ด้วยตำรับอาหารบำรุงสุขภาพที่ทำตามคำแนะนำของหลิงอวี๋ กอปรกับโอสถพ่นหอบหืดที่หลิงอวี๋ให้ ไทเฮาเหลียงหลับเสถียรภาพตลอดคืนไทเฮาก็รู้สึกร่างกายผ่อนคลายจากที่ไม่เป็นมาก่อน นางก็คลี่ยิ้มพึงพอใจ“ทั้งหมดนี้ต้องยกคุณงามความดีให้ชายาอ๋องอี้! อายเจียรู้สึกว่าถ้าดูแลอย่างนี้ต่อไป อายเจียจะมีชีวิตถึงร้อยปีจริง ๆ ”“เป็นเช่นนั้นแน่นอนเพคะ! ไทเฮามีวาสนาดี… ออกตำหนักก็บังเอิญพบกับผู้สูงศักดิ์แล้ว!”“บ่าวจะไปคอยปรนนิบัติไทเฮาเสวยพระกระยาหารเช้า! ชายาอ๋องอี้บอกว่าหลังเสวยเสร็จก็พักผ่อนครึ่งชั่วยาม นางจะรอท่านอยู่ลานครึ่งทางขึ้นเขาวัดเพื่อชี้แนะวิธีรำไทเก๊กท่าน!”“ดีเลย… แม่นมเว่ย เจ้าควรศึกษาทีหลังด้วย! พวกเราจะได้อายุยืนยาว… เจ้าจะได้อยู่เคียงข้างอายเจียหลาย ๆ ปี” ไทเฮาเหลียงรู้สึกยินดีสุดซึ้งแม่นมเว่ยพยักหน้าส่งยิ้มตอบ “ไทเฮาทรงโปรดปรานรักใคร่ บ่าวจะหมั่นเพียรศึกษาตามอย่างแน่นอน บ่าวจะอยู่คอยปรนนิบัติไทเฮาพันปีพันพันปีเลยเพคะ! ”“ปากเจ้าทาน้ำผึ้งหรือ? เลือกวาจาน่าฟังเสมอเลย… อะไรพันปีกัน อายเจียไม่คาดหวัง มีชีวิตร้อยปีก็พอใจแล้ว!”ไทเฮาเหลียงเสวยพระกระยาหารเช้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง และแม่นมเ
“คุณหนู ทำเช่นไรดีเจ้าคะ?”“งานเฉลิมฉลองของไทเฮาเชิญท่านไป เราก็ต้องเตรียมของขวัญถวายไทเฮา ยังต้องซื้อชุดเสื้อผ้าให้ท่านสวมไปงานด้วย!”ระหว่างทางกลับ แม่นมลี่นึกถึงเงินห้าสิบตำลึงที่หลิวอวี๋ให้ตนก็เกิดความกลุ้มใจของขวัญถวายไทเฮามิอาจกระจอกงอกง่อยได้ เสื้อผ้าที่คุณหนูสวมเข้าวังก็มิอาจะกระจอกงอกง่อยได้เช่นกัน!นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ผลาญเงินยิ่ง แต่เหลือเวลาแค่สิบกว่าวันก็ถึงวันงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพแล้ว จะไปหาเงินได้จากไหนเล่า!หลิงอวี๋กล่าวคัดค้านว่า “แม่นม พระนางแค่พูดตามพิธีรีตองเท่านั้น ไยเจ้าคิดเป็นจริงเป็นจัง!”“อ่า ตามพิธีรีตอง? เป็นไปมิได้! คำพูดดั่งทองวาจาดั่งหยกของไทเฮา จะตรัสความเท็จได้เยี่ยงไร?” แม่นมลี่ผงะสักพัก“เมื่อก่อนในวังจัดงานเฉลิมฉลองอะไรก็ไม่เคยเชิญข้า! ไทเฮาจะทรงละเว้นได้เยี่ยงไร!”หลิงอวี๋ยิ้มอ่อนจาง “ข้าช่วยคนเป็นหน้าที่ ไม่อยากได้อะไรจากพระนาง! แม่นมก็อย่าพะวงไป… หากต้องพะวงจริง ๆ ก็คอยจนกว่าจะได้เห็นบัตรเชิญค่อยว่ากันเถอะ!”ครั้นแม่นมลี่ได้ฟังคำพูดเช่นนี้ของนางก็หวนนึกถึงทัศนคติของราชวงศ์ที่มีต่อหลิงอวี๋กับหลิงเยว่ก็เลยไม่กอดความหวังแล้วเช่นกัน!ทั้งส
เสิ่นจวนเห็นเจิงจื่ออวี้เสียหน้าก็พลันช่วยพูดทันควัน “อย่าว่าแต่เรื่องดูแคลนอันใดเจ้า ตัวข้าสามารถดูแคลนเจ้าได้ประเดี๋ยวนี้เลย!”“หากเจ้าไม่มีเงินกินข้าวจริง ๆ มาเป็นนางรับใช้ให้ข้าสักวัน แล้วข้าจะช่วยค่าอาหารของวันนี้แก่เจ้าเป็นเช่นไร?”สตรีที่กำลังจ้องหลิงอวี๋อย่างอาฆาตคือฉินรั่วซือ น้องสาวของฉินซานนางทนไม่ไหวเลยกล่าวเสียงเย็นชา“เสิ่นจวน นางเลือกภัตตาคารจี๋เสียงแล้วกลับยังต้องการให้เจ้าออกเงินช่วยอีกรึ!”“นางยังติดหนี้เกิ่งเอ้อเหยอยู่เลย ถ้านางจะเข้าไปยืมอีกก็ไม่เห็นจะเป็นไร! ลำบากขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีก!”คุณหนูคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก แม้การพรรณนานี้จะหยาบ แต่เหมาะกับหลิงอวี๋ยิ่ง!เมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจหลิงอวี๋กลับเต้นผิดจังหวะ คาดมิถึงว่านี้คือภัตตาคารที่เกิ่งเอ้อเหยเปิดกิจการ?นางกำลังใคร่ครวญว่า จะไถ่ถอนมรดกตกทอดวงศ์ตระกูลของเซียวหลินเทียนกลับมาอย่างไรดีและคืนเงินกู้ดอกเบี้ยสูงที่ตัวเองติดค้าง!นี่คือการหลับในแล้ววิ่งชนหมอนจริงๆ(1)ชัด ๆ!ในบรรดาร้านยาสมุนไพรพวกนั้นไม่มีความรู้สรรพคุณยาเสียเลย แต่เกิ่งเอ้อเหยเป็นคนในยุทธภพเช่นนี้ต้องรู้เป็นแน่!
หลิงอวี๋มองนางอย่างเฉยเมย “เสียงผู้ใดดังก็เป็นผู้นั้นไร้การศึกษาไงเล่า ขนาดเด็กยังเข้าใจ เจ้ากลับมิเข้าใจรึ?”“ถ้าไม่เข้าใจก็กลับไปให้แม่เจ้าสั่งสอนภาคบังคับเจ้าใหม่อีกแปดปีซะสิ!”เสิ่นจวนบันดาลโทสะจนตัวสั่นเทิ้ม หลิงอวี๋คนต่ำช้าผู้นี้กลายเป็นคนฉลาดพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?เมื่อก่อนพอถูกตนกล่าวไม่กี่ประโยคก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธตลอดแท้ ๆ !นี่เพิ่งไม่พบกันไปไม่กี่วัน ผู้ที่ถูกทำให้โกรธจนต้องกระทืบเท้ากลับเป็นตนเสียอย่างนั้น!มีคุณหนูผู้หนึ่งในกลุ่มนั้นมองไปโดยรอบ ก่อนจะพบว่า คนที่มากินข้าวที่นี่ทั้งหมดล้วนต่างมองมา และแล้วใบหน้านางก็แดงฉับพลันนางดึงเสิ่นจวนเข้ามากระซิบเตือนข้าง ๆ ว่า “เรามาดูเรื่องบันเทิงของนาง! มิใช่ให้ผู้อื่นมาดูเรื่องบันเทิงเรา!”“ทนรออีกสักเดี๋ยว คอยดูนางไม่มีเงินจ่ายอีกสักหน่อย นั่นคงทำให้นางต้องอับอายเป็นแน่!”คำพูดนี้เอ่ยเพื่อปลอบขวัญเสิ่นจวน ครั้นนางเห็นอันเจ๋ออยู่ที่นี่ ก็พลันนิ่งเงียบไปนางปรารถนาออกเรือนกับเซียวหลินเทียน และอันเจ๋อก็เป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา นางเลยจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตนเอาไว้!อาหารเพิ่งยกมา หลิงอวี๋ก็พลันเห็นลู่หนานพา
แต่ว่าเวลานี้นางกำลังขาดแคลนเงินมิใช่รึ?นางไม่รังเกียจทองคำ เงิน หรืออัญมณีสามัญ ๆ หรอกนะ เอาสิ่งพวกนั้นมาอาบนางเลยเถอะ!งานเฉลิมฉลองพระราชสมภพอะไรกันเปล่าประโยชน์ที่สุด!เพราะคุณหนูชอบสิ่งของที่จับต้องได้จริง!แม่นมลี่ใจเต้นผิดจังหวะ เคลื่อนตัวเข้าใกล้หลิงอวี๋กล่าวเสียงแผ่ว“แรกเริ่มสิ่งที่ไทเฮาตรัสเป็นความจริง! คุณหนู บ่าวบอกแล้ว ท่านจะได้รับเทียบเชิญจากไทเฮาในครานี้แน่นอน!”“ถูกต้อง ลือกันว่าไทเฮามิโปรดเสียงดัง ฉะนั้นงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพครานี้ไม่ได้เชิญคนเยอะมากมัก!”“เริ่มส่งเทียบเชิญในวังเมื่อเช้านี้ เล่ากันว่าไม่เกินร้อยคน… และตัวข้าได้รับเทียบเชิญแล้ว! พวกเจ้าได้หรือยัง?”ชายาผิงหยางกวาดสายตามองทุกคนอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องเต็มประดา แถมยังเจาะจงมองไปทางหลิงอวี๋เป็นพิเศษ“เพียงร้อยคนเองหรือเพคะ? งั้นเทียบเชิญนี้ช่างเลอค่าเสียจริง! ห่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง ท่านพ่อหม่อมฉันได้รับหนึ่งใบแล้วสามารถพาคนไปด้วยได้คนหนึ่ง ท่านแม่เลยบอกให้หม่อมฉันไป!” เสิ่นจวนก็กล่าวกระหยิ่มยิ้มย่องเช่นเดียวกันเจิงจื่ออวี้เองก็เร่งเอ่ยว่า “ท่านพ่อหม่อมฉันก็ได้รับแล้วหนึ่งใบ สามารถพาคนคนหนึ่ง
หลิงซินไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่ที่พบอยู่วัดชิงเหลียนคือไทเฮาและไม่รู้ด้วยว่าไทเฮาจะส่งเทียบเชิญให้หลิงอวี๋ครั้นได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวว่า “พระชายาผิงหยาง ท่านช่วยให้คุณหนูของเราได้รับเทียบเชิญได้จริงหรือเพคะ?”“นั่นแน่นอน! ตัวข้าคือพระชายาผิงหยางเชียวนะ ลูกพี่ลูกน้องของข้าคือรองเจ้ากรมวังซึ่งสามารถพูดคุยกับไทเฮาต่อหน้าได้!”“ไทเฮาไม่พบหน้าผู้อื่น แต่ถ้าเป็นเกียรติของตัวข้ากับลูกพี่ลูกน้องล่ะก็ต้องพบแน่นอน!”ชายาผิงหยางกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “อีกอย่าง ตัวข้าจะส่งแม่นมไปลองถามลูกพี่ลูกน้องดูดีไหมเล่า? ลองดูว่าเขาจะช่วยชายาอ๋องอี้ให้รับเทียบเชิญได้หรือไม่!”นางหันศีรษะไปใช้สายตาส่งสัญญาณต่อนางรับใช้อาวุโสที่ด้านหลัง“แม่นม เจ้าไปจวนของท่านลุงเสีย ไปขอเทียบเชิญช่วยพระชายาสักใบ!”แม่นมผู้นั้นเข้าใจตามสัญชาตญาณ ตอบรับเสียงกังวานพลันวิ่งแช่มช้าจากไป“พระชายาผิงหยางกับไทเฮาทรงสนิทรักใคร่กันยิ่ง ลูกพี่ลูกน้องเองก็รับหน้าที่แจกเทียบเชิญด้วย บางทีอาจกู้เกียรติพระชายาได้!” เสิ่นจวนยิ้มกล่าวคำ“แต่ชายาอ๋องอี้เจ้าอย่ากอดความหวังจนมากไป อย่างไรเสียชื่อเสียงเจ้าก็เละเทะ ครานี้อาคันตุกะที่เรีย
แม่นมถูกสายตานางมองจนเหงื่อกาฬผุดพรายท่วมร่างสวรรค์รู้ว่าเมื่อกี้นางออกไปเพียงเดินวนเรื่อยเปื่อย เดิมทีไม่ได้ไปจวนท่านลุงด้วยซ้ำ!ไฉนเลยจะรู้ว่า พอวนกลับมาก็เห็นคนสวมเสื้อผ้าขันทีสองคนถือเทียบเชิญมาสองใบ!“พระชายา… เดิมทีขันทีสองท่านนั้นอยากมอบให้เองกับมือเพคะ บ่าวเกรงจะลำบากพวกเขาเกินควรเลยตัดสินใจรับมา..”“เทียบเชิญพวกนี้สำหรับมอบให้พระชายาอ๋องอี้เพคะ!”แม่นมยื่นส่งเทียบเชิญสองใบออกไป“โอ้โห พระชายาผิงหยางมีสัมพันธ์อันดีกับไทเฮาจริง ๆ ! เพิ่งไปขอก็ได้มาเลย...”บรรดาคุณหนูไม่รู้ความจริงจึงเกิดเสียงดังอื้ออึงทันใด ก่อนจะพากันมุงชายาผิงหยางกันอย่างพร้อมเพรียงชายาผิงหยางรับเทียบเชิญที่บรรจงเคลือบทองมาอย่างสนเท่ห์แล้วดูให้ละเอียด พบว่านั่นเป็นเทียบเชิญร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาโดยแท้!บนเทียบเชิญสองใบนั้นเดินทองสวยงาม คือการเชิญชวนหลิงอวี๋กับหลิงเยวี่ยคนละใบ!เทียบเชิญทั้งสองใบเขียนด้วยลายมือมังกรเหินหงส์ระบำ(1) เมฆาล่องลอย สายธารไหลริน(2)ฝูงชนต่างมองอึ้ง พอผ่านไปสักพัก สวี่เหยียนถึงกับมองค้อนไปทางชายาผิงหยางด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะกล่าวด้วยแรงริษยา“พระชายากู้เกี
ลูกพี่ลูกน้องของชายาผิงหยางเป็นรองเจ้ากรมวังที่แจกเทียบเชิญ ครั้นได้ยินเข้าก็คิดว่าชายาผิงหยางยังไม่ยอมแพ้ในเรื่องเมื่อเช้าแล้วจึงกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า“อย่าขอให้ข้าจัดหาเทียบเชิญช่วยเจ้าอีก! ข้าพูดไปแล้วมิใช่หรือ? ข้าทำไม่ได้!”“ข้าบอกเจ้าไปตอนเช้าแล้วว่ามีคนยอมจ่ายหนึ่งแสนตำลึงเงินเพื่อเทียบเชิญเพียงใบเดียว!”“เอาล่ะ เจ้าลองถามขันทีหลาย ๆ คนดู พวกเขาติดตามข้า เมื่อสักครู่เผอิญเจอใต้เท้าหลี่… ใต้เท้าหลี่เสนอสองแสนตำลึงเงินให้ข้า...สองแสนเชียวนะ!”ผู้คนล้วนตะลึงเบิกตากว้าง สองแสนกับเทียบเชิญใบเดียวนี่มันจะราคาสูงเกินไปแล้ว!“สองแสนเยอะมากงั้นหรือ? แต่ในสายตาคนรวยหาเป็นอะไรแบบนั้นไม่!”รองเจ้ากรมวังมองท่าทางตกตะลึงของฝูงชนจึงกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องไปหลายส่วน“งานเฉลิมฉลองพระราชสมภพของไทเฮาในปีนี้ ผู้ที่เชิญมีจำกัด เพื่อเทียบเชิญใบเดียวเสนาบดีผู้มีคุณธรรมบารมีสูงส่งหลายท่านล้วนมาหาและขอร้องข้า!”“แต่ข้าก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน! ถ้าสามารถหาวิถีทางเอาเทียบเชิญได้จริง ๆ ข้าจะมิเอาไว้พึ่งความร่ำรวยทางนี้ได้อย่างไรเล่า?”เขามองค้อนพระชายาผิงหยางและเอ่ยดุ “ฉะนั้นอย่าหยิบเรื่องเล็กน้อยน