เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าหลิงเสียงเซิงผกผันสิ้นทว่ากำลังมองดาบแวววับของลู่หนานยังคงกวัดแกว่งตรงหน้า แม้ยืมความกล้าหาญของหลิงเสียงเซิง เขาก็ไม่กล้าซักถามหลิงอวี๋อีกท่านอดีตเสนาบดีหัวเราะเยาะหยัน เอ่ยขุ่นเคืองว่า “หมอหลวงจาง เจ้าหลอกเอาเงินเพราะข้าพูดไม่ได้หรือ?”“ถึงแม้สติข้าเลอะเลือน แต่ยังรู้สึกตัวอยู่! เดิมทีเจ้าเข้ามาไม่ได้ป้อนยาลับอะไรข้าเลย!”“หลังเจ้าทายาสมุนไพรให้ข้า ขาข้าก็เจ็บรุนแรงเริ่มหายใจลำบาก”“ข้าฟื้นได้ ทั้งหมดคือหลานสาวข้าช่วยรักษาข้า! หากปล่อยหมอกำมะลออย่างเจ้ามารักษา ข้าคงตายไปแล้วกระมัง!”หมอหลวงจางตกใจสั่นเทิ้มทั้งร่าง คาดไม่ถึงว่าท่านอดีตเสนาบดีจะเข้าใจกระจ่าง?เช่นนั้นเขารู้เรื่องที่ตนวางยาพิษเขาหรือไม่?สมองหมอหลวงจางปั่นป่วนเร็วรี่ เรื่องวางยาพิษตีให้ตายก็ยอมรับไม่ได้!หมอหลวงจางคุกเข่าลงดังตุ้บ พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ“ได้โปรดท่านอดีตเสนาบดีให้อภัยความผิด… ทั้งมวลคือความสับสนชั่วขณะของข้า! ถึงคิดแอบอ้างผลงานขอรับ!”“ข้าขอแสดงการขออภัยพระชายาอ๋องอี้… พระชายาอ๋องอี้ ข้าผิดแล้ว...”“ช้าก่อน!”เซียวหลินเทียนยิ้มเยาะ “หมอหลวงจางว่าโขกหัวคำนับแสดงการขออภัยแก่
หลิงเสียงเซิงเอื่อยเฉื่อยคิดไม่ถึงปัญหานี้หวางซือถลึงมองหลิงเสียงเซิงโหดเหี้ยม เหลียวมองหลิงอวี๋เอ่ยยิ้ม ๆ“อาอวี๋ เจ้าอธิบายให้หลิงหว่านกับน้องเจ้าก่อนว่าต้องดูแลท่านอดีตเสนาบดีอย่างไรเถอะ!”“ข้ากับท่านพ่อเจ้าจักไปให้คนเตรียมกับข้าวให้พวกเจ้าที่ครัว! พวกเจ้าอยู่ทานข้าวก่อนเถิดหนา!”ไม่รอหลิงอวี๋ปฏิเสธ หวางซือก็ดึงหลิงเสียงเซิงไปแล้วความโกรธหลิงเสียงเซิงเต็มท้อง เห็นโดยรอบไม่มีคนก็ด่าเสียงต่ำว่า“เมื่อกี้มิใช่พูดกับเจ้าแล้วรึ? ปล่อยหลิงอวี๋ตรวจโรคท่านพ่อมิได้ ไยเจ้ามิไล่นางไป?”“ท่านอ๋องอี้จับจ้องข้าอยู่ ข้าลงมือมิสะดวก!”“แต่เจ้าเป็นแค่สตรี อีกทั้งไม่มีตำแหน่งขุนนาง ยังกลัวท่านอ๋องอี้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าอีกรึ?”หวางซือโน้มไปข้างหูหลิงเสียงเซิงพลางกระซิบ“ท่านสามี ท่านเลอะเลือนแล้ว!”“ท่านจักรู้แต่ฟังคำพูดขององค์ชายเว่ย มิใช้สมองลองคิดถึงหลักลึกลับซับซ้อนภายในหน่อย! ”“ภายในมีหลักลึกลับซับซ้อนอันใดเล่า?” หลิงเสียงเซิงสับสนหวางซือหัวเราะหยัน “ท่านสามี ฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเว่ยพอพระทัยเยี่ยนเอ๋อร์ของเรามิใช่เพราะงดงามมีคุณธรรม แต่เป็นท่านอดีตเสนาบดี!”“ตระกูลเราล้วนอาศัย
หลิงเสียงเซิงรีบกลับมาในห้อง หลิงอวี๋อธิบายการดูแลท่านอดีตเสนาบดีเช่นไรให้หลิงหว่านเสร็จแล้วแม้หลิงเยี่ยนอยู่ในห้อง แต่เดิมทีกลับไม่ได้ตั้งใจฟังที่หลิงอวี๋พูด หากมิใช่เพราะอยู่ต่อหน้าท่านปู่นางคงไปตั้งนานแล้ว“อาอวี๋ เจ้าเป็นหมอชั้นเซียนมิใช่รึ? เจ้าทำให้ท่านปู่เจ้าหายเร็วขึ้นหน่อยได้หรือไม่? ยี่สิบกว่าวันนานเกินไปแล้ว!”เมื่อหลิงเสียงเซิงเข้าประตูก็กล่าวรีบร้อนเขาคิดเหมือนกับหวางซือ หากท่านอดีตเสนาบดีพักฟื้นนานตำแหน่งแม่ทัพใหญ่นี้ก็จะรักษาไว้มิได้!หลิงอวี๋พูดไม่ออก ท่านอดีตเสนาบดีล้มขาบาดเจ็บมิใช่มีดบาดเป็นแผลนิดหน่อยนางช่วยรักษาสุดกำลังแล้ว มิเช่นนั้นตามวิชาแพทย์โบราณ ท่านอดีตเสนาบดีคงเป็นได้แค่คนพิการติดเตียงตลอดชีวิตเท่านั้น!“พอแล้ว อย่าพูดเลย ข้าเหนื่อยแล้วพวกเจ้าออกไปเถอะ!”ท่านอดีตเสนาบดีรู้อยู่แก่ใจถึงสภาพตัวเอง แม้เขาไม่รู้ว่าหลิงอวี๋กลายเป็นหมอชั้นเซียนตั้งแต่เมื่อใด แต่ก็ไม่อยากให้หลิงเสียงเซิงทำหลิงอวี๋ยุ่งยากหลิงอวี๋เห็นกำลังวังชาท่านอดีตเสนาบดีไม่ดีพูดเยอะมิได้นางปลอบท่านอดีตเสนาบดีหลายประโยคให้เขาพักผ่อนสบายใจ กล่าวว่าจะมาตรวจดูเขาอีกวันหลังพลันเข็นเซียว
“หลิงอวี๋ หลิงเสียงเซิงขัดขวางเจ้าทุกทางที่จะช่วยท่านอดีตเสนาบดี เจ้าเคยคิดไหมว่าข้างในมีบางอย่างลึกลับซับซ้อน?”จู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็เอ่ยถามหลิงอวี๋ได้ยินคำถามของเซียวหลินเทียนก็ผงะไปครู่หนึ่งในสมองนางยังจมอยู่กับความสงสัยเกี่ยวกับหวางซือพลันโพล่งถามว่า “เพราะเหตุใด?”เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ใจลอยยังนึกว่าเพราะนางเหนื่อยจะแย่แล้ว เลยพูดอย่างอดทน“ก่อนหน้านี้หลิงเสียงเซิงมิยอมให้เจ้ารักษาท่านปู่!”“ก่อนหน้าข้าได้ยินมาว่า หลิงเสียงเซิงหมายจะให้หลิงเยี่ยนเป็นพระชายารองขององค์ชายเว่ย!”“เจ้าโดนไล่ฆ่าครานี้ผู้บงการคือหานหลินที่ปรึกษาขององค์ชายเว่ย!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้วเลิกคิดฟุ้งซ่านตั้งใจตริตรองคำพูดของเซียวหลินเทียน“ความหมายของท่านคือองค์ชายเว่ยมิอยากให้หม่อมฉันรักษาท่านปู่หายถึงขัดขวางทุกทาง ทีแรกก็ส่งมือสังหารหมายปลิดชีพหม่อมฉัน!”“พบว่าฆ่าหม่อมฉันมิได้จึงส่งสัญญาณให้หลิงเสียงเซิงขัดขวางหม่อมฉันเช่นนั้นหรือ?”“อืม ไม่งั้นเป็นลูกชายคนเดียวจะขวางคนที่ช่วยบิดาได้อย่างไร!”เซียวหลินเทียนกำลังคิดว่า ช่วงนี้หลิงอวี๋ยังต้องมารักษาท่านอดีตเสนาบดีที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอยู่ หวั่น
หลิงอวี๋ส่ายศีรษะ “หม่อมฉันยังไม่คิดแน่ชัด! แล้วก็ไม่แน่ใจว่าใช่นางแน่หรือไม่!”“เป็นนางก็ไม่แปลกใจ เดาว่ามิชอบที่ท่านอดีตเสนาบดีเอ็นดูหม่อมฉัน ไม่อยากเตรียมสินเดิมให้หม่อมฉันมาก หรือหวั่นหม่อมฉันแย่งหน้าหลิงเยี่ยน…”หลิงอวี๋กำลังคิดก็นึกถึงเรื่องสินเดิมจริง ๆนางจำที่แม่นมลี่เคยพูดถึงได้คลุมเครือ ท่านตาอดีตอัครเสนาบดีหลานมีบุตรีแค่คนเดียวคือมารดาในปีนั้นตอนที่หลานฮุ่ยจวนออกเรือน สินสมรสที่ท่านอดีตอัครเสนาบดีหลานยกให้มากมายนัก!แต่ครั้นหลิงอวี๋ออกเรือน นอกจากสินสมรสที่ท่านอดีตเสนาบดีให้แล้วหลิงเสียงเซิงกับหวางซือแค่ให้สินสมรสของหลานฮุ่ยจวนเล็กน้อยพอเป็นสัญลักษณ์เท่านั้นเพียงแต่ตอนนั้นหลิงอวี๋ไร้กังวล ทั้งรีบออกเรือนกับเซียวหลินเทียนจึงมิได้สนใจว่าหลานฮุ่ยจวนมีสินเดิมมากน้อยเท่าใดกันแน่“รอข้ากลับไปตรวจสอบก็รู้แล้ว!”หลิงอวี๋นึกถึงหลิงผิงพลันถามว่า “ท่านช่วยตรวจสอบได้หรือไม่ว่าหลังหลิงผิงถูกขับออกตำหนักแล้วไปที่ใด?”“นางคือนางรับใช้ที่หวางซือส่งให้หม่อมฉัน บางทีนางอาจรู้เบื้องหลังอยู่บ้าง!”หลิงผิงกับหลิงหลานอยู่ด้วยกันมาหลายปีรู้จักกันดีอย่างไม่ต้องสงสัยขอแต่หาหลิงผิงพบก็
แม่นมลี่กล่าวขุ่นเคือง “เรื่องหลิงเยี่ยนทำผิดหวางซือสั่งสอนเคร่งครัด!”“แต่ท่านเล่า นางมิใช่แค่ไม่สั่งสอน ยังปลุกปั่นท่านโวว่าท่านทำดีด้วย!”“คุณหนู ท่านลองดูเถิด ชื่อเสียงมิร่ำเรียนไร้วิชาโอหังกำเริบเสิบสานพวกนั้นแพร่ออกไปได้อย่างไร? นี่มิใช่เป็นฝีมือของหวางซือหรือเจ้าคะ?”“หากหวางซือหวังดีท่านจริง ท่านที่เสมือนลูกสาวโดยกำเนิด นางจักปล่อยให้ท่านย่ำยีชื่อเสียงตัวเองหรือ?”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว นี่คือหวังดีประสงค์ร้าย!หวางซืออ้างว่ารักใคร่ตน ชื่อเสียงอื้อฉาว ใจกล้ามิยั้งคิดที่บ่มเพาะหลิงอวี๋แต่แรกคือการทำลายนางกลาย ๆ!หวางซือให้หลิงผิงวางพิษเรื้อรังตน เพราะมิอยากให้ตนตายอยู่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน ยุคนสงสัยหลิงอวี๋ออกเรือนไปตายในเรือนคนอื่น เช่นนั้นผู้ใดจะสงสัยหวางซือเล่า?ชื่อเสียงละม่อมใฝ่คุณธรรมของหวางซือก็จะไม่รับผลกระทบสักกระผีก“คุณหนู มิใช่แค่ท่าน แม้แต่คุณชายใหญ่ก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ!”“คุณชายใหญ่โดนหวางซือยุยง มิชอบร่ำเรียนหนังสือ โดดเรียนเที่ยวเล่นไปทั่วเกือบทุกวันเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ถอนหายใจยาวเหยียด “คุณชายใหญ่ก็ถูกหวางซือเลี้ยงให้โอหังกำเริบเสิบสาน ครั้งหนึ่งโต้เถียงกับ
“สินเดิมแม่ท่านบ่าวก็ลืมแล้วว่าเท่าใด ตอนแม่ท่านจากไปบ่าวยุ่งเก็บศพนางอยู่ รอจนเสร็จก็หาใบรายการสินเดิมมิเจอแล้วเจ้าค่ะ!”แม่นมลี่ยิ้มขมขื่น “หลังจากนั้นท่านอดีตเสนาบดีให้พ่อบ้านทำบัญชี กล่าวว่าสินเดิมแม่ท่านจะเก็บไว้ให้พี่น้องพวกท่านในอนาคต!”“ต่อมาพ่อท่านตั้งหวางซือเป็นภรรยาเอก สินเดิมแม่ท่านก็ส่งให้หวางซือจัดการเจ้าค่ะ!”“ครั้นท่านออกเรือน ท่านอดีตเสนาบดีให้หวางซือนำสินเดิมแม่ท่านแบ่งครึ่งแก่ท่าน นางก็แบ่งแล้วเช่นกัน!”“แต่ใครจะรู้ว่าสินเดิมแม่ท่านมีเท่าใดกันแน่? มิใช่หวางซือพูดว่าเท่าใดก็เป็นเท่านั้นเสียหน่อย!”“ท่านอดีตเสนาบดีคือคนสะเพร่า ปกติหวางซือเป็นแม่บ้านในจวนมีความยุติธรรมเป็นประจักษ์ ผู้ใดจะสงสัยว่านางวางกลเล่าเจ้าคะ!”หลิงอวี๋พูดไม่ออก ก่อนหน้าหลิงอวี๋ไม่พะว้าพะวังถึงเสียเปรียบก็ไม่สงสัยหวางซือฉะนั้นหวางซือถึงกล้าหน้าไหว้หลังหลอกมากขนาดนี้!หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่หลิงผิงยุยงหลอกนางไปซื้อกระบี่เลื่องชื่อพวกนั้นหัวใจก็สั่นไหว หรือว่าหวางซือก็มีส่วนร่วมอยู่ภายในนี้?ไม่เช่นนั้นหวางซือจะใจดีแบบนี้ได้อย่างไร แล้วสินเดิมแบ่งครึ่งหนึ่งให้ตนจริงหรือ?หากอุบายเหล่านี้ล้
คำพูดของเกิ่งเสี่ยวหาวทำหลิงอวี๋หัวเราะ นางรู้สึกอบอุ่นมากน้องต่างสายเลือดผู้นี้คิดว่าตนเป็นพี่แท้ ๆ ซะแล้ว!ถึงปกป้องตนเยี่ยงนี้!“มิใช่ท่านอ๋องอี้หวด… ข้าเกิดเรื่องนิดหน่อย เข้าห้องไปคุยเถอะ!”ภายนอกมีคนมากมายหลายความคิด หลิงอวี๋จึงดุนเกิ่งเสี่ยวหาวเข้าห้องนางเล่าเรื่องที่ตนประสบรวบรัดสั้น ๆ ซึ่งเตือนสติเกิ่งเสี่ยวหาวเช่นนี้หลิงอวี๋กลัวว่าเกิ่งเสี่ยวหาวใกล้ชิดกับตนจะไม่ทันเตรียมป้องกันแล้วถูกตนพัวพันไปด้วย“คนใจกล้าพวกนี้! ไม่คาดว่าจะกล้าสร้างอาวุธเถื่อน!”เกิ่งเสี่ยวหางฟังจนอ้าปากตาค้างพร้อมเข้าใจความกังวลของหลิงอวี๋แล้วเช่นกัน“วางใจ ข้าจะดูแลตัวเองอย่างดี!”“ท่านพี่ ไม่งั้นจะหานางรับใช้ได้วรยุทธสองคนให้ท่านเถิด เพื่อเลี่ยงไม่เกิดเรื่องคล้ายประเภทนี้เกิดขึ้นอีกครั้งหน้า!”หลิงอวี๋คิดแล้วผงกศีรษะ “ได้ หาคนที่หลักแหลมหน่อยสักสองคน!”นางอยู่ในแวดวงนี้ทั้งยังเป็นพระชายาอ๋องอี้!ผู้ใดจะรู้ว่าจะล่วงเกินใครในภายหลัง?หานางรับใช้ฝีมือวรยุทธดีสองคนเวลาประสบภยันตรายก็อาจช่วยรองรับได้หน่อย“วันนี้ข้ามาหาเจ้ายังมีอีกเรื่อง! คราก่อนข้าให้เจ้าสืบเรื่องที่ทุบตีเฮยจื่อบาดเจ็บ เจ้
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหนี้บุญคุณหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้บุญคุณสองครั้งก็นับว่าเป็นหนี้เช่นกัน!หลิงอวี๋รับความกรุณาของหลงเพ่ยเพ่ยมาแล้ว เอาไว้ค่อยตอบแทนนางภายหน้าก็แล้วกัน!“ข้าจะไปเตรียมยา พี่ใหญ่มู่ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยทายาให้พี่ชายข้าที!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้รอบรู้นั้นแทบจะไม่มีผิวหนังตรงไหนปกติดีเลย นางจึงจดจำความโหดร้ายของครอบครัวเหมียวหยางไว้ แล้วรีบออกไปเตรียมยานางรีบนำยาทากระปุกใหญ่ที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่ห้องของผู้รอบรู้มู่ตงก็มิได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วเอ่ยออกไป “แม่นางสิง เมื่อครู่ข้าตรวจดูพี่ชายของเจ้า นอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกเหล่านี้แล้ว แขนซ้ายของเขาก็ถูกตีจนหัก และซี่โครงก็หักไปสองซี่!”“แล้วก็…”ดูเหมือนว่ามู่ตงจะยากที่จะพูดออกมาหลงเพ่ยเพ่ยก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างเห็นใจเช่นกัน“แล้วก็อะไร? พี่ใหญ่มู่พูดออกมาตามตรงเถิด ข้ารับได้ทุกอย่าง!”หลิงอวี๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ใบหน้าก็ยังดูสงบอยู่“เชื้อ… เชื้อสายลูกหลานของพี่ใหญ่เจ้าถูกทำลายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมิสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเจ้าได้แล้ว!”มู่ตงกัดฟันพูดออกมาหลิงอวี๋ราวกั
หลิงอวี๋นั่งอยู่เช่นนั้น มิรู้ว่านั่งอยู่นานเท่าใด เมื่อน้ำมันในตะเกียงหมดลงภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด และนางก็มิได้จุดตะเกียงอีกนางนั่งอยู่เงียบ ๆ มิได้หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อยในสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่กำลังคิดจนเข้าสู่ภวังค์ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก“แม่นางสิง ข้าชื่อไป๋อวี้ เป็นนางรับใช้ของท่านหญิง นางให้ข้านำข้อความมาบอกเจ้า!”หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันที จึงวิ่งออกไปเปิดประตูไป๋อวี้คือนางรับใช้ที่หลิงอวี๋พบที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก่อนหน้านี้ นางรับใช้ผู้นั้นที่ติดตามหลงเพ่ยเพ่ย นางสูงมาก หลิงอวี๋จึงจำนางได้“ไป๋อวี้ มีข่าวคราวพี่ชายข้าแล้วหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจไป๋อวี้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงของข้าลงมือเอง หากไม่มีข่าวอะไร จะมิเป็นการรู้สึกผิดต่อเจ้าหรือ!”“วางใจเถิด เราเจอพี่ชายของเจ้าแล้ว และท่านหญิงก็กำลังพาเขากลับมา นางเกรงว่าเจ้าจะกังวล จึงให้ข้าล่วงหน้ามาบอกเจ้าก่อน!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จ้องแล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดจับตัวเขาไป?”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวี้จางหายไป แล้วมองหลิงอวี๋อย่างเห็นอกเห็นใจ “ก็เป็
หลิงอวี๋ออกจากบ้าน แล้วก็ตรงไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้นางให้คนเฝ้ายามไปรายงานหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อคนเฝ้ายามได้ยินว่านางมาหาหลงเพ่ยเพ่ย ก็รีบส่งคนเข้าไปรายงานในทันทีหลิงอวี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้นางเคยผ่านจวนเจ้าแห่งทิศใต้ และรู้สึกเพียงว่าจวนเจ้าแห่งทิศใต้นั้นหรูหรามาก นางมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องติดต่อกับจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลังจากรอไปสักพัก ก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยพานางรับใช้หนึ่งคนเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอันใดหรือ? มิเช่นนั้นมืดค่ำป่านนี้เจ้าก็คงมิมาหาข้ากระมัง!”ความเฉียบแหลมของหลงเพ่ยเพ่ยทำให้หลิงอวี๋รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางจึงดึงหลงเพ่ยเพ่ยไปยืนด้านข้าง แล้วเอ่ยเบา ๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วย เวลานี้ข้านึกมิออกว่านอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดช่วยข้าได้ ข้าจึงมาหาเจ้า!”“เจ้าอย่าได้กังวล บอกข้ามา หากข้าสามารถช่วยได้ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน!” หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยปลอบใจหลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างทางที่มานางได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว จึงเอ่ยออกไป “เจ้าก็รู้ว่าข้ามาหาโอกาสที่เมืองหลวงแดนเทพกับพี่ใหญ่ของข้า และพี่ใหญ่ก็เป็นญาติเพียงคนเดี
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ