“คุณหนู… จู่ ๆ ก็ได้เงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงมาฟรี ๆ ! หากหลินผิงนั่นรู้เข้า จะไม่โกรธตายเลยหรือเจ้าคะ!”พอออกมาจากตำหนักอ๋องอี้แล้ว หลิงอวี๋ก็ให้หลิงซินเอาหยกห้อยเอวไปขายก่อนเป็นอันดับแรก หลิงซินขายได้เงินมาหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่เลย!“หลิงซิน เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า หยกห้อยเอวนั่นเป็นของหลินผิง?”หลิงอวี๋ถือโอกาสสอนนางรับใช้ผู้นี้เสียเลย นางยิ้มเยาะพลางบอก “เงินในมือของหลิงผิงมีมากถึงขนาดไปซื้อหยกห้อยเอวได้ที่ไหนกัน หรือต่อให้จะซื้อ ก็จะต้องซื้อแค่รูปแบบของผู้หญิง!”“เจ้าลองคิดดูดี ๆ ว่าหยกห้อยเอวนี้เป็นของผู้ใด?”หลิงซินใช้สมองพยายามคิดแม่นมลี่มีประสบการณ์มามากกว่านาง พอนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “พ่อบ้านฟั่นเป็นคนใส่เข้าไป! ที่เขาไปค้นตัว ก็เพียงเพื่อที่เขาจะมีโอกาสเอาหยกห้อยเอวรูปแบบผู้ชายนั้นมาใส่ร้ายคุณหนู!”“แม่นมลี่ฉลาดนัก!”หลิงอวี๋เอ่ยพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “พ่อบ้านฟั่นเอาหยกห้อยเอวที่มีมูลค่าสองร้อยตำลึงมาใส่ร้ายข้าได้ง่าย ๆ ! เขาที่เป็นพ่อบ้านคนหนึ่ง จะใจกว้างถึงเพียงนี้ได้เยี่ยงไร?”เพราะว่าแม่นมลี่มาจากเรือนที่มีความกว้า
วันรุ่งขึ้นเป็นวันครบรอบการตายของหลานฮุ่ยจวน ก่อนรุ่งสาง แม่นมลี่ก็เร่งให้ทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง แล้วรีบไปไหว้หลายฮุ่ยจวนที่วัดชิงเหลียนซึ่งอยู่นอกเมืองยี่สิบลี้แม่นมลี่เตรียมอาหารให้ทั้งสามคนไว้ให้เอาไปกินระหว่างทางหลิงอวี๋แต่งตัวให้หลิงเยว่เรียบร้อย ทั้งสี่คนก็ยกของเดินออกไป แล้วแม่นมลี่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานเอาแต่สนใจซื้อของ ๆ ๆ จนลืมจองรถม้าไปเลยแม่นมลี่ส่งของให้หลิงซิน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปเรียกรถที่ถนน!”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ในตำหนักไม่มีรถม้าหรือ?”แม่นมลี่สีหน้าลำบากใจ “หากท่านอ๋องไม่ได้สั่ง ที่โรงม้าก็ไม่สามารถเตรียมรถม้าให้พวกเราได้เจ้าค่ะ!”“ไม่ลองจะรู้ได้เยี่ยงไรกัน!”หลิงอวี๋นึกขึ้นได้ว่า หลิงเยว่กับปี้ไห่เฟิงผู้ดูแลโรงม้ามีมิตรภาพที่ดีต่อกัน จึงหันไปมองแล้วพูด“เยว่เยว่ เจ้าไปกับแม่นมลี่! พวกเราออกเงินก็น่าจะได้แล้ว!”หลิงเยว่ตอบรับอย่างแข็งขัน แล้วเดินจับมือกับแม่นมลี่เข้าไปหลิงอวี๋รอไม่นาน รถม้าก็พาหลิงเยว่ออกมาจากประตูด้านข้างแล้ว คนที่บังคับรถม้าก็คือปี้ไห่เฟิงนั่นเองนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เจอป
“แม่นม ก่อนหน้านี้เป็นข้าเองที่สับสน หลังจากนี้ข้าจะไม่มีทางสับสนอีกต่อไปแล้ว! รอให้ข้าหาเวลา ไปยอมรับผิดกับท่านปู่ ไปขอให้เขายกโทษให้ข้า!”“ทางด้านท่านตา ข้าก็หาเวลาไปตามหาเขาเช่นกัน!”ในความทรงจำของหลิงอวี๋ ไม่เพียงแต่ท่านเสนาบดีที่ปฏิบัติต่อนางอย่างดี ท่านอัครเสนาบดีก็รักนางมากเช่นกัน!หลิงอวี๋ลูบจมูกอย่างรู้สึกผิด พลางพูดอย่างจริงใจ“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว! ท่านเสนาบดีคอยดูคุณหนูเติบโต รักคุณหนูมาก ๆ มาตลอด มีหรือจะโกรธคุณหนูจริง ๆ ได้ลง!”แม่นมลี่พูดอย่างจริงใจ “คุณหนูเป็นลูกหลานในตระกูล ขอเพียงคุณหนูก้มหัวยอมให้ก่อน มีหรือจะโกรธกับท่านเสนาบดีไปตลอดชีวิตเพราะคำพูดที่เกิดจากความโกรธของท่านเพียงชั่วครู่!”“อื้ม ๆ ! ข้าเชื่อฟังเจ้าทั้งหมด!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างเชื่อฟังขึ้นเขากันมาได้หนึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ถึงภูเขาด้านหลังของวัดชิงเหลียนแล้ว แม่นมลี่อายุมากแล้วเดินไปก็ขาสั่นไปหมดหลิงเยว่เป็นเด็ก แม้ว่าจะขาเล็ก ๆ จะปวด แต่กลับยืนหยัดอยู่โดยไม่งอแงเลยหลิงซินคิดจะไปแบกเขา เขาก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้ความพลางพูด “พี่หลิงซินแบกเครื่องเซ่นไหว้ก็เหนื่อยมากพอแล้ว! เยว่เยว่ช่วยเหลืออะไ
หลิงอวี๋ตัวน้อยในความทรงจำยืนอยู่ที่ประตู เห็นว่าหลิงเสียงเซิงผลักหลานฮุ่ยจวนล้มลงกับพื้น นางไอออกมาหลายครั้ง แล้วกระอักเลือดสีดำออกมาจำนวนมากหลิงเสียงเซิงพบหลิงอวี๋ตัวน้อยที่หน้าประตู ก็ก่นด่า “เจ้าผู้หญิงบ้า เจ้าทำให้ลูกตกใจ!”เขาอุ้มหลิงอวี๋ตัวน้อยขึ้นแล้วเดินออกไปผ่านไปไม่กี่วัน หลานฮุ่ยจวนก็ตายวันนั้นหลิงอวี๋ตัวน้อยตกใจมากจนป่วยหนัก ไปร่วมพิธีศพอย่างมึนงง ความทรงจำที่มีต่อหลานฮุ่ยจวนเลือนรางมากหลิงอวี๋ยืนมองอยู่ในมุมของคนที่มองเข้าไป ก็เห็นอะไรแปลก ๆ เยอะมากหลานฮุ่ยจวนตายไปยังไม่ทันครบปี หลิงเสียงเซิงก็ทนไม่ไหวไปพาอนุภรรยาตระกูลหวังมาอยู่ด้วย!แล้วนางก็กระอักเลือดสีดำออกมา!นี่มันคล้ายกับอาการที่ได้รับพิษมาก!หรือว่าในปีนั้นหลายฮุ่ยจวนจะตายอย่างแปลกประหลาดจริง ๆ ?นางไม่ได้ตายแบบปกติ แต่ถูกคนวางยาพิษหรือ?คำพูดนั้นที่หลานฮุ่ยจวนพูด ‘พวกเจ้าทำร้ายข้า...’บางทีนี่อาจจะไม่ได้หมายถึงทำร้ายความรู้สึกของหลานฮุ่ยจวน!แต่มันหมายถึงทำร้ายชีวิตของนาง?หากอยากจะหาสาเหตุการตายของหลานฮุ่ยจวนในแน่ชัด ยังต้องหาโอกาสไปหาที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอีก ตอนนี้หลิงอวี๋จึงทำได้เพียงแค่ป
หลิงอวี๋เห็นนางรับใช้ร่างใหญ่หน้ากลมผู้นี้มีผิวขาวผ่อง แม้จะด่าตน แต่ประโยคสุดท้ายกลับมีท่าทีพูดที่ดีเพื่อตนเสียอย่างนั้นนางกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกเขาร้องของความช่วยเหลือ… เทือกเขารกร้างห่างไกลนี้มิมีผู้ใดมาช่วยพวกเจ้าได้หรอก!”“ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้าเป็นโรคหอบหืด! พลังหยิน(1)ในเขาลึกหนักเกินไป ทำให้หอบหืดกำเริบขึ้นง่าย!”หลิงอวี๋ล้วงยาพ่นหอบหืดในมือออกมา กล่าวว่า “นี่คือโอสถสรรพคุณพิเศษของข้า ให้นางสูดหายใจเข้าสักหน่อยแล้วนางจะพ้นอันตราย!”แม่นมเว่ยมองขวดประหลาดบนมือหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าระมัดระวัง มิเชื่อคำพูดนางอย่างเด่นชัด“แบบนี้...”หลิงอวี๋เปิดฝาพ่นใส่จมูกของตัวเองสองสามทีแล้วกล่าว“แม่นมเจ้าดูสิ ไม่มีสิ่งใดมิเหมาะ! ฮูหยินใหญ่ของพวกเจ้ายังเป็นโรคกลัวด้วย หากหายใจไม่ออกมาจะม่องเท่งเอานะ!”“แม้พวกเจ้าจะไปเรียกคนแล้ว แต่ถ้าฮูหยินใหญ่ยังมิได้รับการรักษาตัวอยู่อีก คาดว่าจะรอไม่ทันคนมาน่ะสิ! เจ้าดูนี่ สีหน้าฮูหยินใหญ่ม่วงหมดแล้ว!”แม่นมเว่ยก้มศีรษะต่ำลงมอง เห็นฮูหยินใหญ่ของตัวเองสีหน้าม่วงจริง เพียงหายใจออกแต่ไม่หายใจเข้าแล้ว!นางรีบจับมือฮูหยินใหญ่ทันควัน ก่อนจะตะโ
หลิงอวี๋เห็นฮูหยินใหญ่กำลังมองตนอย่างกอดความหวังไว้เช่นกัน นางจึงยิ้มสักพักกล่าวว่า“ขออภัยฮูหยินใหญ่ โรคเจ็บป่วยนี้จะกำเริบขึ้นบ่อยครั้ง ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้!”ดวงตาของฮูหยินใหญ่หมองลง หลิงอวี๋ค่อนข้างอดกลั้นไม่ไหว ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง นางจนปัญญาทนสายตาที่สิ้นหวังของผู้ป่วยเป็นที่สุดนางรีบกล่าวปลอบโยนว่า “แต่ข้าสามารถสอนหลายวิธีป้องกันการกำเริบต่อท่านได้! ท่านทำตามสิ่งที่ข้าบอกและดูแลรักษาให้ดีก็จะไม่กำเริบง่าย ถึงขั้นไม่กำเริบในอนาคตอีกด้วย!”อ่า มีดีขนาดนี้เชียวหรือ?แม่นมเว่ยกล่าวทันทีว่า “ฮูหยิน พวกเราจะไปทำตามวิธีที่ท่านสอนแน่นอน ท่านช่วยบอกว่าควรใส่ใจกับสิ่งใด! ไป่ซุ่ย เจ้าก็ตั้งใจช่วยฮูหยินใหญ่จำด้วย!”หลิงอวี๋ตอบว่า “ข้อแรกคือใส่ใจการบริโภค กินแค่ของอ่อนและกินผักผลไม้ให้มากเช่น ไชเท้าและบวบเป็นต้น พวกมันมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบาก ขับเสมหะและล้างปอด เป็นประโยชน์ต่อคนเป็นโรคหอบหืดอย่างยิ่ง”หลิงอวี๋บอกไป่ซุ่ยเกี่ยวกับอาหารที่ควรเลี่ยงและกินได้ ครั้นดูท่าทีของไป่ซุ่ยที่จดจำลำบาก นางก็กล่าวขึ้นว่า“สักครู่ข้าจะไปยืมพู่กันกับกระดาษเขียนให้เจ้าแล้วกัน!”ไป่ซุ
หลิงอวี๋และทั้งสี่คนถูกไป่ซุ่ยพาไปลานจวนเล็ก ๆ ลานหนึ่งที่อยู่ข้างกัน ลานจวนนี้สะอาดเรียบง่ายเป็นสถานที่พักผ่อนรวมตัวตระกูลที่เป็นสตรีครั้นรอให้ไป่ซุ่ยออกไป แม่นมลี่ให้หลิงซินไป ก่อนจะดึงหลิงอวี๋มาข้าง ๆ เอ่ยเสียงแผ่ว“คุณหนู ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดบ่าวถึงสนับสนุนให้อยู่ต่อ?”หลิงอวี๋เดาว่าแม่นมลี่คงไม่เสนอให้ตนอยู่ต่อหากไม่มีสาเหตุจึงเอ่ยถามเสียงเบา“เป็นเพราะฮูหยินใหญ่เหลียงผู้นั้นมีฐานะที่พิเศษรึ?”แม่นมลี่มองนางอย่าจนปัญญา กล่าวเสียงแผ่วว่า “คุณหนู ท่านลืมไปแล้วรึ เมื่อท่านยังเด็กเคยพบนาง...นางแซ่เหลียง… ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันคือฮ่องเต้อู่อันและหมู่เฟย(1)ของฮ่องเต้ก็แซ่เหลียงเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกตะลึงชั่วขณะ เอ่ยถามว่า “หรือว่านางคือไทเฮา?”หลิงอวี๋รู้เพียงว่าฮูหยินใหญ่ผู้นี้มีฐานะสูงศักดิ์ สง่าเกรียงไกร ยังคิดว่าเป็นคุณท่านหญิงจากสกุลร่ำรวยมากอำนาจจากบางแซ่ผู้ใดจะไปรู้ว่าเป็นไทเฮาในพระราชวัง!“นั่นน่ะสิ! คุณหนู… เมื่อครู่บ่าวเป็นห่วงท่านแล้ว! หากท่านรักษาไทเฮาไม่หาย พวกเราต้องตายกันหมดเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ประสานมือ ก่อนจะท่องนะโม อมิตาภพุทธะ แล้วเอ่ยว่า “ยังดีที่คุณหนูช่วยชีว
ด้วยตำรับอาหารบำรุงสุขภาพที่ทำตามคำแนะนำของหลิงอวี๋ กอปรกับโอสถพ่นหอบหืดที่หลิงอวี๋ให้ ไทเฮาเหลียงหลับเสถียรภาพตลอดคืนไทเฮาก็รู้สึกร่างกายผ่อนคลายจากที่ไม่เป็นมาก่อน นางก็คลี่ยิ้มพึงพอใจ“ทั้งหมดนี้ต้องยกคุณงามความดีให้ชายาอ๋องอี้! อายเจียรู้สึกว่าถ้าดูแลอย่างนี้ต่อไป อายเจียจะมีชีวิตถึงร้อยปีจริง ๆ ”“เป็นเช่นนั้นแน่นอนเพคะ! ไทเฮามีวาสนาดี… ออกตำหนักก็บังเอิญพบกับผู้สูงศักดิ์แล้ว!”“บ่าวจะไปคอยปรนนิบัติไทเฮาเสวยพระกระยาหารเช้า! ชายาอ๋องอี้บอกว่าหลังเสวยเสร็จก็พักผ่อนครึ่งชั่วยาม นางจะรอท่านอยู่ลานครึ่งทางขึ้นเขาวัดเพื่อชี้แนะวิธีรำไทเก๊กท่าน!”“ดีเลย… แม่นมเว่ย เจ้าควรศึกษาทีหลังด้วย! พวกเราจะได้อายุยืนยาว… เจ้าจะได้อยู่เคียงข้างอายเจียหลาย ๆ ปี” ไทเฮาเหลียงรู้สึกยินดีสุดซึ้งแม่นมเว่ยพยักหน้าส่งยิ้มตอบ “ไทเฮาทรงโปรดปรานรักใคร่ บ่าวจะหมั่นเพียรศึกษาตามอย่างแน่นอน บ่าวจะอยู่คอยปรนนิบัติไทเฮาพันปีพันพันปีเลยเพคะ! ”“ปากเจ้าทาน้ำผึ้งหรือ? เลือกวาจาน่าฟังเสมอเลย… อะไรพันปีกัน อายเจียไม่คาดหวัง มีชีวิตร้อยปีก็พอใจแล้ว!”ไทเฮาเหลียงเสวยพระกระยาหารเช้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง และแม่นมเ