หลิงอวี๋มองนางอย่างเฉยเมย “เสียงผู้ใดดังก็เป็นผู้นั้นไร้การศึกษาไงเล่า ขนาดเด็กยังเข้าใจ เจ้ากลับมิเข้าใจรึ?”“ถ้าไม่เข้าใจก็กลับไปให้แม่เจ้าสั่งสอนภาคบังคับเจ้าใหม่อีกแปดปีซะสิ!”เสิ่นจวนบันดาลโทสะจนตัวสั่นเทิ้ม หลิงอวี๋คนต่ำช้าผู้นี้กลายเป็นคนฉลาดพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?เมื่อก่อนพอถูกตนกล่าวไม่กี่ประโยคก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธตลอดแท้ ๆ !นี่เพิ่งไม่พบกันไปไม่กี่วัน ผู้ที่ถูกทำให้โกรธจนต้องกระทืบเท้ากลับเป็นตนเสียอย่างนั้น!มีคุณหนูผู้หนึ่งในกลุ่มนั้นมองไปโดยรอบ ก่อนจะพบว่า คนที่มากินข้าวที่นี่ทั้งหมดล้วนต่างมองมา และแล้วใบหน้านางก็แดงฉับพลันนางดึงเสิ่นจวนเข้ามากระซิบเตือนข้าง ๆ ว่า “เรามาดูเรื่องบันเทิงของนาง! มิใช่ให้ผู้อื่นมาดูเรื่องบันเทิงเรา!”“ทนรออีกสักเดี๋ยว คอยดูนางไม่มีเงินจ่ายอีกสักหน่อย นั่นคงทำให้นางต้องอับอายเป็นแน่!”คำพูดนี้เอ่ยเพื่อปลอบขวัญเสิ่นจวน ครั้นนางเห็นอันเจ๋ออยู่ที่นี่ ก็พลันนิ่งเงียบไปนางปรารถนาออกเรือนกับเซียวหลินเทียน และอันเจ๋อก็เป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา นางเลยจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเอาไว้!อาหารเพิ่งยกมา หลิงอวี๋ก็พลันเห็นลู่หนานพา
แต่ว่าเวลานี้นางกำลังขาดแคลนเงินมิใช่รึ?นางไม่รังเกียจทองคำ เงิน หรืออัญมณีสามัญ ๆ หรอกนะ เอาสิ่งพวกนั้นมาอาบนางเลยเถอะ!งานเฉลิมฉลองพระราชสมภพอะไรกันเปล่าประโยชน์ที่สุด!เพราะคุณหนูชอบสิ่งของที่จับต้องได้จริง!แม่นมลี่ใจเต้นผิดจังหวะ เคลื่อนตัวเข้าใกล้หลิงอวี๋กล่าวเสียงแผ่ว“แรกเริ่มสิ่งที่ไทเฮาตรัสเป็นความจริง! คุณหนู บ่าวบอกแล้ว ท่านจะได้รับเทียบเชิญจากไทเฮาในครานี้แน่นอน!”“ถูกต้อง ลือกันว่าไทเฮามิโปรดเสียงดัง ฉะนั้นงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพครานี้ไม่ได้เชิญคนเยอะมากมัก!”“เริ่มส่งเทียบเชิญในวังเมื่อเช้านี้ เล่ากันว่าไม่เกินร้อยคน… และตัวข้าได้รับเทียบเชิญแล้ว! พวกเจ้าได้หรือยัง?”ชายาผิงหยางกวาดสายตามองทุกคนอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องเต็มประดา แถมยังเจาะจงมองไปทางหลิงอวี๋เป็นพิเศษ“เพียงร้อยคนเองหรือเพคะ? งั้นเทียบเชิญนี้ช่างเลอค่าเสียจริง! ห่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง ท่านพ่อหม่อมฉันได้รับหนึ่งใบแล้วสามารถพาคนไปด้วยได้คนหนึ่ง ท่านแม่เลยบอกให้หม่อมฉันไป!” เสิ่นจวนก็กล่าวกระหยิ่มยิ้มย่องเช่นเดียวกันเจิงจื่ออวี้เองก็เร่งเอ่ยว่า “ท่านพ่อหม่อมฉันก็ได้รับแล้วหนึ่งใบ สามารถพาคนคนหนึ่ง
หลิงซินไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่ที่พบอยู่วัดชิงเหลียนคือไทเฮาและไม่รู้ด้วยว่าไทเฮาจะส่งเทียบเชิญให้หลิงอวี๋ครั้นได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวว่า “พระชายาผิงหยาง ท่านช่วยให้คุณหนูของเราได้รับเทียบเชิญได้จริงหรือเพคะ?”“นั่นแน่นอน! ตัวข้าคือพระชายาผิงหยางเชียวนะ ลูกพี่ลูกน้องของข้าคือรองเจ้ากรมวังซึ่งสามารถพูดคุยกับไทเฮาต่อหน้าได้!”“ไทเฮาไม่พบหน้าผู้อื่น แต่ถ้าเป็นเกียรติของตัวข้ากับลูกพี่ลูกน้องล่ะก็ต้องพบแน่นอน!”ชายาผิงหยางกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “อีกอย่าง ตัวข้าจะส่งแม่นมไปลองถามลูกพี่ลูกน้องดูดีไหมเล่า? ลองดูว่าเขาจะช่วยชายาอ๋องอี้ให้รับเทียบเชิญได้หรือไม่!”นางหันศีรษะไปใช้สายตาส่งสัญญาณต่อนางรับใช้อาวุโสที่ด้านหลัง“แม่นม เจ้าไปจวนของท่านลุงเสีย ไปขอเทียบเชิญช่วยพระชายาสักใบ!”แม่นมผู้นั้นเข้าใจตามสัญชาตญาณ ตอบรับเสียงกังวานพลันวิ่งแช่มช้าจากไป“พระชายาผิงหยางกับไทเฮาทรงสนิทรักใคร่กันยิ่ง ลูกพี่ลูกน้องเองก็รับหน้าที่แจกเทียบเชิญด้วย บางทีอาจกู้เกียรติพระชายาได้!” เสิ่นจวนยิ้มกล่าวคำ“แต่ชายาอ๋องอี้เจ้าอย่ากอดความหวังจนมากไป อย่างไรเสียชื่อเสียงเจ้าก็เละเทะ ครานี้อาคันตุกะที่เรีย
แม่นมถูกสายตานางมองจนเหงื่อกาฬผุดพรายท่วมร่างสวรรค์รู้ว่าเมื่อกี้นางออกไปเพียงเดินวนเรื่อยเปื่อย เดิมทีไม่ได้ไปจวนท่านลุงด้วยซ้ำ!ไฉนเลยจะรู้ว่า พอวนกลับมาก็เห็นคนสวมเสื้อผ้าขันทีสองคนถือเทียบเชิญมาสองใบ!“พระชายา… เดิมทีขันทีสองท่านนั้นอยากมอบให้เองกับมือเพคะ บ่าวเกรงจะลำบากพวกเขาเกินควรเลยตัดสินใจรับมา..”“เทียบเชิญพวกนี้สำหรับมอบให้พระชายาอ๋องอี้เพคะ!”แม่นมยื่นส่งเทียบเชิญสองใบออกไป“โอ้โห พระชายาผิงหยางมีสัมพันธ์อันดีกับไทเฮาจริง ๆ ! เพิ่งไปขอก็ได้มาเลย...”บรรดาคุณหนูไม่รู้ความจริงจึงเกิดเสียงดังอื้ออึงทันใด ก่อนจะพากันมุงชายาผิงหยางกันอย่างพร้อมเพรียงชายาผิงหยางรับเทียบเชิญที่บรรจงเคลือบทองมาอย่างสนเท่ห์แล้วดูให้ละเอียด พบว่านั่นเป็นเทียบเชิญร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาโดยแท้!บนเทียบเชิญสองใบนั้นเดินทองสวยงาม คือการเชิญชวนหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยคนละใบ!เทียบเชิญทั้งสองใบเขียนด้วยลายมือมังกรเหินหงส์ระบำ(1) เมฆาล่องลอย สายธารไหลริน(2)ฝูงชนต่างมองอึ้ง พอผ่านไปสักพัก สวี่เหยียนถึงกับมองค้อนไปทางชายาผิงหยางด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะกล่าวด้วยแรงริษยา“พระชายากู้เกี
ลูกพี่ลูกน้องของชายาผิงหยางเป็นรองเจ้ากรมวังที่แจกเทียบเชิญ ครั้นได้ยินเข้าก็คิดว่าชายาผิงหยางยังไม่ยอมแพ้ในเรื่องเมื่อเช้าแล้วจึงกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า“อย่าขอให้ข้าจัดหาเทียบเชิญช่วยเจ้าอีก! ข้าพูดไปแล้วมิใช่หรือ? ข้าทำไม่ได้!”“ข้าบอกเจ้าไปตอนเช้าแล้วว่ามีคนยอมจ่ายหนึ่งแสนตำลึงเงินเพื่อเทียบเชิญเพียงใบเดียว!”“เอาล่ะ เจ้าลองถามขันทีหลาย ๆ คนดู พวกเขาติดตามข้า เมื่อสักครู่เผอิญเจอใต้เท้าหลี่… ใต้เท้าหลี่เสนอสองแสนตำลึงเงินให้ข้า...สองแสนเชียวนะ!”ผู้คนล้วนตะลึงเบิกตากว้าง สองแสนกับเทียบเชิญใบเดียวนี่มันจะราคาสูงเกินไปแล้ว!“สองแสนเยอะมากงั้นหรือ? แต่ในสายตาคนรวยหาเป็นอะไรแบบนั้นไม่!”รองเจ้ากรมวังมองท่าทางตกตะลึงของฝูงชนจึงกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องไปหลายส่วน“งานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาในปีนี้ ผู้ที่เชิญมีจำกัด เพื่อเทียบเชิญใบเดียวเสนาบดีผู้มีคุณธรรมบารมีสูงส่งหลายท่านล้วนมาหาและขอร้องข้า!”“แต่ข้าก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน! ถ้าสามารถหาวิถีทางเอาเทียบเชิญได้จริง ๆ ข้าจะมิเอาไว้พึ่งความร่ำรวยทางนี้ได้อย่างไรเล่า?”เขามองค้อนพระชายาผิงหยางและเอ่ยดุ “ฉะนั้นอย่าหยิบเรื่องเล็กน้อยน
เสิ่นจวนพลันส่งเสียขึ้นมาทันใด “เจ้าคือเจ้า ผู้พี่ของข้าคือผู้พี่ของข้า… บาปที่เจ้าก่อเองมีสิทธิ์อะไรมาพัวพันถึงผู้พี่ของข้า!”“ช่างโหดร้ายจริงเชียว! เดิมทีควรโทษท่านอ๋องอี้ที่ปฏิบัติต่อนางอย่างเย็นชาถึงได้ปลอมแปลงเทียบเชิญ นั้นก็เพื่อแก้แค้นท่านอ๋องอี้!”“ผู้พี่ สตรีโฉดผู้นี้ไม่คู่ควรเป็นพระชายาของท่าน! ท่านหย่ากับนางเดี๋ยวนี้!”“นางอยากรนหาที่ตายก็ปล่อยนางไปตายคนเดียว!”เสิ่นจวนรีบรุดไปข้างกายเซียวหลินเทียนและตะโกนเสียงดังพัลวัน“จะหย่ากับข้าหรือไม่ พูดกับผู้พี่ของเจ้าไปก็ไร้ประโยชน์!”หลิงอวี๋ยิ้มหยันกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้แก่ข้าผู้เป็นพระชายา หากต้องการหย่าก็ให้ผู้พี่เจ้าไปขอรับสั่งจากองค์จักรพรรดิสิ!”“นางหญิงคนนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!”“ใช่แล้ว… นี่อยากลากท่านอ๋องอี้ไปตายด้วยกันหรือไร!”“ท่านอ๋องอี้ ท่านไม่ต้องกลัวนะเพคะ พวกเราล้วนยินดีพิสูจน์ความจริงช่วยท่าน เป็นสตรีนางนี้ปลอมแปลงเทียบเชิญเองไม่เกี่ยวกับท่านเพคะ!”ชายาผิงหยางกล่าวเสริมว่า “ตัวข้าผู้เป็นพระชายาก็จะช่วยท่านยืนยันความจริงเช่นกันว่า เรื่องนี้เป็นหลิงอวี๋ทำเพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวกับท่าน
ห้องสุขาอยู่หลังเรือน เสี่ยวเอ้อร์พาหลิงอวี๋ส่งอยู่ประตูเข้าหลังเรือนกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ สุขาอยู่นั้น ข้าจะรอท่านอยู่ตรงนี้ขอรับ!”หลิงอวี๋ยิ้มสักพักและกล่าวตรง ๆ ว่า “ข้ามิได้อยากใช้สุขาจริง ๆ ข้าต้องการพบท่านเกิ่งเอ้อร์ของพวกเจ้าหรือคนดูแลที่นี่!”แม้เสี่ยวเอ้อร์ของในร้านแห่งนี้จะมีมารยาทดี แต่บนหน้าก็ยังปรากฏความดูถูกไปชั่วแวบหนึ่งเขากล่าวอย่างนิ่งสงบ “พระชายาอ๋องอี้ ท่านเกิ่งเอ้อร์ของเรากำลังดูแลแขกคนสำคัญอยู่ขอรับ สั่งไว้ว่าห้ามรบกวนเขาถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร”“พระชายาอ๋องอี้หากจ่ายค่าอาหารไม่ไหว ท่านอ๋องอี้ก็อยู่ที่นี่มิใช่หรือขอรับ? ท่านไปขอเขาก็ได้!”แต่ที่เมืองหลวงนี้ มีผู้ที่ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาอ๋องอี้ด้วยหรือ?ทันทีที่หลิงอวี๋ยืมเงินกู้ดอกเบี้ยสูง เซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาว่าเขาจะไม่ชดใช้ให้หลิงอวี๋สักเฟินเดียว(1)ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่ชายาอ๋องอี้ถูกเหล่าสตรีรุมทำให้อับอายขายขี้หน้า ท่านอ๋องอี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ก็แสดงท่าทีอะไรทั้งสิ้น!หลิงอวี๋กล่าวอย่างอดทนว่า “เจ้าช่วยไปแจ้งให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าอยากคุยเรื่องคืนเงินกู้ดอกเบี้ยสูงกับเข
บุตรีสกุลเลื่องชื่อ ยกตนข่มท่านขณะไปข้างนอก ผู้ที่รู้จักกล่าวว่า เจ้าไร้เดียงสาร่าเริง แต่ผู้ที่ไม่รู้จักกลับคิดว่าเจ้าไร้การศึกษาใช่หรือไม่? “อายุเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า อากัปกิริยาภายนอกที่มิเหมาะสมจะส่งผลต่อบุพเพสันนิวาสของเจ้า?”“แขกผู้มั่งมีสูงส่งที่มาภัตตาคารจี๋เสียงแห่งนี้ แล้วเจ้ากล้ารับรองหรือไม่ว่าในหมู่พวกเขาจะมีพ่อแม่สามี รวมถึงสามีในอนาคตของเจ้า?”“เจ้ามักให้คนโขกหัวคำนับอยู่บ่อย ๆ อุปนิสัยใช้อำนาจบาตรใหญ่ระยําตําบอนเช่นนี้ของเจ้า ผู้ใดจะกล้ามาตบแต่งกับเจ้า?”แม้คำพูดเหล่านี้ของหลิงอวี๋จะมุ่งไปที่เสิ่นจวน แต่ก็ได้เหมารวมเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนี้เข้าไปด้วย เมื่อได้ฟังก็พากันหน้าแดงหน้าดำสิ้นคำเอ่ยตอบเสิ่นจวนรู้สึกทั้งอายเละเคืองอยากด่าหลิงอวี๋ ทว่ามีดก็ยังแตะอยู่บนหน้านาง แม้ว่านางจะมีความหาญกล้าอยู่ประปราย แต่ก็ไม่กล้าด่าอยู่ดี!กระทั่งความแค้นในหัวใจก็ไม่กล้าเผยออกมา“รู้ความผิดหรือยัง?”หลิงอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าชุลมุนแพร่มาจากที่ไกล ๆ และเอ่ยถามตรงไปตรงมาจริงจังว่า“ท่านพี่สะใภ้ ข้ารู้ความผิดแล้ว!” เสิ่นจวนขานตอบและแสร้ง
“เย่หรง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ้างว่าเคยจับตัวหลิงอวี๋ได้มิใช่หรือ? เหตุใดนางมิสังหารหลิงอวี๋แล้วชิงหยกหล้าสุขาวดีไปเล่า?”หลิงอวี๋ถามคำถามที่ตนคิดมิตกออกไปเย่หรงจึงหัวเราะเยาะออกมา “ข้ารู้เหตุผลในเรื่องนี้!”“ข้าได้ยินมาว่า หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีวิญญาณ ต้องใช้ยาสลายเลือดเนื้อของผู้ครอบครองในขณะที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จึงจะนำมันไปได้ มิเช่นนั้นหยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของผู้ครอบครอง!”“เครื่องยาสมุนไพรที่พิเศษนี้ก็มีเพียงที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และเมื่อขุดเครื่องยาสมุนไพรนี้ออกมาแล้วจะต้องใช้ภายในครึ่งชั่วยาม มิเช่นนั้นก็จะเฉาตายไป!”“ดังนั้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงทำได้เพียงต้องพาหลิงอวี๋กลับมาที่เมืองหลวงแดนเทพ และเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรนั้น จึงจะสามารถนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาจากตัวหลิงอวี๋ได้!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ขนลุกซู่ เข้าใจเหตุผลแล้วว่าเหตุใดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงมิสังหารตน!จริงสิ หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่เซียวหลินเทียนมิสังหารนางเช่นกัน?เขาเองก็อยากได้หยกหล้าสุขาวดีที่ตัวนางด้วยใช่หรือไม่?แต่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง หลิงอวี๋ก็รู้ส
เย่หรงแสดงสีหน้าสับสนออกมา “ภรรยาของแม่ทัพเฉิงมีเนื้องอกในสมอง สองปีมานี้นางกินยาไปมิน้อยแต่ก็มิดีขึ้น!”“ได้ยินว่าอาการป่วยของฮูหยินเฉิงแย่ลงเรื่อย ๆ แม้แต่คนรอบตัวนางก็จำมิได้แล้ว...”“ใต้หล้านี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรักษาโรคนี้ได้!”“แม่ทัพเฉิงกับภรรยาของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก หากข้าสามารถหาคนผู้นี้ แล้วช่วยภรรยาของแม่ทัพเฉิงให้หายจากโรคนี้ได้ แม่ทัพเฉิงก็จะเป็นสายลับที่ดีที่สุด!”หลิงอวี๋กลอกตาใส่เย่หรง “สรุปแล้วเป็นผู้ใดกันที่สามารถรักษาโรคเช่นนี้ได้? เหตุใดท่านทำราวกับเป็นนักเล่าเรื่อง เอาแต่ทำให้รอฟังอยู่นั่น!”เย่หรงมองหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เจ้ารู้จักสตรีคนหนึ่งที่ตระกูลเฉียวเสนอรางวัลค่าหัวหรือไม่?”“หลิงอวี๋! นางคือคนเดียวในใต้หล้าที่สามารถรักษาโรคของฮูหยินเฉิงได้!”หลิงอวี๋!หลิงอวี๋ตะลึงไปทันที ที่แท้คนที่เย่หรงพูดถึงก็คือตน!“หลิงอวี๋มีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยม นางผ่าท้องมารดาของข้าหลวงเก๋อรักษาโรคประหลาดท้องโตของนางจนหายได้!”“มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้นที่จะสามารถทำการผ่าตัดเนื้องอกในสมองของฮูหยินเฉิงได้!”เย่หรงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเอ่ย “แต่ขนาดต
หลิงอวี๋มองไปทางเย่หรงอย่างสงสัย “สระเก้ามังกรมีรายละเอียดอะไรหรือ?”เย่หรงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าลองคิดดู หากเป็นเพียงการคุมขังนักโทษจำนวนหนึ่ง จำเป็นต้องส่งแม่ทัพเฉิงที่สำคัญเช่นนี้ไปด้วยหรือ?”“ราชวงศ์มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปที่ภูเขาด้านหลัง ก็เพื่อจะปิดบังความลับเอาไว้!”“ในสระมังกรที่ภูเขาด้านหลังมีสัตว์เทพอยู่… และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นมังกรฟ้าที่เป็นพาหนะของหลงอี้ในตอนนั้น!”“ข้าไปสืบจากคนมามากมาย แต่คนที่รู้เรื่องราวภายในมีอยู่น้อยนัก นี่คือสิ่งที่ข้าอนุมานได้จากเบาะแสบางส่วน!”เย่หรงยิ่งพูดก็ยิ่งสนุก “ข้าถึงขนาดสงสัยว่าแผ่นดินไหวเมื่อสองร้อยปีก่อนมิใช่ภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากมังกรฟ้าต่างหาก!”“ก่อนหน้านี้สระเก้ามังกรก็มีเครื่องยาสมุนไพรอยู่มากเช่นกัน และราชวงศ์ก็มิได้ห้ามให้ผู้บำเพ็ญตนไปเก็บสมุนไพร แต่นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นั้น ราชวงศ์ก็มิอนุญาตให้ใครไปเก็บสมุนไพรที่ภูเขาด้านหลังของสระเก้ามังกรมาเป็นเวลาเกือบสองร้อยปีแล้ว!”“ข้าไปถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่เชิงเขามา ผู้สูงอายุคนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาบอกว่า เมื่อนานมาแล้วจะได้ยินเสียงร้องประหลาดอยู่เป็นบางครั้ง
ขณะที่เย่ซื่อฝานกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้ววิ่งไปหาที่โต๊ะตำรา จากนั้นก็หยิบจดหมายเชิญส่งให้หลิงอวี๋“วันนี้อย่าเพิ่งไปที่หอธุวดารา ช่วงปลายเดือนนี้พวกเขาจะจัดงานประมูลพิเศษขึ้นมา ถึงเวลานั้นจะมีคนรวยมากหลายไปเข้าร่วมงานประมูลนี้!”“หอธุวดาราส่งจดหมายเชิญมาให้ข้าสองสามฉบับ ถึงเวลานั้นพวกเราไปด้วยกัน จะได้ช่วยเจ้าขายให้ได้ราคาดี”“เจ้าค่ะ!” หลิงอวี๋รับจดหมายเชิญมาแล้วขอลากลับก่อนเมื่อนางมาถึงที่ประตูก็พบกับเย่หรงที่กลับมาพอดีเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเขาปลอดภัยดี จึงเอ่ยออกไป “ข้ากังวลว่าท่านจะมิได้กลับมาอย่างปลอดภัย ท่านมิเป็นอะไรก็ดีแล้ว!”เย่หรงยิ้มอย่างเก้อเขิน “ตอนนั้นเสือไล่ตามพวกเราจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง กระทั่งเสือหายไป ข้าก็กลับไปหาพวกเจ้า แต่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว!”“หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ข้าจึงได้ออกไปก่อน!”“เฮ้อ หากข้ามิออกไปก่อนก็คงดี จะได้เห็นเสือปีกกาฬ!”เย่หรงมิได้บอกหลิงอวี๋ว่า เขาได้ยินจ้าวหรุ่ยหรุ่ยรวบรวมกำลังคนเพื่อจับตัวเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ เขาต้องการให้หลิงอวี๋ช่วยอยู่พอดี จึงตามหาหลิงอวี๋ไปทั่ว“เจ้าพบสมบัติอะไร
หลังจากคุยเรื่องไป่หลี่ไห่จบแล้ว หลิงอวี๋ก็หยิบเครื่องยาสมุนไพรบางส่วนที่ตนมิรู้จักออกมาแล้วเอ่ย “ท่านอาจารย์ นี่คือเครื่องยาสมุนไพรที่ข้าเก็บมาจากภูเขาหมางหลิ่ง ท่านช่วยข้าดูทีว่าคืออะไร?”เย่ซื่อฝานเห็นดังนั้นก็สนใจขึ้นมาทันที แล้วอธิบายให้หลิงอวี๋ฟังทีละอย่างสุดท้ายเย่ซื่อฝานก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าสามารถซื้อเครื่องยาสมุนไพรที่เจ้านำมาเหล่านี้ในราคาตลาดได้ แต่นอกจากพวกนี้แล้วหอโอสถซ่างกู่ของเรามิต้องการ หากเจ้าอยากจะขายในราคาดี ให้ไปที่ตลาดเครื่องยาสมุนไพร...”“เดี๋ยวนะ นี่คืออะไร?”เย่ซื่อฝานดูไปก็คัดแยกเครื่องยาสมุนไพรไปด้วย และเมื่อเขาเห็นเครื่องยาสมุนไพรที่ดูคล้ายโสมแต่ก็มิคล้าย เขาก็หยิบขึ้นมาดูอย่างละเอียด“ท่านอาจารย์ ข้าเองก็มิแน่ใจเช่นกันว่าสิ่งนี้คืออะไร!”หลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานพิจารณาเครื่องยาสมุนไพรที่ดูแปลกประหลาดนี้จึงเอ่ยขึ้นมา“ข้าได้กลิ่นโสม แต่กลับดูมีพิษ!”ในตอนที่เย่ซื่อฝานคัดแยกเครื่องยาสมุนไพร เขาจะสวมถุงมือพิเศษไว้ เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็พยักหน้า “ความรู้สึกของเจ้ามิผิด เครื่องยาสมุนไพรนี้มีพิษจริง ๆ!”“เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจำได้ว่าในตำราโบราณเคย
หลิงอวี๋จัดการเครื่องยาสมุนไพรที่เก็บมาจากภูเขาหมางหลิ่งครั้งนี้ วางแผนว่าจะนำไปขายบางส่วนก่อนจากนั้นค่อยไปซื้อโอสถกลับมานางนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานนางและเย่หรงแยกทางกันที่ภูเขาหมางหลิ่งเพื่อหนีเสือ หลังจากนั้นก็มิได้เจอเย่หรงอีก มิรู้ว่าเขากลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่หลิงอวี๋จึงไปที่บ้านตระกูลเย่ก่อนเมื่อมาถึงบ้านตระกูลเย่ นางก็ถามคนเฝ้ายามว่าเย่หรงกลับมาแล้วหรือไม่คนเฝ้ายามยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “กลับมาแล้วขอรับ แต่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว บอกว่าจะไปหาสหาย! จริงสิ แม่นางสิง เขาบอกว่าหากท่านมา ให้ท่านรอเขากลับมาด้วย!”“ได้ ข้าจะไปที่ห้องปรุงโอสถของอาจารย์ข้าก่อนก็แล้วกัน!”หลิงอวี๋ได้รู้ว่าเย่หรงมิเป็นอะไรก็สบายใจแล้วนางมาที่ห้องปรุงโอสถของเย่ซื่อฝาน เย่ซื่อฝานกำลังกลั่นโอสถอยู่ เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มา เขาก็เอ่ยถามออกไป “เมื่อวานพวกเจ้าพบเสือปีกกาฬหรือ?”“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ก็รู้ด้วยหรือ?”หลิงอวี๋ทอดถอนใจที่ข่าวกระจายเร็วเกินไป แม้แต่คนที่มิออกจากบ้านเช่นเย่ซื่อฝานก็ยังรู้เรื่อง!“ท่านผู้อาวุโสของเจ้าถูกผู้นำตระกูลเก๋อ ตระกูลเฉียวและตระกูลจงเจิ้งเชิญไปตั้งแต่เช้าเพื่อหารือเรื่องการจับเ
สีหน้าของหลงอิงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางมิอาจปฏิเสธได้เพราะสิ่งที่หลิงอวี๋พูดมานั้นเป็นความจริง หากเป็นนาง ใครกล้ามาทำลายบ้านของนาง นางก็จะมิยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่!และท่าทางมิยี่หระต่อความตายของหลิงอวี๋ ก็ทำให้หลงอิงมองเห็นความมุ่งมั่นของนางหากคิดจะใช้วิธีการข่มขู่ให้หลิงอวี๋มอบยาแก้พิษให้นั้นคงเป็นไปมิได้แน่!ทว่าหากปล่อยให้เหมียวหยางถูกพิษจนตาย เช่นนี้ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าวิชาพิษของหอโอสถไป๋เป่าด้อยกว่าสิงอวี๋!แต่หากให้เหมียวหยางยอมรับต่อหน้าธารกำนัลว่าเขาทำลายเรือนของหลิงอวี๋ ก็จะทำให้ไป่หลี่ไห่และหอโอสถไป๋เป่าอับอายขายหน้าเช่นกันฝีมือมิสู้เขาแต่คิดจะไปแก้แค้นเขา จะทางไหนก็ล้วนอับอายทั้งนั้น!ไป่หลี่ไห่รู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้จึงได้ส่งหลงอิงไป เขาอยากจะอาศัยการข่มขู่ของตระกูลหลง และความสัมพันธ์ส่วนตัวของหลงอิงกับสิงอวี๋ ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งมาบีบให้สิงอวี๋มอบยาแก้พิษให้ตอนนี้หากไม้อ่อนใช้กับหลิงอวี๋มิได้ผล ภารกิจของหลงอิงก็มิสามารถสำเร็จได้“เสี่ยวอวี๋ เช่นนั้นถอยกันคนละก้าวดีหรือไม่ ข้าจะให้เหมียวหยางชดเชยเงินสร้างเรือนใหม่ให้เจ้า เจ้าก็มิต้องให้เขาขอโทษต
วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลิงอวี๋กับผู้รอบรู้กำลังกินอาหารเช้ากันอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นมาหลิงอวี๋กับผู้รอบรู้มองหน้ากันแล้วระวังตัวขึ้นมาทันที“ผู้ใด?”ผู้รอบรู้เอ่ยถามเสียงดัง“สิงอวี๋ ข้าเอง หลงอิง!”เสียงของหลงอิงเอ่ยขึ้นมาผู้รอบรู้จึงมองหลิงอวี๋แล้วหลิงอวี๋ก็นึกเรื่องที่ตนวางยาพิษเหมียวหยางขึ้นมาได้เหมียวหยางถูกพิษกำเริบขึ้นมาแล้ว ตอนนี้หลงอิงก็นับว่าเป็นศิษย์น้องหญิงของเหมียวหยาง นางคงมาขอยาแก้พิษให้เหมียวหยางกระมัง?“พี่ใหญ่ เปิดประตูเถิด!”เมื่อผู้รอบรู้ได้รับอนุญาตจากหลิงอวี๋แล้วก็เปิดประตูออกหลงอิงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม นางพานางรับใช้มาด้วยหนึ่งคนผู้รอบรู้โบกมือให้หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังหลงอิง เป็นการบอกหลิงอวี๋ว่าข้างนอกไม่มีใครแล้ว“สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ภูเขาหมางหลิ่งมา พบสมบัติอะไรหรือไม่?”หลงอิงมีท่าทางอยากรู้อยากเห็น “ข้าได้ยินมาด้วยว่ามีเสือปีกกาฬสัตว์อสูรพันปีปรากฏตัวที่ภูเขาหมางหลิ่ง เป็นความจริงหรือ?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่านางมิได้เอ่ยถึงเรื่องเหมียวหยาง นางก็มิได้เอ่ยถึงเช่นกัน จากนั้นก็พยักหน้าแล้วเอ่ยออกมา “เป็นความจริง มันกัดคนตายไปมา
“สตรีที่กล่าวหาว่าเจ้าช่วยเซียวหลินเทียนที่ภูเขาหมางหลิ่งวันนี้นั่นน่ะหรือ?”ผู้รอบรู้นึกขึ้นมาได้ ว่ากันว่าใบหน้าของสตรีผู้นั้นก็ถูกเซียวหลินเทียนกรีดเช่นกัน จึงคลุมผ้าคลุมไว้“พี่ใหญ่ เป็นนาง! ข้าลืมเรื่องราวในอดีตไป ตอนที่ข้ารู้สึกตัวนางบอกว่าข้าเป็นนางรับใช้ของนาง ข้ายังเชื่อคิดว่าเป็นความจริง!”เมื่อหลิงอวี๋นึกถึงสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำกับตน ก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด“ข้านึกมิออกว่าตนเองเป็นใคร แต่บางครั้งในหัวของข้าก็จะมีบางช่วงบางตอนแวบเข้ามา… หลังจากที่หน้ากากผิวหนังมนุษย์ของเซียวหลินเทียนถูกทำลายไป แล้วข้าก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาอย่างชัดเจน เขาก็คือคนที่ปรากฏขึ้นมาในภาพที่ข้าเห็น!”“พี่ใหญ่ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกข้าว่า เซียวหลินเทียนเตะลูกชายของข้าจนตาย ข้าเห็นลูกชายของข้าในภาพเหล่านั้น ทั้งยังเห็นว่าเซียวหลินเทียนให้คนเฆี่ยนตีข้าด้วย!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่า ที่เซียวหลินเทียนไล่ล่าข้าก็เพราะว่าข้าสังหารสตรีที่เขารักที่สุดไป! แต่ข้ามิรู้เรื่องเหล่านี้เลย ข้านึกอะไรมิออกทั้งนั้น!”“พี่ใหญ่ ข้ามิเชื่อคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่ดูจากการแสดงออกของเซียวหลินเทียนในวันนี้แล้ว ก