะไรที่มันไม่เหมาะสม พวกลู่หนานเองก็ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากมายกับเรื่องพวกนี้ มีหรือจะนึกถึงว่าในนี้จะมีรายละเอียดเหล่านี้อยู่!ครั้งนี้ชิวเหวินซวงทึ่งกับหลิงอวี๋มาก หลิงอวี๋ผู้นี้นับวันจะยิ่งฉลาดมากขึ้นทุกทีแล้ว!พูดน้อยก็จะผิดพลาดน้อย!ตอนนี้นางจะต้องพิจารณาหลิงอวี๋เสียใหม่ก่อน แล้วค่อยแข่งขันกับนาง!หลิงผิงถูกตัดเอ็นร้อยหวายไปแล้ว หลังจากวันนี้ก็จะไม่สามารถใช้งาน
“คุณหนู… จู่ ๆ ก็ได้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงมาฟรี ๆ ! หากหลินผิงนั่นรู้เข้า จะไม่โกรธตายเลยหรือเจ้าคะ!”พอออกมาจากตำหนักอ๋องอี้แล้ว หลิงอวี๋ก็ให้หลิงซินเอาหยกห้อยเอวไปขายก่อนเป็นอันดับแรก หลิงซินขายได้เงินมาหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่เลย!“หลิงซิน เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า หยกห้อยเอวนั่นเป็นของหลินผิง?”หลิงอวี๋ถือโอกาสสอนนางรับใช้ผู้นี้เสียเลย นางยิ้มเยาะพลางบอก “เงินในมือของหลิงผิงมีมากถึงขนาดไปซื้อหยกห้อยเอวได้ที่ไหนกัน หรือต่อให้จะซื้อ ก็จะต้องซื้อแค่รูปแบบของผู้หญิง!”“เจ้าลองคิดดูดี ๆ ว่าหยกห้อยเอวนี้เป็นของผู้ใด?”หลิงซินใช้สมองพยายามคิดแม่นมลี่มีประสบการณ์มามากกว่านาง พอนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “พ่อบ้านฟั่นเป็นคนใส่เข้าไป! ที่เขาไปค้นตัว ก็เพียงเพื่อที่เขาจะมีโอกาสเอาหยกห้อยเอวรูปแบบผู้ชายนั้นมาใส่ร้ายคุณหนู!”“แม่นมลี่ฉลาดนัก!”หลิงอวี๋เอ่ยพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “พ่อบ้านฟั่นเอาหยกห้อยเอวที่มีมูลค่าสองร้อยตำลึงมาใส่ร้ายข้าได้ง่าย ๆ ! เขาที่เป็นพ่อบ้านคนหนึ่ง จะใจกว้างถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไร?”เพราะว่าแม่นมลี่มาจากเรือนที่มีความกว้า
วันรุ่งขึ้นเป็นวันครบรอบการตายของหลานฮุ่ยจวน ก่อนรุ่งสาง แม่นมลี่ก็เร่งให้ทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง แล้วรีบไปไหว้หลายฮุ่ยจวนที่วัดชิงเหลียนซึ่งอยู่นอกเมืองยี่สิบลี้แม่นมลี่เตรียมอาหารให้ทั้งสามคนไว้ให้เอาไปกินระหว่างทางหลิงอวี๋แต่งตัวให้หลิงเยว่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ยกของเดินออกไป แล้วแม่นมลี่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานเอาแต่สนใจซื้อของ ๆ ๆ จนลืมจองรถม้าไปเลยแม่นมลี่ส่งของให้หลิงซิน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปเรียกรถที่ถนน!”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ในตำหนักไม่มีรถม้าหรือ?”แม่นมลี่สีหน้าลำบากใจ “หากท่านอ๋องไม่ได้สั่ง ที่โรงม้าก็ไม่สามารถเตรียมรถม้าให้พวกเราได้เจ้าค่ะ!”“ไม่ลองจะรู้ได้เยี่ยงไรกัน!”หลิงอวี๋นึกขึ้นได้ว่า หลิงเยว่กับปี้ไห่เฟิงผู้ดูแลโรงม้ามีมิตรภาพที่ดีต่อกัน จึงหันไปมองแล้วพูด“เยว่เยว่ เจ้าไปกับแม่นมลี่! พวกเราออกเงินก็น่าจะได้แล้ว!”หลิงเยว่ตอบรับอย่างแข็งขัน แล้วเดินจับมือกับแม่นมลี่เข้าไปหลิงอวี๋รอไม่นาน รถม้าก็พาหลิงเยว่ออกมาจากประตูด้านข้างแล้ว คนที่บังคับรถม้าก็คือปี้ไห่เฟิงนั่นเองนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เจอป