“เข้ามา...” เซียวหลินเทียนเมื่อเห็นหลิงอวี๋กระอักเป็นเลือดออกมาก็ไม่ได้หายโกรธ! คนชั้นต่ำนี่ท้าทายความอำนาจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาจะไม่ให้โอกาสนางอีกต่อไป! เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเซียวหลินเทียน ลู่หนานและชิวเฮ่าที่อยู่ด้านนอกก็เตะเปิดประตูเข้ามา “จับนางไว้ ลงโทษให้ตาย!” เซียวหลินเทียนจ้องไปที่หลิงอวี๋ด้วยดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ชิวเฮ่าคิดว่าเฮยจื่อถูกหลิงอวี๋รักษาจนตายแล้ว ดังนั้นเขาจึงชักมีดออกมาแล้วพุ่งไปข้างหน้าด้วยความโกรธ “ท่านอ๋อง กระหม่อมบอกแล้วว่าไว้ใจนางไม่ได้… กระหม่อมพูดถูกแล้ว! กระหม่อมจะฆ่านางเพื่อล้างแค้นให้เฮยจื่อ!” “เฮยจื่อตายแล้วหรือ?” เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น กัดฟันแล้วเอ่ยออกมา "เช่นนั้นก็สับนางให้เป็นชิ้นซะ!" นี่คือราคาที่เขาต้องจ่ายจากการเชื่อคำโป้ปดของหลิงอวี๋... เฮยจื่อถูกผู้หญิงคนนี้ฆ่าตายแล้ว! “ช้าก่อน... ใครบอกว่าเฮยจื่อตายแล้ว” หลิงอวี๋กระอักเลือดออกมา แล้วตะโกนอย่างร้อนรน น่าเสียดายที่เซียวหลินเทียนกำลังโกรธจัด และเมื่อเขาได้ยินเสียงที่น่าเกลียดของนางแล้ว เขาก็อยากจะหั่นนางให้เป็นชิ
แต่ความอัปยศอดสูนี้ยังไม่หมดสิ้นไป ดูเหมือนว่า แม่นมสอพลอนั่นจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับชิวเฮ่า เมื่อครู่นี้ชิวเฮ่าถูกหลิงอวี๋เยาะเย้ยมาหลายครั้ง เขาเต็มไปด้วยความโกรธจนไม่มีโอกาสระบายออกมา บัดนี้โอกาสมาถึงแล้ว! "แม่นมเกา มีอะไรให้กินบ้าง เอาออกมาหน่อย!" ชิวเฮ่ายิ้มออกมาอย่างมุ่งร้าย "พวกเราใจดี ก่อนที่จะส่งนางไปนั้น จะต้องให้นางได้เป็นผีที่กินอิ่มแล้ว!” "ได้สิ!" แม่นมเกาบิดเอวอ้วนของนางเดินไป หลังจากนั้นไม่นาน นางก็นำหม้ออาหารหมูมาวางตรงหน้าหลิงอวี๋ สิ่งที่ดำ มัน มีกลิ่นเน่า ทำให้หลิงอวี๋อยากจะอาเจียนเมื่อเห็นมัน... ทว่าวินาทีต่อมาชิวเฮ่า ก็จับผมของนางแล้วกดหน้านางลงในหม้อ "กินสิ! กินเข้าไป!" ชิวเฮ่ากดใบหน้าของนางลงไปอย่างโหดเหี้ยม หลิงอวี๋รู้สึกได้เพียงกลิ่นเหม็นเน่าโชยเข้ามาที่ปลายจมูก นางรีบปิดปากแน่น ใบกะหล่ำปลีเน่าและอาหารหมูเปื้อนเลอะเทอะไปทั่วหน้า "อร่อยหรือไม่?" ชิวเฮ่าดึงผมของนางขึ้นมา ใบหน้าของหลิงอวี๋ในตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารหมู คาดว่าแม้แต่ท่านเสนาบดีก็จำบุตรตนมิได้! "ฮ่าฮ่า… น่าขันนัก! นี่มันสัตว์ประหลาดน่าเกลียดจากที่ใดกัน!" คนรับใช้ทั้งหม
“สกปรก… ข้าจะล้างให้...”อ่างน้ำเย็นราดบนร่างของหลิงอวี๋อย่างกะทันหัน และนางก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างประหลาดนั้นอีกครั้ง"หนาว...”นางทั้งหิวทั้งหนาว ม้วนขดตัวเข้าโดยไม่รู้ตัว"พระ...ชายา… ข้าไม่คิดเลยว่าข้า...ข้าจะยังมี… วาส… วาสนาเช่นนี้!"ปากเบี้ยวเดินเข้ามาหาหลิงอวี๋พร้อมน้ำลายไหลฟันที่ดำสนิทของเขากระจายกลิ่นเหม็นจากปาก ทำให้หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมา!นางยังคงอยู่ในสถานที่บ้าบอแห่งนี้!นางยังไม่ตาย!“ท่านอ๋องมอบ… ท่านเป็นราง… วัลให้กับข้า!”ปากเบี้ยวหรี่ตาลงยิ้มชั่วร้ายให้กับหลิงอวี๋“ขอเพียงแค่ท่าน.. .เชื่อฟังข้า ข้า… ข้าก็จะไม่ฆ่าท่าน!”ก่อนที่หลิงอวี๋จะสลบไปนั้น จำได้เพียงว่า ชิวเฮ่าไม่หยุดที่จะกดตนเข้าไปยังถาดอาหารหมู...เมื่อได้ยินคำนี้เข้า นางก็คิดว่าเซียวหลินเทียนมอบตนเองเป็นรางวัลให้กับชายอุจาดนี้จริง ๆ !หลิงอวี๋โมโหเสียจนเลือดเดือดพล่านอารมณ์โศกเศร้าเสียใจปะทุเข้ามาในใจ!คนเราจะสามารถเลวร้ายถึงขั้นนี้ได้เชียวหรือ?หลิงอวี๋อย่างไรแล้วก็เป็นชายาของเซียวหลินเทียน!เป็นภรรยาของเขา!เขาจะมอบเป็นรางวัลให้คนรับใช้เช่นนี้ได้อย่างไร?อีกทั้งยังเป็นสัตว์ประหลา
ไม่ทันแล้ว!หลิงอวี๋ไม่สนใจว่าใครบอกว่าหยุด!นางใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ นำกิ่งไม้ที่เพิ่งจะคว้าเอาไว้ได้กระแทกเข้าไปในดวงตาของปากเบี้ยวอย่างแรงแทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน มีดทำครัวในมือของปากเบี้ยวเองก็ฟันลงมาเช่นกันเพียงแต่ว่าหลิงอวี๋จะเร็วกว่าอยู่สองสามวินาที!ปากเบี้ยวรู้สึกเจ็บตาอย่างแรงจนมือสั่น มีดในมือจึงเบี่ยงออกเล็กน้อย ใช้แรงเหวี่ยงลงไปข้างหูของหลิงอวี๋ผมยาวที่คลอเคลียอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋ถูกตัดออก!เซียวหลินเทียนเข้ามา มองเห็นภาพฉากนี้เข้าได้พอดิบพอดีเขามาไม่ทันได้พุ่งเข้าไป ทำได้เพียงแค่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “หยุด!”มีดก็ยังคงเหวี่ยงลงไป!ทันใดนั้นหัวใจของเซียวหลินเทียนแทบจะพุ่งออกมาจากคอ!เขามาช้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ?“อ๊าก… ตาข้า...”วินาทีต่อมา ปากเบี้ยวก็ปิดตาพร้อมร้องครวญครางออกมาหลิงอวี๋ไม่ขยับเขยื้อนใด ดวงตาไร้เรี่ยวแรงจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่ขาวโพลนทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ นั้นดูเหมือนว่าจะห่างไกลจากขอบฟ้า...เซียวหลินเทียนจ้องมองนางด้วยความอึ้งตะลึงเสื้อผ้าขาดวิ่นของหลิงอวี๋เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ขาเรียวยาวถูกเผยออกมาไร้ซึ่งยางอาย… สี่คำนี้ เขาไม่แม
เรือนบุหงาแม่นมลี่และหลิงซินช่วยกันเช็ดทำความสะอาดคราบเลือด และอาหารหมูที่อยู่บนกายของหลิงอวี๋แม่นมลี่เมื่อมองเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหลิงอวี๋แล้ว ปวดใจเสียจนน้ำตาร่วงอย่างมิอาจควบคุมได้“พระชายา.... ท่านไปช่วยเฮยจื่อหรอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ? เฮยจื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว! แต่เหตุใดท่านถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ไปได้เจ้าคะ?”หลิงอวี๋กึ่งหลับกึ่งฝัน นางได้ยินคำของแม่นมลี่ แต่ไม่อาจตอบกลับได้นางเหนื่อยเกินไป แค่อยากจะนอนหลับให้สบาย“ท่านแม่ ข้าจะเป่าให้ท่านขอรับ!”เสี่ยวเมาน้ำตาไหลริน คลานมายังขอบเตียงแล้วจ้องมองหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนยังไม่เข้าไปในห้อง นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์จ้องมองยังพวกเขาไป๋สือเอ่ยออกมาเสียงเบา “กระหม่อมได้จัดยารักษาภายนอกให้กับหลิงอวี๋แล้ว และเขียนใบเทียบยาไว้ให้ อีกประเดี๋ยวให้หลิงผิงต้มยาให้นาง… นางจะไม่ตายพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า นำลู่หนานจากไปเสี่ยวเมาจ้องยังเบื้องหลังของพวกเขาอย่างเกลียดชัง มือเล็กกำหมัดแน่นท่านแม่ถูกพวกคนร้ายเหล่านี้ทุบตีจนกลายเป็นเช่นนี้ เมื่อเติบใหญ่จะต้องแก้แค้นให้กับท่านแม่ให้จงได้!……ชิวเฮ่าคุกเข่าอยู่ในเรือนข
"น่องไก่เคเอฟซี แฮมเบอร์เกอร์แมคโดนัล... อยากกินทั้งหมดเลย!"หลิงอวี๋หิวท้องร้อง ในฝันกำลังกดโทรศัพท์มือถือสั่งอาหารเดลิเวอรีจู่ ๆ รู้สึกเจ็บที่กราม เจ็บจนรู้สึกตัวขึ้นมาเสียใจจนอยากจะร้องไห้!ทั้งเบอร์เกอร์และน่องไก่ของเธอกำลังบินจากไปแล้ว...“พระชายา ทาสผู้นี้รอให้ท่านกินยาอยู่นะเจ้าคะ!”มือที่เอื้อมมาบีบคางอย่างแรงเจ็บจนหลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาชามดินเผาที่มีน้ำแกงยาถูกกรอกใส่ปากของนาง และยาถูกเทเข้าปากของนางอย่างแรงหลิงอวี๋เห็นใบหน้ายิ้มแปลกๆ ของหลิงผิงได้อย่างชัดเจน และในขณะเดียวกัน ประสาทรับรสที่เฉียบแหลมของนางก็ตรวจพบบางอย่างผิดปกติในยา...มันมีสารหนูอยู่ในนั้น!นางยกมือปัดชามยาทิ้งโดยสัญชาตญาณ และคายน้ำแกงยาออกมาเพล้ง!ชามยาตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยง ๆจู่ ๆ สีหน้าของหลิงผิงก็เปลี่ยนไป นางจิกผมของหลิงอวี๋อย่างโหดเหี้ยมและตะคอกว่า“เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นพระชายาผู้สูงส่งอยู่งั้นรึ?”“ข้าป้อนยาเจ้า แต่เจ้าไม่สำนึกบุญคุณ ยังกล้าทำชามยาตกแตก!”“วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย หญิงสารเลวมิรู้จักบุญคุณคน”หลิงผิงตบหน้าหลิงอวี๋ จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็ยกมือขึ้นไปคว้าข้อมือของนางทันท
"ท่านแม่!"“ปล่อยเขาซะ!”เสียงของหลินอวี๋และเสี่ยวเมาที่ดังขึ้นพร้อมกันแตกต่างกันก็คือเสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวเมาที่ยังมึนงงอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แต่น้ำเสียงของหลิงอวี๋นั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งบรรยากาศเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาทำให้แม่นมที่อยู่ใกล้นางตัวสั่นไปหมดโดยไม่รู้ตัว“เสี่ยวเมาไม่ต้องกลัว!”เมื่อเห็นเสี่ยวเมาจ้องมองมาที่นาง หลิงอวี๋ก็ลดรังสีอมหิตลงไปได้บ้างนางยิ้มให้เสี่ยวเมาอย่างอ่อนโยน "พวกเรามาเล่นเกมกันนะ ปิดหู หลับตาไว้ จบเกมแล้วค่อยลืมตานะ!"“ขอรับ ข้าจะเชื่อฟังท่านแม่!”หลิงอวี๋ไม่เคยยิ้มให้เสี่ยวเมาอย่างอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน เสี่ยวเมาหลับตา และเอามือเล็ก ๆ ปิดหูของเขาไว้อย่างเชื่อฟังเชื่อฟังจริง ๆ !หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างชื่นชมเมื่อนางหันหน้ากลับไป รอยแผลที่บนใบหน้าน่าเกลียดดูน่ากลัวเป็นพิเศษ และแผ่บรรยากาศเย็นเยียบกดดันออกมา“ข้าบอกให้ปล่อย ไม่ได้ยินรึ?”หลิงอวี๋ยื่นมือชี้ไปที่แม่นมที่กำลังอุ้มเสี่ยวเมา น้ำเสียงของนางเย็นชาราวกับยมทูตจากนรก!"ได้สิ ถ้าเจ้าอยากให้พวกเราปล่อยเสี่ยวเมาไป ก็แค่คุกเข่าลงคำนับให้พวกเราสามครั้ง ไม่สิ... สาม
หลิงอวี๋มองพวกเขาทั้งสามด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เก็บมีดผ่าตัดเหน็บซ่อนไว้ที่เข็มขัดคาดเอวนางฉวยโอกาสหยิบมีดขึ้นมาตอนที่เข้าไปแย่งตัวเสี่ยวเมาไม่ทัน!สำหรับเรื่องเจ้าปากเบี้ยวนั่นถือว่าบทเรียนที่แสนเข็ดหลาบ!ต่อไปต้องพกของสิ่งนี้ติดตัวไว้ตลอด!เพิ่งตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าของพวกนางรับใช้และแม่นมสายตาสั้นพวกนั้นไป"ในห้องถูกพวกนางทำสกปรกไปหมด พวกเราออกไปสูดอากาศข้างนอกกันเถอะ..."กลิ่นเลือดและปัสสาวะคละคลุ้งไปทั่วห้อง ซึ่งทำให้หลิงอวี๋อึดอัดมากนางเดินออกไปพร้อมกับอุ้มเสี่ยวเมาไว้ในอ้อมแขนดวงอาทิตย์ที่สาดแสงเจิดจ้าในลานบ้าน หลิงอวี๋หรี่ตา แสงแดดช่างอบอุ่นมาก!นางรู้ว่าการทำร้ายหลินผิงและพวกแม่นม จะดึงดูดให้เซียวหลินเทียน หรือพี่น้องตระกูลชิวมาที่นี่ในไม่ช้าแต่หลิงอวี๋ไม่เสียใจเลยสักนิด!ในยุคที่แปลกประหลาดนี้ นางอยากมีชีวิตรอด มีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป!นางไม่อยากถูกลากไปอีกรอบ!หากนางต้องการปกป้องเสี่ยวเมาและคนรอบข้าง นางต้องยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง...“หลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนที่องครักษ์พาเข้ามา เขาเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ใต้ชายคาและอุ้มเสี่ยวเมาเอาไว้เสี่ยวเมาที่อยู่ในอ้อมแข
ในขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดเช่นนี้ ในหัวก็ปรากฏวิธีการรักษาเกี่ยวกับโรคตาหลากหลายวิธีขึ้นมานางมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทันที จึงก้าวไปเรียกเขา “พี่ชาย ข้ามีทักษะการแพทย์อยู่บ้าง มิทราบว่าโรคตาของฮูหยินเว่ยที่เจ้าพูดถึงมีอาการอย่างไรหรือ บางทีข้าอาจจะช่วยรักษาโรคนี้ให้นางได้!”ลูกหาบผู้นั้นมองหลิงอวี๋ และเห็นว่านางสวมอาภรณ์ธรรมดา ๆ เขาจึงส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “หากเจ้ามีทักษะการแพทย์เพียงเล็กน้อยก็ช่างเถิด โรคตาของฮูหยินเว่ยนั้นมิได้รักษาง่ายถึงเพียงนั้น นางหาหมอมาหลายคนแต่ก็ล้วนจนปัญญาที่จะรักษาทั้งสิ้น เจ้าอย่าไปให้เสียเวลาเลย!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างดื้อรั้น “หากมิลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าทำมิได้! พี่ชาย เจ้าพาข้าไปเถิด หากข้ารักษาฮูหยินเว่ยได้ เจ้าเองก็จะได้รางวัลเช่นกัน!”ลูกหาบนึกถึงเงินสิบตำลึงที่ฮูหยินเว่ยมอบให้ตน แล้วก็คิดว่าคนจิตใจดีถึงเพียงนั้นมิควรตาบอดไปเช่นนี้เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วเอ่ยออกไป “ได้ ข้าจะพาเจ้าไป!”ผู้รอบรู้รีบตามไปอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของพวกลูกหาบเช่นกันหากน้องชายที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ผู้นี้สามารถรักษาโรคตาของฮูหยินเว่ยได้จริง ๆ เช
หลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นขึ้นมา ผู้รอบรู้ผู้นี้เป็นคนมีความสามารถในการสืบข่าว บางทีตลอดการเดินทางร่วมกันนี้อาจจะช่วยดูแลกันและกันได้“พี่ชาย ท่านก็จะไปเมืองหลวงแดนเทพเช่นกันหรือ!”หลิงอวี๋เป็นฝ่ายก้าวเข้าไปทักทายเขาก่อน “เมื่อคืนข้าได้ยินท่านเล่าเรื่องที่โรงเตี๊ยม ข้าชื่นชมในการเรียนรู้ของพี่ชายยิ่งนัก!”หลิงอวี๋มิกล้าใช้ชื่อเจียงอวี๋อีกต่อไปแล้ว เฉียวไป๋รู้จักชื่อนี้ และนางต้องป้องกันเบาะแสต่าง ๆ ที่จะเปิดเผยตัวตนเอาไว้ก่อนเมื่อคืนผู้รอบรู้ดื่มหนักมาก จนมิรู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ในโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นว่าคุณชายผู้นี้รู้จักตน ก็คิดว่าเขารู้จักตนที่โรงเตี๊ยมจริง ๆ จึงยิ้มและพยักหน้าให้ผู้รอบรู้อายุราว ๆ ยี่สิบปี หน้าตาหล่อเหลา แต่สวมอาภรณ์ค่อนข้างเรียบง่าย เห็นได้ว่าเขาขัดสนเงิน“เรือใหญ่ที่จะไปเมืองหลวงแดนเทพเหล่านั้น โดยปกติแล้วล้วนเป็นเรือที่ตระกูลร่ำรวยเช่าเอาไว้ มิอนุญาตให้พวกเราโดยสารไปด้วย!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างท้อแท้ “เรือขนส่งสินค้าก็มีการป้องกันเข้มงวดมาก หากไม่มีคนคุ้นเคยที่แนะนำให้ก็มิอนุญาตให้พวกเราโดยสารเช่นกัน!”หลิงอวี๋หามานานแล้วก็เป็นอย่างที่ผู้รอบรู้พูดจริ
หลิงอวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิดหากตนสังหารเฉียวเค่อไปจริง ๆ เช่นนั้นตนก็คือศัตรูของตระกูลเฉียวส่วนเฉียวไป๋นั้น ตนจับพลัดจับผลูช่วยเหลือเอาไว้ และตอนนั้นตนก็แปลงโฉมไปแล้ว ดังนั้นเฉียวไป๋จึงมิรู้ว่าตนก็คือหลิงอวี๋!หากเขารู้ เฉียวไป๋จะปล่อยตนไปหรือ?ตนไปสร้างเรื่องกับตระกูลที่มีอำนาจเช่นนี้ จนทำให้เกิดเงินรางวัลจำนวนมหาศาล และคนจากทุกเส้นทางต่างก็กำลังตามหาตนเพื่อเงินรางวัลเช่นนั้นการไปเมืองหลวงแดนเทพครั้งนี้จะต้องระวังให้มากขึ้นแล้ว!หลิงอวี๋คิดฟุ้งซ่านอยู่นานเท่าใดก็มิรู้ กระทั่งนางเรียกสติกลับคืนมา นางก็พบว่าคนในโถงรับแขกออกไปกันจำนวนมากแล้วส่วนผู้รอบรู้ผู้นั้นยังคงดื่มสุราอยู่ผู้เดียว ดูท่าทางเศร้าหมองยิ่งนักหลิงอวี๋ครุ่นคิด แล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเขา“พี่ชาย ข้ากำลังวางแผนไปตามหาญาติที่เมืองหลวงแดนเทพ เห็นว่าท่านรู้เรื่องเมืองหลวงแดนเทพอยู่มาก ข้าขอถามอะไรท่านสักหน่อยได้หรือไม่?”หลิงอวี๋ให้เสี่ยวเอ้อร์นำสุราดีและอาหารเนื้อ ๆ มาให้อีกสองสามอย่าง ผู้รอบรู้ดื่มจนมึนเล็กน้อยแล้ว เมื่อเขาได้ยินว่ามีสุราและอาหารดี ๆ มาอีก เขาก็เหลือบมองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยถามออกไป “เจ้าอยากรู้เร
หลิงอวี๋กลับมาถึงที่โรงเตี๊ยมก็เห็นว่าวันนี้โรงเตี๊ยมคลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนทุกประเภทล้วนอยู่ที่นี่หลิงอวี๋สั่งอาหารสองสามอย่างกับเสี่ยวเอ้อร์ และให้เขานำอาหารไปส่งที่ห้องของตน และขณะที่นางกำลังจะกลับห้อง ในตอนที่เดินผ่านโถงรับแขกนั้น นางก็ได้ยินชื่อที่คุ้นเคย… หลิงอวี๋!หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่มิได้รีบหันกลับไป คราวที่แล้วเป็นเพราะนางได้ยินชื่อนี้แล้วหันกลับไป นางจึงถูกแม่ทัพผู้นั้นเผยเพ่งเล็ง ทั้งยังทำให้ป้าวเฉิงเกิดความสงสัยอีกด้วยหลิงอวี๋ หรือว่านี่คือชื่อจริงของตน?ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ก็สงสัยอยู่ และในใจของนางก็คิดว่าตนคือหลิงอวี๋ไปแล้วเช่นกันดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อนี้ นางจึงเดินไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดจากนั้นก็ได้ยินว่ามีคนเอ่ยขึ้นมา “ตอนนี้ตระกูลเฉียวเสนอรางวัลก้อนโตเป็นการนำจับสตรีชื่อหลิงอวี๋ รางวัลนั้นเป็นเงินจำนวนห้าล้าน! หากสามารถจับหลิงอวี๋ได้ พวกเราก็จะมีเงินกันเป็นกอบเป็นกำแล้ว!”ที่แท้ก็มิได้เรียกตน แค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาในการสนทนาก็เท่านั้นหลิงอวี๋ใจเต้นรัว แล้วหันกลับไปเอ่ยกับเสี่ยวเอ้อร์ “หากอาหารของข้าเสร็จแล้วก็ยกมาที่นี่แล้วกัน ข้าจะกินที่โถงรับแขก!”“ขอ
หลิงอวี๋ยังคงซ่อนตัวอยู่ในน้ำลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงคงถูกพิษของหลิงอวี๋จนตาบอดไปแล้ว ดังนั้นเก๋อฮุ่ยหนิงจะยิ่งไม่มีทางปล่อยตนไปแต่เก๋อฮุ่ยหนิงมิสามารถอยู่ที่ท่าเรือได้นานนัก ข้าหลวงเก๋อต้องรีบกลับไปรับตำแหน่งที่เมืองหลวงแดนเทพ จะเดินทางล่าช้าไปเพราะมาตามหาตนมิได้ขอเพียงตนซ่อนตัวอยู่จนถึงตอนค่ำ ก็จะขึ้นฝั่งโดยที่รอดพ้นจากสายตาของทุกคนได้ แล้ววันพรุ่งค่อยไปตามหาป้าวซวนเก๋อฮุ่ยหนิงมิสามารถอยู่ที่ท่าเรือได้นานดังเช่นที่หลิงอวี๋บอกไว้จริง ๆ นางพาลุงของนางไปหาหมอ แต่หมอทั่วไปที่ท่าเรือเหล่านี้ก็ไม่มีใครสามารถรักษาดวงตาของท่านลุงให้หายดีได้ลูกพี่ลูกน้องคนโตได้ยินข่าวก็รีบมาทันที เขาทั้งโกรธทั้งเคืองเก๋อฮุ่ยหนิง แต่ติดที่อำนาจของตระกูลเก๋อ ทำให้เขามิกล้าบ่นมากเกินไป“พี่ใหญ่ เป็นข้าเองที่ทำให้ท่านลุงลำบาก แต่ผู้ร้ายคือหมอเจียง ข้าจะให้ภาพเหมือนของนางกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องสังหารนางล้างแค้นให้ท่านลุงให้จงได้นะ!”เก๋อฮุ่ยหนิงรีบวาดรูปหลิงอวี๋มอบให้ลูกพี่ลูกน้องคนโตของนาง และสุดท้ายนางก็มอบเงินส่วนตัวทั้งหมดให้กับลูกพี่ลูกน้องคนโตไป เพื่อให้เขาไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาดวงตาของท่านลุงหล
“ตา… ตาของข้า!”ผู้ดูแลหลัวลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงยกมือทั้งสองขึ้นปิดตาไว้อย่างเจ็บปวดเก๋อฮุ่ยหนิงทั้งโกรธทั้งกังวล นางจึงตะโกนบอกลูกหาบที่ตามมา “รีบไปจับตัวสตรีผู้นั้นไว้ อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้!”เมื่อคนพวกนั้นเห็นว่าผู้ดูแลถูกหลิงอวี๋ทำให้บาดเจ็บ พวกเขาจึงพากันกระโดดลงน้ำไปจับตัวหลิงอวี๋ ตามคำสั่งของเก๋อฮุ่ยหนิงส่วนเก๋อฮุ่ยหนิงก็ประคองผู้ดูแลหลัว “ท่านลุง ข้าจะพาท่านไปหาหมอ!”หลิงอวี๋กระโดดลงไปในน้ำ แล้วนางก็ว่ายน้ำไปที่เรือเหล่านั้นเรือบรรทุกสินค้าจอดเทียบกันอยู่สะเปะสะปะ และกระจายกันอยู่เต็มบริเวณโดยรอบหลิงอวี๋ว่ายน้ำออกไปไกลภายในลมหายใจเดียว แล้วจึงกล้าโผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำอย่างเงียบ ๆ โดยอาศัยเรือบังเอาไว้ จากนั้นก็ว่ายน้ำต่อไปเนื่องด้วยการอาศัยเรือเหล่านั้นบดบังไว้ ทำให้หลิงอวี๋สามารถหลบเลี่ยงพวกลูกหาบที่ลงน้ำมาได้ชั่วคราวแต่นางมิสามารถขึ้นฝั่งได้ ตอนนี้เป็นตอนกลางวัน หากนางขึ้นฝั่งไป ด้วยเนื้อตัวเปียกโชกเช่นนี้ จะต้องดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างแน่นอน แล้วลุงของเก๋อฮุ่ยหนิงก็จะจับตัวนางได้หลิงอวี๋เกาะเชือกของเรือลำหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำไว้ชั่วคราว ใจของนางเป็นห่ว
“น้องหญิง!”ในเวลาเพียงชั่วพริบตานั้น หลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ นางจึงดึงป้าวซวนเอาไว้ “เราไปดูที่ริมแม่น้ำกันเถิด เรือพวกนั้นกำลังบรรทุกสินค้ากันอยู่ ดูน่าสนใจยิ่งนัก!”เมื่อป้าวซวนถูกหลิงอวี๋ดึงตัวไปเช่นนั้น นางก็ตามไปอย่างมิอาจยื้อตนเองไว้ได้“น้องหญิง เก๋อฮุ่ยหนิงจะทำร้ายพวกเรา!”หลิงอวี๋เดินไปพลางกระซิบไปด้วย “เจ้าอย่าได้หันไปดู ทำเป็นว่ามิรู้เรื่องอะไรทั้งนั้น และเมื่อไปถึงเรือเหล่านั้น ข้าจะวิ่งไปด้านหนึ่ง ส่วนเจ้าก็วิ่งไปอีกด้านหนึ่ง พยายามวิ่งไปในที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากเข้าไว้!”“พี่หญิง เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”ป้าวซวนตกใจกลัวจนสีหน้าเปลี่ยน “เก๋อฮุ่ยหนิงจะทำร้ายพวกเราด้วยเหตุใด? ท่านพ่อของนางยังต้องการเจ้าอยู่มิใช่หรือ?”“ข้าเล่าให้ฟังมิทันแล้ว หลังจากที่เจ้าหนีออกไปให้พยายามหลีกเลี่ยงพวกนาง แล้วซ่อนตัวจนถึงวันพรุ่ง จากนั้นค่อยมาหาข้าที่ใต้หอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุดของท่าเรือ!”“หากว่าข้ามิมา เจ้าก็มิต้องรอ หาทางกลับไปหาครอบครัวด้วยตนเองเสีย!”หลิงอวี๋หันไปมอง แล้วก็เห็นว่าลูกหาบเหล่านั้นมิเดินอย่างเชื่องช้าแล้ว แต่กลับวิ่งมาทางพวกนางอย่างรวดเร็ว ดั
สองวันต่อมา เรือก็มาถึงท่าเรือฟู่จี๋ตามกำหนดการเดินทาง แล้วก็เป็นไปตามที่จื่ออวิ๋นบอก เมื่อเรือจอดเทียบท่า ผู้คุมเรือก็ให้ทุกคนลงจากเรือไปพักผ่อนครึ่งวันเหล่าสตรีของตระกูลเก๋ออยู่บนเรือกันมาหลายวันแล้ว เมื่อสามารถขึ้นไปเดินบนบกกันได้ทุกคนก็ต่างลงจากเรือกันอย่างกระตือรือร้น แม้แต่ฮูหยินเก๋อเองก็รอมิไหวที่จะลงจากเรือไปสูดอากาศบริสุทธิ์เช่นกันข้าหลวงเก๋อก็เชิญเฉียวไป๋ไปดื่มสุราและกินอาหารที่ภัตตาคาร เฉียวไป๋ก็พร่ำบ่นกับตระกูลเก๋อมาหลายวันแล้ว จึงยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญแล้วตามเขาไปเก๋อฮุ่ยหนิงเห็นว่าเฉียวไป๋ไปแล้ว นางก็แอบยิ้ม นางให้จื่ออวิ๋นไปแจ้งท่านลุงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่เหลือก็คือนางต้องหลอกล่อหลิงอวี๋ไปยังถิ่นของท่านลุง“หมอเจียง พวกเราก็ลงไปเดินเล่นกันเถิด ข้าได้ยินมาว่าท่าเรือฟู่จี๋แห่งนี้คึกคักมาก และสามารถเลือกหาของดี ๆ ได้มากมายทีเดียว!”แม้ว่าป้าวซวนจะมิได้เมาเรือแล้ว แต่นางก็ยังคงมิชอบความรู้สึกที่ต้องอยู่บนเรืออยู่ดี เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงดึงหลิงอวี๋แล้วออดอ้อน “พี่หญิง เราก็ลงไปเดินเล่นกันเถิด!”หลิงอวี๋เห็นว่าทุกคนไปกันหมดแล้ว นางก็มิอยากอยู่บนเรือเช่นกัน ดั
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง