“แม่นม ก่อนหน้านี้เป็นข้าเองที่สับสน หลังจากนี้ข้าจะไม่มีทางสับสนอีกต่อไปแล้ว! รอให้ข้าหาเวลา ไปยอมรับผิดกับท่านปู่ ไปขอให้เขายกโทษให้ข้า!”“ทางด้านท่านตา ข้าก็หาเวลาไปตามหาเขาเช่นกัน!”ในความทรงจำของหลิงอวี๋ ไม่เพียงแต่ท่านเสนาบดีที่ปฏิบัติต่อนางอย่างดี ท่านอัครเสนาบดีก็รักนางมากเช่นกัน!หลิงอวี๋ลูบจมูกอย่างรู้สึกผิด พลางพูดอย่างจริงใจ“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว! ท่านเสนาบดีคอยดูคุณหนูเติบโต รักคุณหนูมาก ๆ มาตลอด มีหรือจะโกรธคุณหนูจริง ๆ ได้ลง!”แม่นมลี่พูดอย่างจริงใจ “คุณหนูเป็นลูกหลานในตระกูล ขอเพียงคุณหนูก้มหัวยอมให้ก่อน มีหรือจะโกรธกับท่านเสนาบดีไปตลอดชีวิตเพราะคำพูดที่เกิดจากความโกรธของท่านเพียงชั่วครู่!”“อื้ม ๆ ! ข้าเชื่อฟังเจ้าทั้งหมด!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างเชื่อฟังขึ้นเขากันมาได้หนึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ถึงภูเขาด้านหลังของวัดชิงเหลียนแล้ว แม่นมลี่อายุมากแล้วเดินไปก็ขาสั่นไปหมดหลิงเยว่เป็นเด็ก แม้ว่าจะขาเล็ก ๆ จะปวด แต่กลับยืนหยัดอยู่โดยไม่งอแงเลยหลิงซินคิดจะไปแบกเขา เขาก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้ความพลางพูด “พี่หลิงซินแบกเครื่องเซ่นไหว้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว! เยว่เยว่ช่วยเหลืออะไ
หลิงอวี๋ตัวน้อยในความทรงจำยืนอยู่ที่ประตู เห็นว่าหลิงเสียงเซิงผลักหลานฮุ่ยจวนล้มลงกับพื้น นางไอออกมาหลายครั้ง แล้วกระอักเลือดสีดำออกมาจำนวนมากหลิงเสียงเซิงพบหลิงอวี๋ตัวน้อยที่หน้าประตู ก็ก่นด่า “เจ้าผู้หญิงบ้า เจ้าทำให้ลูกตกใจ!”เขาอุ้มหลิงอวี๋ตัวน้อยขึ้นแล้วเดินออกไปผ่านไปไม่กี่วัน หลานฮุ่ยจวนก็ตายวันนั้นหลิงอวี๋ตัวน้อยตกใจมากจนป่วยหนัก ไปร่วมพิธีศพอย่างมึนงง ความทรงจำที่มีต่อหลานฮุ่ยจวนเลือนรางมากหลิงอวี๋ยืนมองอยู่ในมุมของคนที่มองเข้าไป ก็เห็นอะไรแปลก ๆ เยอะมากหลานฮุ่ยจวนตายไปยังไม่ทันครบปี หลิงเสียงเซิงก็ทนไม่ไหวไปพาอนุภรรยาตระกูลหวังมาอยู่ด้วย!แล้วนางก็กระอักเลือดสีดำออกมา!นี่มันคล้ายกับอาการที่ได้รับพิษมาก!หรือว่าในปีนั้นหลายฮุ่ยจวนจะตายอย่างแปลกประหลาดจริง ๆ ?นางไม่ได้ตายแบบปกติ แต่ถูกคนวางยาพิษหรือ?คำพูดนั้นที่หลานฮุ่ยจวนพูด ‘พวกเจ้าทำร้ายข้า...’บางทีนี่อาจจะไม่ได้หมายถึงทำร้ายความรู้สึกของหลานฮุ่ยจวน!แต่มันหมายถึงทำร้ายชีวิตของนาง?หากอยากจะหาสาเหตุการตายของหลานฮุ่ยจวนในแน่ชัด ยังต้องหาโอกาสไปหาที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอีก ตอนนี้หลิงอวี๋จึงทำได้เพียงแค่ป
หลิงอวี๋เห็นนางรับใช้ร่างใหญ่หน้ากลมผู้นี้มีผิวขาวผ่อง แม้จะด่าตน แต่ประโยคสุดท้ายกลับมีท่าทีพูดที่ดีเพื่อตนเสียอย่างนั้นนางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเขาร้องของความช่วยเหลือ… เทือกเขารกร้างห่างไกลนี้มิมีผู้ใดมาช่วยพวกเจ้าได้หรอก!”“ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้าเป็นโรคหอบหืด! พลังหยิน(1)ในเขาลึกหนักเกินไป ทำให้หอบหืดกำเริบขึ้นง่าย!”หลิงอวี๋ล้วงยาพ่นหอบหืดในมือออกมา กล่าวว่า “นี่คือโอสถสรรพคุณพิเศษของข้า ให้นางสูดหายใจเข้าสักหน่อยแล้วนางจะพ้นอันตราย!”แม่นมเว่ยมองขวดประหลาดบนมือหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าระมัดระวัง มิเชื่อคำพูดนางอย่างเด่นชัด“แบบนี้...”หลิงอวี๋เปิดฝาพ่นใส่จมูกของตัวเองสองสามทีแล้วกล่าว“แม่นมเจ้าดูสิ ไม่มีสิ่งใดมิเหมาะ! ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้ายังเป็นโรคกลัวด้วย หากหายใจไม่ออกมาจะม่องเท่งเอานะ!”“แม้พวกเจ้าจะไปเรียกคนแล้ว แต่ถ้าฮูหยินใหญ่ยังมิได้รับการรักษาตัวอยู่อีก คาดว่าจะรอไม่ทันคนมาน่ะสิ! เจ้าดูนี่ สีหน้าฮูหยินใหญ่ม่วงหมดแล้ว!”แม่นมเว่ยก้มศีรษะต่ำลงมอง เห็นฮูหยินใหญ่ของตัวเองสีหน้าม่วงจริง เพียงหายใจออกแต่ไม่หายใจเข้าแล้ว!นางรีบจับมือฮูหยินใหญ่ทันควัน ก่อนจะตะโ
หลิงอวี๋เห็นฮูหยินใหญ่กำลังมองตนอย่างกอดความหวังไว้เช่นกัน นางจึงยิ้มสักพักกล่าวว่า“ขออภัยฮูหยินใหญ่ โรคเจ็บป่วยนี้จะกำเริบขึ้นบ่อยครั้ง ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้!”ดวงตาของฮูหยินใหญ่หมองลง หลิงอวี๋ค่อนข้างอดกลั้นไม่ไหว ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง นางจนปัญญาทนสายตาที่สิ้นหวังของผู้ป่วยเป็นที่สุดนางรีบกล่าวปลอบโยนว่า “แต่ข้าสามารถสอนหลายวิธีป้องกันการกำเริบต่อท่านได้! ท่านทำตามสิ่งที่ข้าบอกและดูแลรักษาให้ดีก็จะไม่กำเริบง่าย ถึงขั้นไม่กำเริบในอนาคตอีกด้วย!”อ่า มีดีขนาดนี้เชียวหรือ?แม่นมเว่ยกล่าวทันทีว่า “ฮูหยิน พวกเราจะไปทำตามวิธีที่ท่านสอนแน่นอน ท่านช่วยบอกว่าควรใส่ใจกับสิ่งใด! ไป่ซุ่ย เจ้าก็ตั้งใจช่วยฮูหยินใหญ่จำด้วย!”หลิงอวี๋ตอบว่า “ข้อแรกคือใส่ใจการบริโภค กินแค่ของอ่อนและกินผักผลไม้ให้มากเช่น ไชเท้าและบวบเป็นต้น พวกมันมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ขับเสมหะและล้างปอด เป็นประโยชน์ต่อคนเป็นโรคหอบหืดอย่างยิ่ง”หลิงอวี๋บอกไป่ซุ่ยเกี่ยวกับอาหารที่ควรเลี่ยงและกินได้ ครั้นดูท่าทีของไป่ซุ่ยที่จดจำลำบาก นางก็กล่าวขึ้นว่า“สักครู่ข้าจะไปยืมพู่กันกับกระดาษเขียนให้เจ้าแล้วกัน!”ไป่ซุ
หลิงอวี๋และทั้งสี่คนถูกไป่ซุ่ยพาไปลานจวนเล็ก ๆ ลานหนึ่งที่อยู่ข้างกัน ลานจวนนี้สะอาดเรียบง่ายเป็นสถานที่พักผ่อนรวมตัวตระกูลที่เป็นสตรีครั้นรอให้ไป่ซุ่ยออกไป แม่นมลี่ให้หลิงซินไป ก่อนจะดึงหลิงอวี๋มาข้าง ๆ เอ่ยเสียงแผ่ว“คุณหนู ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดบ่าวถึงสนับสนุนให้อยู่ต่อ?”หลิงอวี๋เดาว่าแม่นมลี่คงไม่เสนอให้ตนอยู่ต่อหากไม่มีสาเหตุจึงเอ่ยถามเสียงเบา“เป็นเพราะฮูหยินใหญ่เหลียงผู้นั้นมีฐานะที่พิเศษรึ?”แม่นมลี่มองนางอย่าจนปัญญา กล่าวเสียงแผ่วว่า “คุณหนู ท่านลืมไปแล้วรึ เมื่อท่านยังเด็กเคยพบนาง...นางแซ่เหลียง… ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันคือฮ่องเต้อู่อันและหมู่เฟย(1)ของฮ่องเต้ก็แซ่เหลียงเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกตะลึงชั่วขณะ เอ่ยถามว่า “หรือว่านางคือไทเฮา?”หลิงอวี๋รู้เพียงว่าฮูหยินใหญ่ผู้นี้มีฐานะสูงศักดิ์ สง่าเกรียงไกร ยังคิดว่าเป็นคุณท่านหญิงจากสกุลร่ำรวยมากอำนาจจากบางแซ่ผู้ใดจะไปรู้ว่าเป็นไทเฮาในพระราชวัง!“นั่นน่ะสิ! คุณหนู… เมื่อครู่บ่าวเป็นห่วงท่านแล้ว! หากท่านรักษาไทเฮาไม่หาย พวกเราต้องตายกันหมดเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ประสานมือ ก่อนจะท่องนะโม อมิตาภพุทธะ แล้วเอ่ยว่า “ยังดีที่คุณหนูช่วยชีว
ด้วยตำรับอาหารบำรุงสุขภาพที่ทำตามคำแนะนำของหลิงอวี๋ กอปรกับโอสถพ่นหอบหืดที่หลิงอวี๋ให้ ไทเฮาเหลียงหลับเสถียรภาพตลอดคืนไทเฮาก็รู้สึกร่างกายผ่อนคลายจากที่ไม่เป็นมาก่อน นางก็คลี่ยิ้มพึงพอใจ“ทั้งหมดนี้ต้องยกคุณงามความดีให้ชายาอ๋องอี้! อายเจียรู้สึกว่าถ้าดูแลอย่างนี้ต่อไป อายเจียจะมีชีวิตถึงร้อยปีจริง ๆ ”“เป็นเช่นนั้นแน่นอนเพคะ! ไทเฮามีวาสนาดี… ออกตำหนักก็บังเอิญพบกับผู้สูงศักดิ์แล้ว!”“บ่าวจะไปคอยปรนนิบัติไทเฮาเสวยพระกระยาหารเช้า! ชายาอ๋องอี้บอกว่าหลังเสวยเสร็จก็พักผ่อนครึ่งชั่วยาม นางจะรอท่านอยู่ลานครึ่งทางขึ้นเขาวัดเพื่อชี้แนะวิธีรำไทเก๊กท่าน!”“ดีเลย… แม่นมเว่ย เจ้าควรศึกษาทีหลังด้วย! พวกเราจะได้อายุยืนยาว… เจ้าจะได้อยู่เคียงข้างอายเจียหลาย ๆ ปี” ไทเฮาเหลียงรู้สึกยินดีสุดซึ้งแม่นมเว่ยพยักหน้าส่งยิ้มตอบ “ไทเฮาทรงโปรดปรานรักใคร่ บ่าวจะหมั่นเพียรศึกษาตามอย่างแน่นอน บ่าวจะอยู่คอยปรนนิบัติไทเฮาพันปีพันพันปีเลยเพคะ! ”“ปากเจ้าทาน้ำผึ้งหรือ? เลือกวาจาน่าฟังเสมอเลย… อะไรพันปีกัน อายเจียไม่คาดหวัง มีชีวิตร้อยปีก็พอใจแล้ว!”ไทเฮาเหลียงเสวยพระกระยาหารเช้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง และแม่นมเ
“คุณหนู ทำเช่นไรดีเจ้าคะ?”“งานเฉลิมฉลองของไทเฮาเชิญท่านไป เราก็ต้องเตรียมของขวัญถวายไทเฮา ยังต้องซื้อชุดเสื้อผ้าให้ท่านสวมไปงานด้วย!”ระหว่างทางกลับ แม่นมลี่นึกถึงเงินห้าสิบตำลึงที่หลิวอวี๋ให้ตนก็เกิดความกลุ้มใจของขวัญถวายไทเฮามิอาจกระจอกงอกง่อยได้ เสื้อผ้าที่คุณหนูสวมเข้าวังก็มิอาจะกระจอกงอกง่อยได้เช่นกัน!นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ผลาญเงินยิ่ง แต่เหลือเวลาแค่สิบกว่าวันก็ถึงวันงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพแล้ว จะไปหาเงินได้จากไหนเล่า!หลิงอวี๋กล่าวคัดค้านว่า “แม่นม พระนางแค่พูดตามพิธีรีตองเท่านั้น ไยเจ้าคิดเป็นจริงเป็นจัง!”“อ่า ตามพิธีรีตอง? เป็นไปมิได้! คำพูดดั่งทองวาจาดั่งหยกของไทเฮา จะตรัสความเท็จได้เยี่ยงไร?” แม่นมลี่ผงะสักพัก“เมื่อก่อนในวังจัดงานเฉลิมฉลองอะไรก็ไม่เคยเชิญข้า! ไทเฮาจะทรงละเว้นได้เยี่ยงไร!”หลิงอวี๋ยิ้มอ่อนจาง “ข้าช่วยคนเป็นหน้าที่ ไม่อยากได้อะไรจากพระนาง! แม่นมก็อย่าพะวงไป… หากต้องพะวงจริง ๆ ก็คอยจนกว่าจะได้เห็นบัตรเชิญค่อยว่ากันเถอะ!”ครั้นแม่นมลี่ได้ฟังคำพูดเช่นนี้ของนางก็หวนนึกถึงทัศนคติของราชวงศ์ที่มีต่อหลิงอวี๋กับหลิงเยว่ก็เลยไม่กอดความหวังแล้วเช่นกัน!ทั้งส
เสิ่นจวนเห็นเจิงจื่ออวี้เสียหน้าก็พลันช่วยพูดทันควัน “อย่าว่าแต่เรื่องดูแคลนอันใดเจ้า ตัวข้าสามารถดูแคลนเจ้าได้ประเดี๋ยวนี้เลย!”“หากเจ้าไม่มีเงินกินข้าวจริง ๆ มาเป็นนางรับใช้ให้ข้าสักวัน แล้วข้าจะช่วยค่าอาหารของวันนี้แก่เจ้าเป็นเช่นไร?”สตรีที่กำลังจ้องหลิงอวี๋อย่างอาฆาตคือฉินรั่วซือ น้องสาวของฉินซานนางทนไม่ไหวเลยกล่าวเสียงเย็นชา“เสิ่นจวน นางเลือกภัตตาคารจี๋เสียงแล้วกลับยังต้องการให้เจ้าออกเงินช่วยอีกรึ!”“นางยังติดหนี้เกิ่งเอ้อเหยอยู่เลย ถ้านางจะเข้าไปยืมอีกก็ไม่เห็นจะเป็นไร! ลำบากขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีก!”คุณหนูคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก แม้การพรรณนานี้จะหยาบ แต่เหมาะกับหลิงอวี๋ยิ่ง!เมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจหลิงอวี๋กลับเต้นผิดจังหวะ คาดมิถึงว่านี้คือภัตตาคารที่เกิ่งเอ้อเหยเปิดกิจการ?นางกำลังใคร่ครวญว่า จะไถ่ถอนมรดกตกทอดวงศ์ตระกูลของเซียวหลินเทียนกลับมาอย่างไรดีและคืนเงินกู้ดอกเบี้ยสูงที่ตัวเองติดค้าง!นี่คือการหลับในแล้ววิ่งชนหมอนจริงๆ(1)ชัด ๆ!ในบรรดาร้านยาสมุนไพรพวกนั้นไม่มีความรู้สรรพคุณยาเสียเลย แต่เกิ่งเอ้อเหยเป็นคนในยุทธภพเช่นนี้ต้องรู้เป็นแน่!
เผยอวี้ตะลึงไปเล็กน้อย และกำลังจะเอ่ยถามออกไป แต่ก็ถูกหลิงอวี๋แย่งคบเพลิงไปเสียแล้วหลิงอวี๋ถือคบเพลิงส่องไปด้านข้าง แล้วเผยอวี้ก็เห็นว่าเถาวัลย์หนาเส้นหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อยเขายังคิดว่าตนเองตาฝาด ที่นี่ก็ไม่มีลม แล้วเถาวัลย์จะเคลื่อนไหวได้อย่างไรกัน?หลิงอวี๋จึงหมุนคบเพลิงไปโดยรอบ และสิ่งที่สายตาของนางมองเห็นก็ทำให้นางรู้สึกหายใจติดขัดเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ใหญ่เหล่านั้นมิใช่เถาวัลย์ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นงูพิษฝูงงูที่อยู่กันอย่างหนาแน่นนั้น บางตัวก็มีขนาดเท่าปากชาม และลวดลายบนตัวก็มีสีคล้ายกับเถาวัลย์ หากมิสังเกตก็จะคิดว่าเป็นเถาวัลย์“นั่นงูหรือ?”เสียงของผู้รอบรู้ลดต่ำลงทันที และเริ่มสั่นเครือขึ้นมาโดยมิรู้ตัว “สวรรค์ งูมากถึงเพียงนั้น นี่… นี่… นี่ต้องเป็นหมื่นตัวกระมัง!”เผยอวี้ก็เห็นอย่างชัดเจนเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินคำพูดของผู้รอบรู้ เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัวทันทีเขาเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูมากมายได้อย่างมิเกรงกลัว แต่งูมากถึงเพียงนี้… เขาจะสังหารได้หมดหรือ?“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”เสียงของเผยอวี้ก็สั่นขึ้นมาโดยมิรู้ตัวเช่นกัน“ค่อย ๆ ถอยออกไปก่อน! ห้ามส่
ที่จริงแล้วหลิงอวี๋มิได้หลับ แต่นางกำลังครุ่นคิดเรื่องราวหลังจากนี้อยู่เมื่อได้ยินคำตำหนิอย่างโกรธเคืองของเผยอวี้ เปลือกตาของหลิงอวี๋ก็กระตุก แต่ก็มิอยากตามเผยอวี้ไปตามหาเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเป็นศัตรูของตน นางอยากจะให้เขาตาย แล้วความเป็นความตายของเขาเกี่ยวอะไรกับตนเล่า!แต่ภาพก่อนหน้านี้ก็แวบขึ้นมาตรงหน้า ภาพที่เซียวหลินเทียนโยนนางไปบนต้นไม้ฝั่งตรงข้าม เพื่อป้องกันมิให้นางตกเข้าไปในปากของสัตว์ประหลาด มิฉะนั้นหากนางตกลงไป หากมิถูกสัตว์ประหลาดกัดตายก็คงถูกสัตว์ประหลาดเหยียบจนตายไปแล้วเมื่อนับเรื่องนี้แล้ว ก็นับว่าเซียวหลินเทียนช่วยตนไว้เช่นกันหลิงอวี๋จึงลืมตาขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แล้วเอ่ยออกไป “พี่ใหญ่ พวกเราก็ไปตามหาเขาด้วยเถิด!”เนื่องเซียวหลินเทียนเองก็ลงมาเพื่อตามหาผู้รอบรู้เช่นกัน ดังนั้นผู้รอบรู้จึงมิคัดค้านแล้วพยายามลุกขึ้นเผยอวี้เดินอยู่ข้างหน้า เมื่อเขาได้ยินว่ามีเสียงจากด้านหลัง ก็รู้ว่าพวกหลิงอวี๋เดินตามมาแล้วเช่นนี้แล้วเผยอวี้จึงรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยแม้ฮองเฮาจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็ยังมีความจิตใจดีอยู่มิเปลี่ยนแปลงเผยอวี้ถือคบเพลิงแล้วเดินไปอย่างช้า
เมื่อผู้รอบรู้ได้ฟังที่เผยอวี้พูดมาก็มิรู้ว่าควรจะเชื่อใครแล้ว“สิงจั๋ว ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็ยังไปไหนมิได้อยู่แล้ว เจ้าลองไปถามพี่น้องในอดีตของเจ้าดูก็ได้ว่าความเป็นจริงเป็นเช่นนี้หรือไม่?”เผยอวี้เอ่ยอย่างอดทน “เจี่ยงหัวถูกจักรพรรดิของเราสังหารไปแล้ว เขาทรยศสือหรง และทำให้ครอบครัวของเขาต้องตายอย่างน่าอนาถด้วยน้ำมือของมหาปราชญ์ ครั้งนี้สือหรงก็ติดตามพวกเรามาที่เมืองหลวงแดนเทพเช่นกัน และต้องการจะสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่ที่เมืองหลวงแดนเทพ!”“นอกจากนี้ ข้าก็มีวรยุทธ์สูงกว่าเจ้าด้วย หากข้าเป็นคนเลว เหตุใดข้าต้องอธิบายให้เจ้าฟังด้วย ข้าสังหารเจ้าไปเสียก็จบแล้ว!”ผู้รอบรู้คิดแล้วก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เขาจึงเอ่ยอย่างโกรธ ๆ “ข้าจะไปสืบดู หากพิสูจน์ได้ว่าเจ้าพูดโกหก ข้าจะไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”“แม้ว่าวรยุทธ์ของข้าจะมิสูงเท่าของเจ้า แต่ข้าจะใช้วิธีของข้าเองแก้แค้นให้อาจารย์ของข้าอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋นั่งฟังอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยหากเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่าคนของตำหนักปีกเงินเหล่านั้นก็ล้วนกลายเป็นคนของเซียวหลินเทียนแล้ว เช่นนั้นเซียวหลินเทียนจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
เผยอวี้ช่วยประคองผู้รอบรู้ที่เปียกโชกไปทั้งตัวเดินมา และด้วยความช่วยเหลือของทั้งสองคน หลิงอวี๋จึงลงมาจากต้นไม้ได้อย่างราบรื่นนางปวดร้าวไปทั้งตัว อาภรณ์ที่สวมอยู่บนตัวก็ฉีกขาดไปหมด และตามเนื้อตัวก็มีบาดแผลอยู่มิน้อย“พี่ใหญ่ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิเห็นเซียวหลินเทียน จึงเอ่ยถามออกมา“เขาถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นพาตัวไปแล้ว!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยปลอบใจ “ข้าว่าลูกพี่ลูกน้องของท่านมีวรยุทธ์สูงมากนะ เขาน่าจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย!”“ข้าจะไปดูสักหน่อย พวกเจ้ารออยู่ที่นี่เถิด!”เผยอวี้เป็นห่วงเซียวหลินเทียน ดังนั้นหลังจากที่ทำคบเพลิงให้พวกเขาหนึ่งอันแล้ว เขาก็จะไปตามหาเซียวหลินเทียนตามเส้นทางที่สัตว์ประหลาดทิ้งร่องรอยเอาไว้“ทางที่ดีเจ้าอย่าไปจะดีกว่า มิใช่ว่าข้าจะขู่ให้เจ้ากลัว แต่บริเวณนี้ล้วนเป็นหญ้าพิษและสมุนไพรพิษทั้งนั้น บางชนิดแม้แต่ข้าก็มิรู้ว่ามันคืออะไร!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างมีเจตนาดี “สัตว์ประหลาดตัวนี้เติบโตมาด้วยการกินหญ้าพิษและสมุนไพรพิษ เจ้าช่วยมิได้ก็อย่าไปเพิ่มภาระจะดีกว่า! เชื่อพี่ใหญ่ของเจ้าเถิด เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”เผยอวี้ เซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ล้วนเดาออกว่า
“บริเวณโดยรอบมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่มาก ท่านขึ้นไปบนต้นไม้สักต้น พวกเราต้องดูก่อนว่านี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่”หลิงอวี๋ชี้แนะเซียวหลินเทียนก็มิพูดพร่ำทำเพลง เขาเชื่อมั่นหลิงอวี๋โดยไม่มีเงื่อนไข แล้วหยิบตะบันไฟออกมาส่งให้หลิงอวี๋ จากนั้นก็อุ้มหลิงอวี๋กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้สูงหลิงอวี๋จึงรีบจุดไฟแล้วมองลงไป สัตว์ประหลาดตัวนั้นไล่ตามมาที่ใต้ต้นไม้แล้ว และมันก็กำลังเงยหน้ามองขึ้นมาด้วยมันเหลือตาเพียงข้างเดียว และกำลังจ้องมองขึ้นมาด้วยสายตาเย็นเยือกแสงสว่างจากตะบันไฟมีอยู่จำกัด หลิงอวี๋มองเห็นเพียงดวงตาที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ขนที่ยุ่งเหยิงของมันเท่านั้น“ฮึ่ม…”สัตว์ประหลาดส่งเสียงออกมา แล้วก็ถอยหลังไปหลิงอวี๋มองเจตนาของมันออกในทันทีที่สัตว์ประหลาดถอยหลังไปมิได้วางแผนที่จะยอมแพ้ แต่เพื่อรวบรวมพลังจะมาพุ่งชนต้นไม้ให้หักต่างหาก“ที่นี่มิปลอดภัย หนีเร็ว!”ทันทีที่หลิงอวี๋พูดจบ สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็พุ่งกลับมา มิรู้ว่ามันเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติหรืออย่างไร ได้ยินเพียงเสียงไม้หัก...ต้นไม้ต้นหนาถูกสัตว์ประหลาดโจมตีจนหักไปแล้วเมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงร้องของหลิงอวี๋
หลิงอวี๋หลบมิทัน จึงถูกสัตว์ประหลาดกระโจนใส่จนหงายหลังไป แล้วสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็อ้าปากจะพุ่งไปกัดคอของหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองมิชัดในความมืด จึงเห็นเพียงดวงตาสีเขียวที่มีขนาดใหญ่เท่ากับระฆังทองแดงของสัตว์ประหลาดอยู่ใกล้แค่เอื้อม ลมหายใจร้อน ๆ ที่มันพ่นออกมาทั้งคาวทั้งเหม็น จนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาก่อนหน้านี้หลิงอวี๋คว้าหินก้อนหนึ่งไว้ในมือ เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนใกล้เข้ามา นางก็ยัดก้อนหินเข้าไปโดยมิคิดทันทีจากนั้นมืออีกข้างที่ถือกริชมาตลอดก็แทงไปที่ดวงตาสีเขียวนั้นอย่างโหดร้าย“โฮก…”สัตว์ประหลาดมีหรือจะคาดคิดว่าหลิงอวี๋จะกล้าต่อต้านมันในเวลานี้ ในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ดวงตาของมันจึงถูกหลิงอวี๋แทงเข้าไปเต็ม ๆในปากของมันก็มีหินที่หลิงอวี๋ยัดเข้าไปอุดไว้ และดวงตาของมันก็ถูกแทงจนบาดเจ็บ ขาหน้าที่มันกระโจนเข้ามาจึงเด้งตัวลุกขึ้นยืนในทันทีสัตว์ประหลาดตัวนั้นส่ายหัว แล้วคายก้อนหินออกมา จากนั้นก็ไปไล่กัดหลิงอวี๋อย่างบ้าคลั่งหลิงอวี๋อาศัยตอนที่มันเด้งตัวลุกขึ้นแล้วกลิ้งหนีไปด้านข้าง หลบเลี่ยงมันออกไปนางสั่นไปทั้งตัว การโจมตีเมื่อครู่มิใช่ว่านางมิกลัว เพียงแต่มันเกี่ย
“จริงหรือ?”ผู้รอบรู้มีหรือจะคาดคิดว่าหญ้าที่มีดอกสีขาวธรรมดานี้จะมีมูลค่าถึงเพียงนี้ เขาจึงรีบพุ่งเข้าไปเก็บทันที“ยังมีอีกหรือไม่? หากหาเจอได้มาก ๆ ก็มิต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อยาให้เจ้าแล้ว!”ผู้รอบรู้มองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋มองผู้รอบรู้ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาพี่ชายบุญธรรมที่เพิ่งรู้จักกันมินานมานี้ ในตอนที่เสือกระโจนใส่ตนก็พุ่งเข้ามาช่วยตนไว้โดยมิหลีกเลี่ยงในตอนนี้เมื่อพบสมุนไพรที่มีมูลค่า สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือการซื้อยาให้ตน เขามิเคยคิดว่าเมื่อมีเงินแล้วจะนำไปใช้ชีวิตดี ๆ เลยการได้รู้จักพี่ชายผู้นี้ช่างคุ้มค่าจริง ๆ!หลิงอวี๋แอบสาบานว่า ในภายภาคหน้านางจะต้องใช้สิ่งที่ตนได้เรียนรู้มา ทำให้ผู้รอบรู้ได้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน“พี่ใหญ่ หากเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้มีอยู่เต็มภูเขา เช่นนั้นก็คงจะไร้ค่าไปแล้ว!”“สิ่งนี้สามารถเก็บได้! ถึงแม้มูลค่าจะมิได้เท่าช่อสัตตะดารา แต่ก็สามารถขายได้หลายหมื่นทีเดียว!”หลิงอวี๋ให้คำแนะนำ ทำให้ผู้รอบรู้มีความสุขขึ้นมาผู้รอบรู้ตามหลิงอวี๋ไปอย่างมีความสุข หลิงอวี๋ให้เก็บอะไรเขาก็เก็บสิ่งนั้นหลิงอวี๋ให้เข
“อย่างไร?”เผยอวี้และเถาจื่อต่างมองไปทางฉินซานฉินซานจึงเอ่ยออกมา “กระหม่อมสังเกตเห็นว่าพลังของฮองเฮานั้นต่ำมาก ทั้งยังลืมพวกเราไปแล้วด้วย นี่คือเหตุจากการถูกปิดผนึกพ่ะย่ะค่ะ! หากพวกเราสามารถหาคนมาช่วยพระนางปลดผนึกไปได้ ฮองเฮาก็จะจำพวกเราได้แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ก็เหมือนกับเสวี่ยเหมยก่อนหน้านี้ ตอนนั้นนางก็จำพวกเรามิได้ แต่เพราะขันทีโม่ช่วยปลดผนึกให้นาง นางจึงจำอดีตขึ้นมาได้!”เซียวหลินเทียนยิ้มขมขื่น “หากพวกเราบอกนางไปตามตรงว่านางถูกปิดผนึก เจ้าคิดว่านางจะยอมให้เราปลดให้กับนางแต่โดยดีหรือ?”“มิแน่ว่า นางอาจจะคิดว่าพวกเราปิดผนึกนาง แล้วหนีไปเร็วยิ่งกว่าเดิมก็ได้!”เถาจื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “นับตั้งแต่ที่ฮองเฮาถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาตัวไป ทุกคนที่พระนางพบล้วนเป็นคนที่ต้องการจะทำร้ายพระนาง”“เก๋อฮุ่ยหนิงตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น เหมียวหยางก็อาศัยอำนาจมารังแก ส่วนหยางหงหนิงก็มิได้มีเจตนาที่ดีต่อพระนางอีก เมื่อได้เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้แล้ว พระนางไม่มีทางไว้ใจพวกเราง่าย ๆ แน่!”เซียวหลินเทียนสนใจกับคำพูดของเถาจื่อ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “มีหนึ่งคนที่เป็นข้อยกเว้น!”เขามองลงไปในเหว
พวกเซียวหลินเทียนรีบดึงเถาวัลย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นข้อความของหลิงอวี๋ ก็รู้สึกโล่งใจแต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นจากหางตาว่ามีคำสองคำเขียนด้วยอักษรแบบย่อนี่คือความเคยชินเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋ ตอนนั้นเซียวหลินเทียนเคยล้อเลียนหลิงอวี๋ว่าขี้เกียจ มิเขียนตัวอักษรให้สมบูรณ์แต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยออกมาอย่างมิเห็นด้วย ‘ท่านมิคิดหรือเพคะว่าการเขียนเช่นนี้สะดวกกว่า? ราษฎรจำนวนมากมิรู้หนังสือ ก็เพราะอักษรหลายตัวมีขีดเยอะและเรียนรู้ได้ยากเพคะ!’‘หากทำให้กระชับลงเช่นนี้ เด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ได้ง่าย และราษฎรที่มิรู้หนังสือก็จะจำได้ง่ายด้วยเพคะ!’‘เซียวหลินเทียน เมื่อสถานการณ์ราชสำนักมั่นคงแล้ว ท่านควรส่งเสริมให้บรรดาครูปฏิวัติการเขียนตัวอักษรเพคะ เขียนตัวอักษรให้กระชับ ทำให้ราษฎรอ่านออกเขียนได้มากขึ้นด้วย!’เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียนมองอักษรที่กระชับสองตัวนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายท่านอู่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“พวกเจ้าดูเถิด นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุด! สิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นข้อความให้กับเผยอวี้ พร้อมก